โชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระเอกนิยายสุดปลายฟ้าโชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
เมื่อนิตยสารสารคดีที่ ปลายฟ้า เป็นนักเขียนประจำปิดตัว ทำให้ปลายผ้าต้องหันเหจากการเขียนแนววิชาการ ไปต้องเลี่ยนแนวไปเป็นนักเขียนนิยาย เพื่อหาเงินเลี้ยงดู แม่และน้องสาว โดยเฉพาะแม่ของเธอต้องรับการผ่าตัดตาในสิ้นปี ปลายฟ้าจึงเขียนนิยายรัก แล้วนำไปให้ กรินทร์ คนรักเก่าที่เป็นซีอีโอของสำหนักพิมพ์อักษรารัญจวนช่วยพิจารณา แต่กรินทร์ไม่ให้ผ่านเพราะแนวเรื่องไม่ตรงกันแนวของอักษรารัญจวนที่เน้นขายแนวนิยายอิโรติก
แต่เพราะกรินทร์ยังมีใจให้ปลายฟ้า ด้วยความรักที่หลงเหลือ จึงให้ปลายฟ้าเขียนนิยายอิโรติกโดยที่มีเขาเป็นพระเอก และเธอเป็นนางเอก แลกกับเงินค่าจ้างที่เขาจะจ่ายให้เธอเป็นรายเดือนแต่ปลายฟ้ามีปมกับเรื่องเซกส์เพราะเคยถูก เปลว พ่อเลี้ยงล่วงละเมิดในวัยเด็กและมักมีอาการทางประสาทกำเริบหากถูกกระตุ้น ทว่าด้วยเงินที่กรินทร์เสนอให้ จึงทำให้ปลายฟ้าตอบรับงาน แต่เพราะกลัวว่าจะเขียนให้ถึงตอนจบไม่ได้ ปลายฟ้าจึงตั้งใจหางานเสริม และเธอก็ได้งานแม่บ้านรีสอร์ตที่มีชื่อว่า Beyond The Horizon โดยบังเอิญจากแม่บ้านคนเก่าที่ลาออกกระทันหัน
ที่รีสอร์ตนี้ ปลายฟ้าต้องทำงานเป็นแม่บ้านประจำโซนวิลล่าการ์เด้น โดยมี แหวว หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนคุมงาน เธอมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกให้แขกประจำโซน ซึ่งหนึ่งในแขกที่เธอต้องดูและคือ เข้ เจ้าของห้องหมายเลข 222 ที่เขาแอบเลี้ยงแมวโดยมีแค่เธอและเขาเท่านั้นที่รู้ นอกจากแหววแล้ว ปลายฟ้าได้เจอ ชิด บาร์เทนเดอร์ที่คอยสอนงานในห้องอาหารให้เธอ
ด้วยงานแม่บ้านนี้เองที่ปลายฟ้าจะยึดไว้เป็นอาชีพเสริมจนกว่าเธอจะเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์จบ แต่มีเหตุเกิดขึ้นกับปลายฟ้าคือเธอเหยียบหางแมวที่คุณเข้เลี้ยงไว้ที่ริมสระน้ำ จนทำให้เธอตกสระ แต่เข้ก็ช่วยเธอไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เข้รู้ว่าเธอต้องรับงานเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์ แต่เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียง(แบบคู่รัก) เข้เลยเสนอว่าถ้าปลายฟ้ามาเป็นเพื่อนคุยให้เขา เขาจะเล่าประสบการณ์บนเตียงให้ฟัง ข้อตกลงแรกระหว่างปลายฟ้าและเข้จึงเริ่มขึ้น
แต่ปลายฟ้าไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะกลายเป็นผู้เล่นคนหนึ่งในเกมล่าหาคำตอบของปริศนาฆาตกรรมในรีสอร์ทแห่งนี้
ยามค่ำคืนของรีสอร์ตอากาศเย็นลงเล็กน้อย และเมื่อลมทะเลพัดเข้ามาทางระเบียงของห้องพักหมายเลข 221 ม่านโปร่งสีขาวก็พลิ้วไหวสะท้อนแสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามาเป็นเงาจางบนผนังห้องสีครีม ดูอบอุ่นนุ่มนวลตาแม้จะมีแสงไฟเหลืองนวลตกกระทบผิวโต๊ะกระจกกลางห้องอยู่แล้ว
และบนโต๊ะกระจกนั้น มีจานเซรามิกสีขาวใส่ขนมหวานหลากชนิดวางเรียงราย ข้างกันมีเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ใส่แก้วทรงสูงที่เริ่มหยดน้ำเกาะพราวราวกับหยดน้ำค้างยามเช้า ถัดไปนั้นคือแก้วของเหลวสีอำพันส่องประกายเมื่อแสงจากโคมไฟต้องกระทบ เกิดเป็นเงาสะท้อนรูปทรงหยักคล้ายคลื่นทะเลบนพื้นโต๊ะที่ห้องล้อมด้วยหญิงสาวสามคน
ปลายฟ้านั่งพิงโซฟานุ่ม มือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำผลไม้เฉียบ ส่วนวาดฟ้ากำลังรินน้ำแร่เติมใส่แก้วตัวเอง ขณะที่องุ่นยกแก้วเครื่องดื่มผสมสุราสีแดงสดขึ้นกระดกไปครู่หนึ่งแล้ววางลงบนโต๊ะด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ถ้านักเขียนทุกคนอัพตอนจบแล้ว เราก็จะประกาศสิ้นสุดกิจกรรมทายนามปากกา” องุ่นเอ่ยเสียงใส “แต่นักเขียนคนอื่นสรุปแบบของรางวัลพรีเมี่ยมกันหมดแล้ว พี่ปลายตัดสินใจได้หรือยังคะว่าจะเอาแบบไหน”
ปลายฟ้ารู้สึกร้อนแก้มเมื่อถูกถามถึงของรางวัลที่องุ่นส่งรูปถ่ายตัวอย่างมาให้ทางอีเมลหลายวันก่อน เธอคลี่ยิ้มเจื่อนก่อนตอบด้วยความรู้สึกผิด
“พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยน่ะ แล้วโน้ตบุ๊คก็ไม่ได้อยู่กับพี่ตอนนี้ด้วย” อย่าว่าแต่คิดเลย แค่เห็นรูปแนบในอีเมล ปลายฟ้าก็ใจสั่นแล้ว
“ไม่เป็นไร ๆ” องุ่นยกมือปัดเบา ๆ “องุ่นติดแบบตัวอย่างมาด้วย ขอกลับไปเอาที่ห้องก่อนนะคะ จะได้ดูแล้วช่วยกันสรุปเลย” องุ่นว่าพลางลุกขึ้นยืนจากโซฟา
“ตะ...ต้องสรุปคืนนี้เลยหรือ” ปลายฟ้าละล่ำละลักถาม
“สรุปเลยสิคะ จะได้สั่งทำเลย เหลือเวลาไม่มากแล้ว”
องุ่นคลี่ยิ้มตอบแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางเริงร่ากระฉับกระเฉง เมื่อไม่มีคนช่างคุย บรรยากาศในห้องก็เงียบลงเล็กน้อย เหลือเพียงเสียงหัวเราะอ่อนโยนของวาดฟ้าตอนเห็นหน้าลำบากใจของเธอ
“เด็กกำลังไฟแรงน่ะ ตั้งแต่รับตำแหน่งซีอีโอคู่กับกรินทร์และรับผิดชอบกิจกรรมการตลาดของสำนักพิมพ์ ก็เร่งจัดการทุกอย่างให้เป็นไปตามแผน”
“รวมถึงแผนเปลี่ยนให้คุณวาดฟ้ามาเป็นบรรณาธิการต้นฉบับให้ฉันด้วยใช่ไหมคะ” ปลายฟ้าพูดพร้อมคลี่ยิ้มน้อย ๆ และนั่นก็เป็นข่าวใหม่เธอรู้มาจากองุ่นในเช้ารุ่งขึ้นหลังคืนที่ถูกปล่อยตัวจากการจับกุม
“มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่องุ่นทำกับกรินทร์น่ะ” วาดฟ้าตอบหลังจากจิบเครื่องดื่มของตัวเอง
“องุ่นเก่งจังค่ะ...ไม่ใช่แค่เก่งงาน แต่เก่งการต่อรองด้วย คนที่ต่อรองกับพี่รินทร์แล้วชนะไม่ได้หาง่ายๆ เลย”
วาดฟ้าส่งยิ้มละมุน “จริงๆ แล้วเรื่องขอเปลี่ยนบรรณาธิการก็มาจากความคิดของฉันเองด้วย ขอโทษนะที่ทำโดยไม่ถามความเห็นของเธอก่อน”
“เอ๊ะ มาจากความคิดของคุณวาดฟ้า” เกิดความสงสัยแทรกในคำถามของนักเขียนสาว
“เธอคงอยากรู้ว่าทำไม” วาดฟ้ามองมาด้วยสายตาอ่อนโยน “กรินทร์คุยกับเธอแล้วใช่ไหม...เรื่องที่ฉันสงสัยเกี่ยวกับอาการของเธอ”
คนถูกถามนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า วาดฟ้าก็ส่งยิ้มบางมาให้
“ถึงฉันจะวางมือจากการเขียนนิยายก็ตาม แต่ฉันก็ยังเป็นนักอ่านอยู่ แล้วในระหว่างที่เรื่องนี้ยังเขียนภายใต้นามปากกาของฉัน ฉันก็ควรอ่านสิ่งที่เธอเขียนทุกบรรทัด รวมถึงอ่านสิ่งที่ซ่อนเร้นในเรื่องราวด้วย”
ฝ่ายนักเขียนเงาผ่อนลมหายใจ “ฉันอาจซ่อนมันไว้ในนิยายโดยที่ฉันไม่รู้ แต่ฉันไม่ถนัดเกมเล่นซ่อนหาอะไรแบบนี้ด้วยสิ”
“ไม่มีอะไรต้องซ่อนในเมื่อมันคือตัวเรา แล้วถ้าเขียนจากสิ่งที่เป็นเรา มันก็เลยทำให้คนอ่านได้ยินเสียงที่ซ่อนอยู่”
ปลายฟ้าสบสายตาคนพูดทันที แต่อีกฝ่ายไม่พูดอะไรต่อ แล้วใช้นัยน์ตาคู่มองมาด้วยความเข้าใจและห่วงใยจนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในความเงียบงัน
“พี่รินทร์เคยเล่าให้ฟังว่า...คุณวาดฟ้าเขียนตามใบสั่ง...”
วาดฟ้าส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “ใช่แล้วล่ะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่ได้เขียนจากสิ่งที่ฉันเป็นเลย”
“นั่นเป็นเหตุผลให้คุณเลิกเขียนนิยายหรือเปล่าคะ”
วาดฟ้านิ่งไปชั่วครู่ แต่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “มันก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่ฉันวางมือจากการเขียนเพราะฉันตรวจเจอมะเร็งน่ะ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน”
คำพูดนั้นทำให้ปลายฟ้ารู้สึกเหมือนเวลาหยุดลงไปในทันที และเมื่อวาดฟ้าค่อยๆ แทรกปลายนิ้วไปตามโคนผมตั้งแต่หน้าผากจรดท้ายทอย ดวงตากลมของปลายฟ้าก็เบิกกว้าง
เรือนผมสีดำขลับเป็นเงายาวสลวยของวาดฟ้าหาใช่ผมจริงของเธอ ทว่าเป็นวิกผมที่ถูกสวมครอบศีรษะล้านเลี่ยน
“อย่างที่เธอเห็น” วาดฟ้าเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ฉันกับคนรักเลยตัดสินใจแต่งงานกัน ซึ่งเราควรทำแบบนั้นมานานแล้ว แต่ฉันมัวแต่ทุ่มเทเวลาไปกับการผลิตนิยายตามใบสั่ง แต่ต่อจากนี้พวกเราจะใช้ชีวิตให้เต็มไปด้วยความสุขด้วยกันจนเวลานั้นมาถึง”
ปลายฟ้าสบสายตาอดีตนักเขียนชื่อดัง รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าผุดผาดหมดจดไร้ร่องรอยของความเศร้านั้นมีแต่ความอิ่มเอิบใจมากล้นจนปลายฟ้ารู้สึกทึ่ง
“...คุณวาดฟ้าทำได้ยังไง”
วาดฟ้าเลิกคิ้วแต่ใบหน้าก็ยังเปื้อนยิ้ม แล้วสวมวิกกลับดังเดิม “เรื่องที่ยังยิ้มได้ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นมะเร็งน่ะหรือ”
เจ้าของคำถามพยักหน้า และหลุบตามองคราบครีมสีขาวที่เหลือจากเค้กสตอร์วเบอรี่ช็อตเค้กในจาน
“ชีวิตมีหลายอย่างที่เราเลือกไม่ได้ใช่ไหม แล้วพวกมันก็มักเข้ามาหาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว” วาดฟ้าเริ่มเอ่ยคำ “ทั้งความสูญเสีย ความเจ็บป่วย หรือการจากลาแบบไม่คาดคิด สิ่งเหล่านั้นมักทิ้งรอยร้าวหรือความทรงจำบางอย่างเอาไว้ในใจของเราเสมอ”
เสียงพูดทิ้งช่วงไป ปลายฟ้าจึงเงยหน้าจากจานขนม เห็นดวงตาของหญิงสาวอีกคนพร่างพราวไปด้วยความอิ่มสุข จากนั้นริมฝีปากที่ยังเปื้อนยิ้มก็เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ลึกซึ้งและแผ่วเบาว่า
“ถึงแม้จะเลือกไม่ได้ว่าอยากให้สิ่งไหนเกิดหรือไม่อยากให้เกิดกับเรา แต่หากคิดให้ดี เราก็เป็นผู้เลือกได้อยู่ดี”
“เราเป็นผู้เลือก? เมื่อกี้คุณวาดฟ้าเพิ่งบอกว่า...เลือกไม่ได้ ฉันไม่เข้าใจ”
“เลือกว่าอยู่กับมันแบบไหนยังไงล่ะ จะปล่อยให้มันครอบงำเราจนทรมาน หรือยอมรับว่ามันมีอยู่ แล้วเลือกที่จะใช้ชีวิตต่อไป”
ยอมรับว่ามันมีอยู่...แล้วใช้ชีวิตต่อไป...
ปลายฟ้ารู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแน่น ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองทำให้เสียงของคลื่นทะเลด้านนอกชัดเจนยิ่งขึ้น
“อยู่กับความเจ็บปวดที่ยอมรับว่ามีอยู่ แล้วใช้ชีวิตตลอดชีวิตที่เหลืออยู่กับมันน่ะหรือคะ” ปลายฟ้าหัวเราะเบาๆ แต่แววตาแฝงด้วยความขมขื่น “ฉันคงทำแบบคุณวาดฟ้าไม่ได้แน่”
“ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” วาดฟ้ายิ้มบางก่อนเอื้อมมือมากอบกุมมือของปลายฟ้า “แต่อย่าต่อต้านความเจ็บปวด ให้ยอมศิโรราบต่อมัน ยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว และเราควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะมีชีวิตต่อไปได้ แม้จะอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดก็ตาม”
หยาดน้ำใสเอ่อคลอที่ขอบตาของปลายฟ้าอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจของเธอสั่นสะเทือนเหมือนคลื่นที่ซัดกระทบฝั่ง
“ตอนที่ฉันรู้ว่าเป็นมะเร็ง” วาดฟ้าเอื้อมมือมาแตะเบาๆ ที่แก้มของเธอ เพื่อเช็ดน้ำตาที่เริ่มไหลรินอย่างอ่อนโยน “ฉันก็ท้อแท้และไม่อยากมีชีวิต แต่คนรักของฉันกลับโอบกอดฉันไว้ แล้วบอกว่ามาทำให้ช่วงเวลาที่เหลือของฉันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ากัน และสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันจะทำเพื่อตัวเองและเพื่อคนที่รักคืออะไรรู้ไหม”
“คืออะไรหรือคะ”
“อยู่กับสิ่งที่มีในปัจจุบัน ดื่มด่ำกับมัน”
วาดฟ้าโน้มตัวเข้ามาใกล้พอให้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากร่างกาย แม้จะผอมบางและดูเปราะบาง แต่ก็ยังคงมีชีวิตที่ลุกโชนอยู่ในดวงตา
“หัวใจที่ยังเต้นอยู่ ลมหายใจที่ของฉันเข้าออก สองสิ่งนี้ที่ฉันมีอยู่ในปัจจุบัน ยังมีค่าทั้งกับตัวเองและกับคนที่รักฉัน ไม่ใช่ของอดีตที่เลวร้าย หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่มีค่ามากแล้วในปัจจุบัน...”
วินาทีนั้น ปลายฟ้าเกิดความรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งร่าง เธอยกมือขึ้นทาบหัวใจของตัวเองที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอกัน แล้วสูดลมหายใจเข้าเอาอากาศเย็นที่เข้าสู่ร่าง สัมผัสถึงปราณที่ปลายฟ้าไม่เคยสังเกตเลยว่าหัวใจที่เต้นสูบฉีดเลือด และลมหายใจที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ใน ณ วินาที มันมีค่าแค่ไหน
“ชีวิตเราที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ก็คล้ายกับนิยายเรื่องหนึ่ง ต่างกันตรงที่เป็นนิยายที่เราไม่สามารถกลับไปแก้พล็อตในอดีตได้ แต่เราก็มีโอกาสเลือกบทบาทและตอนจบต่อจากนี้ได้...” วาดฟ้าเอ่ยพร้อมกับกุมมือของเธอไว้ “สำคัญคือเราต้องก้าวสู่โลกใหม่เพื่อให้เรื่องราวชีวิตดำเนินต่อไปในทิศทางที่เป็นเรา”
จู่ๆ น้ำตาของปลายฟ้าหลั่งรินเมื่อรู้ซึ้งว่าเธอเอาแต่พาตัวเองให้จมปลักในอดีตร้ายมานานแค่ไหน
เสียงกระดิ่งประตูห้องดัง เป็นสัญญาณบอกว่าองุ่นกลับมาแล้ว วาดฟ้าอาสาเป็นคนลุกขึ้นไปเปิดประตูรับ แล้วความรื่นเริงก็กลับมาอีกครั้งพร้อมแบบจำลองในมือขององุ่น บรรยากาศในห้องจึงเปลี่ยนไปเป็นความรื่นเริงอีกครั้ง แล้วก็ทำให้ปลายฟ้าหน้าแดงแจ๋ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดื่มเหล้าอีกครั้งเช่นกัน เมื่อองุ่นให้เธอลองกำรอบลำท่อนของพรีเมี่ยมสุดเอกซ์คลูซีฟ
“พะ...พี่ว่าของภูมินทร์น่าจะโอเคแล้ว” ปลายฟ้าให้คำตอบแล้ววางเจ้าสิ่งนั้นลงทันที
“ทั้งผิวสัมผัส สี ไซส์ ความยาว ความโค้งงอ และพิมพ์ใบหน้าของภูมินทร์ที่ปลายโจ้ยผ่านนะคะ”
ปลายฟ้าพยักหน้าตอบโดยไม่ได้จดจ้องไปที่มันมากนัก
“แล้วของเคนล่ะคะ” ซีอีโอสาวคนใหม่ถามต่อพลางจรดปากกาลงบนสมุด
ส่วนคนถูกถามก็ลอบกลืนน้ำลาย ยื่นมือไปแตะของอีกชิ้นด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แต่เพียงแตะแรก จากนั้นให้ความเห็นว่า “ผิวสัมผัสต้องเนียนกว่านี้”
จากนั้นรวบทุกนิ้วรอบลำท่อน “ใหญ่กว่านี้สัก...”
ในขณะที่ปลายฟ้ากำลังกะขนาด องุ่นก็หยิบบางสิ่งคล้ายสายวัดออกจากกระเป๋าเครื่องสำอางที่มีปลายด้านหนึ่งเจาะช่องพอดีกับให้ปลายของสายวัดสอดเข้าไป
“ประมาณนี้ไหมคะ” องุ่นถามนักเขียนสาวในขณะที่วาดฟ้าส่งเสียงหัวเราะ
“อืม...” ปลายฟ้าขอเอาสายวัดนั้นไปปรับระยะเอง แล้วมิ่งมองจนมั่นใจก่อนตอบว่า “ขนาดนี้”
“ว้าว 68” ซีอีโอสาวหัวเราะคิก “มิน่าล่ะ บายถึงยังตัดใจไม่ขาด”
“อะแฮ่ม” วาดฟ้าส่งเสียงกระแอม
“สี ความยาว แล้วก็ความโค้งงอล่ะคะ”
ปลายฟ้าเม้มริมฝีปาก จากที่แก้มร้อนแค่ผ่าวๆ คราวนี้ร้อนจี๋เหมือนมีไข้ “สีเข้มขึ้นอีกนิด เหมือนผิวของคนที่ชอบว่ายน้ำในทะเล ส่วนความยาวกับความโค้งก็...” ปลายฟ้าปลดปลายสายวัดด้านหนึ่งออกจากช่องของอีกด้าน แล้ววางทาบลงบนแบบจำลองพร้อมกับดัดสายวัดให้ได้ความโค้งงอตามภาพที่อยู่ในหัวของเธอ
“โอ้โห...” องุ่นทำตาโต “องุ่นต้องเก็บไว้ให้ตัวเองอันหนึ่งแล้วล่ะ”
“อะแฮ่ม” วาดฟ้ากระแอมครั้งที่สอง ส่วนปลายฟ้านั้น หน้าแดงเหมือนมะเขือเทศสุกไปแล้ว
“เอาล่ะ แค่นี้ก็พร้อมสั่งทำ มีอะไรคอมเมนท์เพิ่มไหมคะ”
“ส่วนปลายบานใหญ่กว่านี้...ประมาณนี้” แม้จะอายแค่ไหน ปลายฟ้าก็พยายามบอกสิ่งที่ต้องแก้ไข “แล้วก็ภาพพิมพ์ของเคน... ขอแก้ริมฝีปากล่าง มันต้องหนากว่าริมฝีปากบน ส่วนผมหน้าม้า ให้ปรกลงมาจนถึงหัวคิ้ว ปลายคิ้วขนานไปหางตาชี้ที่ขึ้นเล็กน้อย”
“ว้าว” องุ่นทำหน้าประหลาดใจ “จำได้ว่าตอนอ่านฉากของเคน พี่ปลายไม่ได้เขียนบรรยายรูปร่างหน้าตาละเอียดเท่านี้เลย”
“นี่ฉันเริ่มง่วงแล้วล่ะ” วาดฟ้าส่งเสียงหาว “ได้ข้อสรุปแล้ว กลับห้องกันเถอะองุ่น พรุ่งนี้เราต้องกลับเข้ากรุงเทพแต่เช้าไม่ใช่หรือ”
“แหม...ยังอยากเมาท์ต่ออยู่เลย แต่กลับห้องแล้วก็ได้ค่ะ” องุ่นทำเสียงอิดออด แต่สุดท้ายก็ยอมแต่โดยดี
สองสาวพากันเกี่ยวแขนออกจากห้องพัก ความสงบกึ่งเหงาก็เข้ามาเป็นแขกของปลายฟ้าทันที แต่นักเขียนสาวกลับมีความอิ่มอกอิ่มเอมในใจ ด้วยคำพูดของวาดฟ้าที่กล่าวไว้กับเธอ
ปลายฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด ให้ลึกที่สุดและโล่งที่สุดจนใจของเธอเบาขึ้น หัวสมองปลอดโปร่ง และรู้สึกผ่องใสเหมือนฟ้ากระจ่างไปด้วยแสงจันทร์คืนนี้
มือบางเลื่อนบานกระจกออก แล้วก้าวขาเปลือยเปล่าลงบนระเบียงไม้เย็นชื้น ลมทะเลเจือกลิ่นดอกแก้วยามค่ำคืนพัดปะทะแก้ม เส้นผมสีเข้มของปลายฟ้าเริ่มไหวไปตามจังหวะของลม เย็นสบายจนปลายฟ้านั่งลงบนเตียงไม้ปรับเอน แล้วมองดวงจันทร์ที่สาดแสงส่องทาบทับลงบนราวระเบียง
ปลายฟ้าหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ความเย็นของสายลมลูบไล้ผ่านผิวแก้ม หัวใจของเธอก็คล้ายได้รับการปลอบประโลมจากธรรมชาติที่โอบล้อมอยู่รอบตัว จนดำดิ่งลึกลงไปในความคิดคำนึงถึงคำพูดของวาดฟ้า
ลมหายใจ... ปลายฟ้าสูดหายใจเข้ารับเอาอากาศเย็นลงสู่ร่างกาย มันเย็น... เธอรู้สึกได้... ความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายแบบนี้อยู่กับเธอมาตลอดเลยหรือ
แต่แล้วตอนนั้นเอง หญิงสาวก็ได้ยินแว่วเสียงเพลงสอดประสานมากับสายลม ลืมตาแล้วพลิกตัวหันไปทางวิลล่าที่ถัดไป เพลงท่วงทำนองไพเราะนั้นลอยละล่องมาจากวิลล่าถัดไป... ห้องหมายเลข 222
เขาคงคิดว่าเธอไม่กลับมาที่นี่ และอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยู่ห้องข้างๆ ถึงได้กลับมาครอบครองห้องของตัวเองอีกครั้ง ปลายฟ้าให้เหตุผลของตัวเองแบบนั้น แล้วเธอก็คงไม่มีข้ออ้างใดกลับไปห้องเขาได้อีก แม้ดีลระหว่างกันยังไม่ได้ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ
แต่... เธอก็ต้องหาทางเข้าห้องเขาให้ได้ แล้วต้องเข้าไปตอนที่เขาอยู่ในห้องเท่านั้น
สวบ!
เสียงของบางสิ่งขยับ ดังจากกิ่งตะแบกที่ยื่นยาวทางระเบียงของปลายฟ้า เธอจึงรีบลุกนั่ง แล้วเพ่งมองไปยังต้นเสียง เห็นแสงแวววาวสองดวงจากพุ่มใบที่เพิ่งแตกยอดใหม่ของต้นตะแบก จนกระทั่งลมพัดวูบไหวให้ แสงจันทร์ได้ส่องสว่างผ่านความมืด ปลายฟ้าจึงเห็นขนปุยสีดำเป็นมันเงา เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจเมื่อรู้ว่าไม่ใช่สัตว์ร้ายอะไร แต่เป็นเบอร์เบิน เจ้าแมวน้อยที่เธออยากกอดและหอมมันสักฟอดใหญ่
มันก็เห็นเธอแล้วเช่นกัน และกำลังก้าวขาเดินตามกิ่งน้อยที่แตกออกจากกิ่งใหญ่เข้ามาหา ทว่าเมื่อมีเสียงคล้ายเสียงเปิดกระป๋องเบียร์ดัง ศีรษะน้อยๆ ของเบอร์เบินก็หันขวับไปอีกทาง จากนั้นเจ้าสี่ขาก็ถอยร่น แล้ววิ่งไปตามกิ่งที่แยกไปอีกฝั่ง เชื่อมสู่หลังระเบียงของห้องพักชายหนุ่ม พ่อแมวที่เลี้ยงดูอุ้มชูมอบชีวิตให้ลูกแมวหลงทาง
ปลายฟ้าเห็นแล้วก็ทำปากยื่น แม้จะน้อยใจเบอร์เบินเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดแข่งขันแย่งชิงความรักจากใคร เธอเอนหลังอีกครั้ง แล้วฟังเสียงกระซิบของลมทะเลสอดประสานกับเสียงเพลงจากห้องของชายหนุ่ม โดยมีพระจันทร์ดวงโตแขวนอยู่กลางฟ้า มันกลมสุกสกาวราวกับจ้องมองลงมาพิสูจน์ความรู้สึกของมนุษย์ผู้หลงทางในความสัมพันธ์อันซับซ้อน
ค่ำคืนวันนั้น... เธอกับเขาอยู่เคียงข้างกันใต้แสงจันทร์ บนระเบียงหลังห้องของเขา แลกลมหายใจที่แผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของกันและกัน เป็นความใกล้ชิดที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆ ให้ซับซ้อนมากกว่าที่เป็นอยู่ และมีแต่สัมผัสอ่อนโยนกับสายตาที่สบประสานเท่านั้นที่เป็นคำสัญญาที่ไร้เสียง แต่หนักแน่นจนยากจะลืมเลือน
มันคือความทรงจำที่ทำให้เธอยิ้มอย่างขื่นใจเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่พามาจนถึงจุดนี้ จุดที่เส้นขนานของความสัมพันธ์ค่อยๆ เบี่ยงห่างออกจากกัน แต่อาจเป็นหัวใจของเธอแค่ดวงเดียวที่เหมือนถูกตรึงไว้กับความทรงจำนั้น ต่อให้พยายามทำตัวให้เข้มแข็งเพียงใด แต่ลึกๆ ในใจแล้ว ปลายฟ้ายังโหยหาอาวรณ์ความอบอุ่นที่เขาเคยมอบให้
เสียงข้อความดังเข้าดังจากโทรศัพท์ ดึงปลายฟ้าให้หลุดจากภวังค์ เธอผุดลุกขึ้นนั่งในขณะที่ยังมองไปทางวิลล่าด้านข้างแม้จะเห็นแค่บานไม้ระแนงบังสายตาจนมิอาจรู้ว่าชายหนุ่มไหวตัวแล้วหรือไม่ว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ตรงนี้
Lyon : ฉันทำในส่วนของฉันแล้วที่เหลือขึ้นอยู่กับเธอ ฉันจะคอยจับตาดู
ข้อความสั้นกระชับและตรงประเด็นทิ้งร่องรอยของความไม่ไว้วางใจเอาไว้ในทุกถ้อยคำนั้นเป็นดั่งเชือกคล้องรอบข้อมือฉุดดึงเธอให้กลับสู่ความเป็นจริง
เธอกลับมาที่นี่เพื่อเป้าหมาย เป็นเป้าหมายที่ทำให้ต้องเข้าไปในห้องของเขาอีกครั้ง เพื่อเอาคีย์การ์ดของเขามาไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม โดยไม่ยอมให้ความรู้สึกหวั่นไหวมาทำให้แผนสำคัญล้มเหลว เธอหันไปทางฝั่งห้องข้างเคียงอีกครั้ง มิ่งมองอย่างนั้นโดยหวังว่าเขาจะได้ยินเสียงความคิดของเธอ
พระจันทร์คืนนี้สวยมากเลย และถ้าเขาคือกระต่ายบนนั้น เธอก็ไม่คิดอยากให้เขาลงมา... เพราะหากจันทร์ไร้ซึ่งเงากระต่ายแล้ว เธอคงเดียวดายหากชมมันในค่ำคืนที่ไร้ไออุ่นของเขา แต่กระต่ายบนนั้นจะอยู่กล่องเก็บความทรงจำล้ำค่าของเธอตลอดไป
แต่แย่หน่อยที่เธอจำเป็นต้องฉวยสิ่งล้ำค่าของเขามาให้ได้
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ต่างฝ่ายต่างเริ่มค่อยๆเดินหมาดของตัวเองแล้ว แต่ปลายฟ้าจะผ่านเกมนี้ไปได้หรือเปล่า ลียงที่ส่งข้อความมานั่นหมายความว่าเธอได้แนวร่วมแล้วใช่ไหม ติดตามกันต่อนะคะ
ปล นิยายเรื่องนี้เป็นโรมานซ์ซัสเปนส์ ไลน์เรื่องคือสืบสวนแอบเสียว ฮ่าๆ ใครชอบแนวนี้ฝากติดตามด้วยน้า