แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 6 บทละครซ่อนเงา
บทแสดง แกล้งรัก สมัครหมาย
ละครฉาย แนบเนียน เคียงสุขสม
ซ่อนความนัย ใช้คำแฝง แทงอารมณ์
เงาซ่อนคม ปมซ่อนมีด กรีดกลึงใจ
เช้าวันใหม่ ณ โรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพ
เสียงเครื่องวัดชีพจรดังเป็นจังหวะอยู่ข้างเตียง น้องพีร์นอนอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาด ใบหน้าน้อยๆ ดูผ่อนคลายมากกว่าสองเดือนที่ผ่านมา พรรณีกำลังนั่งลูบหัวหลานชาย ขณะที่สุชาติกำลังคุยกับพยาบาลถึงขั้นตอนของการเตรียมผ่าตัด
ที่ข้างเตียง น้องพราวนั่งตาแป๋วมองแม่ที่กำลังอยู่ในโทรทัศน์ เมณิชาในชุดกระโปรงสีครีมไข่มุก ยืนอยู่ข้างภวินท์ภายใต้แสงแฟลชและเสียงกรี๊ดจากบรรดาสื่อมวลชน
“หม่ามี้สวยที่สุดเลยค่ะ!” เด็กหญิงยิ้มกว้างจนเห็นฟันน้ำนม
พรรณีมองภาพนั้นด้วยสายตาสับสน ไม่รู้ควรจะรู้สึกภูมิใจ... หรือว่าเป็นห่วง
"คนนั้นคือพ่อพ่อของพี่พีร์กะน้องพราวหยอคะ ..ยายยาย"
เด็กหญิงถามด้วยความสงสัย ถึงจะยังเป็นเด็ก แต่ก็พอเข้าใจคำพูดที่ได้ยินจากการแถลงข่าว ผู้เป็นยายได้แต่ทอดถอนใจในความไร้เดียงสา
เมื่อวานระหว่างการเดินทางมากรุงเทพ พรรณีได้โทรหาลูกสาว ทันทีที่เมณิชารับสาย เสียงของแม่ฟังดูตื่นตระหนกและเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
"พิมพ์... แม่ได้ข่าวเรื่องตระกูลลัวร์แล้วนะลูก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
เมณิชาถอนหายใจยาว เธอรู้ดีว่าไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้จากแม่ได้
"แม่คะ... หนูเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไร แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องการให้หนู..."
เธอเว้นคำพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดความจริง "แต่งงานกับเขาค่ะ"
ความเงียบงันปกคลุมไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงของพรรณีจะดังกลับมาด้วยความตกใจ
"แต่งงาน! เมย์พูดจริงเหรอลูก ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้"
เมณิชาเล่าเรื่องการติดต่อจากคนของภวินท์ให้แม่ฟังอย่างละเอียด น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและความไม่แน่ใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมทายาทเศรษฐีผู้เพียบพร้อมถึงต้องการแต่งงานกับเธอ นางงามที่มีข่าวฉาวเรื่องลูกติด
"แม่ก็เดาจุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ออกเหมือนกัน แต่ลูกต้องระวังตัวให้ดีนะพิมพ์ ตระกูลลัวร์ไม่ใช่คนที่เราจะไปยุ่งเกี่ยวได้ง่ายๆ"
พรรณีเตือนทิ้งท้ายด้วยความเป็นห่วง
อีกด้านหนึ่ง
“ขอเสียงปรบมือให้กับคู่หมั้นแห่งปีของวงการธุรกิจไทย!”
งานแถลงข่าวการหมั้น ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพ
เสียงปรบมือดังกระหึ่มเมื่อพิธีกรเอ่ยประโยคจบ เมณิชาและภวินเดินจูงมือขึ้นเวทีด้วยสีหน้านิ่งขรึม เรียบหรู แต่ในใจของเมณิชา กลับเต้นรัวไม่หยุด เธอรู้ว่าทุกฝีก้าวของเธอในวันนี้ อยู่ในสายตาของผู้คนทั้งประเทศ
รวมถึงสายตาของคุณหญิงไอษดา ที่นั่งอยู่ในแถวหน้า พร้อมรอยยิ้มที่ไม่อาจอ่านใจได้
"คุณเมย์รู้สึกอย่างไรบ้างคะ กับการหมั้นในครั้งนี้"
“เมย์รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ ที่ได้อยู่เคียงข้างคุณภวินในฐานะคู่หมั้น”
เมณิชาตอบคำถามนักข่าวอย่างนุ่มนวล
“คุณภวินคะ จริงไหมคะที่คุณใช้การหมั้นครั้งนี้เพื่อกลบข่าวลือเกี่ยวกับตัวคุณ”
เสียงคำถามแหลมๆ จากนักข่าวคนหนึ่ง ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบทันที ภวินหันไปสบตากับคนถาม เพียงครู่เดียวเท่านั้น นักข่าวคนนั้นก็ลดไมโครโฟนลงอย่างไม่รู้ตัว
รังสีความเย็นเยียบในสายตาของภวิน เหมือนดึงเอาความกล้าหาญของทุกคนออกไปในวินาทีเดียว
“ถ้าผมต้องการกลบข่าวลือด้วยการหมั้น... ผมคงเลือกผู้หญิงที่ควบคุมง่ายกว่านี้”
เสียงหัวเราะบางเบาในห้องทำลายบรรยากาศตึงเครียด และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ภวินอย่างแนบเนียน
เมณิชาเหลือบตามองเขาเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเขากำลังช่วยเธอ... หรือเล่นกับความคิดของทุกคนในห้องกันแน่
"แล้วเรื่องตำแหน่งมิสออริจินัลไทยแลนด์ ถ้าคุณเมณิชาแต่งงาน ก็เท่ากับต้องสละตำแหน่งใช่ไหมคะ"
"ใช่ค่ะ เมย์ยินดีสละตำแหน่ง เพื่อมาทำหน้าที่ภรรยาให้คุณภวินอย่างเต็มที่ค่ะ"
ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่ของประโยคคำถามที่ว่า หญิงสาวยอมสละตำแหน่งอันทรงเกียรติที่เพิ่งได้รับมาหมาด ๆ เพื่อแต่งงานกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันได้จริงหรือ
"เราทั้งคู่ต่างเป็นรักแรกพบ ของกันและกันครับ"
ภวินพูดขึ้นหน้าตาเฉยใส่นักข่าว ประโยคเดียว ทำเอาทั้งงานเงียบ แล้วระเบิดเป็นเสียงฮือฮาหนักขึ้นในวินาทีต่อมา
"เธอสวยมากและดีพร้อม.. อย่างที่ทุกคนทราบ เมื่อผมได้พบตัวจริงของเธอ ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอ ..คือเจ้าสาวของผม"
เขาเสริม พร้อมจับมือเมณิชาไว้หลวม ๆ แต่แน่นพอให้ทุกกล้องจับภาพเอาไว้
เมณิชาหันมองเขาด้วยสายตาชื่นชม ไม่ใช่เพราะ หลงใหลในคารมแสนหวานที่เขาพูดถึงเธอ แต่เพราะความสมจริงในบทบาทที่เขาสวมอยู่นั้นช่างไร้ที่ติ
เธอหันมายิ้มพร้อมตอบกลับสื่อด้วยเสียงนุ่ม
"ก่อนหน้าที่จะมาประกวด เมย์ก็เคยติดตามข่าวของคุณภวินมาบ้าง และแอบชื่นชม ไม่เคยนึกเลยว่าเมื่อได้พบกันจริง ๆ คุณภวินจะเป็นคนที่เมย์สามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้"
หญิงสาวสวมบทบาทบ้าง ทำให้ภวินท์หันมามองด้วยความแปลกใจ ชั่วครู่ความรู้สึกก็เปลี่ยนเป็นพึงพอใจ รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เสียงแฟลชถ่ายภาพดังระรัว ภายนอกคือบทสนทนาในงานหมั้นแสนหวาน แต่ภายในใจทั้งคู่ต่างรู้ดีว่า มันคือการแสดงระดับมืออาชีพ
คฤหาสน์ลัวร์ – หลังจบงานแถลงข่าว
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งก่อนที่เมณิชาจะเปิดประตูห้องส่วนตัวออกมา เธอสวมชุดลำลองแล้ว แต่ยังมีเครื่องสำอางอยู่บนใบหน้า ดวงตาแดงเล็กน้อยจากความอ่อนล้า
ภวินยืนอยู่หน้าห้อง มือหนึ่งถือแก้วกาแฟเย็น ส่วนอีกมือหนึ่งมีกล่องของขวัญเล็กๆ
“นี่อะไรคะ” เธอถามขณะรับกล่องมา
“ของขวัญวันหมั้นสำหรับ 'ภรรยาในนาม' ของผม”
เมื่อเธอเปิดกล่องออก พบว่าด้านในเป็นกำไลเพชรเส้นเล็ก เรียบสวย ไม่หวือหวาแต่ประณีต
“มันแพงเกินไป”
“ก็เธอกำลังเล่นละครเรื่องแพงที่สุดของปีนี้อยู่”
เธอยิ้มบางๆ แล้ววางกล่องไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปเติมน้ำร้อน เขาตามเข้ามาในห้องโดยไม่รอให้อนุญาต
“คุณไม่ได้แกล้งพูดแค่ต่อหน้าสื่อนักข่าวใช่ไหมคะ” เธอถามขึ้นขณะเทน้ำร้อนใส่ถ้วยชาใบเล็ก
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่คุณพูดบนเวที... ว่าฉันดีพร้อม”
ภวินหัวเราะเบาๆ ก่อนเดินมาหยุดอยู่หลังเธอเพียงไม่กี่ก้าว
“แล้วเธอไม่ใช่คนที่ดีพร้อมหรอกเหรอ อย่าดูถูกตัวเองสิ คนเราทุกคนล้วนมีจุดแข็ง และจุดอ่อน!” เขาตอบโดยเน้นน้ำเสียงที่คำสุดท้าย
เธอวางถ้วยชาลงช้าๆ ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา
"ฉันยอมรับว่าฉันมีจุดอ่อน แล้วคุณล่ะคะ คนที่เพียบพร้อมอย่างคุณ มีจุดอ่อนไหม"
คำถามของเธอทำให้เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกถึงอะไรบางอย่างที่เขาแอบซ่อน ไว้ตั้งแต่คืนนั้น ...คืนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตลูกผู้ชายอย่างเขา
โรงพยาบาล – วันผ่าตัดของน้องพีร์
พยาบาลผลักเตียงเคลื่อนย้ายเข้าไปยังห้องผ่าตัด พรรณีกุมมือน้องพีร์ไว้แน่น สองตายายพยายามกลั้นน้ำตา ขณะที่น้องพราวยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นนัก
“หลานคนเก่งของยาย เดี๋ยวก็หายแล้วนะ ...น้องพีร์” พรรณีพูดกับหลานชายทั้งน้ำตา
และทันใดนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นที่ปลายทางเดิน เมณิชาในชุดเดรสสีอ่อน วิ่งมาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าแตกตื่น เธอคว้ามือแม่และลูกๆ มากอดแน่น
“แม่ขอโทษนะลูก ที่มาช้า”
“หม่ามี้...”
พีร์ยิ้มอ่อนแรง ก่อนจะถูกพาเข้าห้องผ่าตัด
ภวินยืนอยู่เงียบๆ ไม่ไกลนัก สวมแว่นกันแดดและสูทสีเข้ม ผู้คนรอบข้างต่างมองเขาด้วยความเคารพ แม้จะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่ภาพที่เขายืนเฝ้าภรรยากับครอบครัวอย่างเงียบงัน... กลับทำให้หัวใจของพยาบาลหลายคนเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว
เมณิชาหันมามองเขา
“ขอบคุณนะคะ ที่อนุญาตให้ฉันมาที่นี่...”
“ผมแค่ทำในสิ่งที่ 'ว่าที่สามี' ควรทำเท่านั้น”
แต่แววตาของเขา... ไม่ได้เย็นชาเหมือนคำพูดเลยแม้แต่น้อย
อีกฟากหนึ่งของเมือง ณ โรงพยาบาลจิตเวชชุมชน
“อาผิดไปแล้ว...”
เสียงกระซิบแหบแห้งดังขึ้น ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาและไฟสลัว
สุรวีร์ในสภาพโทรม สวมชุดผู้ป่วยจิตเวช นั่งอยู่ริมหน้าต่างเหม่อมองไปไกล เหมือนคนที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองเดินทางผิดมาทั้งชีวิต
เขากระซิบกับตัวเองว่า
“พิมพ์... อาจะชดใช้ทุกอย่าง อาสัญญา..”
“ถ้าอยากชดใช้จริง…ก็เริ่มจากการพูดความจริงก่อนสิ”
เสียงทุ่มนุ่มของบุคคลหนึ่งในเงามืด ดังขึ้นทำลายภวังค์ห้วงคิด สุรวีร์เงยหน้ามองตามเสียงอย่างช้าๆ แล้วต้องเบิกตาโพลง เมื่อเห็นเสี้ยวใบหน้าของบุคคลนั้นที่โผล่พ้นเงา
*****