แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 8 ดาวที่หม่นแสง
ดาวดวงเด่น เห็นสกาว พราวส่องแสง
ที่อ่อนแรง เพราะผู้คน ก่นอิจฉา
หม่นจิตใจ ซื่อใสสวย ด้วยมารยา
แสงหรี่พร่า พาจุดเปลี่ยน เจ็บเจียรตาย
พิมพ์เคยเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ในจังหวัดพะเยา
เธอเติบโตในอ้อมกอดอบอุ่นของครอบครัวที่เรียบง่าย พ่อแม่มีสวนผลไม้เล็ก ๆ อยู่หลังบ้าน ชีวิตของเธอไม่ได้หรูหรา แต่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เธอมีใบหน้าที่น่ารักจนใครหลายคนชมว่าสวยหวานแบบสาวเหนือ แต่รูปร่างที่อวบอั๋นมาตั้งแต่เด็ก กลับกลายเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เธอถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ
“อ้วน! แล้วยังจะกล้าแต่งหน้า”
“แหม.. หน้าใส แต่ตัวเหมือนลูกโป่งจังเลยนะ”
คำพูดเหล่านี้เป็นเหมือนฉากหลังของชีวิตเธอ แม้จะพยายามทำใจให้ชิน แต่พิมพ์ก็ไม่เคยลืมว่า ทุกครั้งที่คนอื่นหัวเราะ…เธอจะร้องไห้
เธอสอบได้โควต้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ เป็นเด็กต่างจังหวัดที่เดินทางมาเพื่อสร้างความฝัน ความตั้งใจแรกคือเรียนให้จบ สร้างชีวิตให้พ่อแม่ภูมิใจ
แต่ในเมืองใหญ่ ความฝันถึงชีวิตที่ดี กลับกลายเป็นฝันร้าย
แม้หน้าตาของเธอจะได้เปรียบกว่าคนอื่น แต่รูปร่างของเธอก็ยังเป็นเป้าของคำพูดร้าย ๆ โดยเฉพาะจากกลุ่มเพื่อนผู้หญิงในห้องเรียน ที่ดูจะไม่พอใจอะไรเธอสักอย่าง
“แกมันปลอมไงพิมพ์ แกล้งซื่อ ๆ”
“อ้วนแล้วยังจะทำตัวเด่น”
เธอเลือกที่จะไม่ตอบโต้ เพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเอง แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ การไม่สู้กลับทำให้พวกเขามองว่าเธออ่อนแอ และยิ่งได้ใจ
ในกลุ่มนั้นมี ‘นัท’ เพื่อนผู้ชายที่ไม่ค่อยพูด เขาอยู่ในกลุ่มเดียวกับคนที่แกล้งเธอ แต่ดูเหมือนจะไม่เคยหัวเราะเยาะ หรือพูดร้ายกับเธอเหมือนคนอื่น บางครั้งเขายังแอบช่วยเธอโดยไม่แสดงออก เช่น หยิบของที่เธอทำตกให้ หรือกันไม่ให้เธอโดนแกล้ง
วันหนึ่ง ภายในห้องเรียนรวมของคณะช่วงบ่ายวันศุกร์ แสงแดดส่องลอดหน้าต่างเข้ามาเป็นเส้นจาง ๆ
พิมพ์ญดานั่งอยู่ที่โต๊ะริมสุดตามปกติ เธอก้มหน้าจดเลคเชอร์ด้วยลายมือที่เรียบร้อย ตัวอักษรดูอัดแน่น เพราะพยายามจดทุกคำที่อาจารย์พูดไว้เพื่อทบทวนทีหลัง
บรรยากาศในห้องแม้จะราบเรียบ จากเสียงบรรยายเนื่อย ๆ ของผู้สอน แต่ก็มีสายตาจำนวนหนึ่งที่แอบเหล่มองเธออย่างไม่ปิดบัง
“อ้วนแล้วยังขยันอีกเว้ย” เสียงกระซิบเบา ๆ ดังลอดมาจากฝั่งซ้ายของห้อง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่พยายามกลั้นเอาไว้
พิมพ์ไม่ได้หันไปมอง เธอชินแล้วกับคำพูดแบบนี้ แต่มือที่กำลังเขียนกลับชะงักไปเล็กน้อย
...ถึงจะบอกว่าไม่สน แต่มันก็เจ็บ
หลังจบคลาส ขณะที่เธอเก็บสมุดลงกระเป๋า ร่างของหญิงสาวสวมเสื้อนิสิตไซส์เล็กจิ๋ว กับกระโปรงทรงเอสั้นเข้ารูป ที่พิมพ์จำชื่อได้ว่า ‘มิว’ เดินเข้ามายืนตรงหน้าเธอ
“หวัดดี พิมพ์” น้ำเสียงดูแปลก ๆ เพราะมิวไม่เคยคุยกับเธอเลย พิมพ์เงยหน้าขึ้นอย่างระแวง
“เราเหรอ?” เธอถามพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ก็เธอนั่นแหละ คนสวยของห้อง ฉันมิวไงที่เป็นสายรหัสเดียวกับเธอ”
มิวหัวเราะแห้งก่อนจะทำท่าเป็นมิตร แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์หน้าจอ
“คืนนี้ว่างมั้ย ไปปาร์ตี้วันเกิดพี่ภามกัน เขาเป็นพี่สายรหัสของเราอยู่ปีสาม”
พิมพ์เลิกคิ้วช้า ๆ เธอไม่เคยถูกชวนไปงานแบบนี้มาก่อน และเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร คนที่เคยไม่พูดกับเธอเลยแม้แต่คำเดียว วันนี้ถึงได้ยิ้มกว้างใส่เธอเป็นพิเศษ
ก่อนที่เธอจะตอบ ใครอีกคนก็เดินเข้ามาสมทบ เป็น 'ใบเฟิร์น' เพื่อนในกลุ่มเดียวกับมิวที่เคยเป็นหัวโจกบูลลี่เธอบ่อย ๆ
“เธอต้องไปให้ได้นะพิมพ์ เราเห็นเธอชอบนั่งเงียบ เลยอยากให้เปิดโลกบ้าง งานนี้สนุกมากนะ มีทั้งดนตรี อาหาร เครื่องดื่ม พี่ภามเชิญรุ่นน้องที่สนิททุกคน แล้วเธอเป็นน้องรหัส จะไม่ไปได้หรอ”
“เรา…” พิมพ์พูดช้า ๆ น้ำเสียงไม่มั่นใจ “เราไม่เคยไปที่แบบนั้น…”
“งั้นก็ควรลองไง” มิวพูดทันควัน
“พวกเราอยากให้เธอสนุกกับชีวิตบ้างน่า อย่าอยู่แต่ในห้อง อ่านแต่หนังสือเลย”
“นัทก็ไปด้วยนะ” ใบเฟิร์นเสริม
ชื่อของนัททำให้พิมพ์ชะงัก เขายืนอยู่ห่างออกไป ราวกับไม่ได้ยินบทสนทนา แต่สายตาที่เหลือบมองมา ทำให้พิมพ์ใจเต้นแปลก ๆ
เธอไม่ค่อยได้คุยกับนัทมากนัก แต่เขาไม่เคยหัวเราะเยาะเธอเหมือนคนอื่น บางครั้งเธอก็รู้สึกว่าเขามองเธอนานเกินกว่าจะเป็นแค่ความบังเอิญ
“ไปเถอะนะพิมพ์ แค่ไปนั่งเฉย ๆ ก็ได้ เดี๋ยวเราไปรับเธอที่หอเอง” มิวว่า น้ำเสียงอ่อนลงเหมือนพยายามเกลี้ยกล่อม
“ไม่ต้องแต่งตัวมากก็ได้ ใส่ชุดที่เธอชอบก็พอ เราอยากให้เธอไปจริง ๆ นะ”
พิมพ์ลังเล เธอไม่เคยรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้เธอถูกชวนเป็นครั้งแรก โดยไม่มีคำดูถูก ไม่มีคำว่า 'อ้วน' หรือ 'ลูกโป่ง' อยู่ในนั้น
ความรู้สึกที่เหมือนกำลังจะถูกยอมรับ แม้เพียงชั่วขณะ แต่กลับสั่นคลอนหัวใจของเธอ
“ก็ได้…” เธอตอบเสียงเบา “แต่แค่แป๊บเดียวนะ”
มิวหันมายิ้มกว้าง ขณะที่ใบเฟิร์นยกมือขึ้นตีไหล่เธอเบา ๆ
“ต้องอย่างนี้สิ เรารู้ว่าเธอไม่ใช่คนโลกแคบ”
พิมพ์หัวเราะน้อย ๆ แต่ไม่ทันเห็นสายตาสบกันระหว่างมิวกับใบเฟิร์น ที่สื่อสารบางอย่างกันเงียบ ๆ
และก็ไม่เห็นเช่นกัน ว่าที่มุมห้อง นัทหันกลับมามองเธออีกครั้ง สีหน้าของเขาไม่ได้ยินดีเหมือนเพื่อนอีกสองคนเลยสักนิด
สุดท้ายพิมพ์ก็ยอมไป เธอสวมชุดเดรสเรียบ ๆ แต่งหน้าบาง ๆ มัดผมหางม้า หวังจะไม่ให้ดูโดดเด่นเกินไป
แต่เธอไม่รู้เลยว่า คืนนั้นไม่ใช่คืนธรรมดา..
เสียงเบสกระหึ่มทะลุกำแพงผู้คน ภายในผับหรูย่านใจกลางกรุง ไฟสลัวไหลวนเปลี่ยนสีไปตามจังหวะเพลง EDM ที่ดังสนั่นเกินกว่าจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
พิมพ์ก้าวเท้าตามเพื่อนเข้าไปในความมืดของห้อง ที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนแปลกหน้า กลิ่นแอลกอฮอล์ แสงแฟลชจากมือถือ และสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างประเมิน จนเธอรู้สึกได้
เธอสวมเสื้อคลุมยีนส์ทับเดรสตัวเรียบสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้ามีเพียงแป้งผัดบาง ๆ และลิปมันเคลือบริมฝีปาก เธอไม่ชินกับสถานที่แบบนี้เลยแม้แต่น้อย
“นั่งตรงนี้เลยพิมพ์”
มิวตบเบาะโซฟาเชิญให้เธอนั่ง ข้างโต๊ะทรงเตี้ยที่มีแก้วค็อกเทลหลายแก้ววางเรียงกันแน่นจนน่าหวาดหวั่น
“ดื่มอะไรไหม”
“เราไม่ถนัดแอลกอฮอล์…”
มิวหัวเราะคิกเบา ๆ ก่อนหยิบแก้วหนึ่งแล้วยื่นให้ เธอบอกว่าเป็นน้ำผลไม้ ไม่มีแอลกอฮอล์
“เชื่อสิ แก้วนี้เบาสุดแล้ว”
พิมพ์มองอย่างพยายามวิเคราะห์ส่วนผสมชั่วครู่ กลิ่นหอมคล้ายลิ้นจี่หรือไม่ก็พีช สีชมพูจางในแก้วใสกับน้ำแข็งก้อนเล็กน่ารัก ทำให้มันดูไม่มีพิษภัย
บางทีเธอก็แค่อยากลองสักครั้ง อยากเป็นหนึ่งในพวกเขา อยากให้ใครสักคนเลิกหัวเราะเยาะเธอเสียที
หญิงสาวยกมันขึ้นดื่ม... ในวินาทีแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้น รสชาติหวานอมเปรี้ยว เคลือบลิ้นด้วยความเย็นสดชื่น
เพื่อนรอบข้างต่างปรบมือเสียงดัง เธอหัวเราะตาม อาจเพราะเริ่มรู้สึกโล่งใจ หรือเพราะอะไรบางอย่างเริ่มทำงานในกระแสเลือดโดยที่เธอไม่รู้ตัว
สิบนาทีต่อมา ภาพตรงหน้าของเธอก็เริ่มเบลอ เสียงหัวเราะกลายเป็นเพียงเสียงก้องในหัว อุณหภูมิในตัวสูงขึ้นจนเหงื่อผุดบริเวณหลังต้นคอ เธอเริ่มหายใจแรง รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงผิดปกติ
“พิมพ์โอเคไหมอะ” เสียงของใครสักคนถาม แต่เธอแยกไม่ออกว่าใคร
ร่างของเธอถูกพยุงขึ้นในขณะที่สมองกำลังต้านไม่ไหว ขาเธอไร้เรี่ยวแรงจนไม่แน่ใจว่าเธอเดิน หรือถูกลากขึ้นไปยังบันไดกันแน่
เธอจำได้เพียงแค่แสงไฟเปลี่ยนเป็นสลัวกว่าเดิม กลิ่นน้ำหอมแรงฉุน ผ้าม่านหรูที่กั้นห้องกับโซฟานุ่มที่เธอถูกวางลง
มีเสียงหัวเราะคิกคักจากเพื่อนผู้หญิงที่เคยหัวเราะเธอ
“ถ่ายคลิปไว้นะ อย่าให้พลาด”
“ดูมันสิ นิ่งเลย”
เสียงเหล่านั้นราวกับหลุดมาจากนรก
เธอพยายามขยับแขน ขยับขา แต่ร่างกายหนักอึ้ง ดวงตาฝืนลืมไว้ได้เพียงครู่ก่อนจะอ่อนปวกเปียกและปิดลงอีกครั้ง
เธอจำได้ว่าเห็นนัทยืนอยู่ตรงมุมห้อง ดวงตาของเขามืดมน เคร่งเครียด ราวกับกำลังต่อสู้บางอย่างในใจ
เธอไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น
และทุกอย่างก็ดับวูบลง
นัทยืนเงียบอยู่ที่มุมห้องวีไอพีภายในผับหรู ซึ่งแสงไฟสลัวและเพลงอิเล็กทรอนิกส์ยังคงดังกระหึ่มเหมือนอยู่ในโลกอีกใบ
ขณะที่เพื่อน ๆ ของเขากำลังหัวเราะกันอยู่บนโซฟาอย่างเมามัน ร่างของพิมพ์ถูกวางไว้กลางโซฟากว้าง เธอไม่ขยับ ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
มิวกำลังเปิดโหมดกล้องในมือถือ ใบเฟิร์นยกแก้วไวน์ขึ้นขำ “รีบถ่ายสิ เดี๋ยวยัยหมูตื่น”
“มุมนี้ดีกว่า ดูดิ นางหลับยังกะตุ๊กตาอ้วน”
เสียงมิวพูดกับเพื่อนที่ตามมาสมทบอีกสองคน 'เฟียส' กับ 'ต้นน้ำ' อย่างสนุกสนาน
นัทมองภาพตรงหน้านิ่งงัน ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
เขาไม่คิดว่ามันจะไปไกลขนาดนี้ ตอนแรกเขาแค่แกล้งเหมือนที่ทำมาตลอดเท่านั้น
แกล้งเข้าข้างเพื่อน แกล้งทำเสียงแข็งใส่พิมพ์เวลาเธอพูดอะไรผิด แกล้งทำเหมือนไม่เห็นสายตาเศร้าของเธอเวลาถูกเพื่อนล้อ
ทั้งที่ในใจ…เขาเห็นใจพิมพ์มาตลอด
นัทไม่รู้ตัวว่าเขาเริ่มรู้สึกกับพิมพ์ตั้งแต่เมื่อไร อาจจะตั้งแต่วันที่เขาเห็นเธอช่วยเพื่อนยกเก้าอี้ในห้องเรียน หรืออาจจะเป็นวันที่เธอยิ้มให้เขาทั้งที่เพิ่งถูกมิวแขวะเรื่องน้ำหนัก
แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ คืนนี้มันชัดเจน เมื่อเขาเห็นร่างที่ไร้สติของเธอถูกจับแต่งท่า ขยับตัวเหมือนวัตถุ ไม่ใช่มนุษย์
“พอได้แล้ว!” นัทพูดเสียงต่ำ ดวงตาคมเข้มเริ่มแข็งกร้าว มิวหันมาหัวเราะ
“อะไรของแกวะ อย่าบอกนะว่าใจอ่อน” เฟียสหันไปทำหน้าแหวใส่
“ฉันบอกให้พอไง” นัทพูดย้ำ เสียงดังกว่าเดิม
“เรากำลังจะทำเรื่องเลว ๆ กับคนที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ พิมพ์ไว้ใจพวกเรา…” นัทยิงรัวคำพูดที่หวังจะกระตุกต่อมมโนธรรมในใจเพื่อนบ้าง
“ก็ไม่ได้จะทำจริงแค่ขู่นิดหน่อย แบล็กเมล์นิดเดียว แกจะเป็นพระเอกทำไมวะ” ใบเฟิร์นทำหน้าหงุดหงิด
“เพราะกูไม่ใช่คนเลวไง!”
เสียงของเขาดังจนดึงทุกคนให้เงียบ เขาเดินเข้าไปกลางวง ดึงมือถือจากมือมิวแรงจนเธอสบถ
“เฮ้ย!”
เขาหันไปมองทุกคนในกลุ่มทีละคน ดวงตาเปล่งแสงกร้าว
“ถ้าพวกแกไม่หยุด ฉันจะถ่ายคลิปพวกแก แล้วส่งให้อาจารย์ดูบ้าง!”
สีหน้าของเพื่อนทุกคนถอดสี
“เอาจริงเหรอมึง?” มิวถามเสียงสูง
“เอาจริง” นัทยืนยัน “นี่เรียกว่าข่มขู่ และละเมิดสิทธิส่วนบุคคล พิมพ์จะฟ้องร้องพวกแกได้ง่ายกว่าที่พวกแกคิดเยอะ”
เพียงประโยคนั้นแผนทุกอย่างก็พังครืนลงทันที เหมือนอากาศในห้องเปลี่ยนไปในพริบตา
“ไปเว้ย! ไม่เล่นละ แม่งเสียอารมณ์ว่ะ” ต้นน้ำสบถ ก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋า
มิวและคนอื่น ๆ รีบคว้าข้าวของแล้วเดินออกไปโดยไม่มองแม้แต่ร่างของพิมพ์ที่ยังนอนอยู่บนโซฟา
ไม่มีใครพูดถึงเธอ ไม่มีใครคิดจะปลุก ไม่มีใครเหลียวหลัง ทิ้งเธอไว้กลางห้องนั้นคนเดียว
นัทยืนมองตามหลังเพื่อนที่วิ่งลงบันไดอย่างร้อนรน เขารู้ว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูก แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดที่เขาเคยเป็นหนึ่งในนั้น
เขาหยิบผ้าห่มบนโซฟามาคลุมตัวพิมพ์ช้า ๆ เสียงเพลงยังคงดังก้อง แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ยินอะไรเลย มีแค่เสียงหัวใจเขา ที่เต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
“ขอโทษนะพิมพ์…”
เขากระซิบเบา ๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องนั้น เพราะกลัวว่าจะเผลอทำอะไรลงไปมากเกินกว่าเพื่อน โดยคิดง่ายๆ ว่าเมื่อถึงตอนเช้า พิมพ์ที่หมดสติ คงรู้สึกตัวตื่นแล้วหาทางกลับได้เอง
แต่ในจังหวะที่เขาวิ่งลงมาจากบันไดอย่างรีบเร่งนั้นเอง มือก็กระแทกเข้ากับใครบางคน
ชายในเสื้อสูทสีเข้ม หน้าตาหล่อจัดแบบคนมีชาติตระกูล กุญแจห้องในมือของทั้งสองคนหล่นกระทบพื้นพร้อมกัน
นัทลนลานเก็บกุญแจโดยไม่ทันดูรายละเอียด เขาขอโทษสั้น ๆ แล้วรีบวิ่งลงบันไดไป โดยไม่รู้เลยว่า ผู้ชายคนนั้นกำลังจะเดินขึ้นไปยังห้อง ของเพื่อนที่เขาพยายามช่วยไว้นอนอยู่
*****