ปลายฟ้า นักเขียนแนววิชาการจำต้องมาเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งแฟนเก่า มิสชั่นนี้ว่าไม่ง่ายแล้ว แต่ชีวิตดันผลักเธอให้ไปรู้จัก 'เขาคนนั้น' ที่ลวงเธอให้รับดีลเป็นเพื่อนแลกประสบการณ์บนเตียง เพียงเพื่อใช้เธอเป็นนกต่อล่อเหยื่อ

พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า - บทที่ 6 Rum and Vanilla 3/3 โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน

รายละเอียด

พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ปลายฟ้า นักเขียนแนววิชาการจำต้องมาเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งแฟนเก่า มิสชั่นนี้ว่าไม่ง่ายแล้ว แต่ชีวิตดันผลักเธอให้ไปรู้จัก 'เขาคนนั้น' ที่ลวงเธอให้รับดีลเป็นเพื่อนแลกประสบการณ์บนเตียง เพียงเพื่อใช้เธอเป็นนกต่อล่อเหยื่อ

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

เมื่อนิตยสารสารคดีที่ ปลายฟ้า เป็นนักเขียนประจำปิดตัว ทำให้ปลายผ้าต้องหันเหจากการเขียนแนววิชาการ ไปต้องเลี่ยนแนวไปเป็นนักเขียนนิยาย เพื่อหาเงินเลี้ยงดู แม่และน้องสาว โดยเฉพาะแม่ของเธอต้องรับการผ่าตัดตาในสิ้นปี ปลายฟ้าจึงเขียนนิยายรัก แล้วนำไปให้ กรินทร์ คนรักเก่าที่เป็นซีอีโอของสำหนักพิมพ์อักษรารัญจวนช่วยพิจารณา แต่กรินทร์ไม่ให้ผ่านเพราะแนวเรื่องไม่ตรงกันแนวของอักษรารัญจวนที่เน้นขายแนวนิยายอิโรติก

 แต่เพราะกรินทร์ยังมีใจให้ปลายฟ้า ด้วยความรักที่หลงเหลือ จึงให้ปลายฟ้าเขียนนิยายอิโรติกโดยที่มีเขาเป็นพระเอก และเธอเป็นนางเอก แลกกับเงินค่าจ้างที่เขาจะจ่ายให้เธอเป็นรายเดือนแต่ปลายฟ้ามีปมกับเรื่องเซกส์เพราะเคยถูก เปลว พ่อเลี้ยงล่วงละเมิดในวัยเด็กและมักมีอาการทางประสาทกำเริบหากถูกกระตุ้น ทว่าด้วยเงินที่กรินทร์เสนอให้ จึงทำให้ปลายฟ้าตอบรับงาน แต่เพราะกลัวว่าจะเขียนให้ถึงตอนจบไม่ได้ ปลายฟ้าจึงตั้งใจหางานเสริม และเธอก็ได้งานแม่บ้านรีสอร์ตที่มีชื่อว่า Beyond The Horizon โดยบังเอิญจากแม่บ้านคนเก่าที่ลาออกกระทันหัน

ที่รีสอร์ตนี้ ปลายฟ้าต้องทำงานเป็นแม่บ้านประจำโซนวิลล่าการ์เด้น โดยมี แหวว หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนคุมงาน เธอมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกให้แขกประจำโซน ซึ่งหนึ่งในแขกที่เธอต้องดูและคือ เข้ เจ้าของห้องหมายเลข 114 ที่เขาแอบเลี้ยงแมวโดยมีแค่เธอและเขาเท่านั้นที่รู้ นอกจากแหววแล้ว ปลายฟ้าได้เจอ ชิด บาร์เทนเดอร์ที่คอยสอนงานในห้องอาหารให้เธอ 

ด้วยงานแม่บ้านนี้เองที่ปลายฟ้าจะยึดไว้เป็นอาชีพเสริมจนกว่าเธอจะเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์จบ แต่มีเหตุเกิดขึ้นกับปลายฟ้าคือเธอเหยียบหางแมวที่คุณเข้เลี้ยงไว้ที่ริมสระน้ำ จนทำให้เธอตกสระ แต่เข้ก็ช่วยเธอไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เข้รู้ว่าเธอต้องรับงานเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์ แต่เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียง(แบบคู่รัก) เข้เลยเสนอว่าถ้าปลายฟ้ามาเป็นเพื่อนคุยให้เขา เขาจะเล่าประสบการณ์บนเตียงให้ฟัง ข้อตกลงแรกระหว่างปลายฟ้าและเข้จึงเริ่มขึ้น

สารบัญ

พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทนำ ต้องคำสาบ,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๑ นักเขียนตามใบสั่ง,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๒ Beyond The Horizon 1/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๒ Beyond The Horizon 2/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๓ แม่บ้านคนใหม่ 1/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๓ แม่บ้านคนใหม่ 2/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๓ แม่บ้านคนใหม่ 3/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๔ ดีลที่หนึ่ง 1/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๔ ดีลที่หนึ่ง 2/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๔ ดีลที่หนึ่ง 3/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๕ Rum and Vanilla 1/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ 5 Rum and Vanilla 2/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ 6 Rum and Vanilla 3/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ 6 คุณหนังเหนียว แต่กรามผมแข็งแรง 1/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ 6 คุณหนังเหนียว แต่กรามผมแข็งแรง 2/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๖ คุณหนังเหนียว แต่กรามผมแข็งแรง 3/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๗ It's just not a glass of milk 1/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๗ It's just not a glass of milk 2/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๘ Second life 1/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บททึ่ 8 Second life 2/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๘ Second life 3/3,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๙ Second deal 1/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๙ Second deal 2/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๑๐ Amaretto Vanilla 1/2,พระเอกนิยายสุดปลายฟ้า-บทที่ ๑๐ Amaretto Vanilla 2/2

เนื้อหา

บทที่ 6 Rum and Vanilla 3/3

พอนึกหน้าขบขันของเขาแล้วก็อดโมโหไม่ได้ แต่เพราะการเล่าสลับการหยอกล้อของเขาช่วยดึงเธอออกจากภาพอดีตร้ายที่แวบเข้าออกในหัวได้ ปลายฟ้าจึงจดเลคเชอร์จนครบ ทว่าเมื่อกลับมาเรียบเรียงเขียนเป็นนิยายในห้องพัก อาการผะอืดผะอมก็กลับมา

“หวังว่าจะไม่เป็นอะไรไปก่อนเก็บเงินผ่าตาให้แม่จนครบ”

หญิงสาวรำพึงรำพัน ถอนหายใจแล้วรัดปากถุงขยะ นำออกไปทิ้งที่ถังใหญ่นอกห้อง จากนั้นตั้งใจเดินไปกินข้าวเย็นที่โรงครัวสำหรับแม่บ้านและพนักงานรีสอร์ต ก่อนถึงเวลาเริ่มงานอีกครั้งตอนหนึ่งทุ่ม แต่พอไปถึงก็เหลือแค่ถาดเปล่า แม้แต่ข้าวก็มีเพียงเศษติดก้นหม้อ

“มาตอนนี้แล้วจะเหลืออะไรให้เธอกิน” หัวหน้าแม่บ้านส่งเสียงพูดจากด้านหลัง แล้วเดินเข้ามากอดอกมองด้วยสายตาเย็นชา

“ไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ ปลายก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”

แม้จะเสียดายที่มาช้าเกินไป เพราะอาหารที่จัดมาให้โรงครัวที่นี่ก็มาจากครัวใหญ่ครัวเดียวกับที่ปรุงให้แขก รสชาติจึงอร่อยเลิศล้ำไม่แตกต่างกัน หากกินกันไม่หมดก็จะมีคนขอแบ่งกลับบ้าน ซึ่งป่านนี้แล้วก็ไม่เหลือถึงเธออย่างที่เห็น

“ไปหาชิดที่บาร์ แล้วขอแซนวิชเขากินซะ ฉันไม่อยากรับเรื่องขอลาเพราะปวดท้องโรคกระเพาะ”

ปลายฟ้าก้มหน้ารับคำแล้วรีบออกจากโรงครัว และในตอนที่เธอไปถึงห้องอาหารริมทะเลนั้น ที่นั่งเต็มทุกโต๊ะทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์ ส่วนชิดก็กำลังง่วนกับการทำค้อกเทลตามใบออเดอร์ที่ซ้อนกันเป็นปึ๊งหนา

“ให้ปลายช่วยอะไรไหมคะ” หญิงสาวเห็นว่าควรเสนอความช่วยก่อนขออาหารกิน

ชิดหันขวับมามองด้วยดวงตาประหลาดใจชั่วขณะ จากนั้นหันซ้ายหันขวาแล้วชี้ไปทางแถวขวดเหล้าเปล่าที่เรียงใส่ลังรอเปลี่ยนถ่าย

“งั้นไปหยิบว้อดก้ามาให้พี่สามขวดหน่อย เอาคาลัวร์กับจินมาอย่างละขวดด้วย”

หญิงสาวยิ้มรับ แล้วรีบเดินเข้าสู่คลังเก็บเหล้าเพื่อหยิบสิ่งที่ต้องการ ด้วยความที่เป็นแม่บ้านผู้มีหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกให้ชายหนุ่มเจ้าของห้องหมายเลข 114 จึงทำให้เธอเข้าออกคลังแห่งนี้บ่อยพอๆ กับชิด พิกัดของสิ่งต่างๆ ก็ถูกบันทึกไว้ในสมองแล้วเกือบทั้งหมด

แต่ก็ต้องยกประโยชน์ให้เป็นการวางเลย์เอาท์ที่เข้าใจง่าย และเป็นระบบระเบียบเหมือนซุปเปอร์มารเก็ต ซึ่งเมื่อหันหน้าเข้าคลัง สองล็อคขวาเป็นกลุ่มสุราตะวันตกเช่นว้อดก้า วิสกี้ หรือบรั่นดี และสองล็อคซ้ายเป็นสุราตะวันออกพวกสาเก โซจู เหล้าขาว ส่วนที่ติดผนังด้านในสุดเป็นคลังสมบัติส่วนตัวของแขกหนุ่มวีไอพีที่มีดีลกับเธอ ซึ่งก็ยังไม่มีสักครั้งที่ได้เปิดคลังเหล้าสมบัติของเขา

ปลายฟ้าใช้เวลาไม่นานก็ได้เหล้าตามสั่ง เธอบรรจงเรียงใส่ลังอย่างเบามือ แล้วกำลังจะยกไปส่ง ทว่าเสียงส้นรองเท้าและกลิ่นน้ำหอมจางๆ ทำให้ปลายฟ้าหยุดขาแล้วมองผ่านช่องวางระหว่างชั้น เห็นหญิงสาวเจ้าของผมยาวดัดลอนสีน้ำตาล รูปร่างโปร่ง เดินเลยผ่านไปยืนนิ่งที่ตู้เก็บเหล้าของชายหนุ่ม

“เธอรอให้ฉันส่งเขาไปเซ่นเธออยู่หรือไงน้ำตาล”

แม้จะเห็นเพียงแผ่นหลัง แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มแน่นไปด้วยความขุ่นเคืองจนปลายฟ้าสัมผัสได้

“คุณแพรวพลอยคะ” แต่แล้วเสียงของผู้มาใหม่ ก็ทำให้ปลายฟ้ากลั้นลมหายใจชั่วขณะ

“ฉันจะลากคอเขาเข้าคุกให้ได้ป้าแหวว ฉันสัญญา”

เมื่อหญิงสาวผู้นั้นหันหน้ามา ปลายฟ้าจึงได้เห็นใบหน้าสวยสมบูรณ์แบบ ดวงตากลมโต จมูกโด่งได้รูปสวย ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นกระจับ ปลายคางเรียวงาม หากยกตำแหน่งให้เธอคนนั้นเป็นตัวแทนของคำว่างดงามไร้ที่ติก็คงไม่มีใครแย้ง

“ส่วนฉันก็จะทำในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด ใครก็ตามที่ทำร้ายลูกสาวฉัน มันต้องชดใช้กรรม”

หัวหน้าแม่บ้านตอบกลับเสียงขึงขัง ส่วนคนที่ไม่รู้เรื่องราวได้แต่พยายามอยู่ในเงียบที่สุด แล้วภาวนาของให้ทั้งคู่ออกไปจากคลังเก็บเหล้าเสียที

“ปะ...” ตัวช่วยของเธอมาได้จังหวะ ชิดโผล่ที่ประตูทางเข้า แต่แล้วก็หยุดชะงักอยู่ตรงนั้น “เอ่อ... คุณแพรวพลอยสวัสดีครับ”

“แกมายืนเหรอหราอะไรที่นี่ฮะชิด แล้วใครจะชงเหล้าให้แขก” แหววสาวเท้าเข้าไปยืนเท้าเอวใส่

“เหล้าหมดครับ ผมเลยวิ่งมาหยิบ”

“ก็รีบๆ ไปหยิบซะที!”

สิ้นเสียงตวาดของหัวหน้าแม่บ้าน บาร์เทนเดอร์ร่างสูงก็สาวเท้าเข้ามา แน่นอนว่าเป็นล็อคที่ปลายฟ้าพยายามทำตัวเงียบที่สุด ซึ่งเธอก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าแล้ว จึงย่อตัวหลบในเงาที่คิดว่าจะรอดพ้น ทว่าไม่อาจหลบคนที่เดินอาด ๆ เข้ามา

แต่เรื่องประหลาดเกิดขึ้นซ้ำเมื่อชิดมาหยุดยืนตรงหน้า เขายกนิ้วชี้พาดกลางปากทำสัญญาณบอกให้เงียบ จากนั้นถ่ายโอนลังเหล้าจากปลายฟ้าไปถือไว้เองก่อนเดินออกจากคลังไปพร้อมพูดว่า

“ผมเห็นเสี่ยปองเดินวนไปวนมาอยู่ข้างนอก น่าจะมองหาคุณแพรวพลอยอยู่”

ปลายฟ้าที่ยังนั่งจับเข่าได้ยินเสียงสบถ ต่อด้วยเสียงกระแทกของส้นรองเท้าเดินออกไป แต่ก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่ตกค้างอยู่ข้างใน นักเขียนสาวจึงต้องทำตัวให้นิ่งนานที่สุดจนกระทั่งได้ยินเสียงรำพึงว่า

“ฉันไม่ยอมให้เขาทำสิ่งเลวร้ายกับใครเป็นครั้งที่สอง ขอให้น้ำตาลเป็นเหยื่อคนสุดท้าย”

คำว่า ‘น้ำตาล’ ที่ถูกเอ่ยออกจากปากของคนทั้งสอง ต้องเป็นเจ้าของเหล้าที่มีชื่อเขียนบนฉลากในคลังสมบัติของคุณเข้แน่นอน

เมื่อแผ่นหลังหัวหน้าแม่บ้านพ้นประตูของคลังเก็บเหล้าไป เธอจึงย่องออกมาแล้วหวนกลับไปหาชิด ด้วยหวังว่าเขาจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แต่พอไปถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ ชิดก็ยื่นแก้วที่มีไอศกรีมวานิลาแช่อยู่ในของเหลวสีอำพัน เหนือไอศกรีมนั้นประดับด้วยแผ่นดาร์กช็อกโกแลตเขียนคำว่า Sweet Drunkard

“เอาไปเสิร์ฟคุณเข้ เขาอยู่ที่เตียงชายหาด” บอกเธอแล้วหันไปชงเหล้าตามออเดอร์ที่ถูกส่งมาติดๆ

ท่าทีเมินเฉยแบบนี้ ปลายฟ้าพออ่านได้ว่าเขาคงไม่ต้องการพูดถึงเรื่องในคลัง แต่คำพูดของผู้หญิงทั้งสองก็สะกิดใจเธอนัก โดยเฉพาะคำว่า เหยื่อคนสุดท้าย มันหมายถึงอะไรกัน

ปลายฟ้ายกถาดเครื่องดื่มเดินไปที่ชายหาดที่ผืนทรายถูกอาบด้วยแสงสีแดงอมชมพูของตะวันยามอัสดง เสียงคลื่นซัดสาดสลับเสียงฝีเท้าของปลายฟ้าที่กำลังเดินบนหาดทราย มือหนึ่งยกถาดค็อกเทลที่ไอศกรีมวานิลากำลังละลายรวมกับของเหลวสีอำพัน อีกมือประคองหัวใจที่ยังสั่นไหวจากบทสนทนาในคลังเก็บเหล้าเมื่อครู่

เมื่อมาถึงเตียงชายหาดที่อยู่สุดแนวโค้งน้ำ ปลายฟ้ามองไปรอบ ๆ ว่างเปล่า ไม่มีใคร แต่หากไม่เห็นสร้อยจี้เขี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงชายหาดตัวสุดท้าย เธอคงคิดว่าเดินมาผิด

“เขาหายไปไหน...”

แต่ก่อนที่ความสงสัยจะกลายเป็นความลังเล เธอก็เห็นเงาร่างหนึ่งกำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเล ห่างจากชายฝั่งออกไปไม่ไกล ปลายฟ้าจึงยืนถือถาดยืนนิ่งเพื่อเฝ้ารอเจ้าของเมนูเครื่องดื่มมึนเมาที่คนอย่างเธอไม่เคยเห็นมาก่อน จวบจนเขาคนนั้นหันหัวเข้าหาฝั่ง ก็มั่นใจว่าเป็นชายหนุ่มที่กำลังรอ ไม่ใช่โลมาเล่นคลื่นที่ไหน

“อ้าว คุณปลาย”

เขาเปียกโชกไปทั้งตัว น้ำทะเลเกาะพราวไปทั่วผิวเข้ม แผ่นอกเปลือยตึงแน่นรับกับรอยสักรูปกงจักรเหนืออกซ้ายที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะหายใจ

“ค็อกเทลที่คุณสั่งค่ะ” เธอยื่นถาดให้ “อากาศร้อน ไอศกรีมเลยละลายไปเกือบหมดแล้ว”

เขายิ้มบาง หยิบแก้วขึ้นจากถาดก่อนเหลือบตามองไปทางห้องอาหาร แล้วหันกลับมาหาเธอ “ตอนนี้มันเวลาเบรกของคุณไม่ใช่หรือ ทำไมยังทำงานอยู่”

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ได้มายืนดูพระอาทิตย์ตกแบบนี้ ก็ถือว่าได้พักแล้วค่ะ”

เขาหันมามองเธอ ยิ้มมุมปาก “งั้นก็นั่งลง...แล้วชมมันด้วยกัน”

“เอ่อ...” ถึงจะไม่ได้อยู่ในเวลางาน แต่เธอยังสวมใส่ฟอร์มของแม่บ้าน จะให้นั่งเคียงเสทอแขกเป็นไม่ได้ “ไม่ดีกว่าค่ะ”

“นี่เป็นคำสั่ง”

ปลายฟ้าลอบสูดลมหายใจเข้า แล้วหย่อนกายลงนั่งบนเตียงข้างๆ กันด้วยท่าทีเกรงใจสายตาของพนักงานรีสอร์ตที่ยังเดินไปเดินมาแถวนั้น

“มอง” นอกจากสั่งให้นั่ง ยังชี้นิ้วสั่งเธอให้หันหน้าไปทางขอบฟ้า แต่เจ้านายสั่งมาจะให้ค้านยังไงได้

ปลายฟ้าจึงหันตามคำสั่ง และในวินาทีนั้น ตะวันที่กำลังลับเส้นขอบน้ำส่องแสงสีส้มอมแดงแต่งแต้มผืนฟ้า ก็ทำให้ทุกเสียงรอบกายปลายฟ้าค่อย ๆ เบาลง ราวกับโลกอนุญาตให้หัวใจเธอว่างเปล่าสักครู่

มันคือความเงียบที่ปลอบประโลม เหมือนคลื่นกระซิบว่าเธอยังหายใจอยู่ จนดวงตะวันค่อย ๆ ลับหาย แสงสุดท้ายจากขอบฟ้ากลายเป็นม่านราตรี ดาวดวงแรกปรากฏขึ้น และที่สุดปลายสายตามีแสงสีเขียวของเรือเดินสมุทรส่องสว่างเป็นแถวยาวเรียงรายพร้อมไฟชายหาดของรีสอร์ตที่เริ่มให้สว่างทั่วอาณาบริเวณ

เพียงแค่ไม่กี่นาที แต่ปลายฟ้ากลับรู้สึกถึงเวลาเป็นอนันต์

“ไม่ได้นั่งนิ่งๆ มองฟ้าโดยไม่คิดอะไรแบบนี้มานานแล้ว ขอบคุณนะคะ” ปลายฟ้าเห็นว่าได้เวลากลับไปทำงานต่อ เธอจึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยกับเขา

“อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้ไหม”

“เอ่อ...” หญิงสาวไม่รู้ว่าตอบสนองคำขอร้องอย่างไร จะดีกว่าไหมหากเขาใช้งานเธอในฐานะแม่บ้านมากกว่าในฐานะเพื่อน “คุณอยากได้อะไรเพิ่มหรือคะ”

“อยากให้คุณอยู่ต่อ” เขาส่งสายตาสื่อความหมายให้เธอนั่งต่อ

“แต่...”

“นิยายของคุณเป็นไงบ้าง” ถามเธอพลางจิบค้อกเทลที่ไอศกรีมเริ่มหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกันกับเหล้า

“คือ...ฉันส่งให้พี่รินทร์ไปแล้วค่ะ แต่...ไม่แน่ใจว่าเขาจะชอบหรือเปล่า”

“แล้วคุณล่ะ ชอบที่ตัวเองเขียนไหม”

นักเขียนสาวส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ฉันไม่ชอบเลย”

เจ้าของคำถามเลิกคิ้วขึ้นมอง “ทำไมล่ะ ประสบการณ์ที่ผมเล่ามันไม่สยิวใจคุณเลยหรือ”

เธอหัวเราะในใจ อยากจะตอบว่า ไม่สยิว แต่สยอง...เพราะแค่เริ่มลงมือเขียนปฏิกิริยาของร่างกายก็ทำงาน วิ่งเข้าออกอาเจียนในห้องน้ำเกือบทั้งคืนจนเพื่อนข้างห้องเคาะผนังเตือนให้รู้ว่ารำคาญ เลยไม่รู้ว่าควรสยิวหรือสยองดี แต่ในเมื่อเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดนิยายอิโรติกเรื่องนี้ ปลายฟ้าจึงไม่ปกปิดความรู้สึกของตัวเอง

“ฉันเข้าไม่ถึงอารมณ์ของเรื่อง ที่เขียนไปก็ใช้คำที่อ่านมาเรียงให้เป็นรูปประโยค แล้วถ้าพี่รินทร์จะชอบ ก็คงชอบเพราะว่าฉันทำตามโจทย์มากกว่า”

“แล้วเขียนตามโจทย์ไม่พอหรือ”

“อาจจะพอ ถ้านักเขียนคนนั้นไม่สนใจว่าสิ่งที่เขียนออกมาจากความคิดหรือความต้องการของตัวเองหรือเปล่า”

“แล้วคุณต้องการอะไรจากการทำแบบนี้ล่ะ”

“เงิน...ฉันต้องการเงิน” เป็นคำตอบตอบเดียวลอยขึ้นในหัวเหมือนลูกโป่งสีแดงลอยล่องบนท้องฟ้า แต่กว่าจะคั้นออกมาได้แต่ละตอนนั้น ร่างกายของเธอมันก็ต่อต้าน

“คุณเป็นนักเขียนอาชีพไม่ใช่หรือ แค่เปลี่ยนจากชิมแปนซีเล่นจ้ำจี้กันไปเป็นมนุษย์ขยายเผ่าพันธุ์บนเตียงเท่านั้นเอง”

ปลายฟ้าถอนลมหายใจ “ใช่ว่านักเขียนจะเขียนได้ทุกอย่างนี่คะ มันต้องมีทั้งแนวที่เราถนัดและไม่ถนัด จริงๆ ทุกอาชีพก็น่าจะเหมือนกัน”

ริมฝีปากหยักยกยิ้ม ละสายตาจากเธอหันไปมองแก้วในมือ “คุณเห็นค้อกเทลแก้วนี้ไหม”

“คะ?” คิ้วของเธอเลิกสูง

“ไอศกรีมวานิลากับเหล้ารัมสีทอง คุณว่ารสชาติมันเป็นยังไง”

“ฉันไม่รู้ แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเข้ากันได้นัก”

“ใช่ มันเข้ากันไม่ได้”

คำตอบของเขาสร้างความฉงนให้หญิงสาว เพราะถ้าเข้ากันไม่ได้แล้ว เขาดื่มเกือบหมดแก้วได้อย่างไร

“แต่พอไอศกรีมวานิลาละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกับรัมแล้วละก็สุดบรรยาย” เขายืนยันด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ต้องรอมันละลายเข้ากันถึงจะดื่มได้ คุณถึงว่ายน้ำเสียนานสองนานใช่ไหม”

“บางอย่างต้องอดทนรอ”

“แต่ถ้าอดทนแล้วรู้ตัวทีหลังว่าฉันไม่ได้เป็นไอศกรีมวานิลาที่เข้ากันได้ดีกับเหล้ารัมล่ะคะ”

“คุณก็แค่หาเหล้าที่เข้ากับคุณ”

ดวงตาของเขาสะท้อนประกายวูบไหว ราวกับแสงดาวที่ไหวระริกบนผืนน้ำยามราตรี งดงามแต่ก็เต็มไปด้วยความลึกลับ ในขณะเดียวกันก็ลึกซึ้งจนปลายฟ้ารู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในห้วงมหาสมุทรที่เวิ้งว้าง

ทว่าวินาทีนั้น เสียงโทรศัพท์ของปลายฟ้าดึงเธอออกจากห้วงแรงดึงดูดปริศนา แต่ยังไม่กล้ารับสายเพราะอยู่ในหน้าที่ จนเขาส่งยิ้มให้แล้วทำหน้าคล้ายบอกใอนุญาติ เธอจึงหยิบมันออกจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อน

“พี่รินทร์...”

เสียงของเธอแทบหล่นหาย ปลายฟ้ากังวลใจที่จะรับ เพราะถ้าเขาโทรมาด้วยเรื่องของบทนำที่ส่งไป ก็ยังไม่พร้อมรับคำวิจาร์ณใดๆ

“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเหล้าแบบไหนเข้ากับฉัน...” เธอเอ่ยคำถามเขาขณะหน้าจอโทรศัพท์ที่ยังส่งเสียงเร่งเร้าให้รับสาย

“ถ้าลองแค่จิบแรกแล้วคุณยังอยากดื่มด่ำความสุขที่ได้จากมันมากขึ้น คุณก็ได้คำตอบแล้วล่ะ” เขาแกว่งแก้วเหล้าในมือพลาง ทอดตามองท้องทะเลยามราตรี

“แล้วถ้าเหล้าจิบแรกของฉันมัน...มันทำให้ฉันกลัวเหล้า...” เธอหยุดพูดแล้วเม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนคลี่คำพูดออกมาด้วยความรู้สึกราวกับกำลังสารภาพความผิดครั้งใหญ่ “...กลัวจนไม่อยากจิบเหล้าแบบไหนอีกเลยล่ะคะ”

เขาเงียบไป ก่อนตอบด้วยเสียงนุ่มแผ่ว แต่หนักแน่นพอจะสั่นหัวใจเธอ เขาเงียบไป ก่อนตอบด้วยเสียงนุ่มแผ่ว แต่หนักแน่นพอจะสั่นหัวใจเธอ

“คุณไม่ได้กลัวเหล้า...คุณแค่ยังติดอยู่กับความทรงจำของแก้วแรกนั้น ทั้งที่คุณสามารถเริ่มต้นกับแก้วใหม่ ที่อาจทำให้คุณรักมันได้มากกว่าร้อยเท่า...”

 

เขาลุกขึ้นยืน ทิ้งแก้วเปล่าไว้บนถาด “คืนนี้เราคุยกันพอแค่นี้”

“เอ๊ะ” ปลายฟ้าแหงนหน้ามอง

“อย่าห่วง ผมจะทบให้ในวันถัดไป รับรองว่าคุณได้เซกส์ซีนแบบถึงใจเขียนให้เขาแน่นอน...” บอกแล้วยกยิ้มที่มุมปาก จากนั้นคว้าชุดคลุมขึ้นสวมจากนั้นก็เดินออกจากตรงนั้นปล่อยให้ปลายฟ้าครองความเงียบสงบของชายหาดแต่เพียงลำพัง เธอจึงหลับตาสูดลมหายใจเอากลิ่นไอทะเลเข้าปอด แล้วเลื่อนหน้าจอเพื่อรับสาย

“สวัสดีค่ะพี่รินทร์”

“ปลาย... บทนำที่ปลายส่งมามัน...”

“มันแย่มากเลยใช่ไหมคะ” ปลายฟ้ารีบชิงพูดก่อน เผื่อว่าจะช่วยลดแรงกระแทกของคำวิจาร์ณ

“ไม่ ไม่เลย มันดีมาก ดีมากเลยต่างหาก”

แต่ผิดคาด ร่างกายของปลายฟ้านิ่งสนิท นั่งอึ้งเบิกตาค้างไปราวสามวินาที “มัน...มันอะไรนะคะ” แต่เธออาจหูฝาดไป จึงขอถามทวนเขาอีกรอบเพื่อความแน่ใจ

“มันดีมากเลยปลายฟ้า”

“มันดี... มันดีหรือคะ” คำว่ามันดีมากดังก้องสะท้อนไปมาในหัว

“พี่อยากเจอเธอ คืนนี้พี่ไปหาได้ไหม”

เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ “คือปลาย...”

“พี่อ่านบทนำของปลายแล้วทำให้พี่คิดถึง...คิดถึงคืนนั้นของเรา ยังคิดถึงเสมอมันไม่เคยลืม” เสียงของกรินทร์ที่สถิตข้างใบหู ดังสะท้อนไปถึงหัวใจ

“แล้วปลายจะได้ตอบพี่จากปากปลายเองว่า Bourbon chocolate อร่อยจริงไหม”

ปลายฟ้าทอดถอนหายใจพลางมองแก้วเปล่าบนถาด ค้อกเทลที่ปรุงแต่งด้วยไอศกรีมวานิลาหลอมรวมกันกับรัมแก้วนี้คงถูกใจเขามาก จึงเหลือไว้เพียงแค่คราบสีเหลืองนวลที่เคลือบผิวแก้วใส

‘...ถ้าลองเพียงแค่จิบแรกแล้ว หัวใจคุณเรียกร้องอยากดื่มด่ำความสุขที่ได้จากมันมากขึ้น คุณก็ได้คำตอบแล้ว...’

เธออยากดื่มด่ำกำซาบมันจริงหรือปลายฟ้า แต่...กรินทร์ไม่ใช่เหล้าจิบแรกของเธอ

คิดพียงแค่นี้หน้าอกของปลายฟ้าก็เกิดอาการปวดร้าวราวกับถูกสายฟ้าฟาด คิดเพียงเท่านี้เธอก็อยากจมตัวเองในทะเลลึก คิดเพียงเท่านี้ คิดเพียงเท่านี้...

ปลายฟ้าปล่อยโทรศัพท์ให้ตกพื้น แล้วสะอื้นร้องไห้ออกมา จิบแรกของเธอ คือจิบแรกที่ถูกซาตานฝืนบังคับข่มขู่และขืนใจ จิบแรกที่ทำให้เธอมิอาจดื่มด่ำกับความสุขใดได้เลยในชีวิต