แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 28 ผีเสื้อหลงทาง
ผีเสื้องาม ปีกบางพริ้ว ปลิวถลัน
โผผกผัน ท่ามแรงลม ข่มใจหนี
หลงทางใน เล่ห์หลอกใช้ ภัยชีวี
ทุกนาที ปรี่ลงเหว เปลวไฟลวง
แสงจากโคมไฟข้างโซฟาสาดลงบนแผ่นกระดาษที่ถูกเปิดอ่าน แล้วกำลงในอุ้งมือหลายครั้งจนยับย่น
ภวินยืนนิ่งอยู่กลางห้องทำงาน มองจดหมายในมือราวกับมันสามารถเปลี่ยนความจริงได้
แต่ไม่ใช่...
มันไม่ใช่ความฝัน
เมณิชาจากไปแล้ว...พร้อมกับลูกทั้งสอง
น้ำเสียงของเธอในหัวเขา กลับดังก้องไม่หยุด
"ขอโทษที่ผิดสัญญา…
ฉันมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น…
...
โปรดอย่าตามหา..."
เขาอ่านมันซ้ำ เพื่อมองหาเงื่อนงำ หรือคำบอกใบ้อะไรสักอย่างในนั้น
โทรศัพท์ถูกคว้าขึ้นมากดเบอร์เธอหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน
แต่เสียงตอบรับในสาย ก็ดังเหมือนเช่นทุกครั้ง...
“หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…”
สายตาคมกริบหลุบต่ำ มือเลื่อนเข้าแอปข้อความ พิมพ์แล้วลบ ...แล้วพิมพ์ใหม่ กลั่นกรองถ้อยคำจากความรู้สึก
> “เมย์…ได้โปรด ตอบผม”
ไร้การตอบรับ ไม่มีแม้สัญญาณว่าเธอได้อ่าน
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องที่สอง โทรหาเลขาคนสนิท
“ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ขนส่งทุกแห่งในกรุงเทพ ตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวานจนถึงเที่ยงคืน ตรวจท่าอากาศยานทุกสนามบินด้วย รวมถึงกล้องหน้าคฤหาสน์ ฉันอยากรู้ว่าเธอออกไปเมื่อไหร่ และไปกับใคร”
ปลายสายรีบตอบรับ
“ครับนาย ผมจะทำเงียบ ๆ ไม่ให้เป็นข่าว”
ภวินกดวางสายช้า ๆ
เขาไม่ได้บอกคุณหญิงไอษดา ไม่ใช่เพราะต้องการปิดบัง...แต่เขายังไม่อยากอธิบาย
เพราะแม้แต่เขาเอง...ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เพราะอะไรเธอถึงจากเขาไป อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
...หรืออาจจะเพราะความเข้าใจผิดระหว่างเขากับเธอ และคนรักเก่าของเธอในวันนั้น
ประตูห้องนอนเด็กเปิดออกอย่างช้า ๆ
กลิ่นแป้งเด็กยังคงอบอวลในอากาศ กล่องของเล่นยังวางไว้ข้างเตียง หูของตุ๊กตากระต่ายยื่นโผล่ออกมา ราวกับยังรอเจ้าของตัวน้อยกลับมากอด
ภวินเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขาหยิบหุ่นยนต์เลโก้จากในกล่อง มาวางบนโต๊ะตัวเล็กตรงกลางห้อง
มันคือหุ่นยนต์ที่เขาเคยนั่งต่อกับน้องพีร์ในบ่ายวันหนึ่ง วันที่เด็กชายหัวเราะเสียงดังเพราะประกอบแขนผิด แล้วเขาต้องแกล้งทำเสียงหุ่นยนต์เดินเป๋ให้เด็กน้อยขำ
และไม่ลืมหยิบตุ๊กตากระต่ายสีขาวตัวเก่า ที่หูขาดเล็กน้อย เป็นตุ๊กตาตัวโปรดของน้องพราว ที่เมณิชาเคยบอกว่า
“ถ้ากระต่ายนี่หาย น้องพราวจะนอนไม่หลับ”
เขาวางทั้งสองไว้เคียงกัน แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างหน้า
มือใหญ่ยกขึ้นกุมขมับ ความเงียบทำให้เขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง เต้นอย่างโดดเดี่ยว
สายตาคมหยุดอยู่ที่ตุ๊กตากับหุ่นยนต์ตรงหน้า
นาทีนี้เองที่เขาได้สัญญา...ว่า...ต่อให้เด็กทั้งสองจะไม่ใช่ลูก แต่...
“พ่อจะตามหาให้เจอ…ไม่ว่าจะยากแค่ไหน”
เขากระซิบบอกกับเสียงหัวใจตัวเอง
เช้าวันถัดมา
กลิ่นกาแฟสดไม่ได้ลอยอวลไปทั่วคฤหาสน์ลัวร์เหมือนเช่นทุกวัน มุมระเบียงที่คุณหญิงไอษดามักนั่งจิบชาพร้อมฟังข่าวเช้า รู้สึกว่างเปล่าผิดปกติ
คุณหญิงวางแท็ปเล็ตลง พลางเหลือบตามองไปที่ห้องครัว
ปกติเมณิชาจะลงมาเป็นคนแรก ทำกาแฟให้ตัวเอง และเผื่ออีกหนึ่งแก้วสำหรับคุณหญิง
บ้างก็ทำของว่างให้เด็ก ๆ หรือไม่ก็คอยดูแลแม่บ้าน ให้จัดอาหารเช้าเสร็จทันก่อนภวินจะลงมาทานอาหาร
แต่วันนี้ ไม่มีวี่แววของลูกสะใภ้คนโปรด
…แม้แต่เสียงของน้องพีร์กับน้องพราว ที่เคยวิ่งไล่กันในห้องโถงก็หายไป
“จันทร์” คุณหญิงเอ่ยเรียกแม่บ้านคนสนิทเสียงเรียบ
“ค่ะคุณหญิง”
“เห็นเมณิชากับเด็ก ๆ ไหม วันนี้เงียบผิดปกติ”
แม่บ้านชะงักก่อนจะตอบ
“เมื่อวานก่อนกลับ...คุณเมณิชาบอกว่าจะออกไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดค่ะ ให้คนรถไปส่งที่ขนส่ง แล้วก็ไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมอีกค่ะ”
คุณหญิงไอษดาหรี่ตาลงด้วยความคิดอันเฉียบแหลม
“แล้วคุณเมย์ได้บอกหรือเปล่า ว่าจะกลับวันไหน”
“บอกแค่ว่าอาจหลายวันค่ะ เพราะญาติป่วยหนัก”
เงียบ…
คุณหญิงนั่งนิ่งบนเก้าอี้ไม้สัก แววตาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
บางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง ...เธอสัมผัสได้ตั้งแต่คืนก่อนแล้ว
ภวินดูแปลกไปหลังจากกลับจากงานเลี้ยง ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นแม้จะไม่พูด แต่ก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวายแบบที่เธอไม่เคยเห็นมานาน
...และเช้านี้ เขาเองก็ออกจากบ้านแต่เช้ามืด โดยไม่มีแม้แต่คำลาหรือคำพูดใด ๆ
คุณหญิงหลับตาช้า ๆ มือเรียวยกถ้วยชาแตะริมฝีปาก
...เธอกำลังครุ่นคิด
ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
ปลายสายคือหนึ่งในสายสืบที่เธอส่งให้ตรวจสอบข้อมูลของเมณิชาเงียบ ๆ มาตลอด
“ได้ข้อมูลเพิ่มหรือยัง” คุณหญิงถามเสียงเรียบ
>>“ได้แล้วครับคุณหญิง...ชื่อเดิมของคุณเมณิชาคือ 'พิมพ์ญดา มหาวงษ์' และยังมีชื่อเก่าก่อนหน้านั้นอีกครับ”
"เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว"
คุณหญิงไม่ได้แปลกใจกับข้อมูล แต่เริ่มนึกเอะใจ ว่าทำไมลูกสะใภ้คนนี้...เปลี่ยนชื่อบ่อยนัก?
>>“หลังจากคลอดลูกแฝด ก็เปลี่ยนนามสกุลเป็น ‘เอื้อตระกูลวงศ์’ แล้วจึงมาใช้ชื่อเมณิชาก่อนเข้าสู่วงการประกวดครับ” สายสืบพูดต่อ
“เด็กแฝด…” คุณหญิงทวนคำในใจช้า ๆ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ก็รู้กันอยู่แล้ว
>>“มีใบเกิดครับคุณหญิง ออกที่พะเยาเมื่อสี่ปีก่อน ลงชื่อแม่ในเอกสารว่า พิมพ์ญดา มหาวงษ์ ส่วนชื่อบิดา...เว้นว่างครับ”
"เรื่องนี้ ฉันก็รู้แล้ว"
>>"..."
ปลายสายนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง อย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะข้อมูลที่ได้มา คุณหญิงล้วนมีอยู่ก่อนแล้ว
"แล้วอีกชื่อหนึ่งหละ ที่บอกว่าเคยเปลี่ยน"
คุณหญิงถามขึ้นคล้ายนึกอะไรออก เพราะเท่าที่ฟังมา สิ่งนี้น่าจะเป็นข้อมูลที่ยังไม่เคยรู้
>>"พิมพ์ขวัญครับ ...พิมพ์ขวัญ มหาวงษ์"
สายสืบรีบตอบกลับ เมื่อเอ่ยชื่อจบ ก็รู้สึกเหมือนนึกบางอย่างออก
>>"เอ่อ... แล้วก็เคยมีข่าวลือครับ แต่ผมยังได้ข้อมูลมาไม่แน่ชัด"
"ข่าวลืออะไร รีบพูดมา!"
ปลายสายนิ่งเงียบ พยายามสูดลมหายใจยาวจนแน่นปอด ด้วยเพราะข้อมูลที่มียังบอกไม่ได้ ว่าข่าวลือนั้นจริงเท็จแค่ไหน
ถ้าพูดออกไปก็กลัวว่าจะเป็นการทำลายบุคคลที่กำลังถูกพูดถึง ซึ่งเธอคนนี้ก็มีศักดิ์เป็นถึงลูกสะใภ้ของเจ้านาย
"พูดมาสิ อย่ามัวอ้ำอึ้ง"
>>"คนแถวนั้นลือกันว่า... พ่อแม่ส่งเธอไปเรียนที่กรุงเทพ แต่เธอกลับเกเรทิ้งการเรียน ไปเข้าผับเข้าบาร์ ซ้ำยังรับงานเป็นเด็กดริ้ง จนพลาดท้องกลับมาครับ"
นิ้วเรียวของคุณหญิงกำถ้วยชาแน่นขึ้น ...ทุกอย่างเริ่มเชื่อมโยง
ใบหน้าไร้เดียงสาของน้องพราว
ท่าทางแววตานิ่งลึกของน้องพีร์
รวมถึงน้ำเสียงของภวิน...ในบางครั้งที่เขาพูดถึงเด็ก ๆ เหมือนเป็นลูกของเขาเอง
คุณหญิงวางถ้วยชาเสียงเบา แล้วเอ่ย
"สืบต่อไป หาข้อมูลมาให้ได้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ...หรือเธอเคยคบหากับใครมาก่อน ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะมีพฤติกรรมแบบนั้น"
>>"ครับคุณหญิง"
"แล้วที่เธอกับลูกหายไปหละ"
ปลายสายรายงานต่อ
>>“ตอนนี้พวกเรากำลังไล่ตรวจภาพกล้องวงจรปิดที่สถานีขนส่ง และพื้นที่ใกล้เคียงอยู่ครับ มีข่าวแว่วว่าเธอไม่ได้ไปคนเดียว แต่มีผู้ชายพาออกจากกรุงเทพฯ ไป”
“ผู้ชาย?” คุณหญิงขมวดคิ้วทันที “ใคร?”
>>“ยังไม่ชัดครับ แต่อาจจะเป็นเพื่อนเก่าของคุณเมย์”
คุณหญิงนิ่งงันไปชั่วขณะ ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างไม่พอใจ
เมณิชา…ซ่อนอะไรไว้กันแน่
...และเหตุผลอะไรถึงต้องหายไปในเวลานี้
อีกด้านหนึ่ง
สายลมยามเช้าพัดผ่านสนามหญ้าหน้าโรงเรียนเล็ก ๆ อันเงียบสงบ แสงแดดอ่อนสาดทาบพื้นดินแดงที่ยังชื้นจากฝน จนกลิ่นดินยังตลบอยู่ในอากาศ
เมณิชาสวมเสื้อยืดแขนยาวธรรมดา สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าบางส่วน ข้างตัวมีน้องพีร์และน้องพราวในชุดนักเรียนอนุบาลเรียบง่าย ถือกระเป๋าเป้ใบจิ๋วคนละข้าง
“หม่ามี้...เราจะเรียนที่นี่จริง ๆ เหรอคะ” น้องพราวถามขณะเดินจับมือเธออยู่
“ค่ะ ที่นี่เรียบง่ายและปลอดภัย แม่คิดว่า...พวกหนูจะชอบนะ”
"แล้วทำไม เราไปกลับไปหาตากับยายหละครับ" น้องพีร์ถามขึ้นอีกคนหนึ่ง
"เรา... จะอยู่ที่นี่กันชั่วคราวนะคะ แล้วเดี๋ยวค่อยกลับไปอยู่บ้านกับคุณตาคุณยายค่ะ"
เธอเลี่ยงที่จะตอบเหตุผล ที่จริงแล้วเธอยังไม่ได้บอกเรื่องราวทั้งหมดกับพ่อแม่ด้วยซ้ำ เพราะเกรงว่าท่านทั้งสองจะเป็นห่วง
น้องพีร์ทำหน้าฉงนกับคำตอบ เมณิชาพยายามยิ้มให้ลูก ทั้งที่ในใจ...กำลังรู้สึกไม่ต่างจากคนที่หลงทางในป่า
หลังจากหายตัวจากภวินมาได้สามวัน เธอกับลูกอยู่ที่บ้านพักเล็ก ๆ ของญาติของเพื่อนณัฐกฤษที่เขาติดต่อให้ ทุกอย่างดูเรียบง่ายและเรียบร้อย อาจเรียบเกินไปสำหรับเธอ แต่กลับทำให้รู้สึกปลอดภัยที่สุดในเวลานี้
เมณิชายื่นเอกสารใบสมัครให้กับคุณครูประจำโรงเรียนไปแล้วตั้งแต่สองวันก่อน จนวันนี้จึงพาเด็ก ๆ ทั้งสองมาเริ่มเรียนวันแรก
เธอยืนส่งลูกตรงหน้าห้อง รอให้ครูพี่เลี้ยงเดินมารับเด็ก ๆ หน้าต่างห้องเรียนเปิดออกลมเย็นพัดโชยเข้ามา ทำให้เธอเผลอถอนหายใจเบา ๆ
…แต่แล้วสายตาของเธอก็สะดุดกับบางอย่าง
ตรงริมรั้วโรงเรียน มีแผงขายของเล็ก ๆ ร่มเก่า ๆ ปักคาไว้บังแดด และผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาเป็นมิตร ยิ้มแย้มกับทุกคนที่เดินผ่าน
แม่ค้าคนนั้นยืนอยู่หลังโต๊ะไม้ มีข้าวเหนียวหมูปิ้ง และน้ำผลไม้ขายราคาถูก
ทุกอย่างดูปกติดี... ยกเว้นสายตาของเจ้าหล่อน ที่มองมาอย่างสังเกตสังกาเกินปกติ
ตอนแรกเมณิชาก็คิดว่า อาจเป็นเพราะเธอเป็นคนต่างถิ่น เพิ่งย้ายมาจึงถูกสนใจเป็นพิเศษ
แต่เมื่อเธอเดินพาลูกออกมาหน้าโรงเรียน เพื่อเตรียมกลับบ้าน ผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาทักทายตีสนิท ด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ
“แม่หนูเพิ่งย้ายมาเหรอ อยู่แถวไหนเหรอคะ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้”
คำถามเหมือนไม่มีพิษภัย แต่เมณิชารับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยในนั้น
เธอฝืนยิ้มเล็ก ๆ ตอบ
“ค่ะ เพิ่งมาได้ไม่กี่วัน ยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ยาวไหม”
แม่ค้าคนนั้นยังคงไม่ถอย ยกโทรศัพท์ขึ้นทำทีเป็นเช็กข้อความ แต่เธอกลับได้ยินเสียงกดถ่ายรูปดังแชะ
แม้เธอจะเดินหันหลังจากมาแล้ว หางตาก็ยังเห็นว่า แม่ค้าคนนั้นเล็งกล้องโทรศัพท์มาที่เธอไม่หยุด
ไม่ต้องเดา...ถ่ายเธอกับลูก
เมณิชาหน้าเปลี่ยนสีทันที เธอพาลูกเดินเร็ว ๆ กลับไปยังรถตุ๊ก ๆ คันเล็กที่จอดรอไม่ไกล ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาใครบางคน ...ที่ตอนนี้เธอไว้ใจที่สุด
“ณัฐ...ฉันว่าฉันกำลังถูกติดตาม”
“ว่าไงนะ?”
“มีคนถ่ายรูปฉันกับลูกหน้าโรงเรียนเมื่อกี้ ฉันไม่แน่ใจว่าใช่คนของแพทริเซียหรือเปล่า แต่...มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ”
ณัฐกฤษเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดช้า ๆ ด้วยเสียงที่ชัดเจนหนักแน่น
“พิมพ์...เธอต้องบอกคุณภวินแล้ว แบบนี้อันตรายเกินไป ถ้าคนของแพทริเซียเจอเธอเข้า เขาจะปกป้องเธอไม่ได้”
“ไม่! ฉันบอกแล้วไง ว่าจะไม่ให้เขาเดือดร้อน”
“แต่มันไม่ใช่แค่เรื่องของเธออีกแล้ว มันเกี่ยวกับเด็ก ๆ ด้วย”
เมณิชาเงียบ
น้ำเสียงเขาไม่มีความโกรธ ไม่มีแม้แต่ความตำหนิ มีเพียงความห่วงใยจากใจจริง
“ณัฐ...ถ้าเกิดอะไรขึ้น...นายต้องสัญญาว่าจะดูแลลูกฉัน พากลับไปส่งพ่อกับแม่ที่พะเยา”
“อย่าพูดแบบนั้นสิพิมพ์!” เขาขึ้นเสียงในที่สุด
“ฉันไม่ต้องการดูแลใครแทนใคร ฉันอยากให้พวกเธอกลับไปอยู่ในที่ปลอดภัย ...กับคนที่เธอควรไว้ใจที่สุด”
เมณิชาหลุบตามองลูกที่กำลังงัวเงียอยู่บนตัก
“เดี๋ยวฉันจะคิดอีกที...แต่ตอนนี้ช่วยกันระวังไว้ก่อน”
เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย...แต่ยังคงเข้มแข็งพอที่จะตัดสายไป ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจริง
บางครั้ง… ผีเสื้อไม่ได้โบยบินเพราะต้องการอิสรภาพ แต่มันบิน...เพราะไม่อยากให้ใครเห็นบาดแผลที่ปีก
...เมณิชา คือ ผีเสื้อตัวนั้น
เธอบินหนีออกจากสวนแห่งความรัก ...ไม่ใช่เพราะหมดรัก แต่เพราะเธอกลัวว่ากลิ่นยาไล่แมลงของอำนาจ ที่จะเผาปีกของใครบางคนให้มอดไหม้ไปทั้งตัว
และในป่าใหญ่ที่เธอคิดว่าปลอดภัย ...กลับมีนักล่ารออยู่เงียบ ๆ ใต้เงาไม้
*****