แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 23 เงาในรอยลวง
เงาความลับ สลับซ้อน ซ่อนพลางจิต
ในห้วงคิด พิศคำลวง บ่วงสับสน
รอยเสแสร้ง แฝงเล่ห์ร้าย ในใจคน
ลวงร้อนรน จนหลอกหลอน ก่อนทำลาย
แสงแดดยามสายสาดลอดม่านบาง เข้ามาในห้องรับแขกของคฤหาสน์ลัวร์ กลิ่นหอมจางของขนมปังอบยังอ้อยอิ่งในอากาศ ทิ้งร่องรอยของมื้อเช้าที่เพิ่งจบลงอย่างอบอุ่นไว้เบื้องหลัง
หลังอาหารเช้า ภวินและคุณหญิงไอษดาออกจากบ้านไปพร้อมกันเพื่อเข้าบริษัทตามปกติ ส่วนเด็ก ๆ ถูกจัดให้เรียนรู้กับครูเตรียมอนุบาล ที่คุณหญิงจัดเตรียมให้
สองแฝดนั่งนิ่งฟังบทเรียนอย่างตั้งใจในห้องเรียนเล็กข้างสวน ที่ถูกจัดใหม่ให้เป็นมุมเรียนรู้สำหรับเด็กโดยเฉพาะ
เมณิชายืนมองภาพลูก ๆ ผ่านหน้าต่างกระจกใส สายตาเธออบอุ่น แต่หัวใจกำลังสั่นไหวด้วยความลังเล
เธอควรบอกภวินดีไหม?
ข้อความขู่เมื่อเช้ายังคงติดอยู่ในใจ
"ไม่เชื่อก็ได้ แต่ฉันจะเริ่มจากเด็กก่อน"
เมณิชากัดริมฝีปากแน่น ใจหนึ่งไม่อยากพูด เพราะกลัวว่าความสงบในตอนนี้จะพังทลาย กลัวว่าเขาจะใช้อำนาจทั้งหมดเข้าปกป้อง จนเธอกับลูกจะสูญเสียอิสรภาพ
และการพึ่งพาเขามากเกินไป อาจเป็นผลเสียในอนาคต
แต่ในอีกใจหนึ่ง...เธอหวังลึก ๆ ว่า ถ้าเขารู้ เขาอาจจะช่วยเธอและลูกได้ทัน
นิ้วเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ มือสั่นเล็กน้อยตอนที่ปลายนิ้วกำลังจะกดโทรหาภวิน
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นทันควัน สองข้อความใหม่จากเบอร์เดิมของสุรวีร์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
>>“13.00 น. ที่ลานจอดรถหลังห้างเดอะโกลด์ รับเงินห้าแสนของเธอ”
>>“ถ้าเธอมา อาจะบอกชื่อคนที่คิดร้ายเธอกับลูก เธอจะได้หนีทัน”
ดวงตาเธอจับจ้องข้อความเหล่านั้นอยู่นาน ก่อนจะค่อย ๆ วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
"...เขาจะพูดความจริงงั้นเหรอ..." เมณิชาพึมพำกับตัวเอง
เธอไม่เชื่อสุรวีร์ ไม่ควรเชื่อเลยแม้แต่น้อย
แต่ถ้า...
ถ้าเขาพูดจริง และเธอสามารถรู้ว่าใครที่คิดจะทำร้ายลูกได้ก่อน เธอก็จะหยุดมันได้
เธอต้องเสี่ยง...
หญิงสาวตัดสินใจรวดเร็ว เธอเปลี่ยนชุดเรียบง่าย สวมแว่นตาดำและแมสก์ปิดหน้ามิดชิด ก่อนจะเดินไปยังห้องเด็ก ๆ
"เมย์จะออกไปธุระที่เขต ขอคัดสำเนาใบเกิดให้น้องพีร์กับน้องพราวนะคะ เตรียมไว้เผื่อเข้าเรียน"
เธอบอกกับพี่เลี้ยงที่เพิ่งถูกจ้างเข้ามาใหม่ในบ้านเสียงนุ่มและนิ่ง
"พี่ช่วยดูแลเด็ก ๆ ให้ด้วยนะคะ ถ้าเรียบร้อยแล้ว เมย์จะรีบกลับ"
เธอออกจากคฤหาสน์โดยใช้รถของบ้าน พร้อมคนขับรถ
ระหว่างทางเธอนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จา ดวงตากลมเหม่อลอยจนคนขับแทบไม่กล้าชวนคุย พอรถมาถึงหน้าสำนักงานเขต เธอก็ยื่นหน้าออกไปมองภายในอาคาร พลางหันไปพูดกับคนขับ
"คุณลุงไม่ต้องจอดรอเมย์นะคะ คิวน่าจะยาว เมย์อาจจะต้องรอเป็นชั่วโมง ถ้าเสร็จแล้วเมย์จะเรียกแท็กซี่กลับเองค่ะ"
คนขับชะงักเล็กน้อยก่อนพยักหน้า "ครับคุณเมย์"
เมื่อรถของคฤหาสน์ขับออกไป เมณิชาจึงโบกแท็กซี่สีเขียวเหลืองที่ขับผ่านหน้าสำนักงานเขตอย่างไม่ลังเล
“ไปห้างเดอะโกลด์ค่ะ ลานจอดรถฝั่งหลัง”
แต่เธอไม่รู้เลยว่า ณัฐกฤษที่เพิ่งเดินออกจากสำนักงานเขตมาในจังหวะเดียวกัน บังเอิญเห็นเธอพอดี
ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง มองตามร่างเพรียวที่โบกแท็กซี่ แล้วขึ้นรถไปอย่างเร่งรีบ
เขาไม่เคยเห็นเมณิชาออกมาธุระลำพังแบบนี้มาก่อน และสายตาที่เธอมองรอบตัวเหมือนคนหวาดระแวงอะไรบางอย่าง ...ดูน่าสงสัย
เขาพยายามจะเดินเข้าไปทัก แต่ไม่ทันเสียแล้ว
ณัฐกฤษรีบหมุนตัวกลับไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล สตาร์ทรถทันทีโดยไม่ลังเล และขับตามแท็กซี่คันนั้นไปติด ๆ
“พิมพ์...คุณกำลังทำอะไรอยู่”
เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นตามระยะห่างที่ไม่ควรปล่อยให้คลาดสายตา
รถแท็กซี่ขับมาจอดสนิทที่ขอบลานจอดรถด้านนอก เมณิชาก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ แขนข้างหนึ่งแนบชิดตัวอย่างระมัดระวัง
...เธอไม่ได้มากับมือเปล่า
เมื่อจ่ายค่าโดยสารและปิดประตูรถแล้ว โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ติ๊ง!
>> “รถสีแดง โซน D11”
หญิงสาวมองข้อความนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วสาวเท้าเข้าไปในลานจอดรถโซน D11 ซึ่งอยู่ด้านในสุดของอาคารห้าง
เธอเดินอย่างมั่นคง แต่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ สายตามองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ทั้งฝ้าเพดานร้างเงียบ เสาอาคารเปลือย รอยแตกของกำแพงซีเมนต์ ทุกอย่างดูเงียบผิดปกติ
ในขณะเดียวกัน...
รถซีดานสีดำของณัฐกฤษก็ขับเข้ามาช้า ๆ ทางฝั่งเดียวกัน
ทันทีที่เขาเห็นแผ่นหลังของเมณิชา ที่กำลังเดินเข้าไปในมุมลับตา เขาก็กดกระจกลงและเรียกทันที
“พิมพ์! เธอมาทำอะไรที่นี่คนเดียว ชั้นนี้ของห้างปิดปรับปรุงอยู่นะ!”
เสียงนั้นดังพอให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันกลับมาทันที พร้อมสีหน้าตื่น แต่พยายามกดอารมณ์ให้เรียบนิ่ง
“คุณณัฐ...มาที่นี่ได้ยังไงคะ”
เสียงของเธอราบเรียบ พยายามวางท่าทางไม่ให้ผิดสังเกต
“ฉันมาทำธุระแถวนี้พอดี กำลังขับวนหาที่จอดรถหนะ”
ณัฐกฤษไม่กล้าตอบตรง ๆ ว่าตามเธอมาตั้งแต่สำนักงานเขต สายตาเขาสอดส่องสำรวจท่าทีของเธอด้วยความเป็นห่วง
เมณิชาแสร้งยิ้มก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“อ๋อ...พอดีฉันจำที่จอดรถผิดค่ะ คิดว่าจอดไว้ชั้นนี้ เลยขึ้นมาดู”
ณัฐกฤษนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบาง ๆ และพยักหน้าอย่างไม่คาดคั้น
“งั้นให้ฉันช่วยเดินหาด้วยไหม เผื่อจะเจอเร็วขึ้น”
เธอส่ายหน้าเบา ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ เหมือนว่าฉันเพิ่งจะนึกออกว่าลืมของไว้ที่ร้าน เดี๋ยวขอกลับเข้าไปในห้างก่อนนะคะ”
ไม่รอให้เขาตอบกลับ เธอก็รีบก้าวเท้าเดินไปยังทางบันไดฝั่งหนึ่งของลานจอดรถ โดยไม่หันกลับไปอีก
ขณะที่ณัฐกฤษมองตามอยู่ครู่หนึ่ง...แววตาเขาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย
ทำไมเธอต้องโกหก...
ชายหนุ่มตัดสินใจแกล้งขับรถวนออกจากลานจอดรถ เพื่อไม่ให้เธอระแวง ก่อนจะวกกลับเข้ามาใหม่จากอีกทาง แล้วจอดรถไว้ห่าง ๆ ในโซน C ซึ่งอยู่ใกล้กับทางออก
คล้อยหลังจากที่รถของณัฐกฤษลับตา เมณิชาก็กลับออกมาจากบันไดอีกฝั่ง ร่างบางก้าวเร็วโดยไม่ลังเล มุ่งหน้าไปยังจุดนัดหมายในโซน D11
ไม่นานนัก เธอก็เห็นรถเก๋งยุโรปสีแดงที่สีหม่นลงตามกาลเวลา จอดอยู่ชิดในสุดของโซน
กระจกรถถูกเคลือบฟิล์มดำมืด เสียจนไม่สามารถมองเห็นคนด้านในได้
หัวใจของเธอกระตุกวูบ มือข้างหนึ่งล้วงลงไปในกระเป๋าสะพาย ควานหาปืนช็อตไฟฟ้าเครื่องเล็ก
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ถึงตัวรถ กระจกฝั่งคนขับก็ค่อย ๆ เลื่อนลงอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นใบหน้าของสาวข้ามเพศวัยกลางคนที่เธอคุ้นเคย
'สุรวีร์'
หล่อนส่งยิ้มเจือจางมาให้ เหมือนคนที่ไม่เคยทรยศใครมาก่อนในชีวิต
“ขึ้นมาสิ พิมพ์ ไม่มีใครตามมาใช่ไหม”
เมณิชายืนอยู่นิ่ง ๆ ครู่หนึ่ง ดวงตาไหววูบก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูขึ้นนั่งฝั่งข้างคนขับ โดยยังจับปืนช็อตไฟฟ้าในกระเป๋าไว้แน่น
เธอยังคงไม่ไว้ใจ...
ไม่เลย…
*****