แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 31 ความกลัวที่กัดกิน
เสียงเครื่องยนต์ดังฮึ่มต่ำค่อย ๆ ปลุกร่างบางให้ตื่นขึ้น ความมืดภายในรถถูกตัดด้วยแสงสลัวจากไฟถนนที่ลอดผ่านกระจกเป็นระยะ ๆ
เมณิชารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของรถที่วิ่งไปบนถนนผิวขรุขระ และกลิ่นอับผสมกับกลิ่นเบนซินบางเบา ร่างของเธอหนักอึ้งและชาเพราะฤทธิ์ยาสลบที่ค่อย ๆ จางหาย
หญิงสาวลืมตาช้า ๆ หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อพบว่าตัวเองถูกมัดไว้ เธอพยายามข่มกลั้นความเจ็บจากเชือกที่รัดข้อมือและข้อเท้าไว้แน่นจนเลือดแทบไม่ไหลเวียน
สิ่งแรกที่เธอคิดถึงไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นเสียงหายใจเบา ๆ ข้างกาย เมณิชาเบนหน้ามองไปทางซ้าย
น้องพีร์และน้องพราวนั่งตัวงออยู่บนเบาะ เด็กทั้งสองยังสลึมสลือ ขอบตาบวมแดงจากฤทธิ์ยาสลบและดูอ่อนแรง
“แม่...พราวเจ็บ...”
เสียงของน้องพราวแผ่วเบาเหมือนคนละเมอ แต่ทำให้หัวใจของเมณิชาร่วงวูบไปก้นเหว
ถึงแสงในรถจะสลัวและสว่างเป็นพักๆ แต่เธอก็สังเกตเห็นได้ว่า สีหน้าน้องพราวไม่ดีเลย...
“แม่อยู่ตรงนี้ลูก...อยู่ตรงนี้นะ”
เธอกระซิบปลอบ น้ำเสียงพยายามทำให้มั่นคงที่สุด ทั้งที่ข้างในสั่นระรัวไม่หยุด ดวงตาของเธอเริ่มแดงจัด น้ำตาคลอ แต่เธอไม่ยอมให้หยดออกมา
น้องพีร์พลิกตัวช้า ๆ แล้วกระซิบถามเสียงแผ่ว
“แม่...เราอยู่ไหน ทำไมมือแม่เป็นแบบนั้น...”
“ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวเราจะกลับบ้านกันนะ” เธอพยายามยิ้มให้ลูกทั้งที่หัวใจแทบแตกสลาย
“พวกมันฟื้นแล้วครับ นายหญิง”
เสียงชายฉกรรจ์ที่นั่งเบาะหน้าเอ่ยรายงานผ่านโทรศัพท์ เขามีรอยสักพาดเต็มแขน เสียงของเขาดูเหี้ยวโหดไม่ต่างจากรูปลักษณ์ภายนอก
ไม่นานก็มีเสียงผู้หญิงดังลอดออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ น้ำเสียงนั้นหวานและบาดลึก ราวใบมีดที่กรีดผ่านอากาศ
“ว่าไง แม่นางงาม คงแปลกใจสินะ ว่ามาหลบอยู่ตั้งไกล ทำไมฉันถึงหาเธอเจอ”
เพียงได้ยินเสียงนั้น เส้นขนบนต้นคอเมณิชาก็ตั้งชัน เธอรู้ทันทีว่าเป็นใคร
...เธอคือคนที่ทำให้สุรวีร์เสียสติ
“แพทริเซีย... เธอคือแพทริเซียใช่ไหม”
เสียงของเธอสั่น เต็มไปด้วยความโกรธและไม่เข้าใจ
“ฉลาดเหมือนกันนี่ ถึงแม้สิ่งที่แกทำกับฉัน มันออกจะดูโง่ไปหน่อย”
เสียงของแพทริเซียเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและดูถูก ในประโยคท้ายน้ำเสียงเข้มขึ้นอย่างเหลืออด
เมณิชาใจหายวาบ เธอเม้มริมฝีปากแน่น
“ฉันไปทำอะไรให้เธอ เธอบอกว่าจะปล่อยฉันไป ถ้าฉันหายไปจากภวิน ฉันก็ทำให้เธอแล้ว แต่เธอกลับไม่ยอมปล่อยฉัน!”
น้ำเสียงของเมณิชามีทั้งความโกรธและความรู้สึกไม่ยุติธรรม
“หึ หึ หึ... เธอทำอะไรให้ฉันงั้นเหรอ ถามได้ดี” แพทริเซียหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน
“ไม่ใช่เพราะเธอคาบข่าวไปบอกวินหรอกเหรอ ฉันถึงต้องอยู่ในสภาพนี้ ฉันเอาตัวเธอมาไว้ต่อรอง มันไม่ถูกหรือไง”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจเมณิชาหล่นวูบ เธอขมวดคิ้วและพยายามเถียงกลับ
“ฉัน...ฉันไม่เคยบอกอะไรภวินเลย! ฉันทำตามที่เธอบอกทุกอย่าง!”
ภายในสมองของเธอเริ่มเชื่อมโยงอย่างรวดเร็ว... ถ้าภวินรู้เรื่องแพทริเซีย มันต้องมาจากใครสักคน
ณัฐกฤษ... ใช่ ต้องเป็นเขา เพราะเธอเล่าให้เขาฟังเพียงคนเดียว
“นังตอแหล! เก็บคำพูดของแกไว้หลอกคนอื่น ตอนกลายเป็นผีเถอะ!”
แพทริเซียคำรามกลับด้วยน้ำเสียงอาฆาต
“ไม่! เธอจะทำอย่างนี้ไม่ได้!”
เมณิชาสวนกลับเสียงแข็ง แต่ความสั่นในน้ำเสียงบอกชัดว่าเธอกำลังกลัว
“จิ๊ ๆ เห็นลูกเธอแล้วก็น่าสงสารนะ... หน้าตาดีเหมือนแม่ น่าจะโตไปได้ไกล ถ้าไม่ติดว่า...อาจไม่มีโอกาสโต”
“อย่าทำอะไรลูกฉัน!”
เสียงของเธอแหลมขึ้นโดยไม่ตั้งใจจนคนขับเหลือบมองผ่านกระจกหลัง
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? เธอเป็นคนหักหลังฉัน แล้วคิดว่าฉันควรเมตตาเธองั้นเหรอ?”
เมณิชากำมือแน่น เล็บจิกเข้าฝ่ามือจนเจ็บ ความจริงค่อย ๆ ชัดขึ้น
แพทริเซียไม่ได้ต้องการเพียงแก้แค้นเธอ แต่ต้องการบงการภวิน ผ่านเธอและลูก ๆ
“เธอวางแผนมาตลอดใช่ไหม?”
เสียงเมณิชาดิ่งต่ำ เธอเงยหน้าขึ้นราวกับประกาศท้าทาย
“ทั้งหมดนี้…ไม่ใช่แค่ความหึงหวงใช่ไหม แต่มันคือเกมอำนาจ ...เกมความโลภของเธอ! เธอไม่ได้คิดจะปล่อยฉันไปตั้งแต่แรก”
ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบชัดถ้อยชัดคำ
“ยินดีด้วย เธอเดาถูก... แต่ก็สายไปแล้ว เพราะตอนนี้เธออยู่ในมือฉัน ลูกของเธอก็อยู่ในมือฉัน และถ้าภวินกล้าโผล่มาอีกก้าวเดียว...”
เสียงนั้นหยุดไปชั่วอึดใจ ก่อนกล่าวต่ออย่างเย็นชา
“ฉันจะให้เขาเห็นลูกของเธอ... โอ้..เด็กน้อยที่น่าสงสาร...”
เธอเว้นวรรคอีกครั้ง
“...ในร่างไร้ลมหายใจ!”
“ไม่!!!”
เสียงกรีดร้องของเมณิชาดังก้องไปทั่วรถ เธอดิ้นพราดจนเชือกเสียดเนื้อเป็นรอยถลอก เลือดซึมเปื้อน
ชายร่างใหญ่ที่นั่งข้าง ๆ หันมาแสยะยิ้มก่อนจะยกมือฟาดเธอเต็มแรง
“อย่าร้อง!”
เสียงฟาดดังจนแก้มซ้ายร้อนวาบ ปากมีรสเลือดจาง ๆ
“อีกไม่ถึงชั่วโมง ก็จะไปถึงที่หมายแล้ว หุบปากไว้ซะถ้าไม่อยากให้ลูกแกต้องเจ็บตัวก่อนเวลา!”
เขาก้มหน้าลงจ้องไปที่เด็กทั้งสอง แล้วเลื่อนดวงตาดุร้ายสบกับสายตาของเธอ
เด็กทั้งสองเริ่มสะอื้น น้องพราวเอามือเล็ก ๆ กอดแขนพี่ชายแน่น น้ำตาหยดลงบนเสื้อของกันและกัน
“แม่... พราวกลัว...”
เสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวราวแทงทะลุหัวใจของคนเป็นแม่
“ไม่ต้องกลัวนะลูก แม่อยู่นี่”
เธอพยายามฝืนยิ้มและหันไปกระซิบเบา ๆ แม้ในใจจะร้อนรุ่ม
เธอห่วงแต่ลูก ความกลัวกำลังไล่บี้เธอจนถึงลมหายใจสุดท้าย ภายในหัวนึกถึงแค่คน ๆ เดียว
"ภวิน"
...ช่วยฉันที...
...ฉันผิดไปแล้ว ที่เลือกหนีมาจากคุณ
ในอีกด้านหนึ่ง...
รถของภวินยังคงทะยานบนถนน ด้วยความเร็วเกินขีดจำกัด เช่นเดียวกับอารมณ์ของเขาในตอนนี้
มือถือในมือแสดงแผนที่ตำแหน่ง GPS ล่าสุดของเมณิชาก่อนที่สัญญาณจะหายไป
ข้างตัวมีปืนพกที่เขาพกไว้ตลอด หลังจากรู้ว่าเธอและลูกอาจตกเป็นเป้าหมาย
“เจอแล้ว…” เขาพึมพำ
“อีกไม่เกินชั่วโมงก็น่าจะตามทัน”
แล้วมือถือก็สั่นอีกครั้ง ...สายเข้าจากณัฐกฤษ
"ว่าไง?" ภวินกรอกเสียงผ่านไมค์บลูทูธ
"ตำรวจเจอภาพรถตู้ต้องสงสัยจากกล้องแล้ว คันสีบรอนซ์ ทะเบียนปลอม 'กบ19xx' กำลังมุ่งออกนอกเมือง แถวนั้นมีสุสานรถ และโกดังร้างอย่างน้อยสองที่"
ภวินหรี่ตาก่อนเอ่ย “ตรงกับใน GPS”
“ฉันกำลังตามไปอีกทาง...แต่นายต้องฟังฉัน ภวิน…อย่าบุ่มบ่าม!”
ณัฐกฤษพยายามเตือนอีกฝ่ายไม่ให้วู่วามจนทำให้เมณิชาและเด็ก ๆ ได้รับอันตราย
“ถ้าเธอกับลูกฉันเป็นอะไร...ฉันจะไม่ปล่อยใครไว้สักคน”
เขาตอบเสียงเรียบ ทุ้มต่ำ ...แต่แฝงไปด้วยความปะทุเดือดราวเปลวจากลาวา
ตัดกลับมาภายในรถตู้
ความเงียบและเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมภายในรถ ราวกับม่านควันดำกำลังคืบคลานกลืนกินแสงสว่างภายในใจ
เมณิชาหลับตาแน่น สูดลมหายใจช้า ๆ พยายามประคองสติ ...กลั้นน้ำตา แล้วลืมตาขึ้นหันไปมองลูกทั้งสองสลับกัน โดยสัญชาตญาณความเป็นแม่
...แต่แล้วความเงียบบางอย่างก็ทำให้ใจเธอสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ไม่มีเสียงสะอื้นจากน้องพราว
เธอก้มสำรวจใบหน้าของลูกสาวทันที
“พราว...ลูก”
ใบหน้าเล็กนิ่งซบอยู่ที่อกพี่ชาย เงียบสนิทอย่างผิดปกติ ดวงตาแนบหลับ ริมฝีปากซีดจาง ลมหายใจบางเบา
“พราว!!”
เมณิชาตะโกนเรียก ลืมแม้ความเจ็บปวดจากเชือกที่รัดข้อมือ เธอดิ้นจะเอื้อมมือไปหา แต่เชือกมัดแน่นเกินกว่าจะขยับได้
“พราวจ๋า!! ลูกรัก! ตื่นสิ! แม่อยู่นี่!”
ดวงตาเธอเบิกโพลง... ลูกสาวตัวน้อยตัวเริ่มเย็นชืดอย่างน่ากลัว
“พวกแกทำอะไรลูกฉัน!!” เมณิชากรีดร้อง น้ำเสียงกระชากแรงแทบเสียสติ
คนร้ายข้าง ๆ หันมามองแล้วขมวดคิ้ว
เขาสบตากับเพื่อนร่วมทีมอีกคนที่นั่งเบาะหน้า ก่อนจะคว้าตัวเด็กหญิงให้หงายหน้าขึ้น
“เฮ้ย...นี่มัน...”
มือของชายฉกรรจ์แตะลงบนต้นคอของเด็กหญิงเบา ๆ แล้วสบถ
“หรือแม่งจะแพ้ยาสลบ!”
เมณิชาหยุดเสียงทันที... โลกทั้งใบของเธอเหมือนหยุดหมุน
เสียงร้องของน้องพีร์เริ่มดังขึ้น ร่างเล็ก ๆ ที่ยังมีสติร้องไห้จนตัวโยน
“หม่ามี้...น้องพราวไม่ตื่น...ทำไมน้องไม่ตื่น...!”
แล้วทุกอย่างก็เหมือนหยุดนิ่ง
มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ของรถที่ดังสม่ำเสมอ กับความตื่นตระหนกที่กัดกินจิตใจของผู้เป็นแม่
เมณิชาน้ำตาไหลพราก ขณะสายตายังคงจับจ้องลูกอย่างแตกสลาย
“อย่าเป็นอะไรนะลูก... ขอแม่เถอะ... อย่าทำแบบนี้กับแม่...”
หญิงสาวหมดสิ้นหนทาง วิธีเดียวคือหันไปขอร้องอ้อนวอนพวกโจรบนรถ
"โรงพยาบาล! เราต้องไปโรงพยาบาล ฉันขอร้องหละ เห็นแก่เด็กตาดำ ๆ เถอะนะ"
ถ้ามือไม่ได้ถูกมัดไว้ เธอคงยกขึ้นไหว้และแทบกราบกราน ขอความเห็นใจจากกลุ่มคนบนรถ
"เด็กนี่แค่แพ้ยาสลบ ไม่ถึงตายหรอก อย่าโวยวายให้มันมาก ถ้าไม่อยากสลบตามกันไปอีกรอบ!"
พวกมันตอบกลับอย่างไร้ความเห็นใจ
ฉับพลันนั้น ภายใต้ความกดดันและความตึงเครียด เมณิชาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
"งั้นฉันขอคุยกับแพทริเซีย...อีกสักครั้ง"
สิ้นเสียงขอร้องนั้น ภายในใจก็ได้แต่ภาวนา
ภวิน! รีบมา ...ก่อนที่จะสายเกินไป...
*****
ร่วมลุ้นไปกับ
โค้งสุดท้ายของเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม
เม้นต์มาให้กำลังใจ และติชม
ขอบคุณมากๆๆ
รีบปั่นมาเสิร์ฟอยู่นะคะ
อย่าเพิ่งหนีกันไปไหน
^^