ปลายฟ้า นักเขียนแนววิชาการจำต้องมาเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งแฟนเก่า มิสชั่นนี้ว่าไม่ง่ายแล้ว แต่ชีวิตดันผลักเธอให้ไปรู้จัก 'เขาคนนั้น' ที่ลวงเธอให้รับดีลเป็นเพื่อนแลกประสบการณ์บนเตียง เพียงเพื่อใช้เธอเป็นนกต่อล่อเหยื่อ

พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า - บทที่ ๑ นักเขียนตามใบสั่ง โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน

รายละเอียด

พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ปลายฟ้า นักเขียนแนววิชาการจำต้องมาเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งแฟนเก่า มิสชั่นนี้ว่าไม่ง่ายแล้ว แต่ชีวิตดันผลักเธอให้ไปรู้จัก 'เขาคนนั้น' ที่ลวงเธอให้รับดีลเป็นเพื่อนแลกประสบการณ์บนเตียง เพียงเพื่อใช้เธอเป็นนกต่อล่อเหยื่อ

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

เมื่อนิตยสารสารคดีที่ ปลายฟ้า เป็นนักเขียนประจำปิดตัว ทำให้ปลายผ้าต้องหันเหจากการเขียนแนววิชาการ ไปต้องเลี่ยนแนวไปเป็นนักเขียนนิยาย เพื่อหาเงินเลี้ยงดู แม่และน้องสาว โดยเฉพาะแม่ของเธอต้องรับการผ่าตัดตาในสิ้นปี ปลายฟ้าจึงเขียนนิยายรัก แล้วนำไปให้ กรินทร์ คนรักเก่าที่เป็นซีอีโอของสำหนักพิมพ์อักษรารัญจวนช่วยพิจารณา แต่กรินทร์ไม่ให้ผ่านเพราะแนวเรื่องไม่ตรงกันแนวของอักษรารัญจวนที่เน้นขายแนวนิยายอิโรติก

 แต่เพราะกรินทร์ยังมีใจให้ปลายฟ้า ด้วยความรักที่หลงเหลือ จึงให้ปลายฟ้าเขียนนิยายอิโรติกโดยที่มีเขาเป็นพระเอก และเธอเป็นนางเอก แลกกับเงินค่าจ้างที่เขาจะจ่ายให้เธอเป็นรายเดือนแต่ปลายฟ้ามีปมกับเรื่องเซกส์เพราะเคยถูก เปลว พ่อเลี้ยงล่วงละเมิดในวัยเด็กและมักมีอาการทางประสาทกำเริบหากถูกกระตุ้น ทว่าด้วยเงินที่กรินทร์เสนอให้ จึงทำให้ปลายฟ้าตอบรับงาน แต่เพราะกลัวว่าจะเขียนให้ถึงตอนจบไม่ได้ ปลายฟ้าจึงตั้งใจหางานเสริม และเธอก็ได้งานแม่บ้านรีสอร์ตที่มีชื่อว่า Beyond The Horizon โดยบังเอิญจากแม่บ้านคนเก่าที่ลาออกกระทันหัน

ที่รีสอร์ตนี้ ปลายฟ้าต้องทำงานเป็นแม่บ้านประจำโซนวิลล่าการ์เด้น โดยมี แหวว หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนคุมงาน เธอมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกให้แขกประจำโซน ซึ่งหนึ่งในแขกที่เธอต้องดูและคือ เข้ เจ้าของห้องหมายเลข 114 ที่เขาแอบเลี้ยงแมวโดยมีแค่เธอและเขาเท่านั้นที่รู้ นอกจากแหววแล้ว ปลายฟ้าได้เจอ ชิด บาร์เทนเดอร์ที่คอยสอนงานในห้องอาหารให้เธอ 

ด้วยงานแม่บ้านนี้เองที่ปลายฟ้าจะยึดไว้เป็นอาชีพเสริมจนกว่าเธอจะเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์จบ แต่มีเหตุเกิดขึ้นกับปลายฟ้าคือเธอเหยียบหางแมวที่คุณเข้เลี้ยงไว้ที่ริมสระน้ำ จนทำให้เธอตกสระ แต่เข้ก็ช่วยเธอไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เข้รู้ว่าเธอต้องรับงานเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์ แต่เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียง(แบบคู่รัก) เข้เลยเสนอว่าถ้าปลายฟ้ามาเป็นเพื่อนคุยให้เขา เขาจะเล่าประสบการณ์บนเตียงให้ฟัง ข้อตกลงแรกระหว่างปลายฟ้าและเข้จึงเริ่มขึ้น

สารบัญ

พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทนำ ต้องคำสาบ,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๑ นักเขียนตามใบสั่ง,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๒ Beyond The Horizon 1/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๒ Beyond The Horizon 2/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๓ แม่บ้านคนใหม่ 1/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๓ แม่บ้านคนใหม่ 2/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๓ แม่บ้านคนใหม่ 3/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๔ ดีลที่หนึ่ง 1/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๔ ดีลที่หนึ่ง 2/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๔ ดีลที่หนึ่ง 3/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๕ Rum and Vanilla 1/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ 5 Rum and Vanilla 2/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ 6 Rum and Vanilla 3/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ 6 คุณหนังเหนียว แต่กรามผมแข็งแรง 1/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ 6 คุณหนังเหนียว แต่กรามผมแข็งแรง 2/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๖ คุณหนังเหนียว แต่กรามผมแข็งแรง 3/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๗ It's just not a glass of milk 1/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๗ It's just not a glass of milk 2/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๘ Second life 1/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บททึ่ 8 Second life 2/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๘ Second life 3/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๙ Second deal 1/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๙ Second deal 2/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๑๐ Amaretto Vanilla 1/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๑๐ Amaretto Vanilla 2/2

เนื้อหา

บทที่ ๑ นักเขียนตามใบสั่ง

“เดี๋ยวค่ะ รอฉันด้วย!” 

รองเท้าคัทชูสีดำเคาะพื้นอาคารส่งเสียงดังจนใครๆ ต่างก็หันมามอง แต่ในยามที่ต้องไปให้ทันนัดหมายสำคัญ ปลายฟ้าไม่สนใจสายตาใครทั้งนั้น พอพาตัวเองแทรกผ่านประตูลิฟต์เข้าไปได้ ก็ก้มหัวเล็กน้อยเชิงขออภัยหญิงสาวผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ในลิฟต์เพียงคนเดียว 

พอบานประตูลิฟต์เลื่อนปิด ปลายฟ้าก็จะกดปุ่มลิฟต์ชั่นที่หมายแต่เห็นว่าหมายเลข 44 ถูกกดไว้อยู่แล้ว เธอจึงได้พักหายใจหลังจากกระหืดกระหอบวิ่งมาตั้งแต่ป้ายรถเมล์ แต่แล้วภาพสะท้อนจากผิวขัดเงาของประตูลิฟต์ก็ปรากฏต่อสายตา ด้วยชุดเชิ้ตแขนยาวสีขาวและกระโปรงทรงสอบสีดำของเธอ ที่เมื่อเทียบกับหญิงสาวเจ้าของผมดำยาวสลวยในชุดเดรสคอปาดสีดำกับส้นสูงหัวแหลมคนข้างๆ ทำให้ปลายฟ้ามองคล้ายเป็นเด็กจบใหม่ที่กำลังมาสอบสัมภาษณ์งาน ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะย่างเข้าสู่วัยเบญจเพสแล้วก็ตาม

พอถึงชั้นที่หมาย หญิงสาวผู้นั้นก็ก้าวขาเดินออกไปก่อนเหมือนกำลังรีบร้อน ส่วนปลายฟ้าก็ไม่เองก็รอช้า เธอรีบจ้ำอ้าวออกไป แต่ก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่ ส้นรองเท้าคัทชูคู่ชีวิตก็หลุดขาดจนเดินต่อไม่ได้ 

“มาพังอะไรตอนนี้” ปลายฟ้าบ่นอุบ แต่เพราะเลยเวลานัดมาเกือบครึงชั่วโมงแล้ว จึงตัดสินใจถอดรองเท้าหิ้วแล้วเดินตามป้ายที่ชี้ทางจนไปถึงสำนักงานอักษรารัญจวนพับบลิชชิ่ง

“สวัสดีค่ะ ฉันมาพบคุณกรินทร์ค่ะ” ปลายฟ้าแสดงความจำนงต่อหน้ารีเซฟชั่นสาว

“ทำนัดไว้หรือเปล่าคะ”

“คือ... นัดไว้ค่ะ แต่ฉันมาเลท...”

รีเซฟชั่นสาวจ้องหน้าเธอชั่วขณะ แล้วกลับไปจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “ชื่อคุณอะไรคะ”

“ปลายฟ้า” เสียงตอบนั้นไม่ใช่เสียงของเธอ และเป็นเสียงที่ทำให้หัวใจของปลายฟ้าเต้นถี่ 

“พี่รินทร์...” เธอรำพึงชื่อของชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาปรากฏตัวด้านหลัง 

หากไม่นับใบหน้าหล่อเหลาระดับอดีตเดือนมหาวิทายาลัย รูปร่างสูงสมาร์ทอกผายไหล่ผึ่งของเขา ก็ทำให้โดดเด่นเหนือชายอื่นในบริเวณ แม้จะสวมใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดหมูที่สวมทับกางเกงแสล็คสีเทาเรียบง่ายก็ตาม 

“เธอเป็นแขกของผมเอง” เขาบอกกับรีเซฟชั่นสาวในขณะที่ยังจ้องเธอตาไม่กระพริบ “พาเธอไปรอในรับรองก่อน”

สิ้นคำสั่งของชายหนุ่ม ปลายฟ้าก็ถูกเชิญให้เข้าไปนั่งในห้องรับรอง ที่มีกระจกใสเป็นฉากกั้น เธอจึงเห็นความเป็นไปด้านนอก นั่งรอยังไม่ทันได้จิบน้ำเย็นที่ถูกเอามาเสิร์ฟ ก็เห็นหญิงสาวคนที่เธอเจอในลิฟต์เดินผ่านหน้าไปทางประตูทางออกด้วยใบหน้าไม่บอกอารมณ์เหมือนตอนที่อยู่ในลิฟต์

“เชิญค่ะ คุณปลายฟ้า” 

เสียงเรียกบอกเธอว่าควรลุกออกจากห้องนี้ แล้วไปเปลี่ยนเก้าอี้นั่งในห้องทำงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่แสนโอ่โถง แต่ปลายฟ้ากลับรู้สึกว่าเก้าอี้ตัวที่เธอนั่งอยู่นี้ไม่ได้สร้างความรู้สึกสบายเลย 

เป็นเพราะรูปวาดฉากรักแสนวาบหวามของชายหนุ่มหญิงสาวที่แขวนบนผนังด้านหลังเก้าอี้ผู้บริหารนั้น สร้างความปั่นป่วนให้จิตใจจนอยากเดินออกจากห้อง แม้จะรู้ว่าการมาที่นี่อาจพบเจอสิ่งกระตุ้นให้มีอาการ แต่ก็ไม่คิดว่าจะไวจนไม่ทันได้ตั้งรับ 

มันคือภาพขยายจากปกนิยายขายดีของอักษรารัญจวน และเจ้าของผลงานที่ปรากฏนามปากกานั้นคือ...วาดฟ้า 

ฉับ ฉับ ฉับ 

วินาทีนั้น เกิดเสียงบางสิ่งฟาดอากาศดังก้องในหูของปลายฟ้า ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังสาวงามเรือนร่างอวบอิ่มในชุดเดรสเนื้อบาง นอนพลีกายใต้การครอบครองของชายหนุ่มร่างใหญ่ที่เปลือยท่อนบนโชว์มัดกล้ามหนั่นแน่นทุกสัดส่วน

ฉับ ฉับ ฉับ

ข้อมือบางทั้งสองถูกรวบไว้เหนือหัว ดวงตาดุดันชายหนุ่มก็จดจ้องเธอราวกับเห็นเป็นเหยื่ออันโอชะทว่าหญิงสาวในภาพหาได้สบประสานสายตาเร่าร้อนมองเจ้าของร่างแกร่งเบื้องบนไม่ แต่กลับจ้องเขม็งมองมาทางเธอราวกับเชื้อเชิญให้เข้าไปร่วมวงกาม

“ปลาย”

ฉับ ฉับ ฉับ!

ราวกับว่าแววตาคู่นั้นมีมนต์ขลัง มันดึงดูดปลายฟ้าให้เข้าไปสวมสิงร่างบอบบางในภาพที่นอนแผ่หลาแยกปลีขาโอบเอวแกร่งตรึงให้แนบแน่นกับเนื้อกายตน

ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ!

หญิงสาวสั่นสะท้าน เกิดความรู้สึกเสียวซ่านแล่นทั่วทั้งสรรพางค์ ราวกับสัมผัสได้ถึงแรงกระทั้นกระแทก ณ จุดกึ่งกลางกาย

ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก

อูย ซี้ด อีปลายเอ๋ย 

มือทั้งสองขยุ้มเนื้อผ้ากระโปรงจนยับย่น

“ปลาย”

ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก

ร่างบางหายใจหอบจนหน้าอกสะท้อนขึ้นลง พึงใจในการถูกกดขี่เช่นนั้นหรือ ครึกครื้นหฤหรรษ์ที่ถูกขืนบังคับใช่ไหม ร่างกายของเธอถึงตอบสนองหลั่งน้ำรักจนชื้นแฉะกางเกงในลูกไม้ชิ้นบาง

“ไม่...ไม่...” 

ปลายฟ้าพึมพำ แล้วหลับตาปิดกั้นการมองภาพวาดวาบหวิว ทว่าความวาบหวามก่อเกิดคลื่นมโนภาพวูบไหวที่ดึงปลายฟ้าหลุดเข้าสู่ห้วงดำมืด อีกครั้งที่มันกลับมีอำนาจเหนือชีวิต อีกครั้งที่มันกลับมาย่ำยีเธอในความคิด

ไม่! เธอจะไม่ยอมให้มันทำร้าย เธอจะไม่สนองตอบต่อมัน สิ่งที่เกิดขึ้นก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกาย เธอไม่ได้มีอารมณ์กับมันเลยสักนิดเดียว!

ดวงตาของปลายฟ้าเริ่มพร่าเลือน ภาพใบหน้าหื่นกระหายที่ฉายในจินตนาการ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเงาดำของมนุษย์ร่างใหญ่โต

“มะ...มันไม่ได้เกิดขึ้น...จริง”

ริมฝีปากขยับเป็นคำพูดเบาปานกระซิบ ยับยั้งจิตไม่ให้ก่อร่างสร้างภาพของเงาดำ แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่มันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น 

‘ฆ่า...ฆ่า’ 

มีเสียงกระซิบดังรอบกายของปลายฟ้า ร่างใหญ่ราวอสูรกายนั้นก็กำลังแกว่งแขนวาดดาบ เยื้องย้ายสลับร่ายรำเข้ามาหาทีละก้าวๆ 

‘ฆ่า... ฆ่ามัน’ 

เงาดำเคลื่อนตัวเข้าใกล้เธอทุกที เสียงกระซิบก็ดังขึ้นทุกขณะ กระทั่งระยะห่างร่นเข้ามาเหลือแค่คืบ โฉมหน้าของผู้ถือมีดก็ประจักษ์ต่อสายตา จดจ้องเธอด้วยดวงตาแดงก่ำอันอัดแน่นไปด้วยความชิงชัง

‘ฆ่า...ฆ่า’ 

มันคือเธอ! เธอที่มือเปื้อนเลือด เลือดของมัน เลือดของไอ้ชั่วคนนั้น! เธอจะฆ่ามัน จะฆ่ามัน!

“ปลายฟ้า!”

ลั่นเสียงเรียกทำลายมโนภาพฉับพลันก่อนปลายดาบจะฟาดลงแหวกอากาศ หญิงสาวเจ้าของชื่อก็เบิกตากว้าง ตื่นจากภวังค์ความทรงจำในอดีต 

“เป็นอะไร พี่เรียกตั้งหลายรอบแล้วทำไมไม่ตอบ” ใบหน้าเคร่งเครียดของกรินทร์เข้ามาบดบังภาพของพระนางบนเตียงในรูปแขวนผนัง 

“คือ... ปลาย” 

หัวใจของเธอเต้นรัวจนเจ็บร้าวไปทั่วอก แต่ยังไม่ทันหาคำตอบให้เขาได้ น้ำย่อยรสขมก็ตีตื้นจากกระเพาะ จึงรีบยกมือปิดปากแล้วใช้มืออีกข้างคว้าขวดน้ำเย็นมาดื่มจนหมดเพื่อให้สิ่งที่เอ่อล้นตรงคอไหลกลับสู่ที่เดิมของมันก่อนจะทำนัดสำคัญระหว่างเธอกับเขาพัง

“พี่รินทร์สะดวกคุยแล้วหรือคะ” 

เมื่อร่างกายเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็ปั้นหน้ายิ้มในแบบที่คิดว่าปกติที่สุด แต่ดวงตาเรียวกลับหรี่แคบมองราวกับต้องการหาสิ่งที่หลบซ่อนภายใต้รอยยิ้มจอมปลอม แต่แล้วเขาก็ระบายลมหายใจเสียงยาว ก่อนกรอกคำพูดใส่โทรศัพท์ในขณะที่ยังขมวดคิ้วมุ่มมองมาทางเธอ

“บอกทางทีมมาร์เก็ตติงว่าผมขอเร่งการจัดกิจกรรมส่งเสริมยอดขายให้เร็วขึ้น เรารอให้ถึงปลายปีไม่ได้แล้ว บอกพวกเขาให้ส่งจดหมายเชิญร่วมกิจกรรมให้นักเขียนในสังกัดที่เหลือทุกคนด้วย”

สั่งงานเสร็จด้วยน้ำเสียงเข้มงวดแล้วเดินไปหยิบน้ำเย็นขวดใหม่ออกจากตู้เย็นขนาดเล็กย่อมของห้องประธานกรรมการสำนักพิมพ์อักษรารัญจวนมาวางเพิ่มให้

“ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าซีด” 

“เปล่าค่ะ สบายดี สบายดีมากๆ เลย” 

“สบายดีมากๆ” คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้น “ดีมากๆ แบบไหน ถึงได้อยากเปลี่ยนสายจากเขียนบทความสารคดีมาเขียนนิยายรัก”

“ก็...” เธอลอบกลืนน้ำลาย “ปลายอยากลองขยายทักษะในสายงานบ้างค่ะ เผื่อว่าจะเอาไปใช้เขียนหัวข้อการสืบพันธุ์หมีแพนดายักษ์ครั้งหน้าให้ดูโรแมนติกมากขึ้น” 

กรินทร์หัวเราะในลำคอ หมุนตัวเดินไปหย่อนกายบนเก้าอี้ผู้บริหาร “เป็นคนตลกหน้าตายไม่เปลี่ยน แต่รู้สึกว่าคนตลกคนนี้กำลังไม่มีอะไรจะบริโภค”

คนไม่มีอะไรจะบริโภคเม้มริมฝีปาก แต่ก่อนจะถูกจิกกัดด้วยคำพูดคมๆ เหมือนมีดผ่าตัด ปลายฟ้าขอชิงพูดเข้าธุระสำคัญของวัน 

“พี่รินทร์อ่านต้นฉบับนิยายของปลายจบแล้วใช่ไหมคะ”

เขาพยักหน้า พลางเอนหลังมองเธอด้วยแววตาพิจารณา “นี่เป็นนิยายรักเรื่องแรกของปลายใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ” เธอให้คำตอบทันทีขณะถูมือชื้นเหงื่อทั้งสอง “พอมีหวังว่าจะผ่านการพิจารณาของสำนักพิมพ์อักษรารัญจวนหรือเปล่าคะ” 

“พอมีหวังไหมน่ะหรือ” มุมปากหยักได้รูปยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ปกติแล้วต้นฉบับนิยายจากนักเขียนหน้าใหม่จะต้องถูกทีมบรรณาธิการกรองหลายชั้นก่อนจะตัดสินว่าผ่านหรือไม่ผ่าน แต่สำหรับปลาย พี่ขอพิจารณาด้วยตัวเองในฐานะที่เป็นคนที่เคย ‘คุ้นเคย’ กัน”

คำว่า ‘คุ้นเคย’ ทำให้ปลายฟ้าลอบกลืนน้ำลาย “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ แต่ปลายไม่ขอใช้สิทธิ์นั้น พี่รินทร์พิจารณาตามเกณฑ์ของสำนักพิมพ์ดีกว่า”

“คุ้นเคยกันของพี่ไม่ได้หมายว่าพี่จะใจดีให้ผ่านหรอกนะ แต่ตรงกันข้าม...” พูดจบก็หยิบต้นฉบับปึกใหญ่ออกจากลิ้นชักมาวางบนโต๊ะ

“เวลาสามเดือนของการเขียนนิยายรัก ความยาวกว่าสามร้อยหน้าเอสี่ของนักเขียนสายสารคดี พี่ขอบอกว่า...”

หัวใจของปลายฟ้าเต้นถี่เหมือนฟังผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดวงตากลมโตก็จับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาแบบชายไทยเชื้อสายจีนที่ค่อยๆ คลี่คำวิจาร์ณออกมาว่า

“น่าเบื่อ”

แต่แค่คำแรก ปลายฟ้าก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกราวกับถูกเขาขว้างหินก้อนยักษ์ใส่เต็มแรง 

“ขนาดบทนำยังจืดชืดจนอยากคว่ำต้นฉบับ ต่อให้เป็นนักอ่านสายแข็งก็เถอะ อ่านไปถึงกลางเรื่องก็นับว่าเก่ง แต่ก็งงๆ อยู่ว่าที่ปลายส่งมาให้พี่พิจารณานี่มันนิยายรักหรือบทความชีวิตลิงชิมแปนซี!“

ตามด้วยหินก้อนต่อมา ที่เพิ่มน้ำหนักถ่วงความมั่นใจของปลายฟ้าให้หนักอึ้งจนไหล่ห่อลู่ “คือ...ปลายอยากแทรกความรู้เกี่ยวกับลิงชิมแปนซีเข้าไปด้วย นักอ่านจะได้รู้จักลิงชิมแปนซีไปพร้อมๆ กัน”

“แต่คนที่ซื้อนิยายรักเพราะอยากรู้ว่าคนสองคนรักกันยังไง ไม่ได้อยากรู้ว่าชิมแปนซีมีพัฒนาการแบบไหน เกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์ของนิยายเรื่องนี้มันเป็นแบบนั้น!”

“สรุปสั้นๆ คือ ไม่ผ่านใช่ไหมคะ” ดวงตาของเขาสื่อความหมายว่าเธอน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่แค่ต้องการคำยืนยัน

“ที่พูดไปนี่ก็ยังไม่รวมถึงเหตุผลที่แนวเรื่องไม่ตรงกับแนวของอักษรารัญจวน แล้วถึงปลายเอาไปส่งที่อื่น พี่ว่าเขาคงโยนต้นฉบับของปลายเข้าเครื่องบดกระดาษก่อนหยิบมาอ่านด้วยซ้ำ”

“แล้วถ้าปลายกลับไปรีไรท์ใหม่ละคะ ลดบทของเจ้าลิงลงบ้าง พี่รินทร์พอจะช่วยแนะนำปลายได้ไหมคะ” อย่างไรเสียก็ขอให้ได้อะไรกลับไปบ้าง เธอไม่ยอมให้การอดหลับอดนอนตลอดสามเดือนเพื่อเขียนนิยายเรื่องนี้กลายเป็นสิ่งสูญเปล่า

“แทนที่จะรีไรท์ พี่แนะนำให้ปลายโละเรื่องลิงสื่อรักทิ้งแล้วไปหาเรื่องใหม่เขียนจะดีกว่า แต่กว่าที่ปลายจะเขียนเรื่องใหม่จบ กว่ากองบรรณาธิการจะพิจารณา กว่าจะทำสัญญา กว่าจะตีพิมพ์ และกว่าที่ปลายจะได้เงินจากส่วนแบ่งการขาย ไม่มีทางทันสิ้นปีตามที่ปลายต้องการเลย”

สุดท้ายแล้วเขาก็โยนความหวังของเธอทิ้งด้วยคำพูดของคนคุ้นเคยกันเท่านั้นที่จะกล้าพูดใส่กัน แต่เปล่าประโยชน์ที่จะยื้อให้เขายมอรับผลงานที่ไม่ต้อง และถ้าการเปลี่ยนแนวงานเขียนไม่ใช่ทางออก ปลายฟ้าก็ต้องมองหางานอื่นที่ได้เงินมากพอก่อนสิ้นปี 

“ปลายเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณพี่รินทร์ที่สละเวลาให้ปลายเข้าพบ” หญิงสาวบอกพลางเก็บต้นฉบับนิยายเรื่องรักเรื่องแรกในชีวิตใส่กระเป๋า 

“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แต่อุตส่าห์ติดต่อมาเพราะธุระเรื่องเดียวอย่างนั้นหรือ” ทว่าคำถามน้ำเสียงประชดทำให้คนที่กำลังลุกขึ้นยืนหยุดชะงัก

“ปลายไม่อยากรบกวนเวลางานของพี่รินทร์” นั่นคือความจริง แต่อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้นานนักก็เพราะการจากกันของเธอและเขามันไม่สวยงาม

“แต่ถ้าอยากรบกวนเรื่องเงิน พี่ก็เต็มใจนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ปลายไม่อยากสร้างหนี้เพิ่ม” ถึงจะปากร้าย แต่เขาก็เป็นคนใจป้ำรักการเปย์ แต่สถานะระหว่างเธอกับเขาตอนนี้ไม่ควรให้เขามาเปย์อะไรทั้งนั้น

“ทำแบบนี้แล้วมันช่วยให้อิ่มท้องตรงไหน”

“ทำแบบไหนคะ”

เขาไม่ตอบ แต่แค่นหัวเราะราวกับระอาในคำถาม จากนั้นเปิดแทปเล็ต แล้วขยับนิ้วพิมพ์บางอย่างลงไป

“ยุคดิจิตอลทำพิษ Wild Life Nature ปิดตัว เจ๊งแล้วอีกราย” 

เอ่ยพลางลุกจากเก้าอี้ เดินมาหยุดยืนข้างหญิงสาว แล้ววางแทปเล็ตบนโต๊ะให้ปลายฟ้าเห็นพาดหัวที่พูดถึงการปิดตัวของนิตยสารวิชาการที่เป็นเหมือนหม้อข้าวใบเดียวของเธอ

“จะไม่ใช่แค่ Wild Life Nature แต่นิตยสารวิชาการหลายหัวกำลังเผชิญวิกฤตเดียวกัน ผู้บริโภคเปลี่ยนวิธีเสพ ความรู้พวกนี้หาอ่านกันเองได้ในอินเทอเนต สำนักพิมพ์หลายที่เลยต้องปรับตัว แต่ถ้าปรับตัวไม่ได้ ก็ต้องปิดตัว” 

โดยไม่ทันระวัง เจ้าของร่างสูงโน้มตัวลงกั้นเธอให้อยู่ระหว่างแขนแกร่งทั้งสองจากด้านหลัง แล้วก้มหน้ากระซิบคำพูดใกล้จนแก้มนวลสัมผัสลมหายใจอุ่น 

“ปลายเองก็ต้องปรับตัว” 

“ปลายก็กำลังปรับตัวอยู่นี่ไงคะ ผันตัวจากงานเขียนสารคดีสัตว์โลกที่ใช้ชีวิตมาเป็นเรื่องราวความรักของมนุษย์”

“แต่ดูเหมือนว่าการปรับตัวของปลายจะไปไม่รอด” น้ำเสียงทุ้มนั้นยังคงแผ่วใกล้ใบหู “ถ้าเทียบกับสัตว์ละก็ ปลายคงจะสูญพันธุ์ในไม่ช้า”

คำพูดของเขาทำให้ปลายฟ้าสูดลมหายใจเข้าแรงจนหน้าอกกระเพื่อม แต่ไม่อาจยับยั้งความร้อนรุ่มที่เริ่มแผดเผาในอก จึงจ้องมองไปยังหยาดน้ำเย็นที่กำลังไหลหยดเป็นข้างขวดแทนการเอาใจไปใส่กับคำพูดที่กัดกินใจ

“แต่ถ้าปลายไม่อยากสูญพันธุ์ พี่ก็ขอแนะนำในฐานะที่เราเคยเกือบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งว่า แค่ความรักอย่างเดียว มันไม่พอทำให้ตัวละครไปพบกับความสุขในตอนจบ”

“ถ้าความรักไม่พอสำหรับนิยายรัก แล้วมันต้องการอะไรอีกคะ”

 “ความใคร่ไงปลายฟ้า” น้ำเสียงของเขาลุ่มลึกพิกล 

“ความรักจำเป็นต้องมีความใคร่ด้วยหรือคะ”

“เพราะคิดแบบนี้ไง งานเขียนของปลายเลยน่าเบื่อยิ่งกว่าอ่านบทความสารคดี!” กรินทร์ทำหน้าประหลาดใจราวกับเธอเพิ่งถามว่าโลกกลมหรือโลกแบน “ตัวละครเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ที่แค่สืบพันธุ์ตามสัญชาติญาณ ความใคร่ถือเป็นส่วนสำคัญของความรัก!”

“แล้วความใคร่ที่ทำให้พี่รินทร์แอบไปมีสัมพันธ์สวาทกับผู้หญิงคนอื่นล่ะคะ เป็นส่วนสำคัญของความรักของพี่ด้วยใช่ไหม”

หนึ่งคำก็จืดชืด สองคำก็น่าเบื่อ ต่อให้พยายามเก็บความอ่อนไหวไม่ให้เล็ดลอดออกจากหัวใจ แต่ก็ไม่อาจห้ามตัวเองให้โต้เถียงเขาได้

“เพราะพี่ระบายความใคร่กับเธอไม่ได้ไงปลายฟ้า แล้วเธอก็ไม่เคยแสดงออกว่าใคร่พี่เลยตั้งแต่คบกันจนถึงคืนสุดท้ายคืนนั้น!” 

คำพูดที่ลั่นออกจากปากหยักมีอานุภาพเหมือนสายฟ้าฟาดกลางใจ แต่จะขุดเอาอดีตมาซ้ำเติมบาดแผลกันและกันไปทำไม อีกทั้งการเป็นฝ่ายบอกลาของเธอตอนนั้นก็ทำเพื่อตัวเขาเอง 

“ปลายหมดธุระแล้วจริงๆ ปลายขอลานะคะ” บอกเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเร็วจนปลดพันธนาการจากมือที่เกาะกุมบ่าบางทั้งสองข้างได้ แล้วหันตัวไปประจันหน้ากับคนที่กำลังนิ่วหน้ามองเธอ “แล้วก็ขอโทษอีกครั้งที่ปลายไม่มีความใคร่พอที่จะทำให้รักของเราสมบูรณ์”

จากนั้นก้าวขาเดินผ่านไหล่ของเขา แต่ไม่พ้นเขตของวงแขนกว้าง เอวบางจึงถูกรวบแล้วหมุนตัวให้กลับเข้าไปแนบชิดกับร่างแกร่ง 

"พี่ไม่เคยลืมคืนสุดท้ายของเราเลย แม้มันจะไม่น่าจดจำสำหรับปลายก็ตาม” 

เขาโน้มหน้าลงมาใกล้ปลายฟ้าเห็นเงาสะท้อนของเธอเองในดวงตาเรียว เธอเองไม่เคยลืมคืนนั้น คืนที่เธอทำทุกอย่างพัง คืนที่เธอรู้ชัดแก่ใจว่าไม่อาจหลุดจากอดีตร้ายที่ทำลายชีวิตของเธอได้

ทว่าเธอไม่อยากทำให้หัวใจทั้งของตัวเองและของเขาบอบช้ำไปมากกว่านี้ ปลายฟ้าดันตัวเองสุดแรงจนหลุดจากวงแขนแกร่ง แล้วเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางหยิ่งผยองตรงข้ามกับน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยน้ำมูกเต็มจมูก

“ปลายก็ไม่ลืมคนที่บอกว่าปลายเป็นกามตายด้านเหมือนกัน” คำพูดโต้กลับของเธอสร้างความขุ่นเคืองให้กับชายหนุ่มไม่น้อย

“เพราะเป็นแบบนี้ไง นิยายของปลายเลยจืดชืด!” 

“จืดชืดยังไงมิทราบ!” 

"ก็เหมือนคืนสุดท้ายของเรา ปลายไร้อารมณ์ร่วมในบทรักที่พี่พยายามส่งให้ยังไง การเขียนนิยายรักของปลายก็จืดชืดพอกัน!"

"แต่นิยายของปลายมันเป็นแนวฟีลกู้ด!”

“แล้วที่ลำบากเรื่องเงินอยู่ตอนนี้ มันฟีลกู้ดตรงไหน!” 

ปลายฟ้ากำมือที่แนบข้างลำตัวทั้งสองข้างแน่น “ขอโทษที่เอาต้นฉบับนิยายจืดชืดมาทำให้พี่เสียเวลา!” 

ต่อให้นิยายรักของเธอจืดสนิทยิ่งกว่าน้ำเปล่าจริงดังเขาว่า แต่ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ให้เขาตอกย้ำชีวิตรสขมปี๋ของเธอ

“โอเค พี่ขอโทษที่พูดไปแบบนั้น” กรินทร์ยกมือทั้งสองทำราวกับขอยอมแพ้การวิวาท “อันที่จริง นิยายเรื่องนี้ของปลายมันก็ไม่ได้จืดชืดทั้งหมดหรอก สำนวนภาษาของปลายก็ดีมาก”

“แล้วทำไมพี่รินทร์ถึงคิดว่ามันไม่ดีพอสำหรับตีพิมพ์!” 

“แนวเรื่องแบบนี้มันไม่สร้างยอดขาย แล้วมันก็เป็นเหตุผลสำคัญของสำนักพิมพ์”

“ไม่สร้างยอดขาย...” คิ้วเข้มธรรมชาติขยับเข้าชิดกัน

“จะเขียนให้ขายได้ ก็ต้องเขียนนิยายตามกระแส ยิ่งนามปากกาโนเนม ยิ่งต้องอาศัยกระแสดันตัวเองให้อยู่เหนือคลื่น”

“แต่นิยายกระแสก็มีคู่แข่งเยอะไม่ใช่หรือคะ แล้วปลายที่ไม่เคยมีผลงานนิยายรักมาก่อน กว่าจะอยู่เหนือคลื่นต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ต้องเขียนให้ได้กี่เรื่อง ต้องคลอดกี่พล็อต แล้วปลายจะรู้ได้ยังไงว่ากระแสไหนมากระแสไหนไป” 

เขาถอนหายใจอย่างระอา มองเธอเพียงชั่วครู่แล้วเดินกลับไปหยุดยืนกอดอกหน้ารูปวาดแวนผนัง ก่อนใช้ปลายนิ้วแตะแผ่นอะคริลิกที่เป็นรางวัลเกียรติยศจากสมาคมสื่อสิ่งพิมพ์ ปีพุทธศักราชที่ระบุนั้นนับย้อนไปได้ก็ช่วงที่เธอเพิ่งอยู่มัธยมปลาย

“นักเขียนก็มีปัญหาเหมือนสำนักพิมพ์ จะเขียนอะไรให้ขายได้ก็ต้องดูกระแส ไม่งั้นทั้งนักเขียนทั้งสำนักพิมพ์ก็ไม่รอด แล้วปลายก็รู้ใช่ไหมว่านิยายกระแสที่ทำเงินมาตลอดหลายปีไม่มีเปลี่ยนของอักษรารัญจวนคือนิยายอิโรติก” จากนั้นก็หันมาสบตาเธออีกครั้ง “แนวที่ปลายแอนตี้มาตลอด แต่ก็ทำเงิน”

เธอรู้ว่า ที่เขาพูดมานั้น ต้องการอะไร “ปลาย...ปลายเขียนแนวนั้นไม่ได้” 

“บอกพี่ทีซิว่าทำไมถึงเขียนนิยายอิโรติกไม่ได้”

“คือ...” หญิงสาวลอบถอนหายใจ เธอไม่อาจให้คำตอบเขาได้ แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผล จึงยกมือไหว้เตรียมกล่าวลา

“ปลายต้องไปแล้วจริงๆ ค่ะ ขอบคุณพี่รินทร์อีกครั้ง” จากนั้นก็ก้าวขาเดินไปที่ประตูให้เร็วที่สุด

"เขียน!"

ทว่าเสียงเข้มของชายหนุ่มหยุดขาเธอชะงักที่หน้าประตู

“พี่รินทร์ว่าอะไรนะคะ” พอหันหลังกลับไปก็เห็นความขึงขังในดวงตาเรียวชัดเจนแม้ยืนห่างกันหลายก้าว

“ปลายต้องเขียนนิยายอิโรติกมาส่งพี่!” 

"ปะ... ปลายกลัวไม่ผ่าน" 

"มันจะผ่านถ้าพระเอกในเรื่องคือพี่ และนางเอกคือปลาย!"

คราวนี้ได้ยินเต็มสองรูหู แต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดประโยคออกมา คนฟังจึงอ้าปากค้างไปชั่วขณะ “ปลายคิดว่า...คงไม่...”

“คิดให้ดีแล้วค่อยตอบ ครั้งหน้าที่พี่จะอ่านนิยายของปลาย พี่ต้องได้อ่านบทนำ โดยเริ่มจากฉากร่วมรักของเราบนเตียง”

นี่เขาไม่ได้ล้อเธอเล่นใช่ไหม!

 

 

 

 

 

 

 

PRE-ORDER

นิยายรัก #ลมห่วงรัก #กลพยาบาทจันทร์ซ่อนเงา #MYROSEเดิมพันรักมัดใจยัยกุหลาบ

นามปากกา ณ มหรรณพ

Page หน้า สนพ MEB: https://rb.gy/4ed872

แนะนำการโหลดอ่านตัวอย่างและดูตัวอย่างเนื้อในนิยายจาก MEB ค่ะ

ระยะเวลาพรีทุกเรื่อง : วันนี้ – 22 มีนาคม 2025

ค่าส่งขนส่งเอกชนราคาเดียว 50฿

 

นิยายที่เปิดพรี

1. ลมห่วงรัก

- ราคาเล่มละ r444 ฿

- กระดาษปอนด์ครีม 75g

- ปกเคลือบพลาสติกด้าน ปั๊มนูนชื่อนิยายสุดงาม

- หนา 516 หน้า

- แถมฟรีที่คั่น + โปสการ์ด

2. กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา

- ราคาเล่มละ 444 ฿

- กระดาษปอนด์ครีม 75g

- ปกเคลือบพลาสติกด้าน ปั๊มนูนชื่อนิยายสุดงาม

- หนา 550 หน้า

- แถมฟรีที่คั่น + โปสการ์ด

3. My Rose เดิมพันรักมัดใจยัยกุหลาบ

- ราคาเล่มละ 444 ฿

- กระดาษปอนด์ครีม 75g

- ปกเคลือบพลาสติกด้าน ปั๊มนูนชื่อนิยายสุดงาม

- หนา 580 หน้า

- แถมฟรีที่คั่น + โปสการ์ด

นิยายเป็นแบบพรีออเดอร์ ไม่มี STOCK พร้อมส่งค่ะ จะจัดส่งให้นักอ่านทุกท่านหลังในวันที่ 31 มีนาคม 2025

ช่องทางการสั่งพรี

INBOX FACEBOOK : Lawan Cloud (ณ มหรรณพ)

https://www.facebook.com/mylifeiswritingmydream/