แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 21 คลื่นอารมณ์
คลื่นใจซัด สาดซ้อน วิงวอนรัก
ระรวนหนัก ปักลึก นึกหวั่นไหว
อารมณ์ร้อน ซ่อนเจ็บ เหน็บกลางใจ
ถวิลใคร่ ไขว่คว้า ว่าเป็นเธอ
แสงแดดยามสายยังคงสาดส่องอย่างแรงกล้า แต่ภายในใจของภวินกลับมืดครึ้มราวพายุจะถาโถม
เมณิชาหายตัวไปหลังจากค่ำคืนอันลึกซึ้ง... ที่เขาเพิ่งยอมรับกับตัวเองว่าเธอคือคนเดียว ที่ชายหนุ่มอยากเป็นเจ้าของ
และที่เลวร้ายที่สุดคือ เธอจากไปพร้อมแม่ของเขา โดยไม่มีวี่แววการบอกกล่าวสักคำ
เขารู้ดีว่าแม่ไม่ใช่คนโหดร้าย แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปโดยไม่มีการทดสอบ
ชายหนุ่มโทรหาแม่หลายครั้ง แต่ไม่มีการรับสาย ไลน์ไปไม่มีการอ่านข้อความ
...ใจเขาร้อนราวไฟเผา
ไม่ใช่แค่ความเป็นห่วง แต่เป็นความกลัว… กลัวว่าเขาจะทำอะไรช้าไป
เพราะครั้งหนึ่ง เขาเคยก้าวช้าไปหนึ่งก้าว จนปล่อยผู้หญิงคนนั้นหายไปจากชีวิต แม้แค่เพียงรู้ชื่อ เขาก็ยังไม่มีโอกาส
ครั้งนี้...เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก และไม่ใช่กับเธอ… เมณิชา
อีกด้านหนึ่ง ณ คฤหาสน์รับรองแขก
หลังจากการทักทายพูดคุยกัน ระหว่างผู้ใหญ่ฝ่ายบ่าวสาวเป็นครั้งแรก พรรณีและสุชาติจึงถือโอกาส ขอตัวกลับไปดูแลสวนที่พะเยา เนื่องจากขาดคนดูแลมาเกือบเดือนแล้ว
เพราะญาติที่ฝากให้ช่วยดูแลแทน ก็มาล้มป่วยกะทันหัน
ทั้งพรรณีและสุชาติ เหมือนได้เห็นอะไรบางอย่างในแววตา และการกระทำของคุณหญิง จึงรู้สึกวางใจ คลายความกังวลที่จะฝากเด็กทั้งสองเอาไว้ด้วย
เมณิชารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ที่ผู้ใหญ่ทั้งสาม พูดคุยกันได้อย่างกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไร้ซึ่งความเจ้ายศเจ้าอย่าง และไม่มีคำว่าฐานะมาขวางกั้น
หญิงสาวสังเกตุเห็นว่าแม่สามีของเธอ ไม่ได้มีท่าทีดูถูกหรือรังเกียจพ่อแม่ของเธอ อย่างที่เคยกังวลเลยสักนิด
'ลูกสาวขี้โกหก พ่อแม่ก็คงน่ารังเกียจ' เมณิชาเคยคาดเดาท่าทีของแม่สามีที่จะปฏิบัติกับครอบครัวเธอไว้แบบนั้น
แต่กลับกัน เพราะกลายเป็นว่าคุณหญิงพูดคุยอย่างเปิดใจ จนทำให้พ่อแม่ของเธอสบายใจ จนยอมยกหลานให้ดูแลด้วยซ้ำ
แต่เมณิชาเผื่อใจไว้เสมอ... ซึ่งถ้านี่เป็นการแสดงละคร เธอก็พร้อมเล่นไปตามบท
“คุณหญิงคะ เมย์คิดว่าเราควรกันกลับได้แล้วนะคะ”
เมณิชาพูดอย่างสุภาพ ในขณะที่น้องพีร์กำลังงีบหลับอยู่บนตักเธอ และน้องพราวกำลังระบายสีอย่างเพลิดเพลิน
ไอษดายิ้มบาง ดวงตาคมแฝงความพิจารณา
“เธอรู้ไหม เมณิชา เด็กสองคนนี้… เหมือนลูกฉันสมัยเด็กมาก”
เมณิชายิ้มจาง แต่ไม่ได้ตอบกลับ เธอรู้ดีว่าไอษดากำลังสื่ออะไร
อีกฝ่ายรู้แล้วว่าเธอมีลูก และตอนนี้…กำลังรู้สึกผูกพันกับหลานฝาแฝดโดยไม่รู้ตัว
"ฝากน้องพีร์กับน้องพราวด้วยนะคะ คิดซะว่าพวกแกเป็นลูกเป็นหลาน"
พรรณีช่วยตอบรับแทนลูกสาว และช่วยฝากฝังเด็ก ๆ อีกทางหนึ่ง ยังไงซะครอบครัวของเธอก็ยังต้องพึ่งพิงคนของตระกูลนี้ อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
“กลับกันเถอะ” ไอษดาพูดในที่สุด เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเย็นมากแล้ว
“เดี๋ยวใครบางคนจะกระวนกระวายใจ จนทำอะไรโง่ ๆ อีก”
คฤหาสน์ลัวร์
เมื่อรถมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ ภวินก้าวลงมาเปิดประตูรถด้วยตัวเอง
"คุณแม่คิดจะทำอะไร"
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่พอจะได้ยินในระยะประชิด สายตารุ่มร้อน สอดส่ายมองหา คนที่ควรจะกลับมาด้วยกันภายในรถ
ไอษดายกยิ้มในท่าทีของลูกชายอย่างรู้ทัน ก่อนจะขยิบตาไปทางรถตู้วีไอพีสีดำอีกคัน ที่เพิ่งเข้ามาจอด
"ไปช่วยทางนั้นเถอะ ข้าวของน่าจะเยอะ"
สายตาของเขาจึงจับจ้องไปที่ผู้หญิงคนเดียวที่เขาเป็นห่วง
เมณิชาก้าวลงจากรถอย่างสงบ อุ้มน้องพราวไว้ในอ้อมแขน ส่วนมืออีกข้างจูงน้องพีร์ที่กำลังหลับตาปรือลงมาอย่างง่วงงุน
คิ้วที่เคยผูกขมวดติดกันจึงยอมคลายออก ...ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า
ถึงแม้จะแปลกใจอยู่บ้าง ที่กลายเป็นว่าแม่ของเขาพาเมณิชาไปรับเด็ก ๆ กลับมาด้วย แต่ก็เบาใจที่เธอไม่ได้ถูกทำอะไร และยังไม่หายไปจากเขา
...และแล้วภาพผู้หญิงที่เขาเพิ่งหลอมรวมทั้งกายใจด้วยเมื่อคืน กับเด็กทั้งสอง ก็เริ่มสั่นคลอนหัวใจ ที่เคยแข็งกระด้างของเขาอย่างไม่รู้ตัว
ความอบอุ่นกำลังแผ่ซ่านจากแม่ลูกทั้งสาม จนเกือบจะเผื่อแผ่มาถึงเขา ...แล้วหยุดลงตรงหน้า
แต่แล้ว...จึงเป็นเขาเองที่เดินเข้าหาความอบอุ่นนั้น โดยไม่มัวยืนมองอีกต่อไป
เสียงฝีเท้าหนักแน่นของภวินเดินเข้าหาเธอ ก่อนจะหยุดลงตรงหน้า ไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย เพียงยื่นมือไปอุ้มน้องพราวจากอ้อมแขนของเมณิชาอย่างระมัดระวัง
หญิงสาวเผลอชะงัก หัวใจเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว เธอไม่เคยเห็นเขาอ่อนโยนกับเด็ก ๆ มาก่อน
แต่ที่แปลกกว่าคือ...น้องพราวไม่ร้อง ไม่ดิ้น เด็กหญิงเพียงวางหน้าซบอกเขาเบา ๆ แล้วหลับต่อราวกับคุ้นเคยกับไออุ่นนั้นมานาน
เมณิชาเหลือบตามอง ภวินที่อุ้มลูกเดินนำเข้าไปในบ้าน ก่อนที่น้องพีร์จะเงยหน้าขึ้นมาหาเธอ
“คุณลุงวิน...น่าจะแรงเยอะกว่าหม่ามี้นะฮะ”
เสียงเด็กชายพูดขึ้นเบา ๆ พลางชี้นิ้วไปทางภวินที่เดินนำอยู่ เธอหลุดยิ้มนิดหนึ่งแต่ไม่ได้ตอบ
คุณหญิงไอษดายืนมองทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ เมื่อคนทั้งหมดเดินเข้าไปในบ้าน
เธอจึงสั่งให้พ่อบ้านจัดห้องสำหรับเด็กทั้งสอง พร้อมจัดเตียงใหม่ ของเล่น และพี่เลี้ยงอย่างเพียบพร้อม ไม่แพ้ที่ภวินเคยจัดไว้ให้ตอนอยู่คฤหาสน์รับรองแขกก่อนหน้านี้
พร้อมทั้งกำชับกับทุกคนภายในบ้าน
“หลานของฉันจะต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด” เสมือนต้องการบอกกับลูกสะใภ้
น้ำเสียงราบเรียบแต่หนักแน่น ไม่ใช่เพราะต้องการแสดงอำนาจ แต่เป็นการยอมรับทางอ้อม ที่ผู้หญิงแบบเธอจะให้เมณิชาได้
พ่อบ้านและเหล่าผู้ดูแลคฤหาสน์ทั้งหมดผงกหัวรับทราบอย่างพร้อมเพรียง
เมณิชาก้มศีรษะเล็กน้อย
“ขอบพระคุณค่ะ คุณหญิง”
ไม่มีคำต่อรอง ไม่มีคำขอร้อง หรือฉอเลาะประจบประแจง ออกจากปากหญิงสาว
...และนั่นทำให้ไอษดาเห็นว่าเธอเหมาะสมกับลูกชายของเธอมากเพียงใด
กลางดึกคืนนั้น เสียงฝนโปรยลงบนหลังคา และตกกระเซ็นกระทบกระจกหน้าต่าง ห้องของเมณิชาเปิดแสงเพียงสลัว ๆ
น้องพีร์และน้องพราวนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็กที่ตั้งข้างเตียงแม่
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออก
เมณิชาหันไปมอง ภวินยืนอยู่ตรงนั้น ที่กรอบประตูเหมือนอย่างเคย
“นอนไม่หลับเหรอคะ” เธอถามเสียงแผ่ว พลางลุกเดินออกมาที่โซฟาหน้าห้อง
เขาพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงขยับเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างเธอ สายตาจ้องไปที่แสงไฟนวล ๆ ในห้อง
“เมื่อคืน...คุณหลับสนิทเลยนะคะ”
“ใช่... ครั้งแรกในรอบหลายปี” เขาตอบสั้น ๆ
เธอยิ้มบาง ไม่ถามอะไรอีก แต่เขาเหมือนต้องการถามอะไรบางอย่าง
"เรื่องเมื่อคืน...คุณโกรธผมไหม?"
น้ำเสียงที่เคยทุ้มเข้มครั้งนี้กลับฟังดูนุ่มนวล และแฝงความรู้สึกผิดอย่างไม่อาจปิดบัง
เมณิชามองเข้าไปในแววตานั้น คล้ายจะอ่านความรู้สึกของเขา แต่เมื่อได้สัมผัส... เธอกลับหลบสายตานั้น
ภวินคิดว่าเธอคงกำลังเก็บความโกรธเกลียดที่มีต่อเขาไว้ในใจ โดยไม่กล้าแสดงออก
"ผมขอโทษ ที่ฝืนใจคุณ ...ผมสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นกับคุณอีก และจะชดเชยใ.."
ยังไม่ทันพูดจบประโยค ริมฝีปากหยักก็ถูกปิดทับด้วยจุมพิตจากริมฝีปากนุ่ม เธอจงใจหยุดคำพูดของเขาด้วยวิธีพิเศษ...
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจูบตอบ ด้วยความหลงใหล ...และโหยหา
แค่คิดว่าเธอจะหายจากเขาไปแบบเมื่อเช้า ลมหายใจก็ติดขัด เธอคงเป็นผู้หญิงอีกคนที่สามารถร่ายมนต์ใส่เขาได้
แต่ก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปกว่านั้น เมณิชาก็ค่อย ๆ ดันแผงอกของเขาออก ร่างสวยที่กำลังจะเอนลงไปตามแรงปรารถนา กลับฝืนดึงตัวเองให้กลับมานั่งดังเก่า
"...เรื่องเมื่อคืน ฉันเต็มใจค่ะ"
เธอกลั้นเสียงหอบพยายามตอบเขาเสียงเรียบที่สุด
"เธอหมายความว่า ระหว่างเรา..." นัยตาเข้มสั่นไหว
"...ระหว่างเรายังเหมือนเดิมค่ะ เรายังเป็นหุ้นส่วนกันตามข้อตกลงหนึ่งปี"
หนึ่งปี...ที่เธอจะต้องพยายามปกปิด เรื่องเมื่อสี่ปีก่อน และเรื่องลูกของเขาให้ถึงที่สุด เพราะถ้าเขารู้ แล้วอ้างสิทธิ์ดูแลลูก เขาที่มีอำนาจมากกว่า เธอคงสู้เขาไม่ได้
ส่วนเขา แทบอยากจะฉีกสัญญานั่นตรงหน้า แล้วระบุระยะเวลาใหม่เป็น ...ทั้งชีวิตแทน
"แล้วความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นล่ะ"
ในความคิดของชายหนุ่มเริ่มปะทุหมอกเพลิงอ่อน ๆ ...นี่เธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับเขาเลยหรือ
"คุณเป็นผู้ชาย ฉันเป็นผู้หญิง ต่างคนต่างไม่มีพันธะ ...แล้วเราก็ถือเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย ฉันไม่คิดว่ามันผิดอะไร ถ้าเราเต็มใจกันทั้งสองฝ่าย"
คำตอบของเมณิชาทำให้ภวินหน้าชา จริงอยู่ว่าสิ่งที่เธอพูดไม่ผิด แต่ความหมายในคำพูดนั้นเท่ากับว่า เมื่อพ้นระยะสัญญา เธอก็ไปจากเขาได้ทุกเมื่อ
ซึ่งเขาไม่มีทางยอมเด็ดขาด...
และความหัวสมัยใหม่ของเธอนี่ก็ช่างกระไร เธอจะเที่ยวไปกอดจูบผู้ชายทุกคนที่เธอพอใจ ขอเพียงแค่ไร้พันธะเท่านั้นหรือ
เรื่องนี้เขาก็ไม่มีวันยอม...
ไม่มีทาง...
เขาอุตส่าห์หาคนแบบเธอจนเจอ คนที่เยียวยาให้เขาได้ คนที่ทำให้เขาเป็นปกติ และเป็นคนที่เขา..รั..
คำสุดท้ายในห้วงความคิดทำให้เขาชะงัก แล้วหยุดคิดไป ก่อนจะเอ่ย
"แล้วถ้าผมขอเปลี่ยนเงื่อนไข หรือต่อสัญญาล่ะ" ใบหน้าหล่อทำหน้านิ่งจ้องอีกฝ่าย ราวกับเสือกำลังขู่แมวไม่มีผิด
"เรื่องเปลี่ยนเงื่อนไข ถ้ามีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ ก็ลองคุยกันได้ค่ะ แต่เรื่องต่อสัญญา ฉันคิดว่าไม่..."
ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายประทับจูบเพื่อปิดปากของเธอบ้าง ในเมื่อแมวกล้าต่อกรกับเสือ ก็ต้องแสดงให้เห็นว่า เวลาเสือจับแมวกิน ...แมวจะรู้สึกยังไง
ครั้งนี้เมณิชาไม่สามารถต้านทาน แรงปรารถนาที่กดทับลงบนร่างได้ ไม่ใช่เพราะเขามีแรงหรืออำนาจเหนือเธอ แต่เป็นเพราะเธอไม่อาจปฏิเสธความรู้สึก ...ส่วนลึกในหัวใจที่มีต่อเขาได้เลย
ลูก...เป็นเพียงเหตุผลเดียวที่เธอจะตัดเขาไปจากใจได้ ลางสังหรณ์บางอย่างก็กำลังเตือนเธอว่า ...ความสุขที่ได้รับกำลังจะหายไปในไม่ช้า
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เธอก็ขอทำตามหัวใจสักครั้ง
*****