แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 7 วิวาห์จำแลง
ดั่งประตู พาเปิดสู่ โลกแห่งฝัน
ดั่งสวรรค์ ของคู่คิด จิตมั่นหมาย
ดั่งวิวาห์ มาจากรัก ของหญิงชาย
ดั่งเครื่องฉาย จำแลงฉาก จากละคร
“บางงานแต่ง เกิดจากความรัก แต่บางงานแต่ง…กลับเป็นเวทีของการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิต”
แสงไฟระยิบระยับของโคมคริสตัลกลางห้องจัดเลี้ยงสะท้อนกับผิวโต๊ะหินอ่อน แก้วไวน์ บานประตูไม้สัก และผ้าปูโต๊ะสีไข่มุกที่รีดเรียบไร้รอยยับ ทุกตารางนิ้วของโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพ ในเช้าวันนี้ ถูกตกแต่งด้วยความงดงามสมบูรณ์แบบ ราวหลุดมาจากนิตยสารแต่งงานระดับโลก
เสียงไวโอลินบรรเลงเบาๆ เคล้ากลิ่นหอมจางของดอกพีโอนีขาวแทรกปะปนกับกุหลาบอิงลิชโรสและกลีบลิลลี่ ถักร้อยไปตามโต๊ะอาหารและซุ้มพิธี แสงเทียนส่องกระทบเครื่องคริสตัลจนเป็นประกายระยิบระยับราวกับงานราตรีของเจ้าหญิงในเทพนิยาย
เสียงซุบซิบของแขกที่มาร่วมงานเริ่มดังขึ้นทีละนิด สายตาหลายคู่หันไปมองทางประตูใหญ่ที่ยังปิดสนิท แขกเหรื่อในงานล้วนแต่เป็นบุคคลระดับสูง เจ้าของธุรกิจ ไฮโซ เซเลบ สื่อมวลชนชื่อดัง ทุกคนต่างรู้จักชื่อเสียงของตระกูลลัวร์ แต่ไม่มีใครรู้เบื้องลึกของงานวิวาห์ครั้งนี้
'คู่นี้แต่งกันเพราะอะไร' มันเป็นคำถามที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยออกมาตรงๆ เพราะเจ้าบ่าวคือ 'ภวิน ลัวร์'
และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม แม้หลายคนในงานจะอยากรู้เรื่องจริงเบื้องหลัง แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร นอกจากยกแก้วจิบไวน์ และรอดูละครฉากใหญ่ของวันนี้อย่างเงียบ ๆ
“เจ้าสาวมาแล้วค่ะ!” เสียงกระซิบดังขึ้นทันทีที่บานประตูเริ่มเปิดออก
เงาเจ้าสาวในชุดสีงาช้าง ปรากฏใต้แสงไฟสปอตไลต์ราวกับภาพในความฝัน
เมณิชาในชุดแต่งงานผ้าลูกไม้ฝรั่งเศส ปักเลื่อมด้วยมือกว่าสองร้อยชั่วโมง แพงที่สุดเท่าที่ห้องเสื้อแบรนด์ดังเคยทำให้ใครสักคน ผ้าคลุมผมยาวลากกับพื้น ขับให้รูปร่างของเธอดูสูงสง่าราวเจ้าหญิงในเทพนิยาย
เธอก้าวเดินบนพรมยาวด้วยจังหวะที่มั่นคงแม้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มือของเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะในหัวมีแต่ภาพลูกทั้งสองคนที่ไม่ได้อยู่ในงาน
'แม่จะกลับไปหาหนูนะ... อีกไม่นาน' เธอพูดในใจ
ที่ปลายทางของพรม ภวินในชุดสูทเจ้าบ่าวสีงาช้างเข้ากันกับเธอ ยืนรออยู่ที่แท่นพิธี ใบหน้าของเขาเรียบเฉยอย่างเคย แต่ในความนิ่งนั้นกลับแฝงไว้ด้วยแรงอำนาจที่ไม่อาจละสายตาได้
เสียงไวโอลินจางลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจของเธอกับจังหวะหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นทุกวินาที
เมื่อมาถึง เขายื่นมือให้เธออย่างแนบเนียนพอดีกับจังหวะเพลงหยุด ทุกคนในห้องเงียบกริบ จับตาอยู่ที่คู่บ่าวสาวตรงหน้า
“ใจเย็น ฉันไม่ได้จะจับเธอขังไว้ในชีวิตจริงหรอก”
เขากระซิบเบา ๆ น้ำเสียงนั้นนิ่ง เยือกเย็น แต่ก็อ่อนลงจากเดิม หากตั้งใจสังเกต
“แค่ในนาม ..ฉันรู้”
เธอตอบกลับเช่นกัน โดยไม่ได้หันไปสบตา จึงไม่ทันเห็นรอยยิ้มมุมปากของอีกฝ่าย
ทั้งห้องเงียบสนิทในช่วงกล่าวคำสาบาน พิธีกรกล่าวเชิญทั้งคู่ยืนหันหน้าหากัน พร้อมกล่าวคำมั่นต่อกัน
“คุณภวินท์ ลัวร์ คุณพร้อมจะยืนเคียงข้างผู้หญิงคนนี้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ตราบเท่าลมหายใจของคุณหรือไม่”
“ผมจะปกป้องเธอ เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้” ภวินท์ตอบสั้นๆ แต่หนักแน่น
เมณิชาหันมองเขาวูบหนึ่ง หัวใจเธอสั่นไหว แม้ไม่ใช่คำว่า 'รัก' แต่เป็นคำที่หนักแน่น และจริงจังเกินกว่าที่คาดไว้
พิธีกรหันไปทางเจ้าสาวบ้าง
“คุณเมณิชา เอื้อตระกูลวงศ์ คุณพร้อมจะยืนข้างชายคนนี้ในฐานะภรรยา ดูแล เกื้อหนุน และซื่อสัตย์ต่อกัน ตราบเท่าลมหายใจของคุณหรือไม่”
เธอเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่หนักแน่นไม่แพ้เจ้าบ่าวตรงหน้า
“...ฉันยินดีจะอยู่เคียงข้างเขา จนถึงวันที่เราบรรลุเป้าหมายของชีวิต”
ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย คำพูดของเธอแฝงความหมายบางอย่างลึกซึ้ง เกินกว่าที่ใครในห้องจะเข้าใจ
มันไม่ใช่คำสัญญาแห่งรัก แต่เป็นคำมั่นของใครบางคนที่รู้ว่า… ทุกสิ่งคือข้อตกลง
งานเลี้ยงฉลองเริ่มต้นขึ้นหลังพิธีจบ เสียงเพลงแจ๊ส และแก้วแชมเปญที่กระทบกัน ดังปะปนไปกับเสียงหัวเราะเจือความอยากรู้อยากเห็น
แขกเหรื่อในชุดราตรีหรูต่างผลัดกันเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว ภวินท์และเมณิชายืนประจำอยู่ตรงกลาง ราวกับเป็นประติมากรรมงดงามที่ถูกจัดแสดง
“ขอแสดงความยินดีนะคะ คุณเมย์สวยเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารเลยค่ะ”
“คุณภวินท์โชคดีมากครับ ที่ได้ผู้หญิงที่สวยที่สุดเป็นภรรยา”
"คุณเมณิชาและคุณภวินช่างเหมาะสมกันจริงๆ ค่ะ"
เมณิชายิ้มรับคำชมทั้งหมดด้วยท่าทีอ่อนน้อม ขณะที่ภวินท์พยักหน้ารับแบบสุภาพแต่ไม่แสดงอารมณ์มากนัก
เธอรู้...ว่าทั้งหมดนี้คือบทบาทที่ต้องแสดงให้สมจริง ทุกรอยยิ้ม ทุกคำพูด คือการปิดบังสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ
ณ มุมวีไอพี ภายในงานเลี้ยง ไอษดาในชุดราตรียาวสีแชมเปญ ยื่นแก้วไวน์ให้ลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่แววตามีนัยยะแอบแฝง
“เธอทำได้ดีนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
เมณิชากล่าวรับเบาๆ พลางรับแก้วไวน์จากหญิงสาววัยกลางคนที่ยังดูสง่างามและทรงพลังเกินวัย
“แต่จำไว้นะเมย์... สิ่งที่เธอแสดงอยู่ มันจะต้องแนบเนียนกว่านี้อีกหลายเท่า ถ้าเธอหวังจะอยู่ในตระกูลลัวร์ได้นานกว่าสัญญาแต่งงาน”
เมณิชายิ้ม เธอตกใจเล็กน้อยที่แม่ของภวินรู้เงื่อนไขเรื่องวิวาห์กำมะลอ แต่ก็ไม่แปลก เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเป็นถึง นายหญิงของตระกูลนี้
“เมย์ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่า การทำหน้าที่ให้ครบตามที่ตกลงค่ะ”
ไอษดาหรี่ตามอง
“ดี... ถ้าเธอไม่โลภ ก็จะไม่เจ็บ”
คำพูดของไอษดาไม่ต่างจากการขู่อย่างนุ่มนวล เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า เธอกำลัง ‘จับตา’ เจ้าสาวของลูกชายอยู่ทุกฝีก้าว
ในห้องเปลี่ยนชุด เมณิชานั่งอยู่หน้าโต๊ะแต่งหน้า พนักงานกำลังช่วยเธอถอดต่างหูและปลดเครื่องประดับ
ภวินท์เดินเข้ามาเงียบๆ ถือโทรศัพท์อยู่ในมือ เขาเพียงพยักหน้าขอความเป็นส่วนตัว พนักงานภายในห้องก็รีบจัดการให้ในทันที
เมื่อเหลือเพียงเขาและเธอ เขาก็ยื่นหน้าจอให้เธอดูโดยไม่พูดอะไร
มันคือรูปภาพที่มีใครบางคนแท็กชื่อเธอในโซเชียล เป็นรูปถ่ายที่ไม่ชัดนัก แต่ก็พอจะระบุตัวตนของคนในรูปได้
เด็กชายตัวเล็กในเสื้อผู้ป่วยยิ้มกว้าง ข้างกายคือหญิงสาวที่หน้าตาละม้ายเมณิชา กำลังกอดเขา ภาพดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติเกินกว่าจะเป็นแค่ญาติห่างๆ
“ภาพนี้น่ารักดี” เขาพูดเสียงเรียบ แล้วถามต่อ
“ใช่ลูกชายของเธอไหม”
เมณิชาเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ใช่ค่ะ...คนโตชื่อน้องพีร์ อีกคนชื่อน้องพราว เป็นแฝดกัน”
ภวินท์ยืนพิงขอบโต๊ะ มองเธอผ่านกระจกเงา “ตอนแรกฉันนึกว่าเธอจะไม่ยอมรับออกมาตรงๆ”
“ฉันไม่ได้ปิดบัง... แต่ไม่พร้อมประกาศออกสื่อ” เมณิชาหันกลับมามองเขา
เขาพยักหน้า ก่อนจะถามอีกประโยคที่ทำให้ความรู้สึกภายในอกของเธอจุกแน่น
“แล้วพ่อของเด็กอยู่ที่ไหน”
คำถามง่ายๆ แต่เหมือนกระสุนยิงเข้าเป้า เมณิชาสบตาเขาเพียงชั่วครู่ ก่อนหันกลับไปมองเครื่องสำอางตรงหน้า
“ตายไปจากชีวิตฉันนานแล้วค่ะ”
ภวินท์เลิกคิ้วสูง แต่ไม่ได้ถามต่อ เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยรุกล้ำเกินขอบเขต เว้นเสียแต่ว่า... เขาจะสนใจสิ่งนั้นจริงๆ
...และตอนนี้เขาเหมือนจะเริ่มสนใจ
*****