แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 15 หนูตกถังข้าวสาร
หนูตัวน้อย ผล็อยตกถัง คลังข้าวสาร
วิ่งลนลาน ซ่านสลด หมดศักดิ์ศรี
คนกลับเหมา เดาว่าเห็น เป็นโชคดี
เสริมแต่งสี ตอกตีไข่ ใส่อารมณ์
โลกออนไลน์เริ่มสั่นไหวอีกครั้ง เมื่อคลิปเสียงยาวไม่ถึงสามนาทีถูกปล่อยออกมาจากเพจข่าวใต้ดินชื่อดัง โดยใส่คำโปรยไว้ว่า
>อดีตนางงามตกถังข้าวสาร<
"พิมพ์! เธอลาออกจากตำแหน่งทำไม? อาเห็นจากในข่าว"
"..พิมพ์...ต้องทำ ..พิมพ์รอไม่ได้.."
"เงินตั้งหกแสน.. อย่าบอกนะว่า! จากสามีใหม่ของเธอน่ะ ...เหมือนตกถังข้าวสารเลยนะ"
"..ใช่..เรื่องนั้นพิมพ์จัดการเอง"
"..เรื่องพ่อใหม่ ลูกๆ ของเธอไม่ได้ว่าอะไรเหรอ"
"ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ...เดี๋ยวพิมพ์หาทางเอง.."
ในคลิปเป็นเสียงผู้หญิงสองคนพูดคุยกัน อีกคนเสียงหวาน ส่วนอีกคนเสียงทุ้มใหญ่ หลายช่วงถูกตัดต่ออย่างลื่นไหล ชวนให้เชื่อว่ามีคนจงใจจัดลำดับวรรคตอนใหม่ เพื่อสื่อสารเรื่องราวบางอย่าง
เรื่องราวในคลิปมีความเชื่อมโยงกับชีวิตของเมณิชาเป็นอย่างมาก การพูดถึงนางงามที่เพิ่งสละตำแหน่งแล้วไปแต่งงาน จนอัพสถานะขึ้นราวกับเป็นหนูตกถังข้าวสาร เหมือนเป็นการพูดถึงเมณิชาไม่มีผิด
แต่การที่นางงามสักคนจะยอมสละตำแหน่งเพื่อแต่งงานกับมหาเศรษฐีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งที่แปลกคือในคลิปใช้คำว่า 'สามีใหม่' ซึ่งหมายถึงเธอเคยมีสามีมาก่อน และพูดถึง 'ลูกๆ' ซึ่งหมายถึงเธอเคยมีลูกก่อนมาประกวด
ซึ่งมันผิดกฏ... ผิดต่อสังคม... จึงทำให้เป็นที่พูดถึงของคนหมู่มาก
เพียงไม่กี่นาที คอมเมนต์ในโลกโซเชียลก็เริ่มขุดคุ้ยกันอย่างเมามัน วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุก
“หรือพิมพ์จะเป็นนางงามชื่อดังคนล่าสุด?”
“มีใครบ้างที่สละตำแหน่งกะทันหัน แล้วหมั้นสายฟ้าแลบกับทายาทหมื่นล้าน?”
“ถ้าใช่จริง... แสดงว่าเธอมีลูกมาก่อน?!”
"สงสารลูกเธอจริง ๆ ที่ต้องมีแม่ขี้โกหกแบบนี้"
"เห็นใจสามีใหม่ของนางนะ เขาคงไม่รู้"
"กล้าหลอกทุกคนได้เพื่อเงิน เธอคงไม่ธรรมดา"
"ถึงจะสละตำแหน่งไปแล้ว แต่ยังไงก็ผิด"
"ฉันต้องรู้ให้ได้ ว่าเธอใช่คนที่ฉันคิดหรือเปล่า"
"คืนนี้ขอบตาดำแน่ๆ ฉันต้องรู้ให้ได้"
"หรือว่า พิมพ์ คือ 'ม' จริงๆ แสดงว่า 'ภว' โดนหลอก"
“ถ้าแม่เป็นแบบนี้ เด็กจะโตไปเป็นคนดีได้ยังไง?”
“สงสารเด็กจัง ที่ไม่มีพ่อแม่ดี ๆ”
.
.
.
แม้ยังไม่มีใครกล้ายืนยัน แต่ชื่อของเมณิชาก็เริ่มถูกดึงเข้าสู่สมรภูมิข่าว เพจซุบซิบทยอยเขียนบทความแบบตัวอักษรย่อ ส่วนใหญ่เป็นคำตำหนิถากถาง ถึงการหลอกลวงระดับตัวแม่
กระแสสังคมเริ่มแบ่งขั้ว บ้างก็ว่าเธอหลอกคนทั้งประเทศ บ้างก็ว่าเธอเป็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ เพราะคงทำเพื่อชีวิตที่ดีของลูก บ้างก็ว่าเธอทิ้งลูก เพื่อไต่เต้ามาเป็นเมียเศรษฐี
คฤหาสน์ลัวร์ – ห้องประชุมเล็ก
เสียงเคาะปลายนิ้วของคุณหญิงไอษดา ดังสม่ำเสมอบนผิวโต๊ะไม้โอ๊คที่เคลือบเงา ท่ามกลางความเงียบที่กดดัน จนได้ยินชัดเจนแม้แต่เสียงพลิกหน้ากระดาษ
เธอพยักหน้าให้เลขาวางเอกสารข่าวทุกสำนักลงบนโต๊ะ แววตาเข้มจ้องไปที่ลูกชายที่นั่งตรงข้าม
“ภวิน… ลูกรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วใช่ไหม”
น้ำเสียงไม่สูง ไม่กดต่ำ แต่เย็นเฉียบพอจะชะล้างคำโกหกจากปากใครบางคนได้
ภวินไม่ตอบทันที เขาเพียงเหลือบตามองแฟ้มข้อมูลตรงหน้า ไฟล์ภาพบางส่วนเป็นภาพสแกนใบเกิดเด็กชายคนหนึ่ง ที่ชื่อ 'พีรณัฐ' โดยมีชื่อแม่คือ “พิมพ์ญดา มหาวงษ์”
แม้ชื่อและนามสกุลจะแตกต่างจากเมณิชาอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อสืบย้อนกลับไปผ่านประวัติทะเบียนราษฏร์และรูปถ่าย ก็พบว่าเมณิชาเคยให้กำเนิดเด็กชายก่อนจะมาเป็นนางงาม แล้วมาแต่งงานกับเขา
ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ เขาหลับตาลงไร้แววลังเลก่อนตอบเสียงเรียบ
“ผมกำลังจัดการทุกอย่าง แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
ไอษดายืดตัวขึ้นช้า ๆ ดวงตาคมราวเหยี่ยว จ้องมองลูกชายอยู่อีกครู่ ก่อนเอ่ยออกอย่างไม่อ้อมค้อม
“ลูกคิดว่าแม่ไม่รู้หรือไง ว่าลูกถึงขั้นสั่งให้ทีมกฎหมายส่งเงินคืนให้กองประกวดอย่างเงียบ ๆ เพื่อปิดเรื่องที่เมณิชารับเงินจากกองประกวดมาใช้จนหมดแล้ว ..แถมยังรับผิดชอบค่ารักษาของเด็กพีร์นั่นทั้งหมด”
ภวินเงียบ... ไม่มีคำแก้ตัว
เขาไม่คิดว่าจำเป็นต้องซ่อนเรื่องพวกนั้นจากแม่ของเขาด้วยซ้ำ
“ภวิน... นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอดีตนะ แต่คือเรื่องของตระกูลลัวร์และธุรกิจทั้งหมด ...เมื่อเช้าหุ้นหลายบริษัทในเครือก็ตกลงอีก”
น้ำเสียงของไอษดายังคงนุ่ม แต่แข็งแรงเหมือนเหล็กกล้า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่เถียงกลับ เธอจึงเว้นจังหวะ
เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วหันมาเตือนสติลูกชายอีกครั้ง
“ถ้าลูกเลือกจะปกป้องเธอ… งั้นก็เตรียมรับผลที่ตามมาด้วย”
ประโยคนั้นไม่ได้พูดด้วยอารมณ์ แต่เป็นการประกาศเงื่อนไข เพื่อกระตุ้นให้ภวินคิดถึงผลที่ตามมาอย่างลึกซึ้ง
และก่อนจะก้าวออกไปพ้นประตูห้อง ร่างสง่าก็หยุดฝีเท้า เธอเอ่ยเสียงเบา... คล้ายไม่ได้พูดกับเขาโดยตรง
“แม่ไม่ได้โกรธที่ลูกเลือกเธอ... แต่แค่กลัวว่าผู้หญิงคนนี้ จะไม่เลือกลูกในตอนที่ทุกอย่างจบสิ้น”
คือความห่วงใย ที่มาในรูปแบบคำเตือน ของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานักต่อนัก
โรงพยาบาลเอกชน
การผ่าตัดของน้องพีร์ผ่านพ้นไปด้วยดี แม้ยังต้องพักฟื้นต่อ แต่สัญญาณทุกอย่างเป็นไปในเชิงบวก แพทย์เจ้าของไข้จึงแจ้งให้น้องพีร์ออกจากโรงพยาบาล กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้
ภายในห้องพักพิเศษ พรรณีนั่งมองหลานชายหลับสนิท น้องพราวหลับอยู่บนโซฟายาว ข้างตัวคือของเล่นจากคนขับรถของภวินที่นำมาส่งให้ตั้งแต่วันนั้น ...วันที่เขาและลูกสาวมาเยี่ยมเด็กทั้งสอง
นอกจากที่โรงพยาบาล ภวินยังให้ครอบครัวของเมณิชามาพักอยู่ที่ เรือนรับรองหลังเล็กของคฤหาสน์ลัวร์ในเขตชานเมือง เป็นบ้านพักในเครืออสังหาริมทรัพย์ที่ตระกูล เอาไว้ใช้รับรองแขกต่างประเทศ
ภวินให้คนดูแลพ่อแม่และลูก ๆ ของเมณิชาเป็นอย่างดี เขาจัดทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูให้น้องพีร์ และให้ครูสอนพิเศษสำหรับน้องพราว อาหารส่งถึงวันละสามมื้อ รถรับ-ส่งถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย
พรรณีเองก็เริ่มเรียนรู้ที่จะวางใจ แม้ไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่ภวินดีต่อพวกเธอขนาดนี้ แต่สิ่งที่แน่ชัด คือเขาไม่เคยถามถึงอดีตของลูกสาว กับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว
...ถึงแม้จะมีข่าวออกมามากมายแค่ไหน พรรณีก็เชื่อว่าภวินจะต้องยืนอยู่ข้างลูกสาวของเธอ
ห้องนอนของภวินและเมณิชา
เมณิชาเลื่อนหน้าจอมือถือ เห็นชื่อของตัวเองอยู่ในข้อความหลายร้อยโพสต์ บางโพสต์ก็มีแค่ข้อความ บางโพสต์ก็มีทั้งภาพและเสียง
ถึงขั้นมีบทวิเคราะห์คลิปเสียง เปรียบเทียบกับเสียงของเธอตอนให้สัมภาษณ์บนเวทีประกวดเลยก็มี ส่วนรูปภาพก็มีเพียงภาพแผ่นหลังของเธอ ที่กำลังเดินเข้าไปที่แผนกเด็กในโรงพยาบาลเท่านั้น
แต่ไม่มีสื่อไหนมีหลักฐานมากพอที่จะปักชื่อว่าเธอคือผู้หญิงในคลิปได้
เธอถอนหายใจ... ไม่ใช่เพราะกลัวชื่อเสียงของเธอจะเสียหาย แต่กลัวว่าพ่อแม่กับลูกๆ ของเธอจะโดนผลกระทบ และใช้ชีวิตลำบาก
เด็กๆ จะถูกตราหน้าว่ามีแม่จอมโกหก และเธอจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาทำร้ายลูกของเธอได้
“ถ้าแม่เป็นแบบนี้ เด็กจะโตไปเป็นคนดีได้ยังไง?”
“สงสารเด็กที่ไม่มีพ่อแม่ดี ๆ”
เมณิชามือสั่นทุกครั้งที่ได้อ่านประโยคแบบนี้ เธอหลับตาแน่น ทั้งนึกเป็นห่วงอนาคตของลูกและอดโทษตัวเองไม่ได้
ฉับพลันหญิงสาวก็นึกถึง ผู้ที่เป็นต้นเหตุของข่าวทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เธอเลือกไว้ใจอีกครั้ง
เธออุตส่าห์ยอมอโหสิเรื่องที่เขาขโมยเงินไป แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะหักหลังแล้วเอาเธอไปขายให้คนอื่น เหมือนกับเป็นแค่ทางผ่านอีกหน
'...ฉันไม่โทษเขาหรอก ที่เลือกเงิน... แต่ฉันผิดเอง ที่ยังเลือกจะเชื่อในสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่จริง'
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ พอหันไปก็พบภวินยืนพิงกรอบประตูเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ข่าวในเน็ต… เธอไม่คิดจะแก้ข่าวอะไรหน่อยเหรอ”
“ไม่ค่ะ เพราะไม่ว่าจะอธิบายยังไง ฉันก็เป็นคนหลอกลวงอยู่ดี"
ภวินเงียบ ดวงตาคมมองนิ่งที่หญิงสาว แล้วจึงถามออกมาอย่างตรง ๆ อีกครั้ง
“บอกผมได้ไหม ใครเป็นพ่อของน้องพีร์กับน้องพราวกันแน่?”
เธอยิ้มบางไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่เดินไปหยิบสมุดวาดเขียนของลูกสาว ที่พรมไปด้วยฝีไม้ลายมือแบบเด็ก ๆ หน้าแรกวาดภาพผู้หญิงกับเด็กสองคนมีชื่อที่เขียนอยู่ใต้ภาพด้วยลายมือไม่มั่นคงนัก
'แม่ พีร์ พราว'
เมณิชาหันกลับมามองเขา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
"ไม่เคยมีเขามาตั้งแต่แรก พวกเราแม่ลูก ...มีแค่กันและกันเท่านั้น"
*****