แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 13 จันทร์เสี้ยวกับมังกร
จันทร์ดวงจ้อย ร้อยสลัก ปักกลางอก
เสี้ยวแผลปก บอกเรื่องราว คราวผ่านผัน
กับความเหมือน ที่แตกต่าง ระหว่างกัน
มังกรนั้น มีจันทร์ซ่อน ซ้อนความจริง
เวลาผ่านไปเชื่องช้า... แต่ละวันของเมณิชาในคฤหาสน์ลัวร์เหมือนน้ำในแก้วที่ค่อย ๆ ระเหยหายกลายเป็นอากาศ มันเงียบงันและเยียบเย็น จนบางครั้งเธอแอบคิดว่า ตัวเองกลายเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์หรูที่ไม่มีใครมองเห็น
ในตอนเช้า เธอชงกาแฟให้แม่สามี บางครั้งก็นั่งอ่านหนังสือปรัญชาและการใช้ชีวิตให้ท่านฟังจนเป็นกิจวัตร
ในตอนสาย เธอเดินไปที่เรือนเล็ก ปรับแต่งพุ่มกุหลาบ เช็ดกระจก ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมจนแทบไม่มีพื้นที่เหลือให้กับใยแมงมุมและความสกปรก
ในตอนเย็น เธอกลับมานั่งเงียบ ๆ จ้องจอมือถือ เปิดดูภาพเด็กชายหญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดคนไข้สีฟ้ากับชุดกระโปรงสีชมพูสลับกันไปมา ใบหน้าและรอยยิ้มของน้องพีร์กับน้องพราว คือยาแก้คิดถึงที่แม้จะมองเท่าไรก็ไม่เคยพอสำหรับหญิงสาว
เธอไม่ได้เจอครอบครัวมาเกือบสองสัปดาห์ เพราะการแต่งงาน ที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นเป้าสายตาของนักข่าวและปาปารัสซี่ หรือแม้แต่คนในบ้านนี้ก็ใช่ว่าจะวางใจได้ทั้งหมด
ครั้งล่าสุดที่เธอไปโรงพยาบาล ก็เกือบถูกรุมสัมภาษณ์หน้าห้องผ่าตัดของน้องพีร์ จากนักข่าวและสื่อออนไลน์เกือบสิบสำนัก
โชคดีที่ภวินจัดการจนทุกอย่างเงียบเชียบ ปิดข่าว และเคลียร์คนออกจากพื้นที่ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
เขาไม่ได้พูดอะไร… ไม่แม้แต่จะตำหนิ แต่เธอรู้ว่าโชคไม่ได้เข้าข้างเธอบ่อยนัก
ภวินคนที่ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจเธอเท่าไร เขามักจะเห็นเธอนั่งมองดูรูปเดิมๆ ในจอมือถืออยู่อย่างนั้น หรือไม่ ..บางวัน หญิงสาวก็เดินวนอยู่ในสวน หรือเฝ้าวนเวียนทำความสะอาดบ้านจนแทบแย่งงานแม่บ้านไปหมด
เธอเบี่ยงความคิดถึง…ไปกับไม้กวาดและถุงปุ๋ย แต่ถึงอย่างนั้น บางวันเธอก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
จนกระทั่งเช้าวันนี้ ภวินเดินเข้ามาในห้องทานอาหารเวลาเดิมอย่างทุกวัน ทว่าครั้งนี้ เขาพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
“วันนี้ฉันจะพาเธอไปเยี่ยมเด็ก ๆ”
เมณิชานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่น้ำตาจะเอ่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอก้มหน้าลง หยิบผ้าเช็ดปากขึ้นบังใบหน้าตัวเองเอาไว้ แล้วกลั้นเสียงสะอื้นเพื่อถามย้ำกลับไปใหม่
“คุณว่าอะไรนะคะ”
“หมอเจ้าของไข้ เขาอยากคุยกับพ่อหรือแม่ของเด็ก”
ภวินพูดเรียบ ๆ ไม่สบตาเธอ
“พยาบาลโทรมานัดไว้เมื่อเช้า”
เธอพยักหน้า รับคำอย่างเงียบงัน แต่ท่วมท้นไปด้วยความดีใจ
แต่ไม่รู้เลยว่า… ความจริงแล้ว ภวินเป็นคนโทรไปขอหมอให้จัดนัดพิเศษนี้เอง เขาทำทุกอย่าง เพราะเขารู้ดีว่าการได้เห็นหน้าลูก คือยารักษาหัวใจที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
...ก็แค่ไม่อยากให้เธอเฉาตายไปก่อนที่จะครบสัญญาแต่งงามหนึ่งปีเท่านั้น
บ่ายวันนั้น รถของภวินที่เช่ามาเพื่อการพลางตัว แล่นเข้ามาจอดที่โรงจอดรถของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังตามปกติ
เขาสวมหมวกแก๊ปและแว่นดำเพื่อพรางตัว ส่วนเมณิชาก็แต่งตัวเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ เพื่อความทะมัดทะแมงและหลบการเป็นเป้าสายตาของคนอื่น โดยไม่ลืมที่จะสวมหมวกแก็ปเช่นเดียวกับเขา
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักผู้ป่วยเด็ก ภวินชะงักเล็กน้อย ตั้งใจจะบอกให้เธอเข้าไปพบครอบครัวคนเดียว แต่เสียงโทรศัพท์จากเลขาของเขาก็ดังขึ้นพอดี
“นักข่าวคนหนึ่ง หลุดเข้ามาได้ครับคุณภวิน ตอนนี้กำลังอยู่แถวชั้น 8 ตรงแผนกเด็กพอดี”
ภวินสบถเบา ๆ ในใจ แล้วดันประตูห้องผู้ป่วยเปิดเข้าไปพร้อมกับเมณิชา
ภายในห้อง เด็กชายคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นเลโก้อย่างใจเย็น โดยมีหญิงสูงวัยนั่งให้กำลังใจอยู่ที่ข้างเตียง ที่โซฟามีเด็กหญิงตัวเล็กนอนหลับตาพริ้มอยู่ใต้ผ้าห่มสีชมพูอ่อน โดยมีชายสูงวัยนั่งดูแลอยู่ใกล้ๆ ด้วยใบหน้าอ่อนโยน
พรรณีและสุชาติ เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มทันทีที่เห็นลูกสาว
“แม่...”
เมณิชาวิ่งเข้าไปกอดและหอมแม่ แล้วตามมาด้วยพ่อที่ลุกเดินเข้ามาสมทบ
ภวินยืนนิ่งอยู่ใกล้ประตู ก่อนจะโค้งหัวเล็กน้อย
“สวัสดีครับ คุณพ่อคุณแม่”
พรรณีรีบพยักหน้า รับไหว้อย่างอบอุ่น
“คนนี้คือ คุณภวิน ...สามีของหนูค่ะ”
เมณิชารีบหันมาแนะนำ 'สามีในนาม' ของเธอให้พ่อแม่รู้จัก
ภวินยิ้มบาง ๆ ยื่นมือไปจับกับสุชาติแบบลูกผู้ชาย น้ำหนักมือของเขาหนักแน่นพอ ๆ กับความเคารพในแววตา
สุชาติบีบมือตอบ แล้วยื่นมืออีกข้างไปตบเบา ๆ บนมือของชายหนุ่มอย่างอบอุ่น
พรรณียิ้มรับการทักทายของลูกเขย
"สวัสดีค่ะ คุณภวิน"
ทั้งพรรณีและสุชาติไม่พูดอะไรมาก พวกเขาเพียงสบตากัน แล้วขอตัวออกไปเดินเล่นข้างนอก เพื่อปล่อยให้คนทั้งคู่ได้อยู่กับลูกๆ
“แม่ขา!” เสียงน้องพราวดังขึ้นก่อน เมณิชารีบเดินไปกอดลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาตื่น เธอหอมแก้มซ้ายสลับขวาอย่างคิดถึง
“พราว...แม่คิดถึงจัง”
เด็กหญิงหัวเราะคิกคักด้วยความดีใจ ซุกหน้าลงที่อกของผู้เป็นแม่
"หนูก็คิดถึงหม่ามี้มากที่สุด มากเท่าโลกเลยค่ะ" แล้วผละตัวออกมาทำมือโอบเป็นลูกโลกอันใหญ่ประกอบความหมาย
“แล้วนี่…ใครคับ หม่ามี๊”
น้องพีร์ถามเสียงเรียบ พร้อมเงยหน้ามองภวินด้วยแววตาระมัดระวัง
ภวินยืนนิ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นโบกทักทายเล็กน้อย
“ลุงชื่อวิน…มาส่งแม่ของหนูเฉย ๆ”
“ลุง? แต่แม่เรียกคุณว่าสามีนะ…”
น้องพีร์พูดนิ่ง ๆ อย่างรู้ความ ราวกับผู้ใหญ่ในร่างเด็ก
ภวินหันไปทางเมณิชา ราวกับว่าขอความช่วยเหลือ แต่เธอก็แปลกใจไม่แพ้กัน เธอรู้อยู่แล้วว่าลูก ๆ เป็นเด็กฉลาด แต่ก็ไม่คิดว่าทั้งคำพูดและสีหน้าเวลาจริงจังของน้องพีร์ จะดูคล้ายผู้ใหญ่ย่อส่วนขนาดนี้
น้องพราวลุกขึ้นมากอดแขนเขา
“คุณพ่อในทีวีนี่นา น้องพราวจำได้”
เด็กหญิงจำหน้าของเขามาจากรายการแถลงข่าวในทีวีเมื่อครั้งประกาศการหมั้น
“พราว!” เมณิชาแปลกใจ แต่ก็หลุดหัวเราะออกมา “พูดอะไรลูก”
ภวินหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเป็นครั้งแรก เด็กทั้งสองคนทำให้เขาเผลอหลุดอีกตัวตนออกมา
ระหว่างที่เธออุ้มน้องพราวขึ้นมานั่งบนเตียงกับน้องพีร์ เสียงมือถือของเมณิชาก็ดังขึ้น เธอชะงัก เมื่อเห็นชื่อของสายที่โทรเข้า…
เธอไม่ได้บอกภวินว่าปลายสายคือใคร แต่น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปทันที
“ฝากเด็ก ๆ หน่อยนะคะ ฉันขอรับสายนิดนึง”
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบ เมณิชาจึงเดินออกจากห้องไปด้วยความรีบร้อน ปล่อยให้ภวินอยู่กับเด็กทั้งสอง
ความเงียบเข้าปกคลุมหนึ่งผู้ใหญ่และสองเด็กน้อยอยู่ชั่วขณะ ภวินเหลือบมองเด็กชายตรงหน้า ที่ยังคงนั่งขัดสมาธิ กอดอก และจ้องเขาแบบไม่ค่อยไว้ใจนัก
“เจ็บไหม…ตอนผ่าตัด?” ภวินเอ่ยขึ้นเบา ๆ หวังทำลายความเงียบ
“นิดหน่อยครับ” เด็กชายตอบนิ่ง ๆ แล้วดึงคอเสื้อลงเพื่อโชว์รอยแผล
ภวินชะงัก… เขาเห็นแผลเป็นรูปเสี้ยวโค้งตรงกลางหน้าอกของเด็กชาย ขนาดเท่ากับฝ่ามือ
แผลเป็นที่เหมือนกันกับของเขา ตอนเด็ก ๆ เขาเองก็เป็นโรคหัวใจและเคยผ่าตัด ภาพรอยแผลของเด็กชายจึงเหมือนภาพย้อนกลับของเขาในวัยเด็ก
“…ลุงก็เคยมีแผลแบบนี้”
“จริงเหรอครับ?”
น้องพีร์เงยหน้ามองเขา ดวงตาที่สงบนิ่งตอนแรกเริ่มมีประกายสนใจขึ้นมาบ้าง
ภวินพยักหน้าแล้วค่อย ๆ คลายกระดุมเสื้อเชิ้ตออก เผยให้เห็นแผลเป็นรูปโค้งตรงกลางอก ที่เหมือนกันราวกับเป็นเสี้ยวหัวใจเดียวกัน แต่เด็กชายกลับขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ย
"ไม่เห็นจะเหมือนกันเลยสักนิด ของคุณลุงเป็นมังกร ไม่ใช่พระจันทร์เหมือนผม"
นั่นก็เพราะภวินสักรูปมังกรทับรอยแผลเป็นไปแล้ว เด็กอย่างน้องพีร์ที่ไม่ได้สังเกตพอ จึงมองไม่เห็นรอยแผลเป็นของเขา
ภวินยิ้มอย่างนึกเอ็นดูให้กับความไร้เดียงสา เขาเผลอเอื้อมมือไปยีผมของเด็กชายเบา ๆ อย่างไม่รู้ตัว
และเมื่อหันไปทางน้องพราวที่นั่งเล่นอยู่บนเตียงเดียวกัน ก็พบว่าเด็กหญิงเอามือปิดตาทั้งสองข้างเอาไว้อย่างมิดชิด
"โป๊ๆ หม่ามี้สอน.. ว่าห้ามมองคนโป๊"
ภวินจึงระเบิดหัวเราะออกมาจนเสียงดังลั่นห้อง แล้วเอื้อมมืออีกข้างไปยีผมของเด็กหญิงด้วยอีกคน จากนั้นจึงรีบติดกระดุมเสื้อกลับเข้าที่
"น้องพราวคะ ลุงไม่โป๊แล้ว ลุงขอโทษที่ทำตัวไม่เรียบร้อยนะครับ"
จากนั้น... หนึ่งผู้ใหญ่กับสองเด็ก ก็พูดคุยสลับกันตอบ สลับกันถาม ราวกับโต้วาทีอย่างสนุกสนาน
โดยที่ภายนอกห้องนั้น เมณิชาเดินออกมาคุยโทรศัพท์อยู่ที่บันไดหนีไฟ ใบหน้าหวานดูเคร่งเครียด และร้อนใจ..
*****