โชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระเอกนิยายสุดปลายฟ้าโชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
เมื่อนิตยสารสารคดีที่ ปลายฟ้า เป็นนักเขียนประจำปิดตัว ทำให้ปลายผ้าต้องหันเหจากการเขียนแนววิชาการ ไปต้องเลี่ยนแนวไปเป็นนักเขียนนิยาย เพื่อหาเงินเลี้ยงดู แม่และน้องสาว โดยเฉพาะแม่ของเธอต้องรับการผ่าตัดตาในสิ้นปี ปลายฟ้าจึงเขียนนิยายรัก แล้วนำไปให้ กรินทร์ คนรักเก่าที่เป็นซีอีโอของสำหนักพิมพ์อักษรารัญจวนช่วยพิจารณา แต่กรินทร์ไม่ให้ผ่านเพราะแนวเรื่องไม่ตรงกันแนวของอักษรารัญจวนที่เน้นขายแนวนิยายอิโรติก
แต่เพราะกรินทร์ยังมีใจให้ปลายฟ้า ด้วยความรักที่หลงเหลือ จึงให้ปลายฟ้าเขียนนิยายอิโรติกโดยที่มีเขาเป็นพระเอก และเธอเป็นนางเอก แลกกับเงินค่าจ้างที่เขาจะจ่ายให้เธอเป็นรายเดือนแต่ปลายฟ้ามีปมกับเรื่องเซกส์เพราะเคยถูก เปลว พ่อเลี้ยงล่วงละเมิดในวัยเด็กและมักมีอาการทางประสาทกำเริบหากถูกกระตุ้น ทว่าด้วยเงินที่กรินทร์เสนอให้ จึงทำให้ปลายฟ้าตอบรับงาน แต่เพราะกลัวว่าจะเขียนให้ถึงตอนจบไม่ได้ ปลายฟ้าจึงตั้งใจหางานเสริม และเธอก็ได้งานแม่บ้านรีสอร์ตที่มีชื่อว่า Beyond The Horizon โดยบังเอิญจากแม่บ้านคนเก่าที่ลาออกกระทันหัน
ที่รีสอร์ตนี้ ปลายฟ้าต้องทำงานเป็นแม่บ้านประจำโซนวิลล่าการ์เด้น โดยมี แหวว หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนคุมงาน เธอมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกให้แขกประจำโซน ซึ่งหนึ่งในแขกที่เธอต้องดูและคือ เข้ เจ้าของห้องหมายเลข 222 ที่เขาแอบเลี้ยงแมวโดยมีแค่เธอและเขาเท่านั้นที่รู้ นอกจากแหววแล้ว ปลายฟ้าได้เจอ ชิด บาร์เทนเดอร์ที่คอยสอนงานในห้องอาหารให้เธอ
ด้วยงานแม่บ้านนี้เองที่ปลายฟ้าจะยึดไว้เป็นอาชีพเสริมจนกว่าเธอจะเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์จบ แต่มีเหตุเกิดขึ้นกับปลายฟ้าคือเธอเหยียบหางแมวที่คุณเข้เลี้ยงไว้ที่ริมสระน้ำ จนทำให้เธอตกสระ แต่เข้ก็ช่วยเธอไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เข้รู้ว่าเธอต้องรับงานเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์ แต่เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียง(แบบคู่รัก) เข้เลยเสนอว่าถ้าปลายฟ้ามาเป็นเพื่อนคุยให้เขา เขาจะเล่าประสบการณ์บนเตียงให้ฟัง ข้อตกลงแรกระหว่างปลายฟ้าและเข้จึงเริ่มขึ้น
แต่ปลายฟ้าไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะกลายเป็นผู้เล่นคนหนึ่งในเกมล่าหาคำตอบของปริศนาฆาตกรรมในรีสอร์ทแห่งนี้
“มึงจะทำให้เราเสียงานใหญ่ ไอ้เข้!”
เสียงของลียงไม่ได้ดังขนาดสะเทือนครัวใหญ่ของรีสอร์ต แต่สายตาวาวโรจน์ที่วาบขึ้นในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นกลับมีแรงสั่นสะเทือนพอจะกระชากตัวเขาให้ตกจากเก้าอี้
“มึงทิ้งงานแต่งของเพื่อนกิตติมศักดิ์ของยายพิมพ์ หายหัวไปกลางอากาศหลังส่งข้อความหากูให้ดูแลแมว จากนั้นก็ปล่อยให้หล่อนยืนฉายเดี่ยวในงานที่มีแต่นักธุรกิจเจ้าสำนักข่าว กับตากล้องทั้งประเทศ! แถมติดต่อเชี่ยไรก็ไม่ได้! โทรไปก็ไม่รับ ข้อความส่งไปก็ไม่อ่าน!”
ลียงร่ายกระทงความผิดด้วยน้ำเสียงที่ทวีความดังเหมือนถูกหมุนปุ่มโวลุ่มขึ้นตามระดับโทสะ ขณะที่เขตต์ที่นั่งพิงเก้าอี้ไม้ข้างโต๊ะเตรียมอาหารอลูมิเนียมตัวใหญ่ เลือกพลิกข้อมืออย่างใจเย็น เพื่อรินคอนยัคลงในแก้ว แล้วส่งไปให้เพื่อนตรงหน้า ราวกับจะบอกให้เขาดื่มให้ชุ่มคอเสียก่อนจะพูดอะไรแรงกว่านี้
“มึงก็รู้ว่าเราต้องพึ่งยายพิมพ์เพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงย่ำแย่ของรีสอร์ตแล้วยังช่วยกู้หน้าผู้ถือหุ้นอย่างมึง แต่มึงกลับทำให้หล่อนโกรธเพราะเสียหน้า เผลอๆ หล่อนอาจไปฟ้องพ่อแล้วถอนเราจากโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทะเลชายฝั่งตะวันออก งานใหญ่ระดับชาติ!” พอสิ้นคำสวดแสนยาวก็คว้าแก้วเหล้าไปกระดกรวดเดียวอย่างกับดื่มน้ำเปล่า
“เขาไม่น่าจะไร้เหตุผลขนาดนั้น” เขตต์พูดเรียบ ๆ ด้วยน้ำเสียงที่แทบไม่กระเพื่อม คล้ายคลื่นทะเลยามไร้ลม แต่ลึกข้างใต้นั้น...คล้ายซ่อนแรงม้วนตัวของพายุเอาไว้
“มึงไม่รู้จักนิสัยผู้หญิงมากพอ! กี่คนแล้วที่มึงมองพลาด!”
เอาล่ะ ถึงคราวที่เขาต้องเทเหล้าลงคอบ้างแล้ว เขตต์รินคอนยัคจนเต็มแก้ว แต่ยังไม่ทันได้ยกขึ้น ประโยคต่อมาของลียงก็ทำให้เขาหยุดชะงัก
“โดยเฉพาะปลายฟ้า ยายลูกแมวเลี้ยงไม่เชื่องนั่น!”
เขตต์จ้องหน้าคนพูดทันที “มึงรู้?”
“ลุงยามบอกกูตอนที่กูตามหามึงทั่วรีสอร์ต”
เขตต์สูดลมหายใจเข้า แหงนหน้าหลับตาด้วยความระอา แม้ลุงยามจะรักและภักดีกับเขาแค่ไหน แต่ไม่จำเป็นต้องกระจายข่าวอะไรที่เกี่ยวกับเขาทุกเรื่อง ต่อให้เป็นลียงก็ตาม
“มึงอุ้มแม่นั่นหลบออกนอกรีสอร์ตทำอย่างกับเป็นไอ้บ้าโรคจิตลักพาตัวผู้หญิงไปทำปู้ยี่ปู้ยำ”
คำสุดท้ายของลียงนั่นแทงใจดำเขาชะมัด แต่... “มึงพูดว่าไงนะ...อุ้ม?”
“ก็เออ อุ้มไง ลุงยามบอกว่าเห็นมึงอุ้มเขาไปทั้งตัวแบบนี้” ลียงลุกขึ้นยืนทำท่าประกอบ กลอกตาแล้วส่ายหัวแรง ๆ อย่างคนที่หมดความอดทน
เขตต์นิ่งอึ้งไปชั่ววินาที ดวงตาสีนิลฉายแววครุ่นคิดก่อนจะแค่นลมหายใจออกเบา ๆ ทั้งที่มั่นใจว่าเป็นเส้นทางที่ไม่มีใครใช้ ไม่ใครรู้นอกจากเขา ไม่สิ... ล่าสุดก็มีปลายฟ้าอีกคน แต่ที่ลียงพูดมานั่นก็หมายความว่าแล้วนอกจากลุงยามผู้ภักดีแล้ว อาจมีใครอื่นที่รู้ว่าเขาใช้เส้นทางในป่ารกชัฏเป็นทางสัญจรแอบเข้าออกรีสอร์ต
“กูถามจริง มึงไปทำอะไรกับเขาที่ไหน”
แต่ในเมื่อไม่สามารถปกปิดลียงได้อีกต่อไป เขาจึงต้องบอกตามความจริงไปว่า “พาไป ‘ล่องเรือ’ ”
‘ล่องเรือ’ คือคำพูดที่รู้กันระหว่างเพื่อนสนิท ย่อมาจาก ‘ล่องเรือยอชต์ แล้วจอดเรือ...เพื่อทำเรื่องอะไรทำนองนั้น’
ลียงชะงัก แล้วสบถลั่น “You fucking bastard!”
ความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดหมดหลอด ชายหนุ่มผมสีอ่อนถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วเตะเก้าอี้ข้างตัวเสียงดัง จนมันถอยกรูดไปกระแทกผนังเบา ๆ
“…แม่งเอ๊ย ทำไมมึงเป็นคนอย่างนี้วะ!”
แล้วเดินวนเป็นเส้นโค้งสั้นๆ เหมือนพายุที่กำลังหมุนแรงอยู่ในตัวเอง มือข้างหนึ่งยกขึ้นเสยผมแรง ๆ ก่อนลากเก้าอี้ที่เพิ่งถูกถีบทิ้งไปกลับมานั่งเผชิญหน้าแล้วคว้าแก้วคอนยัคที่เขตต์รินให้ก่อนหน้านี้ขึ้นมากระดกรวดเดียวหมด
“เอาล่ะ มาคุยกันให้เข้าใจตรงกันสักหน่อย” สีหน้ายังเคร่งเครียดแต่เสียงเริ่มช้าลง
“กูไม่ได้กลัวแค่เรื่องงาน” เสียงของลียงฟังเหมือนคนกำลังเหนื่อยมากกว่าโกรธ “…แต่กูกลัวมึงจะถลำลึกอีก”
เขตต์ยังไม่ตอบ ดวงตาสีนิลที่สงบนิ่งยังจ้องแก้วในมือของตัวเอง
ลียงถอนหายใจยาว มือข้างหนึ่งเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะคล้ายหาทางระบายความอึดอัดที่ยังคั่งค้างในอก
“กูอยู่กับมึงมาตั้งแต่ตอนที่มึงล้ม...ตอนที่มึงไม่พูดกับใครเลยเป็นเดือน กูเห็นกับตาว่าไอ้ความเงียบของมึง มันกัดกินข้างในขนาดไหน แล้วตอนนี้มึงกำลังจะย้อนกลับไปที่เดิมอีก”
ความเงียบปกคลุมชั่วครู่ มีเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของทั้งคู่ และเสียงน้ำแข็งละลายในแก้ว
“มึงอุ้มยายนั่นมุดทางลับออกจากงานสำคัญ แล้วพาไป...ล่องเรือ...” ลียงเน้นคำสุดท้ายด้วยน้ำเสียงขมขื่น ราวกับทุกพยางค์คือมีดที่กรีดลึกลงบนความเชื่อใจ “เพราะหิวแค่ของขาด? เพราะอยากแดกตับใครสักคนแก้อาการลงแดง?”
เขตต์เหลือบตามองเพื่อน แต่ยังไม่พูดอะไร
“โอเค กูเข้าใจมันเป็นความต้องการของธรรมชาติ แต่ถ้ามึงหิวขนาดนั้นมึงควรไปซื้อแดก หรือไม่งั้นมึงก็โทรหาผู้หญิงที่มึงเคยคั่วสักคน แม่พวกนั้นยอมนอนอ้าขาให้มึงแดกทุกคนอยู่แล้ว แต่กูอยากรู้ กูอยากรู้ว่าทำไมต้องเป็นปลายฟ้า คนที่หักหลังมึง”
คำถามที่เขาก็เฝ้าถามตัวเองมาตลอดตั่งแต่คืนนั้นบนเรือ
“เข้” น้ำเสียงของลียงเบาลงแต่หนักแน่นและจริงจัง “ตอนนี้ผู้หญิงคนเดียวที่มึงต้องใส่ใจคือพิมพ์ลดา เขายังไม่รู้เรื่องห่าเหวที่เกิดกับมึง ยังมีเวลาให้มึงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ก่อนงานประกาศรายชื่อรีสอร์ตที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ ถึงตอนนั้นกูไม่อยากให้ยายแพรวมาตะโกนใส่หน้ามึงกลางงานว่ามึงเป็นฆาตรกร มึงต้องทำให้เรื่องนี้จบ”
“อีกไม่กี่วัน...มันก็จะจบ วีรชัยหาทางติดต่อกับแม่บ้านคนเก่าได้แล้ว” เขตต์เอ่ยหลังจากเงียบฟังมานาน
“ก็ดี” ลียงจ้องตาเขานิ่ง “อย่าให้อะไรมาขวางทาง มึงรู้ดีว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมา มึงสู้เพื่อ Beyond The Horizon มากแค่ไหน ฉะนั้นผลักปลายฟ้าออกไปจากชีวิตซะ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีค่าให้มึงใส่ใจ”
เมี้ยว
เสียงแมวที่ดังจากด้านนอกทำให้ทั้งสองหันขวับไปมอง
“อ้อ ครั้งหน้ากูไม่รับฝากแมว!”
ลียงบ่นขึ้นทันทีที่เห็นมัน แต่เขตต์กลับสงสัยว่าทำไมเบอร์เบินมาอยู่ที่นี่ แถมยังส่งเสียงร้องเหมือนกำลังนัวเนียกับใครบางคนอยู่ ความใคร่รู้ดึงเขตต์ให้ลุกจากเก้าอี้เพื่อไปหาคำตอบ แต่ยังไม่ทันถึงประตู ชิดก็ปรากฏกายออกมา
“ชิด” น้ำเสียงแข็งเล็กน้อยเหมือนตะกอนขุ่นเก่าที่ลอยขึ้นมาจากก้นใจ
“มาทำอะไรที่นี่ชิด!” ลียงถามเสียงห้วนสวนเข้ามา
“ผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทำบัญชีสต๊อกเหล้าของวันนี้ครับ” ชิดตอบโดยไม่สบตา ในมือมีว้อดก้าขวดเปล่า “หลายคืนมานี้ ค้อกเทลขายดีมากครับคุณเข้ โดยเฉพาะ Sweet Drunkard กับ Beyond The Horizon”
เขตต์ยังไม่ตอบในทันทีเหลือบตามองไปทางประตูทางเข้าคลังเหล้า เสียงเบอร์เบินเงียบไปแล้วเหมือนไม่เคยอยู่ตรงนั้น
“ทำงานเสร็จก็กลับไปพัก” เขากล่าวเสียงเรียบ แล้วมองชิดก้มศีรษะให้จากนั้นหันหลังเดินออกไปจนมองไม่เห็นแผ่นหลัง
“กูขอกลับก่อน” เขตต์หันไปบอกลียง
“กลับไปให้ถึงเรือ อย่าเสือกแวะระหว่างทาง”
ลียงคงต้องการพูดดัก เหมือนไม่ไว้ใจเขาว่าจะตรงกลับไปล้มตัวนอนบนเรือ หากเป็นเขาในวันก่อนผ่านวันเฉียดตายของปลายฟ้าที่บ้านของเธอ เขาคงไม่ไว้ใจตัวเองเหมือนกัน แต่ตั้งแต่นาทีที่ทุกอย่างประจักษ์แจ้งแก่ใจว่า ความกลัวของปลายฟ้าไม่ได้เกิดจากการแสดงละครตบตา แต่เป้นความจริงที่ทำให้เขาอยากตบหน้าตัวเอง
เขตต์บอกลาลียงแล้วเดินไปตามถนนหินทรายในคืนที่ไม่สนใจว่าจะถูกใครลอบมองหรือติดตาม บนเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่เขาเคยเดินอย่างผึ่งผาย และอิ่มเอมหลังก่อร่างสร้างที่นี่ขึ้นมา ตั้งแต่ต้นต้นแบกพวกนั้นยังไม่ขยายกิ่งก้านออกดอกเป็นพุ่มสวย ตั้งแต่น้ำตาล ผู้หญิงที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากวงการเพลย์บอยผู้ขับเคี่ยวผู้หญิงเป็นร้อยด้วยเหตุผลแค่อยากสนองกามเพราะช้ำรักเจียนตายจากแพรวพลอย
...จนกระทั่ง หญิงสาวคนสุดท้าย...ปลายฟ้า
ความคิดสุดท้ายผุดขึ้นในตอนที่เดินมาหยุดยืนหน้าประตูทางเข้าวิลล่าหมายเลข 222 เขาทอดสายตาขึ้นไปยังหน้าประตูห้องที่มีแสงไฟรำไร
“ผมคงไม่รู้จักผู้หญิงอย่างที่ลียงพูดจริงๆ ...หรือว่าคำสาบของน้ำตาลเริ่มทำงานแล้วหรือยังไงกัน...”
เธอหักหลังเขา แต่เธอไม่ได้โกหกเขาเรื่องกลัวเซกส์ เธอต้องการเงิน แต่เธอไม่เคยบอกว่าที่บ้านลำบากแค่ไหน...ไม่เคยบอกว่าเธอผ่านอะไรมา...
ผู้หญิงอย่างปลายฟ้าเข้มแข็งเกินกว่าที่เขารู้ แต่ก็อ่อนโยนเกินกว่าเขาจะทำใจยอมรับได้ว่าแท้จริงแล้วเขาชอบความอ่อนโยนของเธอมากแค่ไหน เป็นความอ่อนโยนในแบบที่เขาเคยได้รับมาก่อน เคยโหยหามาก่อน ปลายฟ้าอ่อนโยนเหมือนแม่ของเธอ ที่อ่อนโยนเช่นเดียวกันแม่ของเขาที่จากไปพร้อมพ่อในกองเพลิง
‘ฝากพระไปให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณเขตต์ด้วยนะคะ เป็นคำขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนปลายจนป้าออกจากโรงพยาบาล’
แววตาอบอุ่นของนางขวัญใจ แม่ของปลายฟ้าที่มอบให้เขายังประทับอยู่ในความทรงจำในวันที่เขาอาสาพาครอบครัวของเธอไปทำบุญที่วัด
‘พ่อแม่ของผมเสียแล้วครับ’
สีหน้าของท่านหม่นลงแบบไม่ปิดบัง ‘ถ้าอย่างนั้น ก็เก็บพระไว้กับตัวคุณนะคะ’ วางพระใส่ฝ่ามือของเขาให้กุมไว้ด้วยสัมผัสอ่อนโยน มองเขาด้วยแววตาห่วงใย ‘ขอให้พระคุ้มครองนะคะ’
‘ขอบคุณครับคุณป้า’ เขาประนมมือก้มหัวไหว้ตามมารยาท แต่พอมืออูมของท่านลูบไล้เรือนผมของเขา ภาพทรงจำของมารดาก็สว่างวาบในหัวราวกับมือของท่านเปิดเครื่องบันทึกภาพอดีตให้ทำงาน
‘ป้าฝากคุณเข้ดูแลปลายด้วยนะคะ’ คำขอนั้นทำให้เขาเงยหน้ามองคนพูด
‘ในชีวิตนี้ป้าเหลือครอบครัวแค่ปลายกับพุด ทั้งคู่เป็นพี่น้องต่างแม่ ปลายเป็นลูกแท้ๆ ของป้าเอง ส่วนพุดเป็นลูกของเมียไอ้เปลวที่เอามาทิ้งให้เลี้ยง แต่ป้าก็รักเหมือนลูกแท้ๆ’ คนพูดมีน้ำตานองอยู่ตามขอบตา ‘แต่ปลายไม่เหมือนพุด ปลายน่ะมักเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเสมอ ไม่พูดไม่บอก เหมือนจะเข้มแข็งแต่ใจเปราะบางมากนัก ป้ากลัวเหลือเกินว่าถ้าสิ้นป้าแล้ว ปลายจะอยู่ไม่ไหว’
ตอนนั้นเขาเงยหน้ามองดวงตาของหญิงโรยวัยที่มองเขาเหมือนเห็นแสงสว่างสุดท้าย โดยไม่ได้เอ่ยตอบรับ แต่ในใจตอนนั้นมีเกิดความรู้สึกบางอย่างพุ่งกระแทกจนจุกในอก ความรู้สึกบางอย่างที่เกิดตอนภาพเห็นปลายฟ้าทรุดลงกับพื้น
‘ช่วยบอกผมได้ไหมว่า...เกิดอะไรขึ้นกับปลายฟ้า’
คำถามของเขาอาจก่อความรู้สึกกล้ำกลืนให้กับแม่ของเธอ ดวงตาโรยวัยเอ่อล้นด้วยน้ำตาก่อนคลีอดีตของปลายฟ้าที่ทำให้เหมือนกับโลกทั้งใบของเขาพัง เพราะทุกคำพูดของนางขวัญใจคล้ายมีภาพเคลื่อนไหวบอกเล่า มันชัดเจน และรู้สึกได้
ตอนเห็นเธอหายใจไม่ออก มือสั่น ร่างกายชักกระตุกเพราะตื่นตระหนกเป็นความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจบอกได้ว่าคืออะไรหากในในวินาทีที่ดวงตาเหม่อไร้แววราวกับมองอะไรสักอย่างผ่านม่านหมอกในอดีตของปลายฟ้าเริ่มโฟกัสที่เขา วินาทีที่เธอเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา...
...วินาทีนั้นเอง ที่เขากลัว...กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้ยินเสียงเธอเรียกชื่อเขาอีก
ในวันกลับ เขายืนนิ่งค้างข้างรถอยู่นาน พยายามบอกตัวเองว่าจะหันหลังแล้วลืมความรู้สึกที่เกิดขึ้นไว้แค่นี้ แต่แล้วหัวใจมันก็เจ็บแปลบ หมุนตัวเพื่อจะกลับไปหาเธอ ทว่าปลายฟ้ายืนอยู่ตรงนั้น
‘ฉัน...ขอกลับไปกับคุณได้มั้ย’
ดวงตาเศร้าสร้อยและคำขอเรียบง่ายของเธอมีอานุภาพพังทลายภูเขาสูงได้ในพริบตา
เมี้ยว
เสียงหวานของเบอร์เบินดังขึ้นพร้อมสัมผัสอุ่นของแมวขนที่กำลังไถข้อเท้าของเขาไปมา ดึงเขตต์ออกจากภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เขารู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เขาย่อตัวอุ้มมันขึ้นกอดแนบอก แล้วกดจูบบนหน้าผากเล็กๆ ของมันเบา ราวกับเบอร์เบินเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจ
“ป่านนี้ยังไม่กลับเข้าห้อง ไม่กลัวถูกแม่ทำโทษหรือไง” เอ่ยหยอกเย้าพลางเกาคางให้เจ้าขนฟูที่ส่งเสียงครืดครางในลำคออย่างพอใจ
ทว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเข้าทำให้เขาผละมือจากงานเอาใจแมว ล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วเห็นว่าเป็นวีรชัย จึงเลื่อนหน้าจอเพื่อรับสาย
“ว่าไงครับ” เอ่ยเสียงทักทายไปก่อน
“คุณเขตต์ครับ ผมมีเรื่องสำคัญต้องรีบบอก” อีกฝ่ายมีน้ำเสียงร้อนรน
“พูดมาได้เลยครับ” คิ้วของเขตต์ขมวดเข้าหากัน แล้วตั้งใจฟัง
“แม่บ้านคนเก่าครับ... เขาตายแล้ว”
ความเงียบเข้าครอบงำเขตต์ทันที เขายืนนิ่งค้างเหมือนลมหายใจในร่างกายถูกกระชากออกไปในเสี้ยววินาที ฝ่ามือที่จับโทรศัพท์เริ่มเย็นเฉียบ โลกทั้งใบเหมือนถูกบดขยี้ด้วยข่าวสั้น ๆ เพียงหนึ่งประโยค
พยานคนเดียวคนที่อาจเป็นแสงสว่างให้เขาหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาจากความมืดมัวที่เกาะกินชีวิตเขามาเนิ่นนาน บัดนี้ดับสูญ ไม่มีแสง ไม่มีความหวัง ราวกับฟ้าทั้งผืนถูกครอบคลุมด้วยเมฆดำ ไม่มีช่องว่างให้แสงลอดผ่านมาได้อีกเลย
คุยกันนิด ไรท์ขอบคุณนักอ่านที่ติดตามนะคะ เรื่องนี้เป็นนวนิยายเรื่องยาวที่มีทั้งเรื่องสืบสวนและความรัก ในทุกบททุกตอนคือการแกะปมปริศนา และไขปัญหาหัวใจไปที่จะขั้น เพื่อหาคำตอบให้เจอ ไรท์หวังว่านักอ่านทุกคนจะอยู่ข้างตัวละครของเราเพื่อหาคำตอบนั้นให้เจอ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนค่ะ
ปล หากพบคำผิดก็ขออภัยค่ะ ยังไงเมนท์บอกไรท์ได้ จะได้แก้ไขทันที