โชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระเอกนิยายสุดปลายฟ้าโชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
เมื่อนิตยสารสารคดีที่ ปลายฟ้า เป็นนักเขียนประจำปิดตัว ทำให้ปลายผ้าต้องหันเหจากการเขียนแนววิชาการ ไปต้องเลี่ยนแนวไปเป็นนักเขียนนิยาย เพื่อหาเงินเลี้ยงดู แม่และน้องสาว โดยเฉพาะแม่ของเธอต้องรับการผ่าตัดตาในสิ้นปี ปลายฟ้าจึงเขียนนิยายรัก แล้วนำไปให้ กรินทร์ คนรักเก่าที่เป็นซีอีโอของสำหนักพิมพ์อักษรารัญจวนช่วยพิจารณา แต่กรินทร์ไม่ให้ผ่านเพราะแนวเรื่องไม่ตรงกันแนวของอักษรารัญจวนที่เน้นขายแนวนิยายอิโรติก
แต่เพราะกรินทร์ยังมีใจให้ปลายฟ้า ด้วยความรักที่หลงเหลือ จึงให้ปลายฟ้าเขียนนิยายอิโรติกโดยที่มีเขาเป็นพระเอก และเธอเป็นนางเอก แลกกับเงินค่าจ้างที่เขาจะจ่ายให้เธอเป็นรายเดือนแต่ปลายฟ้ามีปมกับเรื่องเซกส์เพราะเคยถูก เปลว พ่อเลี้ยงล่วงละเมิดในวัยเด็กและมักมีอาการทางประสาทกำเริบหากถูกกระตุ้น ทว่าด้วยเงินที่กรินทร์เสนอให้ จึงทำให้ปลายฟ้าตอบรับงาน แต่เพราะกลัวว่าจะเขียนให้ถึงตอนจบไม่ได้ ปลายฟ้าจึงตั้งใจหางานเสริม และเธอก็ได้งานแม่บ้านรีสอร์ตที่มีชื่อว่า Beyond The Horizon โดยบังเอิญจากแม่บ้านคนเก่าที่ลาออกกระทันหัน
ที่รีสอร์ตนี้ ปลายฟ้าต้องทำงานเป็นแม่บ้านประจำโซนวิลล่าการ์เด้น โดยมี แหวว หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนคุมงาน เธอมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกให้แขกประจำโซน ซึ่งหนึ่งในแขกที่เธอต้องดูและคือ เข้ เจ้าของห้องหมายเลข 222 ที่เขาแอบเลี้ยงแมวโดยมีแค่เธอและเขาเท่านั้นที่รู้ นอกจากแหววแล้ว ปลายฟ้าได้เจอ ชิด บาร์เทนเดอร์ที่คอยสอนงานในห้องอาหารให้เธอ
ด้วยงานแม่บ้านนี้เองที่ปลายฟ้าจะยึดไว้เป็นอาชีพเสริมจนกว่าเธอจะเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์จบ แต่มีเหตุเกิดขึ้นกับปลายฟ้าคือเธอเหยียบหางแมวที่คุณเข้เลี้ยงไว้ที่ริมสระน้ำ จนทำให้เธอตกสระ แต่เข้ก็ช่วยเธอไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เข้รู้ว่าเธอต้องรับงานเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์ แต่เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียง(แบบคู่รัก) เข้เลยเสนอว่าถ้าปลายฟ้ามาเป็นเพื่อนคุยให้เขา เขาจะเล่าประสบการณ์บนเตียงให้ฟัง ข้อตกลงแรกระหว่างปลายฟ้าและเข้จึงเริ่มขึ้น
แต่ปลายฟ้าไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะกลายเป็นผู้เล่นคนหนึ่งในเกมล่าหาคำตอบของปริศนาฆาตกรรมในรีสอร์ทแห่งนี้
เพียงแค่ถูกปลายนิ้วสัมผัสไต่วน เธอก็ทั้งเสียวซ่าน ทั้งวาบหวามไปทั่วร่าง คล้ายมีกระแสไฟฟ้าแล่นจากปลายถันสู่กึ่งกลางกายสาว ยามเขาบีบเค้นนวดคลึงยอดถัน ตรงจุดอ่อนไหวส่วนนั้น มันก็เต้นตุบๆ ตอบรับ ราวกับใช้เส้นประสาทเดียวกัน
“แล้วถ้าสมมุติว่าคุณเป็นมันล่ะคะ... คุณอยากออกจากตรงนั้นไหม ออกจากดวงจันทร์ดวงนั้น”
คำถามของปลายฟ้าทำให้เขาหัวเราะในลำคอ แต่ยังเคลื่อนฝ่ามือร้อนลงต่ำลูบไล้วนรอบสะดือ สร้างความเสียวซ่านและหวานละมุนได้อย่างประหลาด จนภาพเจ้ากระต่ายบนนั้นเริ่มพร่ามัวไปตามความเคลิบเคลิ้ม
“ถ้าผมเป็นมัน...ผมไม่อยากออกจากดวงจันทร์...”
“ทำไมคะ” หญิงสาวกัดริมฝีปาก เมื่อรับรู้ถึงการล่วงล้ำของปลายนิ้วแกร่งเข้าสู่ใต้ขอบกางเกงยีนส์
“เพราะถ้าผมออกมา...ดวงจันทร์ก็...ไม่เป็นดวงจันทร์” เขาเอ่ยบอกแล้วหยุดความเคลื่อนไหวของปลายนิ้ว
“ทำไมดวงจันทร์...ถึงไม่เป็นดวงจันทร์คะ” คำถามของเธอก่อตัวขึ้นเมื่อความกังวลบางอย่างค่อยๆ ดึงปลายจากห้วงอารมณ์วาบหวาม ภาพกระต่ายบนนั้นก็เริ่มกลับมาชัดเจน พร้อมกับสติรู้ตัวที่ทำให้เธอรีบจับข้อมือหนาให้ถอนตำแหน่งออกจากผิวกายส่วนนั้น
ทว่า...ไม่ทันเสียแล้ว
“ถ้าไม่มีกระต่าย... ดวงจันทร์ก็ไม่ต่างจากดวงไฟ...”
ที่ตรงนั้น ที่เขาเริ่มขยับปลายนิ้วไล้โลม... ที่ตรงนั้น มีรอยแผลเป็นใหญ่แสนน่าเกลียดแสดงตัวตนอย่างอาจหาญราวกับอยากให้เจ้าของเรือนร่างอับอาย
“เราชมจันทร์เพราะว่ามันมีส่วนมืดและส่วนสว่าง...” เขากระซิบพลางกดจูบลงบนลาดไหล่เนียน ขณะที่ขยับนิ้วแผ่วเบาไปตามความยาวของรอยนูนใต้สะดือ “มันเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน...”
“แม้ว่าแท้จริงแล้ว ส่วนมืดจะเป็นรอยแผลอุกกาบาตน่าเกลียด เราก็ยังอยากชมจันทร์ใช่ไหมคะ”
เขาหัวเราะในลำคอ ถอนมือจากรอยแผลเป็น แล้วจับร่างบางให้พลิกตัวหันไปสบสายตา “ขึ้นอยู่กับว่าเราให้คุณค่ามันแบบไหน”
“แล้วคุณให้คุณค่าแบบไหนคะ”
ดวงตาของเขาส่องประกาย ราวกับมีดวงจันทร์สว่างพร่างพรายอยู่ภายใน “แบบที่มันเป็น...”
แสงจันทร์ทอดเงาอ่อนโยนลงบนใบหน้าคมคายที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจจรดกัน ดวงตาของเขาเป็นสีของค่ำคืน เข้มลึกทว่ามีประกายระยิบระยับซุกซ่อนอยู่ภายในจนเธอไม่อาจละสายตา และคล้ายถูกดึงดูดเข้าสู่ห้วงจักรวาลของเขาโดยไม่มีทางหลบหนี
ริมฝีปากของปลายฟ้าเผยอออกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจอุ่นซ่านรินรดปลายจมูกเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ ความเงียบที่เกิดระหว่างกันหนักแน่นกว่าถ้อยคำใดๆ เป็นเพียงเสียงหัวใจที่เต้นโหมกระหน่ำของกันและกัน
นิ้วมือของเขาไล้แผ่วลงบนสันกรอบหน้าของเธอ ก่อนจะเอื้อมไปเกลี่ยปอยผมที่หล่นระอยู่เหนือขมับ เธอหลับตาลงเพียงชั่วครู่ ปล่อยให้สัมผัสนั้นหลอมละลายกำแพงทุกอย่างภายในใจ
“แบบที่มันเป็น...” เขากระซิบคำเดิม เสียงทุ้มต่ำสั่นสะเทือนอยู่ในอากาศ ก่อนที่ปลายนิ้วของเขาจะประคองปลายคางเธอเบาๆ เชื่องช้า ไม่เร่งเร้า ทว่าแน่วแน่
เธอเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของพวกเขาประสานกันตรงกลางระหว่างลมหายใจ กลมกลืนเข้าเป็นหนึ่งเดียวโดยไร้สิ่งใดขวางกั้น
ริมฝีปากของเขาทาบลงบนริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล ราวกับทดสอบและให้โอกาสเธอถอยหนี ซึ่งเธอเลือกไม่ทำ
Brave lady เขาเคยเรียกเธอแบบนั้น...
เธอปิดเปลือกตาลงด้วยหัวใจอาจหาญ ปล่อยให้ตัวเองหล่นหายไปในจุมพิตที่อบอุ่น อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความหมาย
ปลายนิ้วของเธอเผลอกำท่อนแขนแกร่งของเขาไว้แน่นเมื่อความอ่อนหวานนั้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็น เร่าร้อนด้วยความช่องชองของลิ้นร้ายที่สอดส่ายสำรวจตรวจตรา หวามไหวหัวใจเต้นแรงไปกับนิ้วแกร่งที่เคลื่อนสอดเข้าขอบกางเกงยีนส์ ก่อนปลดกระดุมและรูดซิปลง แล้วสอดฝ่ามือเข้าไปนาบเนินนุ่มที่มีกลุ่มเส้นไหมชุ่มชื้นปกคลุม
“อืม...”
เธอครางในลำคอเมื่อเขาถูกสอดนิ้วเรียวแหวกกลีบผกาแล้วกดน้ำหนักถูไถยอดเกสร ก่อนชำแรกลึกเข้าสู่โพรงฉ่ำที่ขมิบรับการรุกราน ริมฝีปากหยักก็ยังคงพะเน้าพะนอ มอบจูบดูดดื่มจนปลายฟ้าเคลิ้มไคล้ไปกับความมึนเมาของรสจูบที่เต็มไปด้วยรสชาติของเบียร์ผลไม้จากปลายลิ้นร้อน
โดยไม่รู้ตัว เธอถูกดันให้เอนจนแผ่นหลังแนบชิดกับเนื้อไม้ของเตียงปรับนอน กระทั่งลมเย็นพัดสัมผัสผิวต้นขา ปลายฟ้าจึงได้รู้ตัวว่าเขาปลดเปลื้องอาภรณ์ส่วนล่างของเธอจนหมดสิ้น
ทว่าท่ามกลางจันทร์ฉายที่ส่องแสงลงมากระทบเนินหน้าท้อง ไม่ต่างจากไฟสปอตไลท์ที่ขับเน้นแผลเป็นน่าเกลียดเหนือหัวหน่าวให้ชัดแจ้งต่อดวงตาสีนิลลุ่มลึก
“กลัวหรือหนาว” เจ้าของคำถามเสียงทุ้มโน้มตัวลงมา สบตาหาคำตอบจากปลายฟ้า
“นะ...หนาว” เธอตอบตรงข้ามกับใจ
ชายหนุ่มหัวเราะลำคอ ก่อนจุมพิตเบาๆ ที่มุมปากของปลายฟ้า “งั้นจะทำให้หายหนาว”
แล้วในวินาทีถัดมา กายเธอก็ร้อนวูบวาบเมื่อเขาแยกปลีขาบางออกแล้วคลื่อนศีรษะลงต่ำ กดริมฝีปากอุ่นไปตามหน้าท้องจนมาถึงเนินหัวหน่าวที่ทำปลายฟ้าแทบกลั้นหายใจ เมื่อเขาไล้ลิ้นบนรอยแผลเป็นของเธอ
“คุณสวยมาก สวยจนผมอยากดูใกล้ขึ้นอีก” พึมพำแล้วลากลิ้นร้อนไปตามแนวยาวลงมาจรดที่รอยแยกของกลีบผกา
“อา....” ริมฝีปากอิ่มเปล่งเสียงครางออกมายามชิวหาซอกซอนไล้เลีย ร่างกายเธอในบัดนี้เหมือนไม่ใช่ของเธอ มันตอบรับต่อปากหยักแม้สมองไม่สั่งการ
“ปลดปล่อยความต้องการออกมาให้ผม My brave lady”
ดวงจันทร์บนฟากฟ้ายังคงส่องแสง สายลมก็พัดพากลิ่นไอดินหลังฝนโชเฉื่อย ได้ยินเสียงใบไม้กระทบกันสลับเสียงหริ่งหรีดเรไร แต่เธอไม่สนใจมันอีกต่อไป ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไป แล้วรับรู้ถึงความหื่นกระหายของริมฝีปากร้อนที่ดูดกลืนทั่วทุกอณูที่เขาไปถึง
“คะ...คุณเข้...” ปลายฟ้าครางเรียกเขา เธอกระสันเสียวแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน “ฉัน...ร้อนแล้ว...ตอนนี้...”
“ผมก็...เหมือนกัน” เขาสอดมือหนึ่งประคองช้อนใต้สะโพกของเธอ ปรือตามองด้วยดวงตามากล้นแรงปรารถนา แล้วใช้มือข้างที่ข้างปลดซิบกางเกงของตนด้วยความเร่งรีบ
“คุณต้องใช้มัน...” เธอเตือนเขา ข้างโซฟานั่น สองกล่องกับหนึ่งขวดที่เขาซื้อมายังอยู่ในถุงข้างโซฟา
“ผมต้องใช้มัน...” เขาทวนคำเสียงแหบพร่า แต่ดวงตาคู่นั้นมีแววแห่งความลังเล
โครม!
ฉับพลันเกิดเสียงบางอย่างดังสนั่นจากในห้อง เขาและเธอเงยหน้ามองตากันด้วยความฉงนก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายถอนตัวจากอารมณ์หวาม คว้ากางเกงส่งให้หญิงสาว โดยไม่ต้องเอ่ยความยาว ปลายฟ้ารับมาอย่างรู้ความหมาย เธอรีบสวมใส่มันกลับคืน จากนั้นลุกจากเก้าอี้เดินเข้าห้องไปตรงไปค้นหาต้นเสียงพร้อมกัน
แล้วสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาพวกเขาคือโหลบรรจุขนมแมวเลียตกจากตู้แขวนเหนือเคาน์เตอร์บาร์ที่ฝาตู้เปิดอ้าค้าง ตัวก่อการก็คือเจ้าแมวขนสีดำสลับขาวที่ส่งเสียงร้องพลางเดินวนไปมารอบขวดโหล
“คุณปิดประตูสนิทหรือเปล่า” เขตต์ถามเสียงเครียด
“สนิทสิคะ แต่เจ้าเบอร์เบินมันเป็นแมวฉลาดเปิดประตูตู้เองได้ คุณก็รู้”
เขตต์ไม่ตอบ ดวงตาคมกริบของเขาตวัดมามองเธออย่างพินิจ ก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง น้ำเสียงหนักแน่นขึ้น “ผมหมายถึงประตูห้อง ตอนคุณออกไปกับผม คุณปิดประตูสนิทไหม”
“สนิทค่ะ” เธอตอบกลับแล้วเดินไปฉีกซองขนมป้อนเจ้าเหมียวขนฟูที่เดินปรี่เข้ามาหาด้วยท่าทางดีใจ
“บานเลื่อนกระจกที่ระเบียงล่ะ”
ปลายฟ้านึกย้อนกลับไป ตอนนั้นเธอเข้ามาให้ขนมเจ้าเบอร์เบิน และมั่นใจว่าปิดสนิท เพียงแต่... “ฉันไม่ได้ล็อก”
“ทำไมไม่ล็อก” น้ำเสียงจริงจังของเขาทำให้เธอประหลาดใจ
“ฉัน...ฉันลืม...” ปลายฟ้าพึมพำเบาๆ “แต่คุณโกรธด้วยหรือคะที่เบอร์เบินแอบเข้าห้อง...”
เขตต์ขมวดคิ้วเข้ม ก่อนที่โทรศัพท์ของเขาจะสั่นรัว เพราะข้อความแจ้งเตือนดังไม่ขาดสาย ชายหนุ่มกดดูเพียงแวบเดียวก่อนเดินตรงไปยังประตู
“คุณจะไป...” เธออร้องถาม แต่ยังไม่ทันจบประโยค ร่างสูงก็เปิดประตูออกแล้วปิดมันลงอย่างรวดเร็ว ทิ้งเธอไว้กับความสับสน
“ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เสียงเมี้ยวของเบอร์เบินและการตะกุยขาทำให้ปลายฟ้าหันไปแก้ปัญหาความหิวให้มันก่อน จากนั้นก็ยกโหลขนมเก็บที่ตกลงมาขึ้นเก็บบนชั้น ทว่าในตอนที่ดันขนมเข้าไป มือของเธอก็แตะถูกอะไรสักอย่าง จึงเขย่งเท้าดู แต่แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้ใจสั่น
“ดะ... ได... ไดอะซีแพม...”
ทำไมถึงมีไดอะซีแพมในห้องเขา!
‘อีขวัญ มึงเห็นยากูมั้ย!’
เสียงแหบห้าวของใครบางคนดังสะท้อนในหัว ปลายฟ้าเบิกตากว้าง อดีตแผ่ขยายออกจากเงามืด กลืนกินเธอเข้าไปในความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึง
‘อีปลาย! มึงเห็นยากูมั้ย!’
เธอซุกหน้าลงกับตุ๊กตาแมวน้อยตัวโปรด ส่ายหน้าปฏิเสธ เสียงเบาแทบกระซิบ แต่เมื่อเงามืดเคลื่อนเข้าใกล้ ปลายฟ้าก็รู้ทันทีว่าไม่มีที่ให้หลบหนี
‘นี่ไง! ยาของกู! อีตัวดี มานี่!’
เสียงตะโกนแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องโหยหวนของเธอเอง ลมหายใจติดขัด ภาพเลือนรางเบื้องหน้าสะท้อนแววตาดุร้าย มือหยาบใหญ่กระชากผมของเธอ เธอกรีดร้อง ดิ้นรนทุบตี แขนเล็กๆ ถูกฉุดกระชากให้เข้าไปในห้อง
เธอร้องเรียกหาแม่ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ ไม่มีใครช่วยเธอ ไม่มีใคร...
“ออกไปจากหัวฉัน!”
เสียงกรีดร้องของเธอสะท้อนในห้อง แต่แล้ว ประโยคหนึ่งที่เธอเคยบอกตัวเองก็แทรกเข้ามา
‘มันผ่านไปแล้ว... มันเป็นอดีต... ฉันปลอดภัย’
ปลายฟ้าทรุดลงกับพื้น หอบหายใจแรง สองมือสั่นเทากุมศีรษะ ปลุกตัวเองให้กลับมาอยู่กับความเป็นจริง
“มันเป็นแค่ภาพหลอน... มันเป็นแค่จิตใต้สำนึกสร้างขึ้นมา... ฉันอยู่ในปัจจุบัน... ฉันปลอดภัย...”
เสียงพร่ำบอกตัวเองค่อยๆ ปลอบประโลมเธอ จังหวะลมหายใจกลับคืนสู่ปกติ เบอร์เบินกระโดดขึ้นมาตะกุยแขน ส่งเสียงร้องเบาๆ ราวกับเป็นห่วง
ปลายฟ้าลูบขนมัน “ฉันไม่เป็นไรแล้ว...”
แต่ความจริง เธอไม่เชื่อแบบนั้นเลย
เมื่ออาการเริ่มบรรเทา สอมงของปลายฟ้าก็เชื่อมโยงไดอะซีแพมแผงนี้ กับยาแก้ปวดของแพรวพลอย และยาของแม่บ้านคนเก่า แล้วบางอย่างก็กระตุกในใจ
มันต้องเกี่ยวกันแน่... และเธอต้องหาคำตอบให้ได้!
‘ฉันจะลากคอคนที่ทำร้ายน้ำตาลเข้าคุกให้ได้ป้าแหวว ฉันสัญญา’
‘ถ้าได้เห็นหรือได้ยินอะไรวันนั้น ก็ให้ลืมๆ ไปซะ’
‘คนบางคนอาจแสร้งทำตัวเป็นนมสีขาวสะอาดมากประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงอาจมีฤทธิ์ร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแฝงอยู่ แค่หลงดื่มไปอึกเดียวก็ทำให้เจ็บจนตาย’
‘ข้อกล่าวหาที่จะทำให้คุณกลายเป็นผู้ต้องขังต่างหาก!’
เธอวางเบอร์เบินลงพื้น แล้วออกจากห้องพัก เดินไปตามถนนหลักที่มีไฟส่องเป็นระยะ แต่ก็มองไม่เห็นร่างสูงของชายหนุ่ม พอพ้นหัวมุมที่เป็นซอยหลังห้องพักกับวิลล่าที่เพิ่งถูกเพลิงไหม้ ปลายฟ้าก็เกิดติดใจสงสัยถึงต้นสายปลายเหตุที่ยังไม่มีใครบอกได้ว่าไฟฟ้าลัดวงจรได้อย่างไร ลางสังหรณ์บอกว่าบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ปลายฟาเดินเข้าไปยังเถ้าถ่านสีดำ ลมหายใจขาดห้วงเมื่อได้ยินเสียงสนทนาแว่วมาจากแนวไม้ด้านหลัง
“เธอคิดหรือว่าจะชนะคดี หลักฐานก็ชี้ชัดว่าเธอเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับน้ำตาลก่อนตาย!”
แพรวพลอย! ปลายฟ้าเรียกชื่อหญิงสาวที่ตะเบ็งเสียงใส่เขาในใจ
“ทั้งมอมยา ทั้งใช้ความรุนแรง บังคับขืนใจ แล้วยังวางเพลิงเอาประกัน คนแบบนี้หรือจะดูแลบริหารกิจการได้!”
“เก็บคำพูดพวกนั้นไว้พูดกับตัวเธอเองเถอะแพรว”
“หึ” แพรวพลอยแค่นหัวเราะ “ถ้าเก็บไว้แล้วใครจะรู้ล่ะว่าเธอมันเลว ถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องออกมาแฉ ไม่ให้คนเลยอย่างเธอลอยหน้าลอยตามีความสุขกับเหยื่อคนใหม่!”
“ส่วนเธอก็ดูแลความสุขของตัวเองไม่ได้ เลยตามรังควานความสุขของฉันใช่ไหมล่ะ แพรวพลอย!” คู่กรณีหนุ่มก็กร้าวเสียงดังปานกัน
“งั้นก็รักษาความสุขที่เหลือของเธออยู่ไว้ให้นานหน่อยนะ ก่อนที่มันจะสลายกลายเป็นไอในวันที่เธอถูกศาลตัดสินฆาตกรรมคนรักของตัวเอง”
ฆาตกรรม!?!... หัวใจของนักเขียนสาวแทบกระเด็นหลุดออกจากอก
“ฉันไม่จะอยากเชื่อเลยว่าเคยหลวมตัวรักเธอ” ชายหนุ่มพูดเสียงลอดไรฟัน
“เธอมันไม่เคยรักใครจริงเลยต่างหาก เธอมันรักแต่ตัวเอง ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตเธอก็มีค่าแค่นางบำเรอ รวมถึงน้ำตาลก็ด้วย เธอหลอกให้น้ำตาลหลงรัก แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่เครื่องสำเร็จความใคร่!”
“แพรวพลอย!”
เสียงเหี้ยมตะกคอกขึ้นกลางอากาศ ร่างสูงก้าวขาเข้าไปคว้าแขนหญิงสาวแต่เธอคนนั้นสู้กลับ ตบตีชายหนุ่มหวังให้หลุดพ้นจากพันธนาการ ทว่าเรี่ยวแรงของผู้มีโทสะเข้าครอบงำนั้นเกินกว่าจะต้านทาน เขาเหวี่ยงแพรวพลอยล้มลงกลิ้งไปกับพื้นดิน
ปลายฟ้าเบิกตากว้าง ร่างกายแข็งค้าง ชายหนุ่มที่เธอรู้จัก... ชายหนุ่มที่อ่อนโยน คอยดูแลเธอ... กลายเป็นคนที่ใช้กำลังกับผู้หญิง!? หรือนี่คือด้านมืดของเขา เป็นพิษร้ายที่แฝงมารูปของนมขาวบริสุทธิ์
“ถ้าเธอพูดแบบเมื่อกี้อีกครั้ง ก็อย่าหาว่าฉันใจร้าย!”
“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ เธอมอมยาแล้วใช้กำลังขืนบังคับน้ำตาลจนเสร็จสมใจก่อนน้ำตาลวิ่งหนีออกมาตกบันไดหน้าห้องไม่ใช่หรือไง!”
“ฉันเตือนแล้วนะ!” ร่างสูงคืบเข้าไปกระชากแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้น แต่เกิดการขัดขืนจึงยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ตรงนั้น
ปลายฟ้าทนเห็นผู้หญิงด้วยกันถูกทำร้ายไม่ได้ จึงจะเผยกายออกจากตรงนั้น ทว่าฉับพลันทันใดที่เธอกำลังจะก้าวขา ก็มีมือใหญ่เข้ามาปิดปากปลายฟ้าจนสนิท อีกมือก็รอบเอวจากด้านหลัง แล้วดึงเข้าไปกระซิบด้วยน้ำเสียงขึงขังเป็นภาษาอังกฤษว่า
“Stay quiet, don't make a sound!” เจ้าของมือใหญ่ปิดปากเธอจนแน่น แล้วล็อคเอวเธอไว้จากนั้นขืนบังคับให้เดินตาม
ความหวาดกลัวปิดปากปลายฟ้าได้สนิทตลอดทาง จนกระทั่งเธอถูกลากมาไกลจนไม่ได้ยินเสียงวิวาท และทันทีที่พันธนาการมือหนาจึงถูกปลดออก ปลายฟ้าก็หันขวับไปมองคนที่ลากถูตัวเธอออกมา
เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้มีเส้นผมสีบลอน์เข้ม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนส่องประกาย และมีใบหน้าคมสันตามแบบคนสัญชาติตะวันตกที่ไม่รู้ว่าเป็นคนชนชาติใด แต่ที่รู้แน่ชัดคือเขาไม่พอใจอย่างมากเมื่อชี้นิ้วไปทางเศษซากของวิลล่าหลังเก่า
“What’ s going on here!”
“คุณ...คุณคือ...”
“ลียง” เขายืนเท้าเอวมองเธอด้วยดวงตาขุ่นมัว “ฉันคือลียง”