โชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระเอกนิยายสุดปลายฟ้าโชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
เมื่อนิตยสารสารคดีที่ ปลายฟ้า เป็นนักเขียนประจำปิดตัว ทำให้ปลายผ้าต้องหันเหจากการเขียนแนววิชาการ ไปต้องเลี่ยนแนวไปเป็นนักเขียนนิยาย เพื่อหาเงินเลี้ยงดู แม่และน้องสาว โดยเฉพาะแม่ของเธอต้องรับการผ่าตัดตาในสิ้นปี ปลายฟ้าจึงเขียนนิยายรัก แล้วนำไปให้ กรินทร์ คนรักเก่าที่เป็นซีอีโอของสำหนักพิมพ์อักษรารัญจวนช่วยพิจารณา แต่กรินทร์ไม่ให้ผ่านเพราะแนวเรื่องไม่ตรงกันแนวของอักษรารัญจวนที่เน้นขายแนวนิยายอิโรติก
แต่เพราะกรินทร์ยังมีใจให้ปลายฟ้า ด้วยความรักที่หลงเหลือ จึงให้ปลายฟ้าเขียนนิยายอิโรติกโดยที่มีเขาเป็นพระเอก และเธอเป็นนางเอก แลกกับเงินค่าจ้างที่เขาจะจ่ายให้เธอเป็นรายเดือนแต่ปลายฟ้ามีปมกับเรื่องเซกส์เพราะเคยถูก เปลว พ่อเลี้ยงล่วงละเมิดในวัยเด็กและมักมีอาการทางประสาทกำเริบหากถูกกระตุ้น ทว่าด้วยเงินที่กรินทร์เสนอให้ จึงทำให้ปลายฟ้าตอบรับงาน แต่เพราะกลัวว่าจะเขียนให้ถึงตอนจบไม่ได้ ปลายฟ้าจึงตั้งใจหางานเสริม และเธอก็ได้งานแม่บ้านรีสอร์ตที่มีชื่อว่า Beyond The Horizon โดยบังเอิญจากแม่บ้านคนเก่าที่ลาออกกระทันหัน
ที่รีสอร์ตนี้ ปลายฟ้าต้องทำงานเป็นแม่บ้านประจำโซนวิลล่าการ์เด้น โดยมี แหวว หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนคุมงาน เธอมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกให้แขกประจำโซน ซึ่งหนึ่งในแขกที่เธอต้องดูและคือ เข้ เจ้าของห้องหมายเลข 222 ที่เขาแอบเลี้ยงแมวโดยมีแค่เธอและเขาเท่านั้นที่รู้ นอกจากแหววแล้ว ปลายฟ้าได้เจอ ชิด บาร์เทนเดอร์ที่คอยสอนงานในห้องอาหารให้เธอ
ด้วยงานแม่บ้านนี้เองที่ปลายฟ้าจะยึดไว้เป็นอาชีพเสริมจนกว่าเธอจะเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์จบ แต่มีเหตุเกิดขึ้นกับปลายฟ้าคือเธอเหยียบหางแมวที่คุณเข้เลี้ยงไว้ที่ริมสระน้ำ จนทำให้เธอตกสระ แต่เข้ก็ช่วยเธอไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เข้รู้ว่าเธอต้องรับงานเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์ แต่เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียง(แบบคู่รัก) เข้เลยเสนอว่าถ้าปลายฟ้ามาเป็นเพื่อนคุยให้เขา เขาจะเล่าประสบการณ์บนเตียงให้ฟัง ข้อตกลงแรกระหว่างปลายฟ้าและเข้จึงเริ่มขึ้น
แต่ปลายฟ้าไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะกลายเป็นผู้เล่นคนหนึ่งในเกมล่าหาคำตอบของปริศนาฆาตกรรมในรีสอร์ทแห่งนี้
ปลายฟ้าทรุดลงนั่งที่ปลายเตียง ร้องไห้กระซิกกอดผ้าขนหนูไว้แน่นราวกับจะใช้มันเป็นที่ยึดเหนี่ยวใจ หลังจากเขาสร้างความกลัวทิ้งไว้ให้ท่ามกลางอากาศอับชื้นและเย็นยะเยือกในห้องที่มีแค่เตียงนอนขนาดไม่ใหญ่ กับหน้าต่างกระจกที่ขึ้นฝ้าเพราะความชื้นของสายฝน
เสียงคลื่นกับเสียงลมฟังดูเหมือนเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เรือยังคงโคลงเคลงไปตามแรงลม แม้พายุจะเริ่มซาลงแล้วก็ตาม แต่ความเครียด ความกลัว และความเหนื่อยล้ากัดกินปลายฟ้าจนหมดแรง
ในที่สุดปลายฟ้าก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว ท่ามกลางเสียงฝน เสียงลม และความเงียบของใครบางคนที่ทิ้งเธอไว้ในโลกใบเล็กกลางทะเล
กระทั่งเสียงประตูห้องเปิดทำให้เธอสะดุ้งตื่น ลุกพรวดขึ้นนั่งอย่างลนลาน และเมื่อเห็นร่างสูงปรากฎท่ามกลางเงามืด ปลายฟ้าก็รีบกรัถดตัวคว้าหมอนมาบังประหนึ่งว่ามันจะคุ้มภัยเธอได้
“ระ...เรากลับฝั่งแล้วใช่ไหมคะ” เธอถามเสียงเบา โดยมีความหวังเกาะอยู่ที่ปลายคำ
“ผมบอกคุณไปว่าไงล่ะ”
แผ่นอกเปลือยชื้นเหงื่อของเขาเคลื่อนไหวตามแรงหายใจหนัก เอ่ยคำตอบน้ำเสียงเย็นชากับรอยยิ้มเหยียดที่ผุดขึ้นช้า ๆ ฆ่าความหวังของเธออย่างไม่เหลือชิ้นดี ปลายฟ้าจึงพุ่งตัวไปที่ขอบหน้าต่าง ตะเกียกตะกายหาคำตอบด้วยตัวเอง
แต่แล้วภาพที่เห็นด้านนอกนั้น คือความมืดมิดของท้องทะเลกว้าง มีเงาของเกาะขนาดเล็กนอนทอดตัวบนท้องน้ำที่เชื่อมต่อกับผืนฟ้าสีแดงน่ากลัว
“คุณพาฉันมาที่ไหน ฉันอยากกลับฝั่ง”
น้ำตาที่แห้งไปแล้วเริ่มหลั่งรินรดแก้มอีกครั้ง แต่เธอได้ยินเสียงประตูห้องกระแทกปิดดังลั่นแทนคำตอบ แรงกระแทกของมันก็ดังกลบเสียงสะอื้นของปลายฟ้า
เขาทิ้งเธอไว้ในความกลัว ความมืด และความไม่รู้ที่บีบอัดอยู่ในอกตลอดหลายชั่วโมงโดยไม่ให้คำตอบแบบนี้ได้อย่างไรกัน!
แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาใช้ความเงียบเข้าข่ม ปลายฟ้ากำมือแน่น สะกดความเจ็บให้กลายเป็นไฟ หย่อนขาเปลือยเปล่าเหยียบพื้นไม้เปียกชื้น แล้วพาร่างที่ยังสั่นเทาเดินขึ้นสู่ชั้นสองเพื่อทวงคำตอบ
“คุณเข้!”
เธอพยายามใส่ความกล้าในเส้นเสียง แต่หัวใจกลับเต้นถี่จนแทบควบคุมไม่อยู่ เพราะชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าตู้บาร์เหมือนเจ้าชีวิตผู้กุมพวงมาลัยเรือลำนี้กลับไม่แม้แต่จะหันมามองเธอ แล้วสนใจเพียงขวดเหล้าในมือที่รินของเหลวสีอำพัน จนเกิดเสียงกระทบกันของแก้วและน้ำดังก้องในความเงียบราวเสียงปืน
“พาฉันกลับเดี๋ยวนี้!”
ทว่าเขาเงยหน้าดื่มเหล้ารวดเดียวจนหมดแก้ว ไม่สนใจเสียงของเธอแล้วรินเพิ่มอีกครั้งด้วยมือที่กำขวดแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือปูด
แม้ไฟภายในเรือลำนี้จะไม่สว่างมาก แต่ก็สว่างเกินพอให้เธอเห็นเศษเสี้ยวของบางสิ่งในแววตาสีนิล บางสิ่งที่เหมือนเขาเองก็เจ็บ แต่เลือกจะไม่พูดและให้เหล้าเป็นคนพูดแทน
“คุณเข้...”
“เขาให้คุณเท่าไหร่”
เธอไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของคำถาม แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาซ่อนความเจ็บปวดอะไรไว้ในดวงตา “คุณหมายถึงใคร...”
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะนั้นไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความขบขัน
“คุณเก่งนะ” เขาเอ่ยพร้อมเหวี่ยงเหล้าในแก้วเบา ๆ จนคลื่นสีทองสั่นไหว “เขียนนิยายอิโรติกจนทำให้ผม... เสียวจริง ๆ”
จากนั้นหันมามองเธอด้วยแววตาที่ทำให้ไฟลุกวาบในอกของปลายฟ้า พลางย่างเท้าเข้ามาใกล้ “แล้วก็ยังเล่นละครตบตาได้เนียนจนผมหลงเชื่อได้ทั้งหัวใจ… โดยที่คุณไม่ต้องใช้คำพูดสักคำ”
“คุณ... หมายถึงพี่รินทร์หรือคะ”
เสียงของเธอที่เปล่งออกไปมันสั่นจนแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าถามเพราะอยากรู้ หรือเพราะแค่หวังให้เขาไม่ได้หมายถึงสิ่งที่เธอกลัวอยู่ในใจ
แต่แล้วในเสี้ยววินาทีถัดมา ปลายฟ้าเห็นแสงวาบปะทุขึ้นในดวงตาสีนิล คล้ายไฟที่ถูกอัดแน่นอยู่ในเตาแรงดันจนระเบิด
“มาถึงขนาดนี้ยังแกล้งทำเป็นใสซื่ออีกหรือไงปลายฟ้า!”
ชายหนุ่มตวาดลั่น เสียงของเขาแทงทะลุเข้าอกเธอจนเหมือนหัวใจกระตุก แก้วเหล้าในมือก็ถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรงจนแก้วแตกเป็นเสี่ยง
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกัน บอกผมหน่อยว่าคุณทำได้ยังไง!”
ปลายฟ้าสะดุ้งเฮือก ขยับเท้าถอยอัตโนมัติ แต่เขาฉวยคว้าต้นแขนบางด้วยสองมือที่แน่นและแรงพอจะทำให้รู้ว่าเธอหนีไม่ได้แล้ว
“ฉัน... ฉันไม่เข้าใจ...”
ทันใดนั้น เขาก็กระชากร่างเธอเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นแอลกอฮอลจากลมหายใจร้อนจัดของเขา “คุณหักหลังผม คุณรวมหัวกับแพรวพลอยหักหลังผม!”
ปลายฟ้าอ้าปากค้าง แต่ไม่มีเสียงใดหลุดออกมา เธอทำได้แค่เพียงส่ายหน้าเบา ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“เพราะเงินใช่ไหม เขาให้คุณมากกว่าผมเท่าไหร่ถึงซื้อตัวคุณให้ทรยศผมได้!”
เธอรู้สึกเหมือนโดนฟาดด้วยคำพูด มันเจ็บยิ่งกว่าตอนถูกทิ้งไว้คนเดียวในห้อง เจ็บยิ่งกว่าการที่เขาพาเธอมาที่นี่โดยไม่บอกอะไรเลย และมันเจ็บที่สุดคือเพราะคนพูดคือเขา
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงปลายฟ้า!” แววตาที่มองเธอมีแระกายวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะ “เงินมันมีความหมายกับคุณมากขนาดนั้นเลยหรือไง มากขนาดที่เงินของนายกรินทร์กับเงินของผมไม่ได้ช่วยให้คุณไปถึงฝั่งฝันเลยใช่ไหม”
ปลายฟ้ารู้สึกถึงแรงบีบที่ต้นแขนแน่นขึ้น แน่นพอให้เธอรู้ว่าเขากำลังสั่น ลมหายใจของเขาก็ร้อนจัด ปะปนไปด้วยกลิ่นเหล้า ความโกรธ และความผิดหวังที่ล้นจนไหลทะลักออกมา
“ผมน่าจะรู้...” แต่แล้ว จู่ๆ เสียงของเขาเบาลงแต่ยังบาดลึก “...ผมน่าจะรู้ ว่าคุณก็ไว้ใจไม่ได้ ผมน่าจะเชื่อลียงตั้งแต่แรก น่าจะเชื่อเขาว่าคุณไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่ตาเห็น”
“คุณเข้…”
ปลายฟ้าเอ่ยชื่อเขาด้วยเสียงสั่น แต่เธอเลือกเบนหน้าหนีดวงตาสีนิลที่เต็มไปด้วยคำว่าเจ็บปวดนับร้อยนับพัน
“บอกผมมาสิว่าไม่จริง บอกผมว่าผมเข้าใจผิดไปเอง บอกผมว่าคุณเป็นแค่หญิงสาวหัวใจบริสุทธิ์คนหนึ่ง”
เธอไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไรเรื่องที่เธอเข้าไปพบแพรวพลอยหลายวันก่อน แต่ก็ไม่คิดว่าการโกหกจะช่วยเยียวยาบาดแผลจากการถูกแทงข้างหลัง แต่สิ่งเดียวที่จะช่วยให้เขาหลุดรอดจากหลุมพรางที่มีคนขุดรอในวันเขาเพลี่ยงพล้ำได้ก็คือความจริง และเธอต้องพูดความจริงกับเขา แต่เป็นความจริงที่อาจทำให้เธอเจ็บปวดเสียเอง
“คุณไม่ได้เข้าใจผิดไปเองหรอกค่ะ ฉันไม่ได้เป็นหญิงสาวหัวใจบริสุทธิ์อย่างที่คุณคิด”
“ทุกเรื่องที่คุณบอกผม...” น้ำเสียงของเขาบางเฉียบจนคล้ายคมมีดบาดหัวใจ “ทุกเรื่องเลยใช่ไหมที่คุณโกหก...”
ความเคืองขุ่น ความสับสน และความโศกเศร้าที่สุมแน่นในดวงตาสีนิลกำลังสั่นคลอนจิตใจของปลายฟ้า แต่เธอถอยหลังไม่ได้แล้ว และถ้าเขาเชื่อว่าเธอเป็นแบบนั้น ก็จะยิ่งทำให้แพรวพลอยเลิกกังขาในตัวเธอ
“คุณคิดว่าไงล่ะ ฉันเป็นนักเขียนที่เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร แล้วก็เป็นนักแสดงที่สมบทบาทมากใช่ไหมคะ” ปลายฟ้าเชิดหน้า แสร้งทำเป็นกล้าแกร่ง แต่แท้จริงแล้วข้างในนั้นมันอ่อนแอจนมือไม้เย็นเยียบ
“หึ” เขาส่ายหน้าแค่นหัวเราะ เหยียดริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม “ไม่น่าเชื่อว่าอดีตเพลย์บอยอย่างผมจะหลงกลมารยาเสแสร้งของผู้หญิงคนหนึ่งได้”
คำว่า ‘มารยาเสแสร้ง’ ทำให้ปลายฟ้ากลั้นใจคลี่ยิ้ม “รางวัลออสการ์ต้องมาแล้วใช่ไหมคะ”
“นั่นสินะ แสดงได้สมบทบาทมาก...ปลายฟ้า” เสียงหัวเราะเย็นชาของเขาสั่นสะเทือนหัวใจของปลายฟ้า “เล่นละครเก่งแบบนี้ ก็ลองเล่นอีกสักบทไหม ถ้าแสดงได้ถึงใจ ผมจะตบรางวัลให้อย่างงาม”
เมื่อสิ้นคำ กลิ่นแอลกอฮอล์เจืออยู่ในอากาศก็ปะทะปลายจมูกนักเขียนสาวในวินาทีที่เขาก้าวเข้ามาประชิด เธอรีบขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณ แต่แผ่นหลังของเธอก็ปะทะเข้ากับขอบบาร์ไม้เย็นเฉียบ ราวกับโลกทั้งใบบีบตัวให้เหลือเพียงพื้นที่จำกัดที่เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงเขาได้อีก
“คุณเข้...ถอยไป” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แม้พยายามควบคุมให้มั่นคงแล้วก็ตาม
แต่เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่มองเธอด้วยแววตาลุกวาวคล้ายกับสะเก็ดไฟที่กำลังปะทุ ความอบอุ่นอ่อนโยนคงมอดไหม้ไปแล้ว เหลือเพียงแค่ไฟแค้นที่พร้อมจะเผาทุกอย่างให้วอดวาย
“อะไรกัน... คุณจะหนีผมทำไม”
ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้ม แล้วโน้มตัวขยับเข้าใกล้จนลมหายใจร้อนผ่าวกระทบแก้ม ปลายฟ้ายืนนิ่งตัวแข็งทื่อ เพราะความกลัวแผ่ซ่านไปถึงปลายนิ้ว มือก็เย็นเฉียบจนแทบไม่รู้สึกว่าเป็นมือของตัวเอง
"อย่าเข้ามา..." เธอห้ามอีกครั้ง แต่ด้วยเสียงที่เบากว่าเดิมเหมือนถูกแววตาคู่นั้นเค้นคอ
“ทำไมล่ะ ปลายฟ้า”
ชายหนุ่มโน้มหน้าลงมาเอ่ยพูดใกล้ใบหู ด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นแต่แฝงแรงดึงดูดที่น่ากลัว แล้วเคลื่อนมือหนาลงมาตรึงข้อมือบางทั้งสองแน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะละลายหายไปกับคำโกหกที่ผ่านมา
“ถ้าคุณแสดงได้สมบทบาท รางวัลอาจไม่ใช่แค่ออสการ์ แต่อาจเป็นฉากรักบนเตียงแบบปฏิบัติจริงจากผมที่คุณเคยอยากได้นักหนาไม่ใช่หรือ” ดวงตาคมลึกเต็มไปด้วยแรงปรารถนา มันไม่ได้อ่อนโยนแต่วาบหวามร้อนแรงปะปนกับความเจ็บแค้น
“ฉันไม่เล่นอะไรที่นอกบท หรือนอกเหนือจากนิยายที่ฉันเขียน...” เธอรู้แก่ใจว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อกำบังอะไรก็ตามที่เขากำลังใช้มันรุกรานเธอ
“แย่จัง... แล้วถ้ารางวัลขยับไปเป็นเงื่อนงำของคดีที่ผมกุมความลับไว้อยู่เล่า...”
คำพูดนั้นทำให้ปลายฟ้าลอบสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด หัวใจก็เต้นกระหน่ำเหมือนกลองรบ ความกลัวตีคู่กับความโกรธ ความรู้สึกผิดปะทะกับสัญชาตญาณของผู้หญิงที่กำลังถูกอ่านจนทะลุ เธอไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรในวินาทีถัดไป แต่แววตานั้นบอกว่าเธอคือทั้งคำตอบและต้นเหตุของความสูญเสียทั้งหมด
“ว่าไง... นักแสดงคนเก่ง...” ริมฝีปากเขาแตะใกล้หูของเธออีกครั้ง แผ่วเบา แต่เร่าร้อน “สวมบทบาทเป็นสาวบริสุทธิ์ให้ผม เล่นให้เนียนจนยอมเชื่อ แล้วผมจะบอกลับที่พวกคุณต้องการ...”
“ฉัน...”
ปลายฟ้ายังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ย ในเสี้ยววินาทีที่เธอละสายตาจากเขาเพื่อหาทางหนี เขตต์ก็ฉกริมฝีปากเข้าประกบจูบเธอแบบไม่ให้ตั้งตัว เป็นจูบที่ไม่มีความอ่อนโยน และไม่มีคำถาม มีเพียงแรงดึงดันจากความปวดร้าวกับความร้อนแรงที่เขาใช้บดขยี้ริมฝีปากเธอราวกับลงทัณฑ์
“คุณเข้อย่า ฉันเจ็บ!”
เธอส่งเสียงอู้อี้ทัดทาน แล้วพยายามผลักเขาออก แต่แรงที่มีเหลืออยู่ก็อ่อนเหลือเกินเมื่อเจอแรงปรารถนาของเขาที่สั่นสะเทือนดั่งพายุ
“ถ้าจะโกหก... ก็ช่วยโกหกให้ถึงที่สุด…”
สิ้นคำกระซิบเสียงแหบพร่า เขาก็บดริมฝีปากหยักกับริมฝีปากของเธอหนักหน่วงอีกครั้ง ราวกับต้องการช่วงชิงลมหายใจจากเธอไปให้หมด
“อืม...”
หญิงสาวได้แต่ส่งเสียงค้านในลำคอ ร่างบางเริ่มอ่อนระทวยเมื่อลิ้นหนาชุ่มรสชาติขมลึกของบรั่นดีสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก แล้วรุกไล้ไล่ควานหาความจริงที่เธอพยายามเก็บซ่อน แม้พยายามต่อต้าน แต่ร่างกายกลับตอบสนองต่อแรงปรารถนาอย่างหักห้ามไม่ได้
ด้วยความหวานขมกลิ่นเครื่องเทศที่บ่มในไม้โอ๊คจากรสจูบของเขาเหมือนมีดกรีดบาดแผลที่ลึกลงเรื่อยๆ แต่ก็ชำแหละเอาความต้องการที่เธอฝังไว้ออกมา ทุกครั้งที่เขาตวัดลิ้นเกี่ยวกระหวัดกับเธอ คือทุกครั้งที่ความใกล้ชิดรุนแรงขึ้นจนแทบไม่มีเส้นแบ่งระหว่างความกลัวกับความต้องการ
“ดีมากปลายฟ้า เล่นได้สมบทบาทมาก”
เขารั้งใบหน้าเธอไว้แน่น และสอดส่ายลิ้นลึกขึ้นจนเธอเผลอครางออกมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหวั่นไหวหรือเพราะเขากำลังดึงความจริงออกจากเธอผ่านริมฝีปากที่โหยหาอากาศหายใจผ่านช่องว่างที่ค่อยกลืนหายไปกับความเร่าร่อน
เพล้ง!
ทันใดนั้นเอง เสียงขวดแก้วตกกระแทกพื้นเรือดังลั่นหลังจากเขาใช้มือปัดข้าวของบนบาร์ลงพื้นอย่างไม่ใยดี แล้วตวัดแขนเข้าช้อนใช้สะโพกนุ่มแล้วอุ้มขึ้นโดยไม่บอกกล่าว หญิงสาวก็หวีดร้องเมื่อร่างลอยหวือ สองขาเรียวจึงเกาะเกี่ยวเอวแน่น รองแขนก็วาดรอบคอหนาด้วยความกลัวว่าร่างของตนจะหล่นกระแทกพื้น
“ฮึก” ยังไม่ทันได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาก็ดันบั้นท้ายของเธอให้กระแทกขอบเคาน์เตอร์บาร์เย็นเยียบ แล้วแนบบดเบียดกายราวกับอยากอัดเธอให้ติดแน่นกับขอบเคาน์เตอร์บาร์
“บอกผมสิ...” เสียงของเขตต์แหบพร่าชิดริมฝีปากอิ่ม “บอกว่าคุณไม่เคยรู้สึกอะไรเลยตลอดเวลาที่อยู่กับผม บอกว่านี่มันก็แค่การแสดงของนักเขียนคนหนึ่ง”
กลิ่นกายเขาร้อนผ่าว แรงเบียดที่หว่างขาก็หนักหน่วงเสียจนเธอรู้สึกได้ถึงเส้นเลือดที่เต้นตุ้บๆของบางสิ่งใต้ผืนผ้า แล้วเกมของความรู้สึกก็เริ่มดุเดือดยิ่งกว่าที่ผ่านมา เมื่อเขาจับเรียวขาทั้งสองแยกออก ตรึงเธอให้แน่นด้วยสะโพกแกร่ง
“คุณเข้...”
เขาโน้มตัวลงบดขยี้ริมฝีปากอิ่มอีกครั้งกลืนกินทุกคำพูดไม่ให้เล็ดลอด ฝ่ามือร้อนจัดก็เลื่อนไปตามแผ่นหลังบางอย่างไม่ปรานี ความบ้าคลั่งของจูบดุดันและเร่าร้อนทำให้เธอสั่นสะท้านทั้งร่าง แยกไม่ออกแล้วว่าเจ็บหรือหวั่นไหว
“คุณเข้...หยุดเถอะ...” เธอพยายามเปล่งเสียง แต่แผ่วเบาเกินกว่าจะทัดทาน
“อย่าพูดคำนั้น ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอะไร...” เขาถอนจูบแล้วกระซิบชิดใบหู “แล้วตอนนี้ผมไม่ใช่คนเดิมแล้วปลายฟ้า คุณเอง... ก็ไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์คนนั้นอย่างที่เคยเล่นละครตบตา”
“แล้วคุณล่ะ... เป็นผู้บริสุทธิ์จริงไหม” หากแต่เธออยากเอ่ยเตือนอะไรบางอย่าง บางอย่างที่อาจทำให้เขาหยุดไต่ตรอง ในขณะที่หัวใจของเธอกำลังถูกเขาบีบแน่น
“จากที่ผมเล่าให้คุณฟัง คุรก็น่าจะนับได้ว่าผมผ่านศึกบนเตียงมากี่ครั้ง คุณยังให้ผมบอกว่าผมบริสุทธิ์อยู่อีกหรือไง” บอกแล้วดันเธอให้เอนนอนจนแผ่นหลังสัมผัสกับพื้นไม้เย็นของเคาน์เตอร์บาร์ จากนั้นก็โน้มร่างใหญ่ลงมาแนบทับแล้วรวบข้อมือทั้งสองของปลายฟ้าไว้เหนือศีรษะของเธอ
“ฉันหมายถึง... คุณเป็นผู้บริสุทธิ์คดีทำร้ายน้ำตาลจริงไหมต่างหาก” คำถามที่ตรงเป้ามากขึ้นเป็นเหมือนกระสุนนัดสำคัญ แต่ก็ทำให้เขาหยุดชะงักเพียงแค่ชั่วครู่
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ ในเมื่อคุณกำลังร่วมมือกับแพรวพลอยหาคำตอบอยู่แล้วนี่” เขายิ้มด้วยรอยยิ้มของคนที่มีไพ่เหนือกว่า “แต่น่าจะยากหน่อยนะ เพราะวันนั้นมีแค่ผมกับน้ำตาลที่อยู่ในเหตุการณ์”
ปลายฟ้ายังไม่ยอมแพ้ เธอกระทุ้งความทรงจำเขาด้วยประโยคต่อมา “แสดงว่ามีน้ำตาลเท่านั้นที่รู้ว่าถูกคุณมอมยาแล้วทำร้ายเธอใช่ไหม”
เขตต์ลั่นเสียงหัวเราะดังลั่นเรือ “ถ้าใครจะถูกมอม ก็ต้องมีผมเป็นเหยื่อรวมในนั้นด้วยต่างหาก!”
คำพูดของเขาทำให้ปลายฟ้าขมวดคิ้ว “คุณจะดื่มเหล้าที่ตัวเองใส่ยาลงไปด้วยได้ยังไงกัน”
แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็เลือนหายไปฉับพลัน “ยาอะไร...”
“ไดอะซีแพม...”
“พูดใหม่อีกทีซิ!”
เขาได้ยินเธอพูดชัดเจน เพราะน้ำเสียงกดต่ำเสียงและดวงตาแข็งกร้าวที่มองมาดูน่ากลัวจนปลายฟ้ารู้หนาวขึ้นมาจากสันหลัง
“ผมบอกให้พูดใหม่อีกที!”