โชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระเอกนิยายสุดปลายฟ้าโชคชะตาพาปลายฟ้าผู้หวาดกลัวเรื่องบนเตียงให้มารับงานเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งของแฟนเก่า แต่ฟ้าก็ใจดีส่งชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์เซกส์มาให้ โดยที่ดันลืมเตือนว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมคนรักตัวเอง
เมื่อนิตยสารสารคดีที่ ปลายฟ้า เป็นนักเขียนประจำปิดตัว ทำให้ปลายผ้าต้องหันเหจากการเขียนแนววิชาการ ไปต้องเลี่ยนแนวไปเป็นนักเขียนนิยาย เพื่อหาเงินเลี้ยงดู แม่และน้องสาว โดยเฉพาะแม่ของเธอต้องรับการผ่าตัดตาในสิ้นปี ปลายฟ้าจึงเขียนนิยายรัก แล้วนำไปให้ กรินทร์ คนรักเก่าที่เป็นซีอีโอของสำหนักพิมพ์อักษรารัญจวนช่วยพิจารณา แต่กรินทร์ไม่ให้ผ่านเพราะแนวเรื่องไม่ตรงกันแนวของอักษรารัญจวนที่เน้นขายแนวนิยายอิโรติก
แต่เพราะกรินทร์ยังมีใจให้ปลายฟ้า ด้วยความรักที่หลงเหลือ จึงให้ปลายฟ้าเขียนนิยายอิโรติกโดยที่มีเขาเป็นพระเอก และเธอเป็นนางเอก แลกกับเงินค่าจ้างที่เขาจะจ่ายให้เธอเป็นรายเดือนแต่ปลายฟ้ามีปมกับเรื่องเซกส์เพราะเคยถูก เปลว พ่อเลี้ยงล่วงละเมิดในวัยเด็กและมักมีอาการทางประสาทกำเริบหากถูกกระตุ้น ทว่าด้วยเงินที่กรินทร์เสนอให้ จึงทำให้ปลายฟ้าตอบรับงาน แต่เพราะกลัวว่าจะเขียนให้ถึงตอนจบไม่ได้ ปลายฟ้าจึงตั้งใจหางานเสริม และเธอก็ได้งานแม่บ้านรีสอร์ตที่มีชื่อว่า Beyond The Horizon โดยบังเอิญจากแม่บ้านคนเก่าที่ลาออกกระทันหัน
ที่รีสอร์ตนี้ ปลายฟ้าต้องทำงานเป็นแม่บ้านประจำโซนวิลล่าการ์เด้น โดยมี แหวว หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนคุมงาน เธอมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกให้แขกประจำโซน ซึ่งหนึ่งในแขกที่เธอต้องดูและคือ เข้ เจ้าของห้องหมายเลข 222 ที่เขาแอบเลี้ยงแมวโดยมีแค่เธอและเขาเท่านั้นที่รู้ นอกจากแหววแล้ว ปลายฟ้าได้เจอ ชิด บาร์เทนเดอร์ที่คอยสอนงานในห้องอาหารให้เธอ
ด้วยงานแม่บ้านนี้เองที่ปลายฟ้าจะยึดไว้เป็นอาชีพเสริมจนกว่าเธอจะเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์จบ แต่มีเหตุเกิดขึ้นกับปลายฟ้าคือเธอเหยียบหางแมวที่คุณเข้เลี้ยงไว้ที่ริมสระน้ำ จนทำให้เธอตกสระ แต่เข้ก็ช่วยเธอไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เข้รู้ว่าเธอต้องรับงานเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์ แต่เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียง(แบบคู่รัก) เข้เลยเสนอว่าถ้าปลายฟ้ามาเป็นเพื่อนคุยให้เขา เขาจะเล่าประสบการณ์บนเตียงให้ฟัง ข้อตกลงแรกระหว่างปลายฟ้าและเข้จึงเริ่มขึ้น
แต่ปลายฟ้าไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะกลายเป็นผู้เล่นคนหนึ่งในเกมล่าหาคำตอบของปริศนาฆาตกรรมในรีสอร์ทแห่งนี้
“แม่บ้านรีสอร์ตต้องมีคู่ขาอะไรแบบนี้ด้วยเหรอพี่” พุดซ้อนหรี่ตามองสลับไปมาระหว่างชายหนุ่มกับเธอ “แล้วฉันว่าต้องเรียกคู่หูมากกว่านะ ไม่ใช่คู่ขา”
ปลายฟ้าหน้าร้อนวูบ ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของน้องสาว เดินเอาตะกร้าผลไม้ไปวางบนโต๊ะข้างเตียงผู้ป่วย แต่รู้ว่าไม่มีทางรอดพ้นความสงสัยของพุดซ้อนไปได้ แต่โชคยังเข้าข้างเธอบ้างเมื่อพยาบาลเข้ามาแจ้งว่าหมดเวลาเยี่ยม มิเช่นนั้นแล้วเขาจะพูดอะไรแผลงๆ ออกมาเพื่อแก้แค้นเธอ
แต่เจ้าตัวยังส่งยิ้มระรื่นให้ทุกคนเหมือนไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย เห็นแบบนั้นแล้วเธออยากให้ฝนที่ตกข้างนอกเป็นลูกเห็บเม็ดใหญ่ใส่รถเขาที่สุด
“พี่ปลายกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันดูแม่ต่อเองถ้าแม่หลับแล้ว ฉันจะรีบกลับ” พุดซ้อนบอกกับปลายฟ้าในตอนที่เดินมาส่งชายหนุ่มด้วยกันที่รถ
“ให้พี่เฝ้าแม่ทั้งคืนเลยให้ดีกว่า พุดคงไม่ได้นอนมาหลายคืน”
“ไม่เป็นไร ที่นอนที่นี่ก็นอนสบายดี แต่ฉันไม่อยากให้พี่นอนที่บ้านคนเดียว”
“ปลายฟ้าไม่ได้นอนคนเดียวนี่ครับ” ชายหนุ่มคนเดียวในนั้นเอ่ยแทรก แล้วทำให้สองสาวหันไปมองเขาเป็นตาเดียว
“ผมก็นอนด้วย” เขาเอ่ยต่อหน้าตาเฉย
“คุณว่าอะไรนะ” เธอได้ยินผิด แต่เขาอาจพูดผิด
“ผมจะนอนค้างกับคุณด้วย” แต่การย้ำของเขาอีกครั้งดังชัดเจนเกินกว่าจะเข้าใจผิด และในจังหวะเดียวกัน ปลายฟ้าก็หันขวับไปมองเขาด้วยแววตาลุกวาวราวกับอยากเผาเขาทั้งเป็นในสามวินาที
ใช่แน่ ๆ เขา...กำลังหาทางเอาคืนเธอแน่นอน! ความคิดนี้ดังขึ้นในหัว ยิ่งเห็นเขายิ้มมุมปากแบบนั้นรอยยิ้มที่คล้ายจะสุภาพ แต่จริง ๆ แล้วเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ คืนนี้ของเธอไม่มีทางหลับลงแน่นอน
“พี่ปลายโอเคไหม” พุดซ้อนหันมาถามเบา ๆ ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนรับรู้ได้ถึงกระแสประหลาดที่ไหลวนอยู่ระหว่างเธอและชายหนุ่ม
“ถ้าพี่ไม่...เอ่อ...” แต่พุดซ้อนก็พูดไม่จบ คนพี่ก็เอ่ยบอกกับอีกฝ่าย
“บ้านฉันไม่ได้หรูหรา เป็นแค่ทาวน์เฮาส์เก่าๆ เล็กๆ ถ้าคุณไม่รังเกียจ”
ปลายฟ้าก้าวเข้าไปยืนประจันหน้าเขาในความเงียบราวกับรอให้เขาแสดงไพ่ที่ซ่อนไว้ออกมา ไม่มีคำว่าเชิญ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้า มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ไม่ได้บอกว่ายินดีต้อนรับแต่กลับเต็มไปด้วยความท้าทาย
เขตต์เลิกคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มที่มุมปากแผ่วลงนิด เหมือนรู้ตัวว่าเจอคนที่พร้อมจะเล่นเกมกับเขาอย่างสูสี
“นานๆ ที ลองโฮมสเตย์บ้างจะเป็นไร ที่รีสอร์ตคุณเป็นทีมเยือน มาอยู่ที่นี่คุณก็กลายกับทีมเหย้า” เขาสบสายเธอแบบไม่ถอยหนี แล้วยังแฝงความนัยในประโยคแบบที่มีแค่เธอกับเขาเท่านั้นที่รู้ความหมาย
พุดซ้อนที่ยืนนิ่งมองสายตาสลับไปมาระหว่างสองคนที่เหมือนกำลังเล่นสงครามจิตวิทยาใส่กัน สุดท้ายเธอก็ทำแค่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม
“งั้น...ก็ฝากดูแลพี่ปลายด้วยนะคะ”
พอคล้อยหลังพุดซ้อนไปแล้ว ปลายฟ้าก็ยืนกอดอก เชิดหน้าทำตาเขียวใส่เขา “คุณแกล้งฉัน”
“คิดมาก” ชายหนุ่มเปิดประตูรถแล้วผายมือให้เธอเข้าไปนั่ง
“ฉันไม่ได้คิดมาก” เธอเชิดหน้าขึ้นอีกนิด แล้วเข้าไปนั่งในรถ “คุณจงใจแกล้งฉัน” เอ่ยย้ำความคิดของตนในขณะที่เขาโน้มเข้ามาคาดเข็มขัดให้
“ถ้าพูดความจริงเท่ากับแกล้ง แล้วพวกที่พูดโกหกล่ะ เรียกว่าอะไรดี”
หญิงสาวพ่นลมหายใจแรง แล้วเบนหน้าหนีแววตาคมที่มองเธอในระยะใกล้จนเห็นแพขนตาของเขาชัดเจน
“อย่าห่วง ที่ผมขอค้างบ้านคุณไม่ได้หมายความว่าผมพิศวาสคุณหรอกนะ แต่อยากหาที่ซุกหัวนอนเฉยๆ ตอนนี้ผมง่วงจนจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว”
ปลายฟ้ายังหันมองไปทางอื่น แม้ในใจจะแอบร้อนวูบกับคำพูดเขา “ฉันก็ไม่ได้คิดว่าคุณจะพิศวาสฉันสักหน่อย คุณคิดไปเอง”
เสียงหัวเราะในลำคอของเขาช่างขัดใจนัก แล้วพอเขาเดินอ้อมรถมาประจำตำแหน่งคนขับเธอก็หันหน้าไปอีกทาง แต่กลับจ้องมองเงาสะท้อนของเขาที่อยู่ในกระจกไม่วางตา จนเขาขับตามทางที่เธอบอกกระทั่งถึงบ้าน...
บ้าน... หลังที่มีควรแต่เธอ แม่ และพุดซ้อน และไม่อนุญาตให้มันจะเข้ามาฝังตัวเป็นปรสิต
“เปลี่ยนใจยังทันนะ” ปลายฟ้าเอ่ยเบาๆ ขณะนำเขาผ่านประตูเหล็กดัดเก่าที่มีรอยขาดของมุ้งลวดชัดเจน
เพราะคำเตือนของเธอไม่มีอะไรเกินจริง ความกว้างทั้งหมดของสิ่งที่เรียกว่าบ้านของเธอนั้น เท่ากับห้องพักของเขาบวกระเบียงกว้าง ความหรูหราก็ต่างกันลิบลับ ตั้งแต่ประตูเหล็กดัดสนิมเกาะไปจนถึงโซฟาหุ้มพลาสติกสีเขียวมะนาวมีรอยขาดขนาดใหญ่ สองห้องนอนที่เล็กกว่าห้องน้ำรีสอร์ต ส่วนห้องน้ำก็แคบจนแทบยืนอาบเบียดระหว่างชักโครกและฝักบัว
“โฮมสวีทโฮม”
แต่ชายหนุ่มกลับผิวปาก แล้วดิ่งตรงไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเก่าผุจนเบาะยวบตามน้ำหนัก ส่งเสียงลั่นดังกร๊อบแกร๊บ “มันก็น่าอยู่ดีนี่”
“อย่าทำเป็นพูดดีเลยค่ะ คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าเทียบอะไรกับห้องพักของคุณไม่ได้สักนิด”
“ทำไมต้องเทียบล่ะ” เขาถามกลับง่ายๆ ด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ แต่กลับทำให้เธอหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“ถ้าให้คุณอยู่ที่นี่ทั้งชีวิต คุณจะเอาไหม” เธอย้อนถามเสียงแข็ง
เขาแหงนหน้า มองเพดานฝ้าแขวนที่มีร่องรอยผุพัง “ถ้าเทียบกับตอนไม่มีที่จะอยู่ ผมก็อยู่ที่นี่ได้”
“คนอย่างคุณเคยไม่มีที่จะอยู่ด้วยหรือคะ” ปลายฟ้าอดไม่ได้ที่จะประชดประชันเบาๆ ก่อนเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อวางกระเป๋า
“คุณจะอยากรู้ไปทำไม อีกหน่อยคุณกับแพรวพลอยก็จะถีบหัวผมส่งเข้าไปนอนในเรือนจำแล้วนี่” น้ำเสียงที่ตอบกลับมามีแววล้อเลียนแฝงความจริงจัง
“แล้วคุณยังกล้ามานอนในบ้านคนที่จะถีบหัวคุณส่งเข้าคุกอีกนะ” เธอส่งเสียงถามจากห้องนอน ไม่ได้ต้องการประชดอะไร แต่อยากรู้เหตุผลแท้จริงมากกว่าที่เขาบอกว่าแค่หาที่นอน
ทว่าไม่มีเสียงตอบรับใดกลับมา มีแต่เสียงกรนเบาๆ เท่านั้น เมื่อเดินกลับไปดู แล้วก็ส่ายหน้าถอนหายใจ เขาหลับไปทั้งๆ ที่เพิ่งล้มตัวลงได้ไม่กี่นาที หมายความว่าการที่เขาพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล เขาต้องอดทนมากขนาดไหน
เสียงสายลมกระทบหน้าต่าง มีหยดน้ำฝนเกาะบนกระจกทีละเม็ดสองเม็ด แล้วตามมาด้วยฝนห่าใหญ่ที่ตกหนักนานต่อเนื่องและดูเหมือนไม่มีทีท่าจะหยุดจนเช้า ส่วนแขกหนุ่มก็ยังหลับสนิทและอาจหลับจนถึงเช้า แต่ไม่รู้ว่าเขาจะตื่นไหม จึงเตรียมข้าวต้มไว้เผื่อเขาตื่นกลางดึกแล้วหิว ก่อนพาตัวเองไปอาบน้ำอาบท่าจนเนื้อตัวสะอาดชื่นใจ
แกร๊ก แกร๊ก
มีเสียงอะไรสักอย่างดังจากประตู เธอรีบชะเง้อมองแต่ไม่พบสิ่งผิดสังเกต ทว่าใจยังหวาดระแวง จึงรีบไปลงกลอนประตู ก่อนจะปิดหน้าต่างทุกบานให้แน่นหนา ห้องที่เคยมีแสงสว่างจางๆ ก็พลันตกอยู่ในความมืดอย่างรวดเร็ว
แสงไฟถนนที่ลอดผ่านรอยแยกของหน้าต่าง เผยให้เห็นร่างสูงของเขาที่ยังคงหลับสนิทบนโซฟา เขาขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ตื่น ขายาวเกินกว่าโซฟาตัวเก่าทำให้ดูอึดอัดไม่น้อยสำหรับปลายฟ้าที่เฝ้ามองด้วยสายตาอ่อนโยนปนสงสาร คิดสงสัยว่าเขาเคยลำบากอย่างที่บอกจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่การพูดลอยๆ เท่านั้น
เธอระบายลมหายใจบาง แล้วเดินไปหยิบหมอนและผ้าห่มออกจากห้องของตัวเอง แล้วค่อยๆ ย่อเข่าลงข้างโซฟา ช้อนศีรษะเขาอย่างนุ่มนวลเพื่อวางหมอนลงไป แต่กลายเป็นทำให้เขารู้สึกตัวลืมตามองเธอ
“คือ...” ปลายฟ้าลอบกลืนน้ำลาย รู้สึกผิดที่ทำให้คนหลับสบายตื่นกลางคัน “ฉันอยากให้คุณหลับสบาย ถึงโซฟาตัวนี้เทียบเท่าไม่ได้กับตัวที่อยู่ในห้องคุณ”
จากนั้นยื่นผ้าห่มส่งให้ แล้วรีบผละตัวเดินกลับเข้าห้อง เพื่อล้มตัวลงบนเตียงแข็งกระด้างไร้เครื่องนอน แล้วปิดเปลือกตาลง
กระนั้น ในหัวของนักเขียนสาวก็ยังมีความคิดมากมายแล่นผ่านไปมา ทั้งเรื่องความกังวลเกี่ยวกับแม่ เรื่องการขอให้เธอเข้ารับการรักษาของกรินทร์ และเรื่องที่เขารู้แล้วว่าเธอเข้าไปพบแพรวพลอย...ผู้หญิงอีกคนที่ส่งเสียงกระเส่าในคลิปที่มีเขาร่วมแสดงนำ
ภาพประกายจรัสของแหวนเพชรเคียงข้างจี้เขี้ยวสีงาช้าง ภาพปลายเล็บสีชมพูหวานในกดจิกลงบนกล้ามอกแน่นที่มีรอยสักข้างซ้าย ผิวขาวราวกระเบื้องเคลือบของฝ่ามือหญิงสาวตัดกันเรือนกายสีแดงราวกับชายหนุ่มกำลังถูกเพลิงร้อนเผาไหม้
แล้วก้อนความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นกลางใจปลายฟ้า
บนเรือ เขาบอกเธอว่ายังไงนะ...ถูกมอม...
แกร๊ก
ทว่าเสียงประตูห้องที่ถูกเปิดออกอย่างกะทันหันเรียกสายตาปลายฟ้าให้หันขวับไปมอง หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นทันทีที่เห็นร่างสูงยืนอยู่ที่ประตู ปลายฟ้าเกือบจะเอ่ยปากถาม แต่เขารีบยกนิ้วแตะริมฝีปากให้เธอเงียบไว้ ก่อนจะล็อกประตูห้องให้แน่นแล้วค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธออย่างเงียบงัน
“มีเงาคนเดินวนเวียนอยู่หน้าบ้าน” เขากระซิบเสียงต่ำ สีหน้าจริงจังจนเธอรู้สึกหนาวเย็นไปถึงหัวใจ “เหมือนมันกำลังพยายามจะเข้ามา ไม่รู้ว่ามันทีอาวุธติดตัวหรือเปล่า หลบอยู่ในนี้น่าจะปลอดภัยกว่า”
ดวงตาสีนิลขิงเขาดูนิ่งสงบ แต่ปลายฟ้ากลับสัมผัสได้ถึงความกังวลลึกๆ ที่ฝังแน่นอยู่ภายใน แต่เธอทำได้กลั้นลมหายใจแล้วรอฟังเสียงผิดปกติข้างนอก แต่สายฝนยังคงกระหน่ำรุนแรงจนกลบทุกอย่างไว้หมดสิ้น การพิสูจน์มีอาจเพียงวิธีเดียวคือการออกไปดูด้วยตาตัวเอง แต่เธอก็ไม่กล้าขยับแม้แต่ก้าวเดียว
โครม!
เสียงบางอย่างล้มกระแทกพื้นดังทะลุสายฝนจนหัวใจเธอกระตุก ตามมาด้วยเสียงสบถหยาบคายที่ทำให้ขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย เท่านี้ก็เพียงพอจะยืนยันได้แล้วว่าสิ่งที่เขาพูดคือความจริง
“ไอ้เปลว” ปลายฟ้าเอ่ยเสียงสั่น
“ใคร”
ชายหนุ่มกระซิบถาม แต่ปลายฟ้าไม่ได้ตอบ เธอกัดริมฝีปากแน่นจนซีด มือและเท้าเย็นเฉียบขึ้นฉับพลัน แล้วจดจ้องไปยังประตูอย่างตื่นกลัว
“อีปลาย พ่อมึงกลับมาแล้วไม่ออกมาทักมาทายกันหน่อยเล่า!” เสียงแหบแห้งของไอ้เปลวดังลอดผ่านประตูเข้ามา ชวนขนลุก “ไหน ๆ กูเห็นมึงพาผู้ชายเข้าบ้าน ไม่พามาแนะนำให้พ่อ โอ๊ะๆ ไม่สิ ผัวคนแรกของมึงได้รู้จักมั่ง!”
ปลายฟ้าตัวสั่นหนักขึ้น เธอยกสองมือปิดหูแน่นจนรู้สึกปวด ไม่อยากได้ยินเสียงอันน่ารังเกียจนี้อีกต่อไป
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงกระแทกประตูดังจนห้องทั้งห้องสะเทือน เธอสะดุ้งทุกครั้งที่ได้ยินแรงปะทะ
“อีปลาย! กูรู้ว่ามึงอยู่ มึงออกมาเดี๋ยวนี้มา ลากคอผู้ชายของมึงมาดูสิว่ามึงทำอะไรกับกูไว้!”
ปัง! ปัง! ปัง!
“อีปลาย ออกมา ออกมาให้กูคิดบัญชีที่ทำกูตาบอดข้างนึงเดี๋ยวนี้ ออกมาเดี๋ยวนี้!”
ปลายฟ้าตัวงอคุดคู้ ร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว ลมหายใจติดขัด หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกจากอก เสียงดุดันจากภายนอกปลุกเร้าความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตให้ฟื้นคืนขึ้นมาอย่างไร้ความปรานี
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงกระแทกประตูดังกระหึ่มเป็นจังหวะ ราวกับฆ้องประหารที่ฟาดซ้ำลงบนประสาทของเธอ ทุกเสียงเหมือนกระชากปลายฟ้าออกจากโลกแห่งความเป็นจริง หัวใจเต้นรัวเร็วเสียจนรู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมา ร่างทั้งร่างชาไปหมด ปลายนิ้วมือสั่นเทา สองขาถอยหนีจนติดผนังห้องอย่างไร้ทิศทาง เธอยกมือขึ้นปิดหูแน่น ราวกับจะกั้นเสียงนั้นไม่ให้ทะลุเข้าไปถึงหัวใจ
ช่องอกของเธอบีบรัดรุนแรง เหมือนมีมือของใครบางคนกำลังบีบหัวใจเธออย่างไม่ปรานี ปลายฟ้าพยายามหายใจ แต่ลมหายใจกลับขาดห้วง ราวกับปอดไม่ยอมทำงาน ช่องท้องเกร็งจนปวด หูทั้งสองข้างอื้ออึง เหลือเพียงเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำราวกลองศึก
ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือน ทั้งเงาของเขา ทั้งแสงไฟ ทั้งประตู ทั้งเสียงตะโกนจากไอ้เปลว ทุกอย่างปะปนกันเป็นความวุ่นวายคล้ายภาพฝันร้ายซ้ำซาก
“ช่วยด้วย...แม่...ช่วยปลายด้วย”
เสียงสะอื้นหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัว คำพูดนั้นเก่าแก่ยิ่งกว่าความทรงจำ เหมือนเธอถูกร่างเล็กในวัยเด็กสิงสู่ พาเธอย้อนกลับไปยังค่ำคืนที่ไม่มีใครช่วยเธอได้ เธอร่วงลงนอนกับพื้น ทั้งร่างสั่นอย่างรุนแรง มือกำอกเสื้อแน่น พยายามจะหยุดแรงสั่นสะท้านจากภายใน แต่กลับไม่มีอะไรหยุดมันได้
“ปลายฟ้า...ค่อยๆ หายใจตามผมนะ” เสียงเขตต์กระซิบข้างหูแผ่วเบา พร้อมโอบกอดเธอไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง
ปัง! ปัง! ปัง!
“อีปลาย!”
หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงรัวจนเจ็บร้าว หน้าอกจะสะท้อนขึ้นลงราว หอบหายใจคล้ายคนกำลังขาดอากาศ
ปัง! ปัง! ปัง!
“ปลายฟ้า ค่อยๆ หายใจตามผม” เสียงกระซิบอ่อนโยนของเขาดังข้างใบหู เนื้อกายของเธอก็ถูกโอบกอดให้แนบกับกายอุ่น “หายใจเข้าลึกๆ”
“อีปลาย!”
ปี๊น! ปี๊น! ปี๊น! ปี๊น!
ในตอนนั้น มีเสียงแตรรถดังลั่นจากหน้าบ้านหลายต่อครั้งจนเธอได้ยินเสียงด่าของเพื่อนบ้านในละแวกนั้น ถึงขนาดบางคนตะโกนเข้ามาแล้วเคาะประตูดังลั่น แต่แตรรถยังดังต่อไปสักพักจนเงียบสงบลง
“ผมเปิดระบบค้นหารถ เลยมีเสียงแตรดังเรียกเพื่อนบ้านของคุณให้เข้ามา” เขาบอกเธอพร้อมแววตาสำนึกผิด “ขอโทษล่วงหน้านะถ้าพรุ่งนี้คุณถูกเพื่อนบ้านเดินขบวนมาด่า”
แต่ปลายฟ้าไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว อาการหายใจติดขัดหนักขึ้น ใบหน้าซีดเซียวราวกับเลือดไหลเวียนไม่ทั่วถึง จิตใจก็ถูกแทนที่ด้วยภาพจำเลวร้ายในอดีต
“แม่...ช่วยปลาย...”
ข้างในร้อนราวไฟเผา แต่ข้างนอกหนาวเย็นจับใจ มือของเธอเย็นเหมือนน้ำแข็ง นิ้วแข็งราวกับไม่มีชีวิต เธอกำลังแตกออกจากกันเป็นเสี่ยง ๆ จนกระทั่งจังหวะหัวใจที่เต้นอยู่ใต้ฝ่ามือ เต้นชัด เต้นจริง เต้นมั่นคง เริ่มดึงสติของเธอกลับมา
เขารวบมือสั่นเทาของเธอมากดแนบลงบนอกซ้ายของเขา “หายใจตามผมนะ หายใจไปพร้อมกับผมช้าๆ ผมจะบอกจังหวะ คุณได้ยินผมไหม ผมจะบอกจังหวะ”
ปากของเธอซีดและสั่นระริก จ้องมองใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้า ไม่ได้ยินเสียงใดๆ เห็นเพียงริมฝีปากหยักขยับขึ้นลง
“หายใจเข้า... หยุด....หายใจออก”
ฉับ ฉับ ฉับ...
เธอพยายามสูดลมหายใจ แต่ภาพหลอนจากอดีตยังตามหลอกหลอน มือเล็กยกขึ้นไขว่คว้าอากาศเบื้องหน้า
“หายใจตามผม... หายใจเข้า...หยุด...หายใจออก”
มือหนาโอบใบหน้าของเธอไว้ ให้สัมผัสความอุ่นด้วยมืออีกข้างในขณะที่ใช้อีกข้างกุมมือเธอให้กดบนหน้าอกฝั่งซ้ายของเขา แล้วพูดนำให้เธอหายใจอีกครั้ง
“หายใจเข้า...หยุด...หายใจออก”
ปลายฟ้าเกิดสภาวะหูอื้ออึง แต่ใต้ฝ่ามือบาง มีหัวใจกำลังเต้นเป็นจังหวะ ภาพตรงหน้าคือริมฝีปากหยักที่ขยับเป็นคำ เธอพยายามหายใจให้เข้าจังหวะ สูดหายใจเข้า...ผ่อนลมหายใจออก
อีกครั้ง
อีกครั้ง
และอีกครั้ง... กระทั่งได้ยินเสียงของเขาแว่วเลือนลาง จากนั้นก็กลับชัดเจน
“คุณปลาย...”
ดวงตาสีนิลมีแววตื่นตระหนกอย่างไม่ปกปิด คิ้วเข้มของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่น มีร่องรอยความเครียดชัดเจนที่ปรากฏบนใบหน้า
“คุณเข้...” เธอกระซิบเสียงพร่า น้ำตาเอ่อล้นออกมาไม่หยุด
ชายหนุ่มยังอยู่ในความเงียบงัน มือหนายังกอบกุมใบหน้าของเธอไว้สองข้าง ใช้หัวแม่มือปาดหยดน้ำตาอย่างเงอะงะเหมือนคนที่ไม่เคยรู้ว่าจะปลอบใครอย่างไร แล้วมองเธอด้วยดวงตาสีนิลคู่นั้น...
...ดวงตาที่เคยคมกริบไม่เคยอ่อนแรงแม้ในยามโกรธ บัดนี้กลับสะท้อนความปวดร้าวรุนแรง คล้ายคนที่กำลังแตกสลายลงช้าๆ
ลดราคา 20 %
เริ่ม 23 กันยายน ถึง 25 ตุลาคมค้บผม
ไม่เพียงแค่นั้น นักอ่านที่ต้องการเก็บเป็นรูปเล่ม ไรท์มีวางจำหน่ายในงานด้วยคับ
ตรงไปที่ 55 Bookstall
ถามหานิยายของ ณ มหรรณพ ได้เลย
สำหรับรูปเล่มเนื่องจากพิมพ์แบบ On Demand ราคาอยู่ที่
ลมห่วงรัก 444 บาท
กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา 429 บาท (พิมพ์ครั้งที่ 1 สำหรับพิมพฺครั้งที่ 2 ราคาขอปรับเป็น 444 บาทค่า)
My Rose เดิมพันรักมัดใจยัยกุหลาบ 444 บาท
ทุกเรื่องแถมโปสการ์ดและที่คั่นลายเดียวกับปกสอดไว้ในเล่มค่ะ