แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 4 เงาในม่านแสง
พิษความโลภ ถล้ำใจ ให้จนตรอก
เงาลวงหลอก ล่อลวงใจ ให้หักหลัง
แสงทางรอด เพียงหนึ่งเดียว ถูกดับพัง
เส้นทางหวัง ประดังเบี่ยง เสี่ยงจับใจ
บรรยากาศควันโขมง ณ บ่อนพนันเถื่อนแห่งหนึ่ง ในแถบชานเมืองของเชียงราย สุรวีร์นั่งอยู่ที่มุมอับข้างในสุดของห้อง ซึ่งดูจะเป็นลางไม่ดีอยู่กลายๆ แล้ววันนี้เขาก็อับโชคจริงๆ
เขาขับรถกลับพะเยา เพื่อทำตามข้อตกลงกับหลานสาว ว่าจะมารับครอบครัวของเธอ และช่วยพรรณีจัดการเรื่องย้ายน้องพีร์ไปรักษาต่อที่กรุงเทพ
ด้วยความชำนาญเส้นทาง เขาจึงมาถึงพะเยาเร็วกว่ากำหนด จึงคิดจะฆ่าเวลาด้วยการขับเลยมาที่บ่อนเจ้าประจำ แต่ความคิดของเขาผิดถนัด เพราะนอกจากจะไม่ได้ต่อทุนให้งอกเงยแล้ว ยังยิ่งพอกหนี้เพิ่มขึ้น จากแต่เดิมที่มีหนี้อยู่เกือบสองแสนก็เพิ่มพูนจนเกินครึ่งล้าน
และตอนนี้น้ำเสียงดุดันของเฮียใหญ่เจ้าของบ่อน ก็กำลังทำให้เขาเหงื่อซึมจนใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ มือใหญ่เอาแต่สาละวนยกบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นอัดลงปอดอย่างตึงเครียด
“เฮ้ย! เงินที่มรึงติดเอาไว้มันทบต้นทบดอกจนเกินเงินต้นไปไกลโขแล้วนะเว้ย!”
“พี่ใหญ่ใจเย็นก่อน วีกำลังจะได้เงินค่าประกวด เดี๋ยวไม่เกินสองวันจะรีบเคลียร์ให้พี่เลย”
ริมฝีปากสีคล้ำที่ทาทับด้วยสีชาดคลี่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับ เขาพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าหาเหตุผลผ่อนผันเวลา ให้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง
“ใจเย็นงั้นเหรอ? กูให้เวลามรึงมาสองเดือนแล้ว วันนี้มรึงมาขอต่อทุนเพิ่ม กูก็ใจกว้างให้มรึงต่อ จนยอดมันเกินครึ่งล้านไปแล้ว รอบนี้กูไม่ได้พูดเล่น! กูให้เวลามรึงแค่วันพรุ่งนี้!”
มีดพกคมกริบถูกปักลงบนโต๊ะ เฉียดนิ้วมือของเขาไปไม่ถึงคืบ บ่งบอกว่าคำเตือนของเจ้าหนี้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ลมปาก ผีพนันสาวสองพยายามกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ในที่สุดเขาก็สำลักไอออกมาจากความตึงเครียด แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือกับอีกฝ่าย
“ได้พี่ ไม่เกินพรุ่งนี้ วีจะหาเงินมาเคลียร์ให้”
"และกูบอกไว้เลยนะ ว่ารอบนี้ถ้ามรึงผิดนัดอีก มรึงได้แปลงเพศรอบสองแน่!"
สิ้นเสียงนั้น เขาก็ถูกหิ้วออกมาโยนไว้ที่นอกบ่อน เพราะเงินถูกละลายไปในบ่อนจนไม่เหลือติดตัวเลยสักบาท สุรวีร์ได้แต่ครุ่นคิดจนกระบาลแทบแตกเป็นเสี่ยง ขนาดตัวเองยังไม่มั่นใจว่าจะหาเงินมาใช้คืนได้ แล้วเจ้าหนี้โหดอย่างเฮียใหญ่มีรึจะยอมปล่อยเขาไป แต่แล้วในนาทีที่อับจนหนทาง เขาก็คิดออกว่าจะทำยังไง
“ใช่แล้ว เงินรางวัล...” เขาพึมพำประโยคเดิมซ้ำๆ กับตัวเองราวกับคนเสียสติ
ห้องพักนางงาม
ช่วงเช้ามืดหลังจากคิดมาทั้งคืน เมณิชาก็เอนหลังพิงกับหัวเตียงอย่างผ่อนคลาย เธอเลือกที่จะไม่โลภ แล้วเป็นการรับปัญหาอื่นเข้ามาเพิ่ม โดยตั้งใจจะตอบปฏิเสธ เพราะอีกไม่นานเงินจากการประกวดจะถูกส่งไปช่วยเหลือลูกชายสุดที่รักตามที่เธอวางแผนมาตั้งแต่แรก
“แม่คะ วันนี้บ่ายๆ หนูจะโอนเงินไปให้”
เมณิชาพูดผ่านโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความหวัง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะลูก เรื่องน้องพีร์จะต้องเรียบร้อย”
“ค่ะ.. หนูเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ขอบคุณแม่กับพ่อมากนะคะที่คอยเป็นกำลังใจให้หนู”
เมณิชายิ้มบางๆ เธอพยายามจะส่งผ่านความรู้สึกขอบคุณไปยังคนปลายสาย
"หม่ามี้.. นั่นหม่ามี้ใช่ไหมคะ"
เสียงเด็กหญิงดังขึ้น เป็นน้องพราว แฝดผู้น้องของน้องพีร์วัยสามขวบ เด็กหญิงสะดุ้งตัวตื่นเพราะแว่วเสียงมารดามาจากโทรศัพท์ สุชาติที่นั่งพักสายตาให้หลานสาวนอนหนุนตักก็พลันลืมตาตื่นขึ้นมาด้วย
"ตื่นแล้วเหรอคะ น้องพราว"
สุชาติช่วยปัดเส้นผมออกจากใบหน้าของหลานสาวที่กำลังงัวเงียบนตัก
สองตาหลานเก็บเสื้อผ้ามานอนที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อเตรียมมารอเดินทางกับสุรวีร์ในวันนี้
พรรณีรีบเดินมายื่นโทรศัพท์ให้หลานสาวเอาแนบกับหู
"หม่ามี้ สวยที่สุด เก่งที่สุดเย้ย"
น้ำใสแจ๋วพูดกรอกผ่านโทรศัพท์ด้วยความดีใจและตื่นเต้น เด็กน้อยยังจำมารดาที่สวมมงกุฏอยู่ในจอทีวีคืนนั้นได้ดี ว่าแม่ของตัวเองทั้งสวยและวิบวับเป็นที่สุด และทุกคนในทีวีก็ต่างปรบมือดีใจไปกับมารดาเสียงดังกึกก้อง
"ขอบคุณค่ะ น้องพราวของแม่ แม่คิดถึงน้องพราวมากๆๆๆ เลยค่ะ"
เมณิชายิ้มหวานรับคำชมของลูกสาว เอ็นดูในความช่างพูดเสียจนนึกอยากกอดและหอมแก้มใจจะขาด
"น้องพราวดีใจ ตาตาบอกว่าถ้าหม่ามี้ชนะ แล้วพี่พีร์จะได้กลับบ้าน"
ความช่างเจรจาของเด็กน้อยทำให้ทั้งครอบครัวต่างพากันน้ำตาซึม น้ำตาที่เต็มไปด้วยความหวังที่กำลังจะสมหวัง เมณิชากลืนเสียงที่เกือบสะอื้นเอาไว้ แล้วตอบกลับลูกสาว
"ใช่แล้วจ่ะ พี่พีร์กำลังจะได้กลับพร้อมกับทุกๆ คนเลยค่ะ"
"หม่ามี้ก็กลับด้วยใช่ไหมคะ น้องพราวคิดถึง อยากกอดๆ หม่ามี้จะแย่"
"หม่ามี้ก็คิดถึงน้องพราวกับพี่พีร์สุดๆ เลยค่ะ เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันแล้วนะคะ คุณตาวีกำลังจะไปรับน้องพราวกับพี่พีร์มาหาหม่ามี้แล้วค่ะ"
คนปลายสายพูดไปพลางเอื้อมไปหยิบหมอนสองใบที่วางอยู่ใกล้ๆ มากอดไว้แน่น ราวกับเป็นตัวแทนของลูกทั้งสอง
"ไปๆ ค่ะ น้องพราวไปกับคุณตาวีด้วย ไปหาหม่ามี้" มือน้อยตบมือชอบใจ น้ำเสียงใสตอบรับมารดาด้วยความตื่นเต้น
"ถ้าอย่างนั้น สัญญากับหม่ามี้ได้ไหมคะ ว่าวันนี้จะไม่ซนตอนนั่งรถมา"
"น้องพราวสัญญาค่ะ"
เด็กน้องยกนิ้วก้อยขึ้นมา แล้วด้วยความที่อยู่คนละที่กับแม่ ไม่รู้จะเกี่ยวนิ้วกับใคร จึงหันไปเอานิ้วก้อยเกี่ยวกับนิ้วของคุณตาซะเลย
ทั้งครอบครัวต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุข จนน้องพีร์ที่หลับอยู่บนเตียงตื่นขึ้นมาอีกคน น้องพราวเลยใจดีแบ่งโทรศัพท์ให้พี่ชายคุยบ้าง
ชั่วโมงแห่งความสุขผ่านล่วงเลยจนถึงเวลาที่ต้องวางสาย เสียงตั้งปลุกที่เมณิชาตั้งไว้ดังขึ้น บ่งบอกให้เธอเตรียมตัวเพื่อออกไปทำกิจกรรมตามตารางของกองประกวด ทั้งหมดจึงร่ำลากัน และรออย่างใจจดใจจ่อ ที่จะได้เจอหน้ากันในอีกไม่ช้า
เมื่อถึงช่วงสาย เมณิชาก็ได้รับเงินรางวัลเข้าบัญชีสมใจ เธอโอนเงินสองแสนตามที่ตกลงเป็นค่าจ้างให้กับสุรวีร์ แล้วโอนเงินที่เหลือเจ็ดแสนไปให้กับพรรณี เพื่อจ่ายเป็นค่ารักษาทั้งที่โรงพยาบาลพะเยาและจองหมอผ่าตัดของโรงพยาบาลที่กรุงเทพ โดยหญิงสาวมีไว้ติดตัวใช้จ่ายแค่เศษเงินทอนที่เหลือในบัญชีเท่านั้น
เมณิชาและพรรณีรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก โดยหารู้ไม่ว่าสุรวีร์ที่ทุกคนต่างไว้ใจมาตลอดกำลังรอจังหวะนี้ เขาทำทีว่ามาถึงโรงพยาบาลแล้ว และบอกให้พรรณีโอนเงินทั้งหมดเข้าบัญชีของตัวเอง
“พี่พรรณี เดี๋ยววีจะไปรับเอกสารทั้งหมดเองนะ พี่จะได้สะดวก”
สุรวีร์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มและจริงใจเหมือนเช่นทุกครั้ง
แม้พรรณีจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ความเชื่อใจอย่างสุดซึ้งในฐานะญาติสนิท ก็ทำให้เธอมองข้ามความรู้สึกนั้นไป
“ดีเลยวี ตึกนั้นมันอยู่ไกล พี่เดินไปไม่ค่อยไหว เดี๋ยวพี่ลงไปที่ตู้ ATM ข้างล่างแล้วโอนเงินให้นะ”
เงินเจ็ดแสนถูกโอนไปยังบัญชีของสุรวีร์ หลังจากนั้นเขาก็ปิดโทรศัพท์และหายตัวไป พรรณีเริ่มรู้สึกผิดปกติหลังเลยเวลานัดมานาน และโทรหาเขาหลายครั้งแต่ไม่ติด จึงพยายามติดต่อลูกสาวอย่างร้อนใจ
ในขณะเดียวกัน เมณิชาเดินทางไปยังร้านอาหารหรูตามที่ผู้จัดการกองประกวดส่งพิกัดให้ เธอแต่งตัวเรียบง่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูโดดเด่น เป็นที่สะดุดตาของลูกค้าคนอื่นๆ
“ค..คุณใช่ไหมคะ ที่นัดฉัน?”
เธอเดินมาถึงหมายเลขโต๊ะตามที่ระบุ จึงถามด้วยความแปลกใจที่ไม่พบผู้จัดการกองประกวด
ภวินนั่งไขว่ห้าง และกำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม เขาเหลือบสายตามองเธอ ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงแล้วตอบ
“นั่งก่อนสิ”
เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความน่าเกรงขามของบุคคลตรงหน้า หญิงสาวยอมนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแต่โดยดี
“คือฉันจะมาให้คำตอบค่ะ”
“ว่ามา..”
เมื่อฝ่ายตรงข้ามพยักหน้ารับ เธอก็ตอบปฏิเสธโดยทันทีอย่างแน่วแน่
“ฉันขอตอบปฏิเสธค่ะ”
“แต่ข้อเสนอนี้ ดีต่อเราทั้งคู่ ผมต้องการกลบข่าวลือ และคุณก็ต้องการเงิน...”
“ฉันยอมรับว่าก่อนหน้านี้ฉันต้องการเงิน แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องการมันแล้วค่ะ”
ภวินเอนตัวพิงกับพนัก สายตาของเขาที่จับจ้องหญิงสาวที่ถึงจะดูสุภาพอ่อนหวาน แต่กลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“เพราะว่ามีเงินจากการประกวดเหรอครับ คิดให้ดีๆ นะครับ คุณได้เงินนั้นมายังไง”
เมณิชาอึ้ง ถึงจะกลัวความลับถูกเปิดเผย แต่เธอก็โอนเงินจากกองประกวดไปให้แม่ของเธอแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และเธอก็ไม่อยากรับปัญหาใหม่เข้ามาเพิ่ม หญิงสาวกำลังจะตอบปฏิเสธให้ชัดเจนอีกครั้ง แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
หน้าจอแสดงชื่อผู้เป็นแม่ เมณิชาคิดเพียงว่า พรรณีคงจะแค่โทรมารายงานเรื่องการจ่ายค่ารักษาเท่านั้น จึงกดรับสายต่อหน้าภวิน
“ค่ะแม่.. เรียบร้อยดีใช่ไหมคะ”
“พิมพ์... เราแย่แล้ว...”
เสียงของพรรณีสั่นเครือและลนลานจนจับใจความลำบาก หญิงสาวเหลือบสายตาไปมองคนที่นั่งตรงข้ามเพียงนิด แล้วจึงหันข้างหลบสายตา ยกมือขึ้นป้องปากแล้วคุยต่อ
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“วี... วีเขาเอาเงินไปหมดแล้ว... แม่โอนเงินให้เขา เพราะเขาบอกว่าจะไปจัดการเรื่องเอกสารแทน แต่ตอนนี้เขาหายตัวไป ไม่ได้มารับที่โรงพยาบาล โทรหาก็ไม่ติดเลย...”
เมณิชารู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระชาก เธอชาวาบไปทั้งตัวเมื่อฟังจบ น้ำเสียงที่เคยมั่นคงกลับขาดห้วงและสั่นไหว
“แม่.. ทำไมถึงไม่ถามหนูก่อน...”
“แม่ขอโทษ... แม่คิดว่าถ้าให้วีช่วย ทุกอย่างจะเร็วขึ้น แต่แม่คิดผิด...”
น้ำตาของเมณิชาเอ่อคลอ เธอพยายามข่มความรู้สึกมากมายที่ถาโถม เธอรับรู้ได้ว่าแม่ของเธอก็รู้สึกผิดและเสียใจไม่ต่างกัน เธอไม่ควรโทษแม่ เพราะเธอเองก็เชื่ออาของเธอจนสนิทใจ และไม่เคยคิดว่าจะถูกหักหลัง
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ เดี๋ยวหนูจะหาทางแก้ไขเอง แม่ทำใจดีๆ ไว้นะคะ อยู่รอที่โรงพยาบาลก่อน เดี๋ยวหนูติดต่อกลับ”
เธอไม่รู้ว่าอะไรเจ็บกว่าระหว่างการถูกหักหลัง…หรือการต้องยอมรับว่า ไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว
"พิมพ์...ลูกต้องช่วยน้องพีร์ให้ได้นะ ต่อไปแม่จะไม่เชื่อใครอีกแล้วนอกจากลูก"
น้ำเสียงแม่ของเธอในสาย…ฟังดูราวกับคนจมน้ำที่กำลังไขว่คว้ากิ่งไม้สุดท้าย
หลังจากวางสาย เมณิชาหันไปเผชิญหน้ากับภวิน ที่ยังคงนั่งนิ่งรอฟังคำตอบ เธอคิดว่าเขาคงได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว
ไม่มีแม้แต่คำถาม ไม่มีสีหน้าร้อนรน ราวกับเขารู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าเธอไม่มีทางเลือก
มือข้างหนึ่งของเธอกำแน่นใต้โต๊ะ ส่วนดวงตากลั้นน้ำตาไว้สุดแรง
“คุณช่วยอะไรฉันได้บ้าง”
น้ำเสียงที่สั่นไหวเมื่อครู่กลับทรงพลังและเด็ดเดี่ยว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่หญิงสาวต้องตัดสินใจทำสิ่งที่ยากเย็นในชีวิต
“คุณแค่ตอบตกลง แล้วผมจะจัดการทุกอย่าง”
แม้ว่าเมณิชาจะรู้ว่าข้อเสนอนี้จะยิ่งสร้างปัญหา แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก เธอจึงจำเป็นต้องยอมรับ เพราะเงินที่จะนำไปช่วยชีวิตลูกชายไม่มีอีกแล้ว
การแต่งงานครั้งนี้...ไม่ใช่การเริ่มต้นของความรัก แต่มันคือพันธะที่ต้องแลกมาด้วยทุกอย่าง
*****