แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 22 ม่านรักซ่อนเงา
ม่านบังใจ ไหวระริก พลิกพริ้วเปิด
รักก่อเกิด เป็นครอบครัว สุดแหนหวง
ซ่อนบ่วงร้าย ใต้บ่วงรัก ปักแทงทรวง
เงาลางลวง ทวงตอกย้ำ กล้ำกรายใจ
"ทำไมหม่ามี้ถึงมานอนกับพ่อพ่อ?"
"จุ๊ๆ น้องพราว เราต้องเรียกเขาว่าลุงวินสิ หม่ามี้บอกพี่เอาไว้"
"ไม่เอาอ่ะ น้องพราวอยากเรียกว่าพ่อพ่อ ก็เขาแต่งงานกับหม่ามี้แล้วนี่"
"อยากเรียกก็ช่าง แต่พี่พีร์ไม่เอาด้วยหรอก 'พ่อพ่อ' เชยจะตาย...แบร่"
เสียงเล็กเจื้อยแจ้วเถียงกันแต่เช้า แล้วปิดท้ายที่คนพี่ทำแลบลิ้นแหกตาข้างหนึ่งใส่คนน้อง จนเกิดเป็นการวิ่งไล่จับกัน เสียงดังอยู่ในห้องนอนใหญ่
เมื่อเช้าทั้งสองตื่นมาไม่เห็นแม่ จึงออกจากห้องมาตามหา ด้วยความที่เป็นเด็กฉลาด คิดได้ว่าห้องของภวินต้องอยู่ใกล้ ๆ แล้วเด็ก ๆ ก็คิดถูก และประตูก็ไม่ได้ล็อค
เมณิชาสะดุ้งตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของคนร่างใหญ่ ที่กอดเธอเอาไว้หลวม ๆ แต่แน่นหนาจนเธอขยับตัวออกไม่ได้
จนกระทั่งคิ้วหนาขยับเลิกขึ้น แล้วอ้อมกอดก็กระชับแน่นกว่าเก่า
"จะหนีไปไหนครับ ...แม่แมวตัวแสบ"
เมื่อคืนภวินอุ้มเมณิชากลับมาที่ห้องนอนใหญ่ แล้วก็เล่นบทเสือขู่แมว แมวข่วนเสือทั้งคืน จนหลับไปช่วงใกล้รุ่งสาง
เมณิชาหน้าแดงก่ำกับสรรพนามที่เขาใช้เรียก เธอเป็นแมวที่ไหน เธอเป็นแม่เสือต่างหาก ...ถึงจะโดนเขาจับกินจนเกือบเช้าก็เถอะ
แต่ก่อนที่จะมีบทรักหวานฉ่ำ สองเด็กน้อยก็วิ่งกระโดดขึ้นมาบนเตียง แทรกเข้าตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง
"อ้าว! น้องพีร์ น้องพราว ...ว่าแล้ว หม่ามี้ได้ยินเสียงดังไปถึงในฝันแน่ะ"
วงแขนบางพาดกอดไปบนตัวลูกสาวที่ล้มตัวนอนมาที่ฝั่งของเธอ
ส่วนน้องพีร์ที่ล้มลงไปนอนที่ฝั่งของภวิน ก็กำลังพยายามปีนหนีไปข้างหลัง แล้วใช้ร่างใหญ่เป็นที่บังหลบภัย
"น้องพีร์ ทำไมไปหลบหลังลุงวินอย่างนั้นล่ะคะ" เมณิชานึกขันกับท่าทางราวกับทหารน้อย ที่กำลังหลบอยู่หลังบังเกอร์ยักษ์
"น้องพราว มาตามหาหม่ามี้เหรอคะ แล้วทำไมไล่จับพี่พีร์แบบนี้ล่ะ"
เป็นภวินที่ใช้เสียงสองเสียงสามเจรจากับน้องพราว ที่กำลังทำหน้าโมโหคนพี่และพยายามเอาคืนให้ได้ ...ท่าทางเอาจริงเอาจังเหมือนแม่ไม่มีผิด
"ก็พี่พีร์ ล้อน้องพราวว่าเชย" น้องพราวฟ้องแม่เสียงแจ้ว
"ก็น้องพราวเรียกลุงวินว่า พ่อพ่อ นี่ครับ"
น้องพีร์ฟ้องบ้าง คราวนี้ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"เรียกลุงตามพี่พีร์ถูกแล้วนะคะ น้องพราว"
เป็นเมณิชาที่กอดปลอบเด็กหญิงแล้วพูดสอน น้องพราวทำปากง้ำส่ายหัว ส่วนน้องพีร์นั่งกอดอกพยักหน้าหงึก ๆ
"แล้วทำไมจะเรียกพ่อไม่ได้ ก็เราแต่งงานกันแล้ว ลูกเมย์ก็เหมือนลูกผม"
ภวินทำคิ้วขมวด ยกเหตุผลมาสู้ ไม่เข้าใจว่าทำไมเมณิชาถึงหวงแหนคำว่าพ่อกับเขานัก
"ใช่ แต่งแต่งแล้ว" น้องพราวยิ้ม รีบพูดเสริม
"นี่คุณ... อย่าทำให้เด็ก ๆ สับสนสิคะ"
มือเล็กเอื้อมไปตีแขนเตือนคนร่างใหญ่ หนักพอให้เขารู้ว่าเธอเอาจริง ...แม่แมวเริ่มขู่เขาฟ่อ ๆ อีกแล้ว
ใจหนึ่งก็ว่าจะเถียงกลับ แต่พอได้เห็นใบหน้าหวานที่เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง นัยตาที่เริ่มฉายแววดุอันทรงพลังนั้น เขาว่าเขายอมถอยดีกว่า
"แต่เรียกลุงดีกว่านะคะ น้องพราว เดี๋ยวรอหม่ามี้มีน้องอีกคน ค่อยเรียกลุงว่าพ่อพ่อ ...ดีไหม"
คนร่างใหญ่พูดจบก็รีบรวบตัวน้องพีร์ที่หลบอยู่ข้างหลัง แล้วพากันวิ่งเข้าห้องน้ำ หลบการโจมตีทางสายตาของอีกฝ่ายได้ทันเวลา
"เราไปแปรงฟันกันดีกว่าครับ" ก่อนปิดประตูห้องน้ำลง
คล้อยหลังคนที่วิ่งเข้าห้องน้ำไป น้องพราวก็เอ่ยขึ้น
"น้องปู้ชายหรือปู้หญิงคะหม่ามี้ น้องพราวอยากตั้งชื่อ"
เมณิชาหน้าแดงแทบตอบลูกสาวไม่ถูก แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะตอนที่เธอคลอดลูก ๆ เธอได้ขอให้หมอทำหมั้นไว้แล้ว
ด้วยเหตุผลคือเธอมีลูกสองคนเพียงพอแล้ว และหากในอนาคตเธอมีสามีใหม่ เธอจะไม่มีลูกใหม่เด็ดขาด เพราะคิดถึงความรู้สึกของลูก ๆ เป็นที่สุด
"...ยังจ๊ะ น้องยังไม่มาเกิดหรอกลูก"
น้องพราวก้มลงเอาหูแนบท้องแม่ แล้วยิ้มจนตาหยีใส่
"มีสิคะ ตั้งสองคนแน่ะ"
"น้องพราวนี่น๊าา ..ปะ..ไปล้างหน้าแปรงฟันกัน"
เมณิชาได้แต่ยิ้มเอ็นดูลูกสาว แล้วจึงอุ้มพากันไปเข้าห้องน้ำอีกห้อง
คล้อยหลังคนทั้งสี่ บรรยากาศภายในห้องก็นิ่งสงบราวทะเลไร้คลื่น แต่แล้วกลับมีพายุลูกหนึ่ง กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือของเมณิชาดังขึ้นแผ่วเบาบนโต๊ะที่หัวเตียงใหญ่
หน้าจอสว่างวาบขึ้น เผยข้อความใหม่ จากเบอร์แปลกที่ไม่ปรากฏชื่อ
>>“หายไปจากเขาซะ ก่อนที่เธอจะเสียทุกอย่าง”
ห้องทานอาหาร
เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังเจื้อยแจ้วภายในห้องอาหาร กลบความเย็นชาของคฤหาสน์ลัวร์ลงจนแทบหมดสิ้น
โต๊ะอาหารยาวหรูหรา ถูกจัดวางอาหารเช้าแบบเรียบง่าย แต่หลากหลาย ทั้งขนมปังอบใหม่ เนยและชีสหอมกรุ่น แพนเค้กที่เสิร์ฟวางกับน้ำผึ้ง ผลไม้หั่นพอดีคำ และซุปใสร้อน ๆ
รวมถึงข้าวผัดกุ้ง และข้าวต้มปลาทรงเครื่อง ที่ปรุงมาสำหรับเด็ก ๆ
ภวินนั่งหัวโต๊ะตามปกติ แต่มือหนากำลังค่อย ๆ ตักข้าวต้มปลาใส่ชามให้เด็ก ๆ ด้วยท่าทีใจเย็นดูแปลกตา
ข้าง ๆ เขาเป็นน้องพีร์ที่นั่งเรียบร้อย แต่ไม่วายชะเง้อหน้าดูข้าวต้มที่ภวินตักเป็นพัก ๆ
เมณิชานั่งถัดมา กำลังเป่าข้าวผัดในช้อนให้ลูกสาว ที่กำลังเคี้ยวข้าวคำก่อนหน้าจนแก้มป่อง
และฝั่งตรงข้ามคือคุณหญิงไอษดา ที่เพียงนั่งมองภาพตรงหน้าเงียบ ๆ ด้วยแววตานิ่งลึก ...ก่อนจะเปรยเบา ๆ
“นี่คือโต๊ะอาหารของครอบครัวจริง ๆ เสียดายที่เรายังไม่ได้ถ่ายรูปครอบครัวสักใบ”
เสียงนั้นไม่ได้ประชด แต่เหมือนละอองความรู้สึกอุ่นแทรกบาง ๆ ในอากาศ
เมณิชากำลังจะตอบอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
[สุรวีร์ - โทรเข้า]
เธอลังเลเพียงครู่ ก่อนจะลุกจากโต๊ะช้า ๆ
“ขออนุญาตค่ะ เดี๋ยวเมย์ขอตัวไปรับสายนิดหนึ่งนะคะ”
ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ โดยเฉพาะภวินที่เหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไร
เมณิชาเดินออกจากห้องอาหาร มายืนที่ระเบียงหินอ่อนข้างตัวบ้าน สายลมเย็นพัดมาเบา ๆ แต่คำพูดแรกของสุรวีร์ที่ลอดผ่านสายทำให้บรรยากาศทุกอย่างแปรเปลี่ยน
“พิมพ์...ยังอยู่ดีใช่ไหม” เสียงของสุรวีร์ฟังดูร้อนรนผิดปกติ
เมณิชากดรับสายด้วยสีหน้าเรียบสนิท แต่ในใจเต็มไปด้วยความระแวงสงสัย
"มีอะไรคะ" เสียงของเธอเย็นนิ่งและห่างเหินกว่าทุกครั้ง
เสียงถอนหายใจจากปลายสายดังลอดออกมา ก่อนจะพูดขึ้นช้า ๆ
“อา...จะคืนเงินให้ห้าแสน พิมพ์มารับได้ไหม อามีเงินสดอยู่แล้วตอนนี้”
เมณิชาหลุดหัวเราะเบา ๆ โดยไร้แววขัน
"ห้าแสนเหรอคะ จากเงินรางวัลของพิมพ์ที่อาหอบไปเกือบล้าน? คราวก่อนก็โทรมาบอกแบบนี้ สุดท้ายก็แค่ล่อพิมพ์ให้อัดเสียง แล้วตัดต่อข่าวปลอมไม่ใช่หรอคะ"
เสียงของเธอเฉียบคม เย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งใต้ผิวน้ำ
“คราวนี้ไม่ได้หลอกนะพิมพ์ อารู้ว่าอาทำผิด...แต่ครั้งนี้อาจริงใจ”
"จริงใจ?" เธอกระตุกเสียงสูงขึ้นนิดหนึ่ง
"อย่าใช้คำนี้กับพิมพ์เลยค่ะ มันเปลืองปาก"
เธอกำลังจะกดวางสาย แต่เสียงของสุรวีร์กลับเร่งขึ้นทันที ร้อนรนจนน้ำเสียงสั่น
“เดี๋ยวก่อน! พิมพ์...เธออยู่กับลูกใช่ไหม”
เมณิชานิ่งไปเพียงชั่ววินาที เมื่อได้ยินคำว่า 'ลูก' ความรู้สึกไม่ดีบางอย่างเริ่มไหลเข้ามาในอก
"ถามทำไม"
“เพราะมีคนจับตาดูเธออยู่ และไม่ใช่แค่เธอ...แต่รวมถึงเด็ก ๆ ด้วย พิมพ์...อาขอร้อง พาเด็ก ๆ หนีไปก่อน อยู่ให้ห่างจากภวินให้มากที่สุด!”
คำเตือนนั้นฟังดูเพ้อเจ้อและไม่น่าเชื่อถือ เมื่อมาจากคนที่เคยหักหลังเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"อา...หยุดเลยค่ะ พิมพ์ไม่ใช่เหยื่อของอาอีกแล้ว ไม่ต้องมาเตือนอะไรทั้งนั้น"
“อย่าโง่ไปเชื่อว่าชีวิตนี้จะสงบสุข แค่เพราะอยู่กับคนใหญ่คนโตนะพิมพ์ ...เขาอาจจะดูแลเธอได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกคนในโลกนี้ที่อยากให้เธอกับเด็กสองคนนั้นอยู่ดีมีสุข”
ปลายสายตัดไปก่อนที่เธอจะพูดอะไรต่อ ทิ้งความเงียบไว้กลางระเบียงหินอ่อน ที่เริ่มเย็นชืดลงราวกับลมหนาวกำลังจะพัดผ่าน ...ทั้งที่เป็นฤดูร้อน
เมณิชายืนอยู่ตรงนั้น สายตาเหม่อมองต้นไม้ไหวระริกอยู่ตรงสนาม
เสียงใจเต้นแรงของเธอ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าตัวเองจะเจ็บ แต่เพราะ...กลัวว่าลูก ๆ ของเธอจะเจ็บปวดไปด้วย
เธอถอนหายใจแรง กำโทรศัพท์แน่นพลางเดินกลับเข้าด้านในห้อง
แต่เมื่อหยิบหน้าจอขึ้นมาใหม่ จู่ ๆ เธอก็เห็นข้อความที่เธอยังไม่ได้อ่าน มันส่งมาตั้งแต่สามชั่วโมงก่อน อาจเป็นเพราะเธอกำลังยุ่งอยู่จึงไม่ทันเห็น
>>“หายไปจากเขาซะ ก่อนที่เธอจะเสียทุกอย่าง”
เธอกำลังจะกดลบทิ้ง แต่ในจังหวะนั้น...
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนใหม่ดังขึ้นอีกข้อความ คราวนี้...ไม่ใช่แค่ขู่เธอ
>>“ไม่เชื่อก็ได้ แต่ฉันจะเริ่มจากเด็กก่อน”
มือของเมณิชาสั่น ใจเหมือนกระตุกวูบ โทรศัพท์ในมือแทบร่วงลงพื้น
เธอเพิ่งหัวเราะเยาะให้คำพูดของสุรวีร์ไปเมื่อครู่
แต่ตอนนี้เธอไม่มั่นใจอีกแล้ว ว่ามันเป็นคำเตือน หรือแค่คำเพ้อเจ้อกันแน่
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองลูกทั้งสองในห้องอาหาร ที่กำลังหัวเราะคิกคักกับคุณหญิงและภวิน ภาพนั้นช่างดูเหมือนความฝัน
แต่สิ่งที่เธอกลัวว่าจะเกิดขึ้น...มันเหมือนฝันร้าย
*****