หนุ่มวัย 22 ที่ไม่เคยมีรักช่วยสตริแล้วโดนรถบรรทุกส่งมายังต่างโลกเป็นเด็กกำพร้า พอมาเกิดเขาตัดสินใจทิ้งความจำเก่าๆและเป็นเด็กไปกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนกับเพื่อนซี้ทั้งสองคนอีกหนึ่ง เมื่อเขาโตเขาก็ไปทำงานสายต่อสู้ที่ซ่อง เจ้านายให้เขาประดิษฐ์ของเล่นผู้ใหญ่แถมเปิดร้านให้จนเขายิ่งรวย สุดท้ายไปเจอราชินีที่ซ่องและเธอชวนไปอยู่ประเทศของเธอ เขาสร้างบ้าน สร้างร้านใหม่และอยู่ที่นั่นตั้งแต่นั้นมา มาดูชีวิตประจำวันของหนุ่มต่างโลกกับฮาเร็มระดับสิยคนเรื่องราวความรัก การเลี้ยงลูก การทำงานและกานต่อสู้ในเขตวัง
รัก,แอคชั่น,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ต่างโลก,คลั่งรัก,ชาย-ชาย,หญิง-หญิง,ฮาเร็ม,ชาย-หญิง,หญิงรุก,yaoi,โรมานซ์,โรแมนติก,ต่อสู้,รักวัยรุ่น,เกิดใหม่,ทำงาน,สร้างตัว,ฝึกฝน,นางเอกเก่ง,พระเอกเก่ง,รัก,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กำพร้า ณ ต่างโลก ภาค 2หนุ่มวัย 22 ที่ไม่เคยมีรักช่วยสตริแล้วโดนรถบรรทุกส่งมายังต่างโลกเป็นเด็กกำพร้า พอมาเกิดเขาตัดสินใจทิ้งความจำเก่าๆและเป็นเด็กไปกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนกับเพื่อนซี้ทั้งสองคนอีกหนึ่ง เมื่อเขาโตเขาก็ไปทำงานสายต่อสู้ที่ซ่อง เจ้านายให้เขาประดิษฐ์ของเล่นผู้ใหญ่แถมเปิดร้านให้จนเขายิ่งรวย สุดท้ายไปเจอราชินีที่ซ่องและเธอชวนไปอยู่ประเทศของเธอ เขาสร้างบ้าน สร้างร้านใหม่และอยู่ที่นั่นตั้งแต่นั้นมา มาดูชีวิตประจำวันของหนุ่มต่างโลกกับฮาเร็มระดับสิยคนเรื่องราวความรัก การเลี้ยงลูก การทำงานและกานต่อสู้ในเขตวัง
ภาค 1 เกิดใหม่เล็งไข่ตั้งมั่น
https://www.plotteller.com/book_reading_novel/01J6K59JBZFBKF5WR1DS8Y86Q2
วารี อดีตหนุ่ม 22 ในชีวิตที่แล้วที่มาเกิดใหม่ต่างโลกเป็นเด็กกำพร้าพร้อมเจอเด็กแฝด 2 คนที่เป็นกึ่งแมวและกึ่งแมงมุมในโลกที่คนใช้ดาบออกท่าฟันกันเหมือนกดสกิล 1 อย่างเดียว
เขาฝึกต่อสู้กับพวกเธอตั้งแต่เด็กจนสู้เก่งเกินวัยไปอย่างมาก
เขาโตมากับพวกเธอจนถึงวัยทำงานก็ชวนไปทำงานต่างประเทศด้วยเป็นผู้คุ้มกันในซ่อง
แต่เจ๊ใหญ่เห็นศักยภาพว่าผลิตของมาขายเก่งและหาจ้างคนได้ดีจึงเปิดร้านค้าให้
เขาขายของไปเรื่อยๆจนเจอเจ้าหญิงชวนไปอยู่ประเทศเธอ
เขาเลยเปิดห้างให้ใหญ่ยิ่งกว่าร้านหลายเท่าพร้อมสร้างบ้านในเขตวังคู่กับแฟนที่เยอะเป็นฮาเร็ม
มาดูชีวิตประจำวันของนักธุรกิจและเหล่าแฟนมากมายตั้งแต่แม่บ้านยันราชินี
วันวุ่นๆของพ่อแม่มือใหม่กับลูกแท้และลูกเลี้ยง
มันจะสุขสบายไปอย่างนี้ตลอดไปมั้ยหนอ
124 ก้าวสู่แนวรบ
ที่ศูนย์กายภาพบำบัดผู้ป่วยพิการ
“ฮึบ!”
“เก่งมากค่ะ ทำซ้ำ 10 รอบให้ได้มั้ยคะ? ถ้าไม่ไหวคุณลูกช่วยได้เลยค่ะ”
“จะลองดูค่ะ”
‘ทำไม? ทำไมถึงอยู่ที่นี่?’
“ฮึบ!”
เธอทำอีกไม่ไหว ช่วยเธอสิ
เขาเอื้อมมือไปจับเอว ช่วยเธอยกตัวด้วยแขนในครั้งต่อไป
เมื่อเธอทำได้สี่ครั้ง
“มะ, ไม่ไหวแล้วค่ะ เจ็บ… มันเจ็บหลังมาก”
“ค่ะ เข้าใจค่ะ โอเค เดี๋ยววันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่มาพาตัวกลับนะคะ ถึงไม่สำเร็จ แต่ครั้งหน้ายังมีค่ะ!”
เธอพูดให้กำลังใจด้วยหน้าที่ยิ้มเศร้าๆ
นั่นบอกเจ้าของดวงตาคนเป็นลูกที่อยู่หลังเธอได้หลายอย่าง
‘ทำไม? ทำไมถึงนึงถึงช่วงนี้?’
และเขาเดินตามเธอกลับไปที่ห้องพร้อมเจ้าหน้าที่เข็นเตียง
เขามองพื้น เสื่อกับหมอนข้างเตียง
เมื่อเธอเข้าที่ หลับตานิ่ง อาจจะเพราะยาควบคุมอารมณ์หลายตัวที่เธอกิน เธอไม่พูดอะไรและพักผ่อน
เขาโกรธ
‘อย่ามาเล่นเวลาช่วงนี้ให้เห็น! ฉันจะไม่มีวันลืม! ยังไงก็ไม่ลืม!’
วารีเบิกตาโพลงพุ่งยกตัวขึ้นจากเตียงวางเท้าและยืน
กล้ามเนื้อเขาเกร็ง ขมวดคิ้ว โกรธจัด
ไม่ได้โกรธใคร ความโกรธไม่ได้มาจากคนอื่นหรือใคร ยิ่งคนในความทรงจำยิ่งไม่ใช่เลย
เขาโกรธตัวเอง ที่ตอนนั้นไม่พลัง
ทั้งเงิน ทั้งใจ ทั้งร่างกาย
เขาเคยมีอะไรจะให้คนอื่น
แม้แต่ขนมถุง 5 บาทก็ไม่เคยคิดแบ่งใคร
เขาใจแคบ เห็นแก่ตัว ไม่รักอนาคตตัวเอง
วารีเดินไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะ หยิบอุ้ยมามวน หยิบไฟ คาบเข้าปากเดินไประเบียง
“แอ๊ะ?”
อุ้ยหล่นออกจากปากวารี
เขามองน้องน้ำที่ลุกขึ้นยืนบนเปลนอนเด็ก
หางน้องน้ำแกว่งทำเสียงกระดิ่งประดับหางดัง เขามองวารีอย่างสงสัย
วารีช่างมันได้ เหมือนที่เขาเคยทำ ไม่มีเงินก็ช่างมัน ยกไม่ไหวก็ช่างมัน ลำบากก็ช่างมัน เหมือนที่เคยๆทำด้วยความสบาย
หรือแค่ยอมรับว่าแพ้ เปลี่ยน แล้วไปต่อ
“จ้ะ ลูก” วารีหยิบอุ้ยที่พื้นไปใส่ในลิ้นชัก
เขาเดินไปอุ้มน้องน้ำ
น้องน้ำชอบตื่นดึกๆ วีคิดว่าเป็นนิสัยของเชื้อแมว
แต่ที่ตัววีแต่ก่อนไม่มีปัญหาเพราะเธอเล่นกับวิวเหนื่อยทุกวัน แต่ก็ยังมีหลายวันที่ลืมตามาตอนดึกๆดื่นๆ
วารีดูนาฬิกาและมันเป็นเวลาตีสาม
เขาคิดว่ายังเหลือเวลาอีกเยอะ ก่อนเคลื่อนพลครั้งสำคัญ
ใช่ วันนี้เป็นวันสำคัญของวาโรซีเมียเรีย
วันที่ประเทศใหญ่เคลื่อนที่และแยกเขี้ยวกางเล็บ
วารีเอาน้องน้ำมาแนบตัวแล้วแกว่งไปมาแรงๆ
เด็กจะรู้สึกเหมือนเล่นรถไฟเหาะแต่แกว่งได้ไม่นานน้องน้ำก็หลับ
วารีวางเขากลับที่เตียง เปิดระบบแกว่งอัตโนมัติ เปลี่ยนระบบเป็นแกว่งแรง
ไม่มีเสียงจากเปล เพราะวัตถุดิบสั่งทำที่พิเศษ ทนทาน มีแต่เสียงหินไฟฟ้าปล่อยพลังไฟฟ้าเบาๆ หลังฝาของอุปกรณ์
วารีเดินไปหยิบแก้ววางที่เครื่องชงกาแฟ
ตอนนี้เขาอารมณ์มอคค่า เพิ่มนม
เขากดเครื่องชงกาแฟ หยิบอุ้ยในลิ้นชัก เมื่อกาแฟเสร็จ หยิบกาแฟ ออกจากห้องพร้อมของในสองมือ
หน้าห้องโถงหลายประตูเป็นทางเดินที่ไม่ว่างเปล่า
มีแม่บ้านนั่งหลับอยู่ที่โต๊ะ
แม่บ้านเหล่านี้ ที่ใส่ชุดแม่บ้านพร้อมเกราะกันกระสุนหนาเป็นแม่บ้านที่ฝึกมาใหม่ด้วยความกังวลว่าเด็กจะมีอันตราย
วารีล้วงกระเป๋าหยิบทองวางหน้าแม่บ้านที่หลับ
แม้ต้องตำหนิทีหลังแต่วันนี้ไว้ก่อน
เขาลงลิฟต์ไปชั้นล่าง
ออกจากบ้านมากลิ่นดอกไม้หอมอบอวลช่วงเข้าหน้าร้อน
ท้ายเดือน 2 วารีอายุ 24 ปีในยุคตีกันปี 124
เขาจุดอุ้ย ไม่รู้สึกผิด เพราะเขาชนะมันแล้ว กินกาแฟ
ฟ้าเปิดเห็นหมู่ดาวมากมาย
แม่บ้านหน่วยต่อสู้หน้าบ้านมองด้วยความสงสัย “ขออภัยค่ะ เอ่อ… นอนไม่หลับเหรอคะ?” เธอพูดกล้าๆกลัวๆ
“ไม่ต้องขอโทษก่อนเวลาจะคุยกับฉัน มันทำให้ฉันเหมือนเจ้าคนนายคนใหญ่โต ฉันไม่ใหญ่เกินคำทักทาย” วารีพูดด้วยหน้าผิดหวังนิดๆ
“แต่… ท่านใหญ่โตนะคะ แล้วตอนนี้เป็นท่านราชาด้วย ดิฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ” แม่บ้านหน่วยต่อสู้อีกคนพูด
“แต่นั่นทำฉันเสียใจอ่ะ ช่วยกันหน่อยน่า นะ?” วารีอ้อนสาว
แม่บ้านหน่วยต่อสู้สองคนมองหน้ากัน พยักหน้า จากนั้นเปลี่ยนเป็นยิ้มเหมือนเสือสาว “ถ้านอนไม่หลับ พวกเราพร้อมนะคะ ดูนี่” แม่บ้านคนขวาพูดพร้อมเปิดท้องมาสูงจนเกือบเห็นหน้าอกให้วารีเห็นกล้ามท้อง
แม่บ้านอีกคนปิดปากหน้าแดงตกใจเพื่อน
จากนั้นคนที่เปิดท้องหยิกแขนคนปิดปากแล้วเปิดท้องของเธอด้วย
“พอแล้ว พอจ้ะพอ วันนี้วันสำคัญ พวกเธอน่าจะรู้ ฉันต้องเก็บแรงไว้ แต่ฉันจะจำเธอไว้เพื่อวันว่างที่พบกันแล้วกันนะ” วารีปฏิเสธสองสาว
สองสาวปิดท้องคอตก “กว่าจะได้เจอจังๆยากจะตาย… ฮือ…” จากนั้นเธอร้องไห้กระซิก
“เอาน่า ตอนนี้เราต้องมองกันเงียบๆกระอักกระอ่วนก็แย่พอแล้ว อย่าร้องให้ฉันเศร้าไปด้วยเลยน่า” วารีเปิดมือถือเข้าแอพแชท เปิดคิวอาร์โค้ดทรงกลมที่เป็นไอดีเขา
เมื่อสองสาวเห็นเธอรีบสแกนเพิ่มวารีเป็นเพื่อน
วารีดึงสองคนเข้ากลุ่ม ตั้งชื่อกลุ่มว่าเสือหน้ารัง
สองคนส่งสติกเกอร์น่ารักเป็นรูปหัวใจ
“โอเคแล้วนะ” วารีนั่งที่พื้นหญ้า “ขอฉันเงียบนิดนึงล่ะ” วารีขอร้อง
““ได้ค่ะ!”” สองสาวพูดพร้อมกัน แยกไปยืนประจำที่และมองสอดส่องรอบข้างเหมือนที่หน่วยต่อสู้ฝึกมา
ไม่นานอุ้ยก็หมด วารีกระดกกาแฟ เขาไม่ได้อยากอุ้ยอีก เขาพร้อมสำหรับวันนี้แล้ว
“เอาล่ะ ขอบคุณมากนะ ที่อยู่เป็นเพื่อน ทั้งสองคน” วารีพูดบอกลา
วารีกลับเข้าห้องเพื่อปลุกเมียทุกคนเตรียมตัวบินไปโพเบต้า
ประเทศโพเบต้า แนวหน้าสงครามของโพเบต้าและสหพันธรัฐโคเม่
“ดู ทุกคน! ผมรู้ว่าลูกเมียคุณอยู่ในบ้านด้านหลัง ผมรู้ว่าเรามีสิทธิ์แพ้ศึกนี้ แต่เราแพ้ไม่ได้! มันเป็นเรื่องที่มากกว่าครอบครัวเดียว… มีอีกหลายบ้านที่มีแค่เด็กและผู้หญิง จงปกป้องคนเหล่านั้นจากเงื้อมมือของคนที่ใช้พลังเพื่อเรื่องป่าเถื่อน พวกเรา สู้!” ทหารกำยำผมแดงพูดหน้ากลุ่มทหารกลุ่มใหญ่
อีกฝ่ายหนึ่ง คนของสหพันธรัฐโคเม่ใส่เสื้อเกราะโซ่ทุกคน
ฝ่ายโพเบต้าหลายคนใส่เสื้อหนัง แต่หลายคนก็ไม่ได้ใส่เครื่องป้องกันอะไรเลย
รวมถึงดาบ ของโคเม่เป็นดาบอย่างดีที่เงาวับ
แต่ของฝั่งโพเบต้าเป็นดาบสึกแถมมีของบางคนขึ้นสนิม
‘ทหารทุกคนเหนื่อยจากข้าศึกบุกฉับพลันเมื่อคืน… นี่อาจเป็นศึกสุดท้ายที่เราจะได้สู้’ อัศวินผมแดงคิดในใจ
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กว้างใหญ่
‘วาโรซีเมียเรียบอกจะช่วยเรา แต่พวกเขาอยู่ไกล คนของเราจะหมดก่อนเขาช่วยเราทัน’ เขาเงยหน้า
ภาพท้องฟ้าวันนี้เป็นท้องฟ้าเปิดแดดกำลังดีน่าตากผ้า
ชายผมแดงนึกถึงลูกเมียตัวเอง กระชับเกราะหนังที่มีรอยขาด
ทหารข้าศึก ทหารโคเม่เดินมาเรื่อยๆ
เรียกทหารโคเม่ก็จะไม่ถูกนัก เพราะทุกคนรู้กันหมดว่าฝูงชนด้านหน้าที่อาวุธครบมือเป็นคนของจักรวรรดิอารูสิเย
“รอให้เจ้าพวกนั้นบุกเข้ามาอย่างเดียวไม่ได้ แสดงพลังแห่งโพเบต้า แสดงพลังแห่งอิสรภาพให้พวกมันได้เห็น ทุกคน! เดินหน้า!” ชายผมแดงชูดาบไปด้านหน้า
จากนั้นคนของโพเบต้าเริ่มเดิน
ใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นทั้งสองฝ่ายเริ่มวิ่งใส่กัน
ฝุ่นคลุ้งขึ้นมาตามหลังฝีเท้าของคนทั้งสองฝ่าย
สุดท้ายการปะทะเกิดขึ้น
ฟันหัว ฟันแขน แทงตรง ฟันขา แทงหน้า เปิดท้อง ทุกคนต่างออกท่าใส่กัน
เมื่อดาบปะทะดาบ ประกายไฟมากมายประดับสมรภูมิ
ทหารหลายคนล้มและพื้นถูกย้อมด้วยเลือด
ทหารที่บุกลื่นแล้วฟันพลาด
คนล้มแล้วโดนเหยียบ
ชายที่สู้ไม่เก่งตกเป็นเหยื่อคมดาบที่ใหม่กว่า แข็งแรงกว่า
แม้ร่างกายฝึกกันได้ แต่เราใช้กำลังกายทำให้ดาบทนกว่าเดิมไม่ได้
เมื่อศึกผ่านไปได้ซักพักก็เริ่มเห็นความต่างของอาวุธ
ทหารโพเบต้าเริ่มถอยเป็นแนวยาว
ทหารโคเม่บุกหนักด้านข้างและตีวงล้อมจากทั้งสองฝั่งของโพเบต้าที่ไม่มีที่ไปและต้องหันหลังชนกันเป็นวงกลม
“ฟันหัว! แทงตรง!” หนุ่มผมแดงยังคงยืนหยัดและสู้อยู่ที่แนวหน้า
หนึ่งต่อสอง หนึ่งต่อสาม หนึ่งต่อสี่ เขาผ่านมันมาได้ทั้งหมด
แต่ชัยชนะที่เหนื่อยล้านั้นไร้ผลตอบแทน
คนของเขาสู้ไม่ได้และล่าถอย
เขาคนเดียวเอาชนะทั้งกองทัพไม่ได้ และนั่นเป็นเรื่องแน่นอน
เขาอยู่หน้าวงกลมที่เกิดขึ้นด้วยคนของโพเบต้า
เพื่อทำการสู้ครั้งสุดท้าย
เขาควรออกคำสั่งถอย แต่ด้านหลังเขาไม่กี่ร้อยเมตรก็เป็นหมู่บ้านที่ลูกเมียหลายคนในศึกนี้อาศัยอยู่
มันง่ายที่จะสั่งถอย หนีข้ามหมู่บ้าน ไปให้ไกลถึงเมืองหลวงและเกณฑ์คนเพิ่ม
มันยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ด้วยความจริงว่าลูกเมียเขาอยู่ในเมืองหลวง
แต่เขาทำไม่ได้
เขาฟัน ศัตรูล้มลง ฟันอีก ศัตรูล้มอีก
แต่มีคนมาแทนที่คนที่ล้มอย่างรวดเร็วตลอด
กรุ้งกริ้ง กรุ้งกริ้ง
เครื่องสี่เหลี่ยมปริศนาที่มีด้านนึงเป็นกระจกที่เอวเขาดัง
เครื่องนี้ถูกส่งมาหานายกโพเบต้าด้วยโดรนพร้อมจดหมายจากวาโรซีเมียเรีย
ถ้ามันดังขึ้น แสดงว่าคนของวาโรซีเมียเรียเข้ามาในโพเบต้าแล้ว
ชายผมแดงรับมอบเครื่องนี้มาจากนายกของโพเบต้า ที่เป็นคนที่วาโรซีเมียเรียเลือกมอบให้
ชายผมแดงรีบหยิบมือถือ กดรับสายตามวิธีใช้ที่ถูกมอบมาในกระดาษที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง
“ฮัลโหล ท่านนายกโพเบต้า” เสียงผู้หญิงที่เข้มและกระชับพูดขึ้นมา
“ผมคือจอร์จนักดาบเอกแห่งโพเบต้า ตอนนี้เราอยู่ที่ชายแดนโพเบต้าและโคเม่ในฝั่งโพเบต้าเหนือ ข้าศึกบุกเข้ามาและเรากำลังถูกตีวงล้อม ช่วยเราด้วย!” ชายผมแดงตะโกนใส่มือถือ
แต่ผู้หญิงในมือถือไม่สะทกสะท้านกับเสียงตะคอก
“เราได้ตำแหน่งคุณแล้วจากมือถือ เราจะถึงใน 5 นาที จัดทัพให้เป็นแถว แบ่งเส้นให้ชัดเจนและตั้งมั่นให้เป็นแถวตรง ย้ำว่าอย่าล้ำไปปนในเขตศัตรู เราจะส่งอาวุธที่เร็วที่สุดไป” สาวในมือถือตอบกลับมาด้วยคำมั่น
มันสร้างความหวังให้จอร์จ ชายผมแดง
“ถอย! แล้วมาตั้งแถวตรงด้านหลังจากนั้นตั้งมั่นเป็นแถวตรง เร็วเข้า!” จอร์จตะโกนสั่งทหารของตัวเอง
ทหารคอยๆสู้ไปถอยไปเป็นแถวตรง
ทหารโพเบต้าตั้งมั่นต่อสู้เป็นแถวตรงอย่างลำบากลำบน
หลายคนล้มตายในเวลาอันสั้น
มันน่าเสียดายแต่ทุกอย่างที่ทำมันก็เพื่อชนะศึกนี้และปกป้องหมู่บ้านข้างหลัง
จอร์จมองด้านหลังหลายครั้ง หวังว่าจะเห็นเงาของทหารเดินทัพมา
แต่เขาไม่เห็น
ไม่มีทหารที่ไหนเดินมา
ความหวังเริ่มริบหรี่ เขาคิดว่าวาโรซีเมียเรียโกหก
คำขอกำลังเสริมเพิ่งไปไม่นาน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะมีทหารมาเร็วขนาดนี้
ไหนจะต้องเกณฑ์ เตรียมเสบียงและจิปาถะอีกมากมาย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เขาหันกลับไปสู้ เมื่อล้มคนได้สองสามคนเขาหันกลับไปมองด้านหลังอีกครั้ง
ไม่มีทหารเดินทัพมา เหมือนเคย
แต่ท้องฟ้ามีสองจุด
มันเป็นจุดเล็กๆ แต่มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เขาเพ่งมองด้วยความประหลาดใจ
บนโลกนี้ไม่มีอะไรอยู่บนท้องฟ้า มีแต่ฟ้าที่ว่างเปล่า
เขาได้ข่าวลือเรื่องโดรนของวาโรซีเมียเรีย แต่ไม่เคยเห็นพวกมันด้วยตาของตัวเอง
สองจุดมันไกล้เข้ามาเรื่อยๆและเขาเห็นมันเลี้ยวออกไปทางขวา
มันเป็นวัตถุบินบนฟ้าลักษณะเป็นสามเหลี่ยม
เมื่อมันเลี้ยวเขาเห็นใต้ท้องของมัน
เขาไม่รู้ว่ามันทำงานยังไง มันเป็นเครื่องจักรที่บินบนฟ้า
ทุกคนเริ่มได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของมัน และทหารอารูสิเยอ้าปากค้าง
เครื่องบินที่เลี้ยวไปสร้างระยะเพื่อพุ่งมาใหม่อีกครั้ง
คราวนี้มันบินตรงมาตรงที่สองฝ่ายกำลังรบกัน
มันตรงมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ
จากนั้น
ปุปุปุปุปุ มันเหมือนมีคนทิ่มใส่พื้นด้วยความแรงรัวๆเป็นเส้นตรง
ฝุ่นฟุ้งขึ้นมาเป็นเส้น
มันมีอะไรบางอย่างพุ่งมาลงพื้น
จอร์จเห็นไฟที่หน้าวัตถุสามเหลี่ยมบนฟ้า
ปุปุปุปุปุ คราวนี้มาจากลำที่สอง
ทหารอารูสิเยที่บอกว่ารับจ้างมาล้มหลายร้อยคนในการทิ่มพื้นสองครั้ง
จากนั้นเครื่องบินสองลำบินเลยไปพร้อมเสียง บรื่ดบรื่ด บรื่ดบรื่ด
แต่แนวหน้ายังสู้กันไม่หยุด
ทหารโพเบต้าเริ่มฮึกเหิมที่อีกฝ่ายร่วงไปหลายร้อยด้วยเสียงปริศนา
ส่วนฝ่ายโคเม่สับสนและงงเป็นไก่ตาแตก
พวกเขางงที่อยู่ๆคนตายหลายร้อยในคราเดียว
มันคืออะไร มันทำได้ยังไง และมันจะมาอีกไหม หลายคำถามผุดมาในหัวระหว่างแกว่งดาบป้องกันชีวิตตัวเอง
ไม่มีใครมาตอบแต่พวกเขาต้องสู้ให้ถึงที่สุด
ทหารโพเบต้าเริ่มโต้ศัตรูร่นถอยไปได้แล้ว
สองฝ่ายสู้กันอย่างสุดกำลัง
จากนั้นมีจุดบนฟ้ามาอีกเต็มฟ้า
ฝั่งโคเม่หน้าเหวอกลัวจับใจ พวกเขากลัวความตายจากบนฟ้า
แต่จุดที่มาถึงไม่ใช่เครื่องสามเหลี่ยมที่บินด้วยความเร็วสูง แต่เป็นเครื่องบินที่มีใบพัดสี่ใบ
ฝั่งโคเม่โล่งใจนึกว่าตัวเองรอดแล้ว ไม่มีบรื่ดบรื่ดจากนรกที่คนล้มอย่างไร้สาเหตุ
จากนั้นเครื่องใบพัดทิ้งเชือกลงมาจากตัวเครื่องสองด้านหลังแถวทหารฝั่งโพเบต้า
และจากนั้นทหารโคเม่หน้าซีดอีกครั้ง
มีคนรูดเชือกโรยตัวลงพื้นด้านหลังทหารโคเม่มากมาย
ลงมา ลงมาเรื่อยๆ ร้อยคน สองร้อยคน
ทหารแต่ละคนตัวใหญ่ เกราะหนา
เมื่อคนลงหมดพวกเขาวิ่งเข้ามาที่แนวหน้า
ทหารแต่ละคนถือดาบมือนึง และอีกมือถือเหล็กรูปล่างประหลาดที่ไม่น่าทำอะไรได้
จอร์จนึกว่ามันเอาไว้เป็นไม้กันดาบ แต่เมื่อเขารู้ความจริงมันทำให้เขาตกใจอย่างสูง
ทหารวาโรซีเมียเรียเอาเหล็กชี้และจากนั้นมีเสียงดังปัง
คนที่ถูกเอาแท่งเหล็กชี้ล้มตายอย่างไร้สาเหตุ
เสียงปังเริ่มดังรัวทั้งสนามรบ
ทหารโคเม่เมื่อเห็นว่าโดนชี้จะตายจากระยะไกลยิ่งกลัวหัวหดและพุ่งเข้าประชิดอย่างบ้าคลั่ง
แต่ทหารวาโรซีเมียเรียดวลดาบชนะทุกคนภายในสองถึงสามเพลง
ทุกคนเก่ง เก่งระดับปรมาจารย์
ไม่มีใครสู้พวกเขาได้ และทหารวาโรซีเมียเรียไม่มีใครโดนฟัน
คนโดนเอาเหล็กชี้ใส่ล้มลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ
ทหารโคเม่เริ่มร่อยหรอ
จอร์จยืนอึ้งอยู่ที่แนวหน้า ดูทหารตัวเองชนะด้วยความกลัว
มันเป็นการสังหารหมู่ฝ่ายเดียวในตอนนี้
จริงที่เขาเรียกวาโรซีเมียเรียมาช่วยรบ แต่ถามันเป็นแบบนี้ วาโรซีเมียเรียจะกลืนกินทุกอย่าง
กรุ้งกริ้ง มือถือเขาดังอีกครั้ง
จอร์จรับสาย แต่ไม่กล้าพูดอะไร
“ฮัลโหล คุณอยู่ไหนครับ? อ้อ เจอแล้ว” เสียงคนหนุ่มออกเด็กนิดๆพูดมาแต่วางสายเลยหลังจากนั้น
ไหล่จอร์จถูกสะกิดด้วยเหล็ก
เขาหันไปชูดาบด้วยความกลัวแท่งเหล็กสั่งตาย
แต่เมื่อหันมาเขากลับตกใจ เพราะคนที่สะกิดเขามีแขนเป็นเหล็กข้างหนึ่ง
‘วาโรซีเมียเรียทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ? แขนเหล็กเนี่ยนะ?’ เขาทึ่งกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำสามัญสำนึก
“ผมริคครับคุณจอร์จ แนะนำตัวตอนนี้มันเสียเวลา คุณนาผู้จัดการราชาวารีเรียกหาคุณ โปรดมากับเรา” ทหารแขนเหล็กแนะนำตัวและหันหลังเดินนำทันที
จอร์จไม่ทันตอบอะไรก็ต้องรีบตามไป
ริคเดินมาหาที่โล่งและวนนิ้วเป็นวงกลมชี้ไปบนฟ้า
จากนั้นเครื่องบินสี่ใบพัดลำเล็กบินลงมาแตะพื้น
ริคเปิดประตูและเชิญจอร์จขึ้นเครื่อง
จอร์จมองทหารตัวเองที่ยืนมองเขา ทุกคนเลิกสู้เพราะคนของวาโรซีเมียแย่งสังหารศัตรูหมดแล้ว
ทุกคนมองอย่างเป็นห่วงปนอิจฉาที่จอร์จจะได้ขึ้นเครื่องบิน
เมื่อริคเห็นดังนั้นเขาพูดเสียงดังท่ามกลางเสียงปังที่มาเป็นระยะ “ทุกคนจะได้ขึ้นเครื่องบินครับ เราเตรียมเครื่องใหญ่ไว้พาพวกคุณกลับบ้านแล้ว แต่ต้องจบศึกก่อนครับ”
เมื่อริคประกาศดังนั้นมีเสียงโอ้อ้าถูกใจ บางคนแอบตบมือเบาๆ
จอร์จส่ายหัวให้กับทหารที่อยากเล่นของเล่นมากกว่าสนใจการรบ
ศึกสาหัสนี้จบแล้ว เขาเองก็ผ่อนคลายได้แล้ว
เขาขึ้นเครื่อง หาที่นั่ง มองกระจกที่เปิดให้เห็นด้านนอก
ริคนั่งตรงข้ามเขา เครื่องเริ่มบินขึ้น
จอร์จอึ้งจากทิวทัศน์ด้านบน ‘นี่หรือที่เหล่านกบนฟ้าเห็นเป็นประจำ… มันสวยเหลือเกิน’
เขาเริ่มผ่อนคลายด้วยวิวบนฟ้า หัวพิงกระจก หลังคร่อม หลับตา
และศึกเปิดตัววาโรซีเมียเรียก็ผลักดันทหารโคเม่กลับไปในบ้านตัวเองได้อย่างสวยงาม