แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 17 ไฟรักในสายหมอก
ไฟรักโหม โลมแผดใจ ไม่อาจดับ
ในความลับ เธอมีใคร เคยใฝ่หา
สายใยหวง บ่วงซ่อนเร้น คนเย็นชา
หมอกบังตา พาคลั่งรัก สุดหักใจ
หลังจากงานศิลป์จบลงในเวลาเกือบสามทุ่ม ภวินนั่งมาในรถเงียบ ๆ กลับคฤหาสน์พร้อมเมณิชา โดยตลอดทางมีเพียงเสียงเครื่องยนต์และเพลงบรรเลงจากลำโพงรถที่ดังเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน เขาไม่พูดอะไร และเธอก็ไม่ถาม เธอเพียงหันไปมองเขาเป็นระยะ แต่ดวงตาของเขานั้น...เหมือนกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด
เมื่อถึงหน้าคฤหาสน์ ภวินจอดรถ และรอให้เมณิชาลงจากรถก่อน
“ขอบคุณนะคะ ที่ไปด้วยกัน” เสียงของเธอนุ่มนวล คล้ายจะปลอบโยน
เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่เอื้อนเอ่ยคำตอบ ก่อนจะพูดเพียงสั้น ๆ
“คุณเข้าบ้านไปก่อน ผมยังมีธุระต่อ”
เมณิชาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เขาหันมามองเธอเพียงครู่ แววตาเรียบนิ่งราวกับปิดประตูทุกความรู้สึก
“เธอไม่ต้องสนใจหรอก”
แล้วประตูรถก็ปิดลง พร้อมกับรถที่เคลื่อนตัวออกไปจากหน้าคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวยืนอยู่เพียงลำพัง
ไม่นานนัก รถของภวินก็จอดสนิทหน้าล็อบบี้ของโรงแรมหรูในเครือของตระกูล
เขาก้าวเข้าไปในเลาจ์ส่วนตัวที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรม บรรยากาศภายในเงียบสงบ แสงไฟสลัวสะท้อนกับกระจกบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นวิวกรุงเทพยามค่ำคืน
เขาสั่งวิสกี้หนึ่งแก้ว แล้วอีกแก้ว... และอีกแก้ว จนแก้วที่สี่เริ่มทำให้ความขุ่นมัวในอกเริ่มกลายเป็นร้อนผ่าวในลำคอ
ในหัวเขา...วนเวียนแต่คำพูดของผู้ชายคนนั้น
“ฉันต้องใช้เวลานานแค่ไหน กว่าจะยกโทษให้ตัวเองได้… กับเรื่องที่ฉันทำในคืนนั้น”
‘คืนนั้น’ ที่ยังเป็นปริศนาในหัวเขา
...หรือว่านัทคือต้นตอ?
...หรือว่า...เขาอาจเป็น “พ่อของเด็ก” อย่างที่เขาเคยถามเธอ?
...หรือว่า...ลูก...เกิดจากความตั้งใจ ไม่ใช่ความพลั้งเผลอ?
เขาสูบลมหายใจแรง ยกบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้แตะมาหลายเดือน ขึ้นจรดริมฝีปาก กลิ่นเมล่อนหอมหวานแทรกปลายลิ้น ขับไล่รสขมของวิสกี้อย่างไม่ลงรอยนัก
แต่ไม่ว่าจะสูบอีกกี่คำ ดื่มอีกกี่แก้ว...ก็ไม่อาจดับไฟในอกเขาได้เลย...
ไฟหน้ารถดับลงอย่างเงียบเชียบเมื่อเบนซ์สีดำเคลื่อนตัวผ่านซุ้มประตูเหล็กดัดของคฤหาสน์ลัวร์ ภายในรถ คนขับเงียบกริบไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ระหว่างที่เจ้าของนั่งอยู่เบาะหลังในเงามืด พร้อมแอลกอฮอล์รอบตัวราวกับไอร้อนแห่งอารมณ์ที่ยังไม่จาง
ภวินไม่เอ่ยอะไรแม้แต่คำลา เมื่อรถหยุด เขาเปิดประตูแล้วเดินขึ้นบันไดหน้าคฤหาสน์เงียบ ๆ ราวกับผีเงียบที่กำลังลอบกลับบ้านของตัวเองในยามวิกาล
เขาไม่เคาะ ไม่แจ้ง ไม่ลังเล มือข้างหนึ่งไขลูกบิดเข้าไปด้วยแรงปะทะ เสียงประตูห้องนอนเปิดกระแทกผนังเบา ๆ แต่กลับไม่ใช่ความมืดที่ต้อนรับเขา
เมณิชายังไม่นอน เธอนั่งอยู่ตรงโซฟา ชุดนอนผ้าซาตินแนบเนื้อสีไข่มุกตัดกับแสงไฟสีอุ่นจากโคมมุมห้อง ผิวเนื้อเนียนขาวสะท้อนกับเงาสะลัว ข้างตัวคือถ้วยชาที่เพิ่งวางลงและโทรศัพท์มือถือที่ยังเปิดหน้าจอค้างไว้
เมื่อเห็นเขากลับมา เธอรีบวางของลงแล้วลุกขึ้น
“วันนี้กลับซะดึกเลยนะคะ เดี๋ยวฉันชงชาแก้แฮงค์ให้ พรุ่งนี้คุณจะได้ไม่ปวดหัว”
เธอพูดอย่างใจเย็น รอยยิ้มบนใบหน้าอ่อนโยน ทว่า...เขากลับนิ่ง ...นิ่งจนน่ากลัว
เขาเดินเข้ามาโดยไม่พูดอะไร สายตาคมเข้มจ้องหน้าเธอเหมือนกำลังพยายามอ่านใจผ่านแววตา
“หรือคุณอยากแช่น้ำอุ่นก่อนคะ ฉันจะได้ไปเตรียมน้ำให้”
ภวินยังคงเงียบ เธอยิ่งสงสัยแต่ก็ไม่แสดงออก
“งั้นฉันจะทำไว้ให้ทั้งสองอย่างนะคะ”
เมณิชาเดินไปชงชาที่เคาน์เตอร์ แล้วถือถ้วยชากลับมาวางไว้ตรงหน้าเขาอย่างระวัง ก่อนจะหันหลังไปเตรียมน้ำในห้องน้ำ โดยลืมวางโทรศัพท์ทิ้งไว้
ภวินนั่งลง หยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบอีกครั้ง ภายในใจกลับหมุนวนเหมือนเถ้าควัน
จนกระทั่ง...
เสียง ติ๊ง! จากมือถือของเมณิชาเตือนสายตาเขาให้เหลือบมอง
เขาไม่อยากยุ่ง แต่...ข้อความที่เด้งขึ้นมาทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบ
เบอร์ไม่รู้จัก:
“ถ้าพิมพ์ว่าง เรามาคุยกันหน่อยได้ไหม โทรมานะถ้าสะดวก”
พิมพ์...
เขาอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง
'พิมพ์' คือชื่อที่ณัฐกฤษใช้เรียกเมณิชา ...ชื่อที่เธอเคยใช้ในอดีต
ใจของภวินร้อนวาบราวกับมีไฟแล่นผ่านอก กรามของเขากระตุกแน่นโดยไม่รู้ตัว
เขาหยิบมือถือขึ้นมา หน้าจอพักเครื่องคือภาพวาดเด็ก ๆ จับมือแม่ยืนกลางสวน เขาเคยเห็นรูปนี้มาก่อน เมณิชาเคยเอาให้เขาดูเอง พร้อมคำตอบที่ว่า “ไม่มีพ่อของเด็ก”
แต่ตอนนี้... คนจากอดีตคนนั้นกลับมาทวงเธอคืนแล้วสินะ
ไม่รู้ว่าเป็นความหึงหวง ความโกรธ หรือเพียงแค่ความไม่เข้าใจ ร่างสูงพุ่งตัวเข้าไปยังห้องน้ำทันที
ประตูห้องน้ำเปิดกระแทกออกด้วยแรงหนักหน่วง
เมณิชาสะดุ้ง เธอหันขวับมา ใบหน้าตกใจแต่ยังคงนิ่ง คิดว่าเขาคงจะแค่เข้ามาแช่น้ำ
“เสร็จพอดีเลยค่ะ เมย์ใส่อโรม่าไว้ คุณจะได้ผ่อนคลาย”
แต่เขาไม่ได้ฟังคำพูดใด ๆ ของเธอ
ภวินเดินเข้ามาใกล้ จนระยะห่างแทบไม่เหลือ เขายื่นโทรศัพท์ให้เธอดู พร้อมกับคำถามที่กดเสียงจนต่ำติดพื้น
สรรพนามที่เขาเรียกเธอก็เปลี่ยนเป็น 'คุณ' ที่ดูห่างเหิน...
“นี่ใช่ไหม... ที่ทำให้คุณเอาใจผมนัก”
เธอชะงัก มองจอแล้วขมวดคิ้ว
“...ข้อความจากเบอร์แปลก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับน้ำชาคะ?”
เขาแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนเอ่ยอย่างประชดประชัน
“เพราะคุณคิดถึงสามีเก่า... แต่ไม่อยากให้ผมรู้”
“คุณเมาแล้วนะคะ ...คุณภวิน”
เธอเอื้อมไปหยิบมือถือคืน แต่เขาคว้าเอวเธอไว้แล้วดึงร่างเข้าหาตัวแน่น
“พิมพ์...”
เสียงเขาเอ่ยเรียกชื่อนั้นเสียงพร่า
“ชื่อเก่าของคุณ ใช่ไหม? ชื่อที่เขาใช้เรียกคุณในคืนนั้น...”
เธอดิ้นขัดขืน
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร ตอนนี้ฉันคือเมณิชา”
“ชื่อนี้ แม้แต่ผมก็เรียกไม่ได้สินะ...” เสียงเขาเข้มข้นลง จ้องเธออย่างเดือดพล่าน “...นอกจากมัน!”
ยังไม่ทันให้เธออธิบาย ริมฝีปากหยักก็กดทับลงบนปากเธอ ...ริมฝีปากของเขาแนบลงมาหนักแน่น ร้อนแรง และกลิ่นหอมอ่อนของควันรสเมล่อนยังคงติดปลายลมหายใจ
กลิ่นนั้นหวานลึกและชวนเวียนหัว เธอไม่รู้ว่ามันคือฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เขาดื่มมาหรือฤทธิ์จากความโกรธที่ทำให้สัมผัสนั้นรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
จูบที่ไม่ได้มาจากความรัก แต่มาจากความโกรธ ความคั่งแค้น และความปรารถนาอันบิดเบี้ยว
ริมฝีปากเขาร้อนฉ่า กดลึกแน่น บีบครอบปากอ่อนของเธอราวกับจะลบชื่อ “พิมพ์” ออกจากความทรงจำ
เธอพยายามผลักอกเขาออก ดันร่างให้ห่าง แต่ไร้ผล ร่างกายของเขาหนักแน่นและบดเบียดราวกับกำแพงหนา
เขากอดเธอแน่นขึ้น มือข้างหนึ่งโอบรัดหลังเธอไว้ อีกข้างจับต้นแขนราวกับจะย้ำสิทธิ์ในตัวเธอ
ปลายลิ้นเขาแทรกเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาต ดูดกลืนรสจางของชาอุ่นที่ยังติดริมฝีปากเธอไปจนหมด ลมหายใจของเขาร้อนจัดแผ่ซ่านทั่วใบหน้าและลำคอ ร่างของเธอแนบชิดกับผนังห้องน้ำเย็นเฉียบ แต่สัมผัสของเขาเผาเธอจากภายใน
เมณิชารู้สึกเหมือนโดนไฟลวก ไม่ใช่แค่ความร้อนจากร่างกายเขา แต่เป็นไฟแห่งความเข้าใจผิดที่เธอไม่รู้จะแก้ตรงไหนก่อน
จูบนั้นบีบคั้น ทั้งปาก ทั้งลมหายใจ ถูกเขากลืนกินไปหมด
กลิ่นอโรม่าในห้องน้ำหรู กลายเป็นเพียงฉากหลังของอารมณ์เร่าร้อนที่แปรเปลี่ยนเป็นพายุ
เธออยากปฏิเสธ อยากผลักเขาออก แต่ร่างกายกลับแข็งทื่อ เมื่อไออุ่นและแรงกดของเขากลายเป็นพันธนาการที่ยิ่งดิ้น ยิ่งถูกดึงแน่นขึ้น
เขาผละออกเพียงวินาที เพื่อสบตาเธอ พร้อมเสียงหอบหายใจแรง
ริมฝีปากเธอแดงระเรื่อ บางเบาเหมือนเพิ่งโดนกลีบกุหลาบข่วน
“ฉันจะไม่ยอมให้เธอเป็นของคนอื่น...ไม่ว่าตอนไหน”
เขากระซิบชิดริมแก้มเธอ เสียงพร่าและแหบต่ำราวกับคำสาบานจากเงามืด คำว่า 'เธอ' เปล่งออกมาคล้ายการตีตราเป็นเจ้าของ
"ไม่ใช่ค่ะ คุณภวิน...คุณเข้าใจผ... "
เมณิชาน้ำตาคลอ เธอไม่แน่ใจว่าเพราะความตกใจ ความสั่นไหว หรืออะไรบางอย่างในตัวเขาที่เริ่มฝังลึกในใจเธออย่างเงียบงัน
“ฉันไม่ชอบให้ใครแตะต้องของของฉัน...”
เสียงเขาขาดห้วง ชิดใบหูเธอ พร้อมกับจูบแผ่วลงมาที่ขากรรไกร ลำคอ และไหปลาร้า
"คุณต้องฟังฉัน ข..เขาไม่ใช่.."
ราวกับเขาหูอื้อไปชั่วขณะ เสียงปฏิเสธหรือเสียงอธิบายของเธอ ลอยเข้ามาในโสตประสาท แล้วผ่านไปโดยไม่ถูกประมวลผล
เสื้อนอนคลุมตัวหลุดออกจากบ่า ด้วยฝีมือของเขาเพียงปลายนิ้วเดียว เผยให้เห็นสายเดี่ยวบางเบาที่แนบชิดกับผิวจนแทบมองเห็นเรือนร่างภายใน ภวินจ้องมองเนิ่นนาน ก่อนที่ริมฝีปากเขาจะกดลงมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพียงความโกรธ แต่เป็นความคลั่งที่เก็บมานาน
เขากระซิบข้างหูเธออีกครั้ง
“ถึงเขาจะเคยสัมผัสเธอมาก่อน...แต่ฉันจะลบทุกสัมผัสออกให้หมด”
เสียงลมหายใจถี่ของทั้งสองสะท้อนในห้องน้ำ ปะทะกับผนังกระเบื้องและกลิ่นลาเวนเดอร์เจือกุหลาบในอ่างน้ำ ละลายเข้ากับกลิ่นบุหรี่หอมหวานจากร่างของเขาอย่างแปลกประหลาด
สายน้ำจากอ่างเสียงดังแผ่ว เหมือนบทเพลงบรรเลงให้กับร่างเปลือยเปล่าที่พันเกี่ยวกัน เธอไม่รู้ว่าตัวเองยอมตกอยู่ใต้อานัสของเขาตั้งแต่เมื่อไร
...บางทีอาจตั้งแต่เขาจูบครั้งแรก หรืออาจจะนานกว่านั้น
และสำหรับเขา ไม่มีคืนไหนในชีวิตที่หลอมรวมร่างและหัวใจได้ชัดเจนเท่าคืนนี้
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน… ความเงียบกลับมาอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงน้ำหยดช้า ๆ และลมหายใจของเธอที่ยังคงติดขัด
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ...แต่มือของเขาโอบเอวเธอไว้อย่างมั่นคง ...เหมือนกับกลัวว่าเธอจะหายไปไหน
*****