โชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระเอกนิยายสุดปลายฟ้าโชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
เมื่อนิตยสารสารคดีที่ ปลายฟ้า เป็นนักเขียนประจำปิดตัว ทำให้ปลายผ้าต้องหันเหจากการเขียนแนววิชาการ ไปต้องเลี่ยนแนวไปเป็นนักเขียนนิยาย เพื่อหาเงินเลี้ยงดู แม่และน้องสาว โดยเฉพาะแม่ของเธอต้องรับการผ่าตัดตาในสิ้นปี ปลายฟ้าจึงเขียนนิยายรัก แล้วนำไปให้ กรินทร์ คนรักเก่าที่เป็นซีอีโอของสำหนักพิมพ์อักษรารัญจวนช่วยพิจารณา แต่กรินทร์ไม่ให้ผ่านเพราะแนวเรื่องไม่ตรงกันแนวของอักษรารัญจวนที่เน้นขายแนวนิยายอิโรติก
แต่เพราะกรินทร์ยังมีใจให้ปลายฟ้า ด้วยความรักที่หลงเหลือ จึงให้ปลายฟ้าเขียนนิยายอิโรติกโดยที่มีเขาเป็นพระเอก และเธอเป็นนางเอก แลกกับเงินค่าจ้างที่เขาจะจ่ายให้เธอเป็นรายเดือนแต่ปลายฟ้ามีปมกับเรื่องเซกส์เพราะเคยถูก เปลว พ่อเลี้ยงล่วงละเมิดในวัยเด็กและมักมีอาการทางประสาทกำเริบหากถูกกระตุ้น ทว่าด้วยเงินที่กรินทร์เสนอให้ จึงทำให้ปลายฟ้าตอบรับงาน แต่เพราะกลัวว่าจะเขียนให้ถึงตอนจบไม่ได้ ปลายฟ้าจึงตั้งใจหางานเสริม และเธอก็ได้งานแม่บ้านรีสอร์ตที่มีชื่อว่า Beyond The Horizon โดยบังเอิญจากแม่บ้านคนเก่าที่ลาออกกระทันหัน
ที่รีสอร์ตนี้ ปลายฟ้าต้องทำงานเป็นแม่บ้านประจำโซนวิลล่าการ์เด้น โดยมี แหวว หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนคุมงาน เธอมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกให้แขกประจำโซน ซึ่งหนึ่งในแขกที่เธอต้องดูและคือ เข้ เจ้าของห้องหมายเลข 222 ที่เขาแอบเลี้ยงแมวโดยมีแค่เธอและเขาเท่านั้นที่รู้ นอกจากแหววแล้ว ปลายฟ้าได้เจอ ชิด บาร์เทนเดอร์ที่คอยสอนงานในห้องอาหารให้เธอ
ด้วยงานแม่บ้านนี้เองที่ปลายฟ้าจะยึดไว้เป็นอาชีพเสริมจนกว่าเธอจะเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์จบ แต่มีเหตุเกิดขึ้นกับปลายฟ้าคือเธอเหยียบหางแมวที่คุณเข้เลี้ยงไว้ที่ริมสระน้ำ จนทำให้เธอตกสระ แต่เข้ก็ช่วยเธอไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เข้รู้ว่าเธอต้องรับงานเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์ แต่เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียง(แบบคู่รัก) เข้เลยเสนอว่าถ้าปลายฟ้ามาเป็นเพื่อนคุยให้เขา เขาจะเล่าประสบการณ์บนเตียงให้ฟัง ข้อตกลงแรกระหว่างปลายฟ้าและเข้จึงเริ่มขึ้น
แต่ปลายฟ้าไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะกลายเป็นผู้เล่นคนหนึ่งในเกมล่าหาคำตอบของปริศนาฆาตกรรมในรีสอร์ทแห่งนี้
บ่ายวันต่อมาหลังคืนพายุร้ายบนเรือ ท้องฟ้าก็เปิดกว้างกว่าวันวาน แสงแดดสีอ่อนอาบท้องฟ้าเป็นเฉดครีมบางๆ อย่างที่ปลายฟ้าชอบมองในวันที่จิตใจเหนื่อยล้า มีสายลมทะเลพัดเฉื่อยเบา ไร้เสียงฟ้าร้องหรือคลื่นโถม แต่อากาศสงบเงียบแบบนี้กลับทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้ใจ เหมือนมีเงาบางอย่างลอยซ่อนอยู่ที่ปลายขอบฟ้า เงาของพายุลูกใหม่ที่กำลังรอจังหวะโจมตีหัวใจฉันอีกครั้ง
เขาจอดรถนอกรีสอร์ต แต่ไม่ใช่จุดเดิมกับเมื่อวาน การเปลี่ยนตำแหน่งนั้นดูเหมือนไม่มีความหมายอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้สึกได้ถึงความตั้งใจบางอย่างที่แฝงอยู่ จากนั้นก็อุ้มเธอลงจากรถ...อีกครั้ง
แต่เขาไม่ได้พาเดินเข้ารีสอร์ตจากทางหน้าหลักเหมือนที่แขกทั่วไปพึงกระทำ ทว่าพาเบี่ยงเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็กแคบในป่ารกชัฏ ต้นไม้สูงคลุมทับ กิ่งไม้เฉียดแขนเขาเล็กน้อย แต่เขาก็ยังอุ้มปลายฟ้านิ่งมั่น ราวกับไม่รู้สึกถึงแรงต้านใดจากธรรมชาติ
“ฉัน... ฉันเดินเองได้” เธอเอ่ยเบา ๆ แต่เขาไม่ตอบ ไม่มีแม้แต่คำถามหรือเสียงถอนหายใจ เหมือนกลายเป็นคนใบ้ไปแล้ว
ตั้งแต่คืนวานหลังจากเขาทิ้งเธอไว้ในสภาพอ่อนแรงแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะหายใจ รสชาติของความดิบเถื่อนก็ยังคงตกค้างในกายเธอเหมือนรอยช้ำไร้สี พอเธอตื่นมาในเช้าวันนี้ก็พบว่าตัวเองนอนคุดคู้ใต้ผ้าห่มผืนอุ่นบนเตียง
ราวกับว่าเธอได้จับจองเตียงนอนเพียงผู้เดียว ถ้าไม่สังเกตรอยยับย่นบนผืนผ้าปูข้างตัวกับหมอนอีกใบที่มีร่องยุบ เสื้อผ้าของเธอที่แห้งสนิทนั้นถูกพับเรียบร้อยตรงปลายเตียง วางทับด้วยกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ของเธอ
ปลายฟ้าเห็นแล้วก็พุ่งไปคว้าโทรศัพท์ก่อนอื่นใดแล้วพยายามกดเปิด ทว่าหน้าที่ที่ดับสนิททำให้เธอห่อไหล่ กัดริมฝีปากด้วยความสิ้นหวัง แต่ข้างกันกับเสื้อผ้าของเธอมีถาดอาหารวางอยู่ เป็นแซนวิชหนึ่งคู่กับนมหนึ่งกล่อง บนกล่อมนมมีกระดาษโน้ตเขียนด้วยลายมือของคนที่ครอบครองเธอด้วยอารมณ์ดิบเถื่อนในคืนที่ผ่านมา
กินแซนวิชทูน่ากับนมให้หมด
ก่อนจะเติมท้องที่ว่างเปล่า ปลายฟ้าเลือกคว้าเสื้อฟ้ามาสวมใส่บนเรือนร่างเปล่าเปลือย แต่ในตอนที่เธอคว้าอาภรณ์ของเธอขึ้นสวมใส่ ก็ได้ยินเสียงหวูดเรือดังใกล้ๆ พอชะเง้อมองผ่านหน้าต่างกระจกออกไป ก็เห็นท่าจอดเรืออยู่ไม่ไกล ซึ่งนั่นเป็นภาพที่เธอเห็นก่อนเขาเข้ามายืนกอดอกพิงไหล่กับขอบประตูห้องนอน มองเธอด้วยแววตาที่อ่านความหมายไม่ออก
แววตาของเขาตอนนั้นกับตอนนี้... ไม่ต่างกันเลย
เขายังกลายร่างเป็นชายหนุ่มนิ่งขรึม ครองใบหน้าเรียบเฉยกับดวงตาราบเรียบ แต่แม้นว่าเขาจะไม่พูด แต่การกระทำทุกอย่างอย่างกลับมั่นคงและอ่อนโยน ในอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบอุ้มเธอขณะเดินลัดเลาะในทางลับนั้น ปลายฟ้ากลับรู้สึกว่าอยากอยู่อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ อยากให้เวลานี้ไม่มีวันจบ อยากให้เส้นทางในป่ารกนั้นทอดยาวตลอดไปโดยไม่มีปลายทาง
เพราะหากเขาปล่อยมือจากเธอเมื่อไหร่ เธอไม่มั่นใจเลยว่าหัวใจจะยังคงอยู่ที่เดิมได้หรือเปล่า
แต่โลกแห่งความจริงไม่ใจดีแบบนั้น เมื่อเขาอุ้มเธอมาถึงประตูวิลล่าหมายเลข 222 ก้าวขาขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างมั่นคง มาหยุดตรงหน้าห้องที่ปลายฟ้าคุ้นเคยที่สุดในรีสอร์ต
เขาหยุดนิ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด กระชับอ้อมแขนที่โอบเธอแน่นขึ้น จนปลายฟ้ารับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจของเขาแนบกับแผ่นอก แล้วยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นอีกหลายนาที
ไม่รู้ว่าเขากำลังลังเล หรือกลัวจะต้องวางเธอลง หรือบางทีเขาอาจรู้สึกเหมือนเธอ กลัววินาทีนี้จะจบลงเร็วกว่าที่ใจต้องการ
เมี้ยว
เสียงหวานใสของเบอร์เบินดังจากด้านหลัง เขาหมุนตัวหันไปมองขณะที่ยังอุ้มเธอ เห็นเจ้าแมวน้อย...ลูกของเขากระโดดลงจากกิ่งต้นตะแบกลงมาแตะพื้น แรงสั่นสะเทือนทำให้ดอกไม้สีม่วงหวานปลิดปลิวโปรยปราย
ลมหายใจอุ่นจากร่างสูงสัมผัสแผ่วที่กลางกระหม่อมปลายฟ้า จากนั้นวงแขนแข็งแรงก็ค่อยๆ ปล่อยเธอให้เท้าแตะพื้นอย่าแผ่วเบา แล้วหันเหไปหาเบอร์เบิน อ้าแขนกว้างเพื่อรอรับมันที่กระโดดเข้าสู่อ้อมอก แทนที่ที่เธอเคยครอบครองเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
“ไง... เมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา” เขาจูบหน้าผากเล็กๆ ของมันเบาๆ แล้วเกาคางให้อย่างรู้ใจ จากนั้นก็หยิบหยิบคีย์การ์ดออกจากกระเป๋ากระเป๋าเงิน แตะมันบนเซนเซอร์ปลดล็อกประตู จากนั้นก็มองเธอด้วยแววตาคล้ายเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปในห้อง
ไม่ต้องรอให้เขาพูดบอก เธอก็พร้อมจะก้าวขาเข้าไป แล้วสิ่งแรกที่ทำคือหลังจากผลักประตูคือโผไปหาสายชาร์จแล้วจัดการเสียบเข้ากับโทรศัพท์ ภาวนาของให้มันยังใช้การได้ แต่หน้าจอที่ยังดับสนิททำให้ปลายฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มันตกลงไปค้างที่เซฟตี้เนต [1] ไม่ได้จมน้ำ”
ราวกับเขาอ่านความหมายของเสียงถอนหายใจของเธออก จึงพูดลอยๆ ออกมา ก่อนเดินตรงไปที่บานเลื่อนกระจก กดตัวล็อกขึ้นแล้วลงจากนั้นก็เดินวนรอบห้องราวกับหาสิ่งผิดปกติ
เมี้ยว
เสียงเบอร์เบินดังใกล้ข้อเท้าของเธอ และมันกำลังไถขนฟูกับขาของเธออย่างเอาจริงเอาจัง สลับแหงนหน้ามองด้วยตากลมใสแป๋ว เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะย่อเข้า อุ้มมันขึ้นมาแนบแก้มตัวเองกับแก้มของมัน
“คิดถึงจังเลย...” เอ่ยพูดเสียงอ่อนโยน “ขอโทษนะที่เมื่อคืนไม่ได้อยู่ให้ขนม” แล้วลุกขึ้นอุ้มแมวน้อยเพื่อจะพาไปหยิบขนมแมวเลียปลอบใจ
แต่ในตอนที่เธอหมุนตัว ดวงตากลมก็สบประสานกับดวงตาร่างสูงที่ยืนนิ่งค้างมองเธอจากปลายโซฟา ทว่าเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เธอเห็นแววหวั่นไหวจากดวงตาสีนิล เขาก็เบนหน้าหนี แล้วถอดเสื้อพาดไว้กับพนัก จากนั้นทิ้งตัวเอาแขนหนุนต่างหมอนนอนบนโซฟา
หญิงสาวเห็นแล้วก็นึกขุ่นใจ พูดอะไรสักหน่อยคงกลัวดอกพิกุลจะร่วง แต่เธอก็ทำเมินใส่บ้าง แล้วเดินผ่านคนที่นอนหลับบนโซฟาไปหยิบขนมแมวเลียลงจากตู้แขวนผนังเหนือบาร์เหล้า ฉีกซองป้อนให้เบอร์เบินกินอย่างเอร็ดอร่อย
“ฉันให้สองซองเลยละกันนะ ชดเชยกับเมื่อวาน”
“ซองเดียว คุณต้องให้มันแค่ซองเดียว” เสียงทุ้มดังมาจากโซฟาที่คนแกล้งหลับเมื่อครู่นอนหันหลังให้เธออยู่
“สองซองค่ะคุณเจ้าของห้อง เพราะวันนี้ฉันรู้สึกใจดีเป็นพิเศษ” เธอลากเสียงคำว่า ใจดี ยาวอย่างจงใจ
“คุณเขียนนิยายได้เป็นวรรคเป็นเวร แต่อ่านข้อความที่ผมแปะไว้ในตู้นั่นไม่ออกหรือไง”
“อ้อใช่ ข้อความจากใครก็ไม่รู้ ที่เขียนทิ้งท้ายไว้ว่า...ผมอยากเป็น...” ปลายฟ้าหันไปย่นจมูกใส่ เปล่งเสียงดังขึ้นตามอารมณ์ประชดประชัน “ถ้าจะให้ฉันเติมคำต่อท้ายเอง กรุณามีตัวเลือกหรือให้คำใบ้ เช่นเป็นตัวอะไรที่ขนนุ่มฟู หรือตัวที่มีหนามแหลมคม”
ไร้เสียงตอบโต้จากเขตต์ แต่บ่ากว้างที่กระตุกเล็กน้อยบอกให้รู้ว่าเขาได้ยิน ทว่าเขายังคงนอนนิ่ง ไม่หันมา ไม่แม้แต่จะตอบโต้สักคำ ราวกับตั้งใจจะใช้ความเงียบขังตัวเองไว้ในโลกส่วนตัว
ปลายฟ้าย่นจมูกใส่แล้วหันกลับไปหาเบอร์เบิน ป้อนขนมแมวซองที่สองจนหมดอย่างตั้งใจ แล้วเติมน้ำใสสะอาดให้เต็มชาม จากนั้นคุกเข่าลงมองเจ้าแมวน้อยที่กำลังกินน้ำด้วยท่าทางสุขใจ แต่หัวใจของเธอกลับรู้สึกไม่ปกติเมื่อนึกถึงข้อความล่าสุดที่เขาเขียน
อาหารและขนมพอสำหรับสองเดือน...
คำนั้นยังดังก้องอยู่ในใจ สองเดือน
เขาเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย เพื่อตั้งใจหายไปหลายวันโดยไม่มีคำอธิบาย
แต่เมื่อวาน...ภาพของเขาที่กดจูบใครอีกคน ชัดเจนจนปัดไม่หลุดจากหัว ทั้งที่หายจากชีวิตเธอไปหลายวัน แล้วกลับมาพร้อมผู้หญิงคนนั้น คนที่ชิดบอกว่า เป็นผู้หญิงคนใหม่ของคุณเข้
ปลายฟ้ากัดริมฝีปากแน่น ข่มความรู้สึกร้อนรุ่มในอก เธอไม่ได้หึง ไม่ได้หึงสักหน่อย! ก็แค่... เป็นห่วงเบอร์เบินต่างหาก ถ้าเขายังปล่อยให้แมวอยู่ลำพังแบบนี้ แล้วดีลระหว่างเธอกับเขายังไม่เคลียร์ เธอจะดูแลมันได้อย่างไร หรือจริง ๆ แล้ว เขากำลังจะตัดทุกอย่างรวมถึงเธอ เพราะผู้หญิงคนใหม่คนนั้น
แต่เธอจะเรียกร้องอะไรได้ ในเมื่อเธอเป็นคนผิดในสายตาเขา เป็นคนที่ทรยศความเชื่อใจของเขา การกระทำของเขาก็ชัดเจนพอแล้วไม่ใช่หรือ ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบาย ไม่ต้องเจรจา และไม่มีแม้จะมองหน้ากันตรงๆ
มีเสียงข้อความเข้าในโทรศัพท์ดังจากโทรศัพท์ของฟ้าถี่รัวเหมือนปืนกล หน้าจอที่ดับมานานก็เริ่มเรืองแสงเมื่อแบตเตอรี่เพียงพอ นักเขียนสาวใจชื้นขึ้นมา รีบลุกขึ้นแล้วหยิบโทรศัพท์มาดู
หน้าจอนั้นเต็มไปด้วยมิสคอลจากกรินทร์มากกว่าสิบสาย ข้อความของเขาก็เกือบร้อยข้อความ แต่ละข้อความถูกส่งห่างกันไม่ถึงห้านาที เกินครึ่งคือคำถามซ้ำ ๆ ถามไถ่ถึงความเป็นไปของเธอในช่วงที่เขตต์ดึงตัวเธอไป
พี่รินทร์... เขาเป็นห่วงเธอขนาดนี้เลยหรือ...
หญิงสาวกำลังจะพิมพ์ต้องกลับให้เขาคลายกังวล แต่ในทันทีที่นิ้วเลื่อนปัดขึ้นไป มิสคอลของพุดซ้อนและข้อความก็ขยับเข้ามาแทนที่
ขนมจีนแม่ขวัญ : แม่เข้าโรงบาล
หัวใจปลายฟ้าร่วงวูบ เหมือนถูกบีบแน่น ลมหายใจสะดุด กลายเป็นห้วงกลวงว่างในอก เธอไม่คิดอะไรอีกแล้ว รีบพุ่งตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า คว้ากระเป๋าสัมภาระ ดึงเสื้อผ้าลงจากไม้แขวน แล้วยัดใส่กระเป๋าด้วยมือที่สั่นระริก
“จะไปไหน” เสียงขุ่นของเขตต์ดังจากโซฟา
“กลับบ้าน” ปลายฟ้าตอบโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไป ไม่เสียเวลาแม้เสี้ยววินาทีเพื่ออธิบาย
“คุณยังทำงานกับผมไม่ถึงปี ยังไม่ได้สิทธิ์พักร้อน”
“ลากิจ!” เธอพูดเร็วปานฟ้าผ่า “ฉันขอใช้สิทธิ์ลากิจ!” จากนั้นหมุนตัวไปคว้าสายชาร์จกับโทรศัพท์ แล้วมองซ้ายวมองขวามองหาของสำคัญ พอเห็นโน้ตบุ๊กกับสมุดบันทึกวางอยู่บนโต๊ะ ก็รีบเดินไปหยิบ แต่กลับถูกมือหนารวบเอวไว้แน่นจนเสียหลักเธอล้มไปนั่งลงบนตักแกร่ง
“จะมีกิจธุระอะไรสำคัญมากไปกว่ารวมหัวกับแพรวพอลยหักหลังผมหรือไง”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเหมือนคนที่พยายามคุมอารมณ์แทบไม่อยู่ แต่ปลายฟ้าหันขวับไปมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาฉ่ำชื้น บวกกับความโมโหตีขึ้นจนใบหน้าแดงซ่าน
“แม่ฉันเข้าโรงบาล!” เธอลั่นเสียงใส่ “ปล่อยฉัน ฉันจะกลับไปหาแม่!”
เขตต์ชะงักไปเหมือนโดนตบหน้า แววตานิ่งเรียบเปลี่ยนเป็นตกใจฉับพลัน ดวงตาเข้มกระพริบถี่ก่อนนิ่งงัน
“ปล่อยฉัน! ปล่อย!” เสียงเธอพุ่งออกจากอกอย่างสุดกลั้น ดวงตาแดงจัด ริมฝีปากสั่น และลมหายใจขาดเป็นห้วง
ดวงตาสีนิลมีแวววูบไหว มือที่รั้งเอวบางแน่นค่อย ๆ อ่อนแรงจนคลายออก ปลายฟ้าจึงลุกพรวดออกจากตักเขา แต่เพียงไม่กี่ก้าวน้ำตาก็หล่นลงบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า พยายามกัดฟันแน่นอย่างคนไม่อยากร้องแต่น้ำตาก็ยังหลั่งรินไม่หยุด
“ผมไปส่ง”
“ฉัน...ไปเองได้” เสียงพูดของเธอปะปนกับเสียงสะอื้น พอคว้าโน้ตบุ๊คกับสมุดบันทึกได้ก็ปาดน้ำตาเดินผ่านเขาไปหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่โดยไม่คิดสบตา ด้วยเกรงว่าเขาจะเห็นความรวดร้าวราวแก้วแตกกระจายในดวงตา
“ผมจะไปส่ง” เขาย้ำอีกครั้ง ช้า ชัดเจน นี่ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นการยืนยันในแบบของเขา
กระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยข้าวของแบบใส่ลวกๆ จนของบางส่วนเอ่อล้นเกินขอบถูกฉวยไปจากไหล่บาง จากนั้นร่างสูงมุ่งตรงไปยังบานประตูเลือนแล้วยืนแช่ตรงนั้นราวกับกำลังขบคิดบางอย่างก่อนแง้มบานประตูให้มีช่องว่างเพียงพอสำหรับแมวผ่าน
“คุณจะทิ้งเบอร์เบินให้อยู่ตัวเดียวไม่ได้ ฉัน...ฉันอาจไปหลายวัน” ปลายฟ้าพูดเสียงสั่นเครือ “หรือไม่ก็... ไม่กลับมาอีกเลย”
เขาเหลือบมองเธอชั่วขณะ เรียวปากหยักเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง “ลียงจะดูแลมันได้”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาคล้ายหาความมั่นใจจากตัวเองมากกว่าบอกเธอ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกจากระเป๋ากางเกง พิมพ์บางอย่างลงไป แล้วเดินนำเธอออกจากห้อง ใช้ทางลัดทางเดิมมุ่งสู่รถที่จอดรอรับใช้เจ้านายของมันที่พร้อมพาเธอออกเดินทางโดยมีเขาเป็นสารถีกิตติมศักดิ์
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” หญิงสาวอยากย้ำเตือนเขาอีกครั้งในตอนที่เขาเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่ง
“ขึ้นรถ”
แต่ความหนักแน่นอัดเต็มในน้ำเสียงของเขาทำให้ปลายฟ้าต้องจำนน สอดตัวเองเข้าไปนั่งในตำแหน่งข้างคนขับด้วยความรู้สึกขุ่นมัว แต่แล้วในวินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็โน้มตัวเข้ามาคาดเข็มขัดให้เธอโดยไม่บอกล่วงหน้า ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นชั่ววูบ ทำให้เธอได้ยินเสียงลมหายใจเขา ช้า แต่ลึก ราวกับพยายามควบคุมบางอย่างที่อยู่ภายใน
เสียงเครื่องยนต์ถูกปลุกขึ้นพร้อมกับแรงสั่นเบา ๆ ใต้ฝ่าเท้า ปลายฟ้านั่งตัวตรง ข้างกายชายหนุ่มผู้มีใบหน้านิ่งสนิทราวกับสวมหน้ากากหิน ไม่มีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยขึ้นหลังจากประโยคสั่งการของเขาก่อนออกเดินทาง ภายในห้องโดยสารมีเสียงลมที่ลอดผ่านช่องแอร์ กับเสียงล้อที่เคลื่อนตัวอย่างมั่นคงบนถนนลาดยางที่เล็ดลอดเข้ามา
เมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่ลานจอดของโรงพยาบาล เขาจอดชิดขอบฟุตบาทอย่างนุ่มนวล ก่อนดับเครื่อง
แล้วหันมามองเธอด้วยดวงตานิ่งสนิท
“ขอบคุณค่ะ” ปลายฟ้าเอ่ยเบา ๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถ เดินฝ่าฝนโปรยบางเข้าสู่ตัวตึกด้วยความเร่งรีบ ในขณะที่โทรศัพท์หาพุดซ้อนเพื่อถามหมายเลขห้อง จากนั้นก็วิ่งไปที่หอผู้ป่วยตามคำบอก จนเห็นพุดซ้อนยืนรอหน้าห้อง เธอก็รีบวิ่งไปหา
“แม่เพิ่งตื่นเมื่อกี้เอง” พุดซ้อนรีบรายงาน
ปลายฟ้าจึงก้าวพรวดเข้าห้องไปด้วยจังหวะเร่งร้อน หัวใจเต้นโครมครามเหมือนจะกระแทกอก แต่สิ่งที่ทำให้เธอหยุดนิ่งอยู่กับที่คือภาพที่เห็นบนเตียง
นางขวัญใจนอนเอนพิงหมอน ใบหน้าซีดจนเห็นเส้นเลือดฝาดสีฟ้าใต้ผิว ดวงตาเคยสดใสที่คุ้นเคยกลับหม่นมัว ล้อมกรอบด้วยรอยคล้ำที่ไม่เคยมีมาก่อน ร่างกายที่เคยอวบอิ่มเต็มไปด้วยพลัง ก็กลับผอมลงอย่างเห็นได้ชัด
“แม่” เสียงแผ่วหลุดจากริมฝีปาก ปลายฟ้าก้าวเข้าไปก่อนจะทรุดลงข้างเตียงแล้วโผเข้ากอดแม่แน่นเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งวิ่งหลงทางมาเจออ้อมอกอุ่นอีกครั้ง
“มาทำไมให้เสียเวลางาน แม่ไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย” น้ำเสียงนางขวัญใจยังคงเหมือนเดิม ส่งดุลูกเบา ๆ แต่แรงกอดที่ตอบกลับมานั้นกระชับแน่นเหมือนกลัวเธอจะหายไป
“แม่เป็นอะไร เจ็บปวดตรงไหน” เสียงของปลายฟ้าสั่น และกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป หยดน้ำตาร่วงเปื้อนผ้าห่มที่คลุมตัวแม่ของเธอหยดแล้วหยดเล่า
“มันปวดเมื่อยตามตัว จริงๆ ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอก” มือของนางขวัญใจไล้เบา ๆ ที่ศีรษะเธอด้วยจังหวะเชื่องช้า อ่อนแรง แต่ปลายฟ้ากลับรู้สึกเหมือนแรงมือที่อบอุ่นนั้น กำลังประคองหัวใจของเธอที่แตกละเอียดให้กลับเป็นรูปร่าง
“ไข้สูงสี่สิบองศา ถ้ามาช้าแค่นาทีเดียวก็คงชัก” พุดซ้อนตอบพลางส่ายหน้า “หมอบอกว่าเป็นไข้เลือดออก”
“ตายจริง...” ปลายฟ้าละสายตาจากพุดซ้อนกลับไปทางมารดา “มุ้งลวดมันผุมันพังอีกแล้วหรือแม่ ถ้างั้นปลายจะเรียกช่างมาซ่อม”
“มันก็พังนิดๆ หน่อยๆ เอง เดี๋ยวแม่กับพุดจัดการกันได้”
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่มาจากน้องสาวที่ยืนกอดอกด้านหลัง แต่พอหนางขวัญใจส่งสายตามองเหมือนส่งสัญญาณบางอย่าง พุดซ้อนก็ก้าวเข้ามาเอ่ยกับเธอว่า
“ไม่เป็นไรพี่ปลาย เดี๋ยวฉันจัดการเอง เรียกช่างมาซ่อมแป๊บเดียวก็เสร็จ”
“แม่ไม่เป็นไรอะไรแล้ว ปลายก็กลับไปทำงานเถอะนะ” นางขวัญใจเสริมต่อ
“ปลายจะอยู่ดูแลแม่จนกว่าแม่จะออกจากโรงพยาบาล ปลายลางานไว้แล้ว”
“ไม่เอาๆ แม่ดีขึ้นเยอะแล้ว กลับไปทำงานเถอะ”
นางขวัญใจเป็นแบบนี้เสมอ ไม่อยากให้ลูกเป็นห่วง กลัวว่าลูกจะเสียงาน แต่จากสภาพที่ปลายฟ้าเห็นไม่ได้เป็นอย่างที่แม่ของเธอพูด
“ถือโอกาสพาแม่ไปทำบุญด้วยไง” ปลายฟ้างัดเอาข้ออ้างที่นึกได้ขึ้นมา “ตั้งแต่แม่บอกปลายวันนั้น ปลายลืมหาเวลาไปทำบุญเลย”
นางขวัญใจส่ายหน้าราวกับระอาในความขี้ลืมที่เธอยกมาเป็นเหตุผล ใช้มือลูบหัวของลูกสาวคนโตด้วยความรักใคร่ “แล้วเจ้านายเขาไม่ว่าเอาหรือ กว่าแม่จะได้ออกจากโรงพยาบาลก็อีกตั้งสองวัน
“ผมไม่ว่าอะไรครับ”
เสียงหนึ่งแทรกเข้ามาจากประตูห้อง ทำให้ปลายฟ้าผุดลุกทันที พอเธอหันขวับไป เห็นเขตต์ยืนถือตะกร้าผลไม้ในมือราวกับหลุดออกมาจากโฆษณาร้านของฝาก และเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาแวะซื้อมันมาตอนไหน
“สวัสดีครับคุณแม่” ชายหนุ่มทักทายพร้อมรอยยิ้มสุภาพ แต่ชวนให้ใจสั่น ความอบอุ่นบนใบหน้าคมเข้มทำให้ห้องพักดูสว่างขึ้นทันตา ส่วนปลายฟ้า…กลับหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด
“คุณเป็นเจ้านายของปลายหรือคะ” นางขวัญใจรีบขยับตัวจะลุกนั่งและยกมือไหว้อย่างสุภาพ แต่เขตต์รีบยื่นตะกร้าให้ปลายฟ้าถือ แล้วเดินเข้ามาประคองหลังแม่ให้เอนพิงหมอนนุ่ม
“ถ้าจะพูดให้ถูก…ผมเป็นเพื่อนร่วมงานของปลายฟ้าครับ” น้ำเสียงเขานุ่ม แต่มั่นคง
“ไม่เห็นปลายเล่าให้แม่ฟังเลยว่ามีเพื่อนร่วมงานหล่อขนาดนี้” นางขวัญใจคลี่ยิ้ม เขาอาจเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้แม่ของเธอมีความสดใสขึ้นมาบ้าง แล้วก็เป็นสิ่งเดียวทำให้เธอนึกหมั่นไส้
“นี่คุณเขตต์ค่ะแม่ เขาเป็น...”
“เป็นเพื่อนร่วมงานที่เป็นคู่ขาแบบเข้ากันได้สุดยอดครับ” เขตต์ชิงแนะนำตัวเองก่อน แต่เป็นการแนะนำตัวที่ทำให้ปลายฟ้าร้อนผ่าวไปถึงใบหู เธอจึงรีบแก้ประโยคนั้นทันที
“คุณเขตต์จะบอกว่าเราทำงานเข้าขากันได้ดีค่ะ!”
[1] เซฟตี้เนต (Safety Net) บนเรือยอชต์ หมายถึง ตาข่ายนิรภัย ที่ติดตั้งตามขอบราวเรือ (Lifeline) มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนหรือของหล่นตกทะเล โดยเฉพาะเวลาที่เรือโคลงหรือคลื่นแรง
ตาข่ายนี้มักทำจากวัสดุทนแรงดึง เช่น เชือกไนลอนหรือใยสังเคราะห์ แข็งแรงพอจะช่วยพยุงร่างหากพลาดพลั้ง—เป็นเสมือนขอบเขตสุดท้ายก่อนเผชิญอันตรายจากทะเล
สวัสดีค่า เป็นยังไงกันบ้าง ในตอนที่ผ่านมามีใครอยากทุบหัวคุณเข้บ้างคะ ถ้ามีก็เก็บค้อนไว้ก้อนน้า ฮ่าๆๆ ขอบคุณนักอ่านที่แวะเข้ามานะคะ ปกติไรท์พูดไม่เก่งเน้นเขียน แต่ชวนคุย ชวนเมาท์เกี่ยวกับนิยายได้ค่า