แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 14 เข็มในน้ำเชื่อม
เข็มซ่อนคม จมซ่อนปลาย อยู่ใต้จอก
ในคำบอก มีเล่ห์กล พ่นคำหวาน
น้ำตาลกรวด ในขวดใส ยื่นให้ทาน
เชื่อมภัยพาล หว่านใจขม บ่มคำลวง
"พิมพ์! เธอลาออกจากตำแหน่งทำไม? อาเห็นจากในข่าว"
ปลายสายคือสุรวีร์ อาบังเกิดเกล้าของเธอไม่มีผิด บทเริ่มการสนทนากลายเป็นคำถาม ที่เธอต่างหากควรจะเป็นฝ่ายถามเขา
"ไม่ใช่เพราะอาเหรอคะ พิมพ์ถึงต้องทำแบบนี้"
เมณิชากัดฟันแน่นด้วยความโกรธจัด แต่น้ำเสียงของอีกฝ่ายกลับดูไม่ยินดียินร้ายเลยสักนิด
"เธอก็น่าจะรออาหน่อย อาแค่ยืมเงินมาหมุน"
"แต่พิมพ์รอไม่ได้.. น้องพีร์ต้องผ่าตัด"
เธอเถียงกลับอย่างเกือบจะเหลืออด น้ำเสียงที่เคยหวานนุ่มและอ่อนโยน ตอนนี้กลายเป็นฉุนเฉียวและแหลมสูง
"น้องพีร์ผ่าตัดแล้วเหรอ แล้วเอาเงินมาจากไหน"
จังหวะเสียงที่ใช้ในการถามของสุรวีร์ ดูเหมือนกำลังตื่นเต้น มากกว่าเป็นห่วง เมณิชาเริ่มรู้สึกแปลกๆ เธอนิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบกลับ
"..."
"เงินตั้งหกแสน.. อย่าบอกนะว่า! จากสามีใหม่ของเธอน่ะ"
อีกแล้ว... เป็นทางอีกฝ่ายที่ใช้คำถามชี้นำคนตอบ
"น้องพีร์ยังไม่ได้ผ่าตัดค่ะ อาถามทำไม ..จะเอาเงินมาคืนเหรอคะ"
หญิงสาวเลือกที่จะโกหก เพื่อไม่ให้สุรวีร์เอาเรื่องภวินเข้ามาเกี่ยว แล้วถามสวนกลับไปเรื่องเงิน เผื่ออาของเธอจะมีมโนธรรม แล้วเอาเงินมาคืนเธอบ้าง จริงอยู่ที่ภวินจัดการเรื่องค่าผ่าตัด และคืนเงินให้กองประกวดแล้ว แต่เธอก็ควรจะมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องการประกวด และคืนเงินให้เขาบ้าง
"ก็ไม่ได้อะไรหรอก อยากจะคืนเงินพิมพ์นั่นแหละ"
เมณิชาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เป็นไปได้เหรอที่อ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว...จะยอมคายออก
"โอนคืนมาได้เลยค่ะ ...จะได้รีบผ่าตัด"
เธอรีบตอบกลับไป แม้จะเลิกหวังไปแล้ว แต่อีกใจก็ยังแอบหวัง
"แต่เงินเหลือไม่ครบหรอกนะ เหลือแค่ห้าแสน ค่ารักษาก็จะขาดอีกแสนนึง ...แล้วเธอจะหาจากไหน"
สุรวีร์ตอบกลับ อย่างไม่เหนือความคาดหมายของเธอนัก และถึงแม้ประโยคท้ายจะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง แต่ถ้าฟังดีๆ ประโยคนี้ก็ดูชี้นำคำตอบ
"เดี๋ยวพิมพ์หาทางเองค่ะ ส่วนเงินที่อาเอาไปใช้ พิมพ์ยกให้.."
เมณิชาที่เลิกหวังเรื่องเงินรางวัลก่อนนี้มานานแล้ว การยกหนี้ให้ครึ่งหนึ่งดูไม่ใช่เรื่องที่หนักหนา
"จริงเหรอพิมพ์! ขอบคุณนะ แล้ว..เรื่องพ่อใหม่ ลูกๆ ของเธอไม่ได้ว่าอะไรเหรอ"
อาของเธอดูจะสนใจเรื่องภวินเป็นพิเศษ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกแปลก แต่เป็นเพราะเธอคิดว่าสุรวีร์ไม่ได้อยู่ในฐานะ ที่จะทำอะไรภวินได้ เธอจึงตอบแบบปัดๆ
"ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เรื่องนั้นพิมพ์จัดการเองได้"
"แต่ก็เหมือนหนูตกถังข้าวสารเลยนะ เธอน่ะ"
ประโยคนี้ของสุรวีร์ทำให้เธอแทบจะเหลืออด ถ้าไม่ใช่เพราะกำลังมีหวังเรื่องคืนเงินห้าแสน เธอคงตัดสินใจวางสายไปตั้งนานแล้ว
"อาต้องการจะสื่ออะไรคะ ..ถึงได้พูดแบบนี้" นี่คือคนที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเคารพในฐานะอาแท้ ๆ
"ก็ไม่ได้อะไรหรอก อาแค่อยากรู้ว่าพิมพ์กับหลาน สุขสบายดีไหม"
คำพูดของสุรวีร์ก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเสแสร้ง แต่เธอก็ยังพยายามสงบจิตสงบใจ พยายามใช้เหตุผลกับเขา
"ถ้าเป็นห่วงหลานจริงๆ อาต้องรีบโอนเงินมานะคะ จะได้รีบนัดวันผ่าตัด"
"แต่...อาโอนเงินไปไม่ได้อะพิมพ์"
พอประโยคนี้หลุดออกมา เมณิชาจึงได้ตระหนักว่า เรื่องทั้งหมดถูกอาเธออุปโลกขึ้น
"สรุปว่า ..อาไม่ได้จะคืนเงินจริงๆ ใช่ไหมคะ พิมพ์จะได้วางสาย.."
หญิงสาวกำลังจะกดวางสาย แต่เสียงขอโอกาสสุดท้าย ก็ดังเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์
"ด..เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิพิมพ์ อามีเงินให้ แต่เป็นเงินสด ...บัญชีของอาถูดอายัด"
ฟังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงก็ได้ หรือเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นก็ได้ แต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมตัดใจเรื่องเงินห้าแสน จึงเลือกที่จะเชื่ออีกฝ่าย
"แล้วพิมพ์ต้องทำยังไง..."
"พิมพ์ก็แค่มารับเงินสดที่อา เดี๋ยวอาจะส่งเวลากับโลเคชั่นไปให้"
"ได้ค่ะ พิมพ์จะไป"
การพูดคุยที่ประสาทกินที่สุดได้จบลง เธอยอมรับว่า ตั้งแต่ที่รู้จักเป็นอาหลานกันมา สุรวีร์มีมุมที่เข้าใจยากอยู่บ้าง แต่จากการพูดคุยกันในวันนี้ ถ้าไม่ได้มีอะไรอยู่เบื้องหลัง อาของเธอก็คงใกล้บ้าเต็มขั้น
เธอเคยคิดว่าเลือดเนื้อเชื้อไขจะไม่มีวันแทงเธอข้างหลัง ...แล้วตามมาแทงซ้ำตอนล้ม
...เธอกำลังวัดใจ
อีกด้านหนึ่ง
หลังกดวางสาย สาวสองร่างเพียวสูง ก็หันไปซบไหล่ของคนข้างๆ ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่านอนสอนง่าย กำลังอ้อนเจ้าของร่ำร้องให้ป้อนอาหาร
วินัย ถือได้ว่าเป็นมาเฟียของวงการนักข่าว ที่ตั้งใจจะสืบเรื่องใคร หรือเล่นข่าวไหน ก็ไม่เคยพลาด เมื่อปีก่อนตอนที่สุรวีร์เริ่มสนใจงานสายประกวด ก็ได้เจอกับเขา แล้วเกิดเป็นความสัมพันธ์อย่างลับๆ ขึ้น
เขาไม่ให้สุรวีร์บอกใครเรื่องคนทั้งคู่ โดยให้เหตุผลว่า เพราะเขาไม่อยากมีจุดอ่อน ไม่อยากให้ศัตรูของเขาที่มีอยู่ทั่ววงการ หันมาทำร้ายคนของเขาอย่าง สุรวีร์
เมื่อเขาได้ข่าวเรื่องการประกวดว่า เด็กของสุรวีร์ ได้ตำแหน่งชนะเลิศ แล้วไม่นานก็ยอมสละตำแหน่งเพื่อแต่งงานกับตระกูลเศรษฐี เขารู้ได้ในทันที ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องราวเหล่านี้จะกลายเป็นข่าวใหญ่
เขาจึงแทบพลิกแผ่นดินเพื่อตามหาคู่ขาคนสนิท อย่างสุรวีร์จนเจอ แล้วเรื่องราวก็เป็นไปตามคาด ข่าวแบบนี้รับรองว่าขายดีที่สุด
"วิคะ เค้าทำตามที่บอกแล้วนะ"
"ดีมาก คนเก่งของผม แบบนี้ต้องให้รางวัลซะหน่อย"
เขาหยิบยาเม็ดหนึ่งใส่ปากเธอ แล้วกระดกน้ำเข้าปากตัวเอง ก่อนจะป้อนน้ำให้อีกฝ่ายแบบปากต่อปาก
มันคือ 'ยากล่อมประสาท'
ซึ่งไม่แปลก เพราะวินัยเจอสุรวีร์ที่สถานพยาบาลด้านจิตเวช
โดยพยาบาลที่นั่น เล่าให้ฟังว่ามีพลเมืองดีพบสุรวีร์โดนซ้อมจนหมดสติ นอนอยู่แถวข้างถนน พอมาถึงโรงพยาบาลก็พบว่าสภาพทางจิตได้กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว หลังอาการทางร่างกายดีขึ้น เขาก็ถูกส่งตัวมารักษาด้านจิตเวชต่อ ในนามผู้ป่วยไร้ญาติ
วินัยจึงติดต่อขอรับตัวเธอมาดูแลต่ออย่างง่ายดาย โดยใช้เหตุผลว่า เขาเป็นเพื่อนสนิท แล้วใช้รูปที่เคยถ่ายด้วยกันเป็นหลักฐาน
และเพราะสถานพยาบาลแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่นัก การระบายผู้ป่วยออกไปได้ จึงถือเป็นเรื่องดี
ซึ่งความจริงเขาก็ไม่ได้เป็นคนดีนัก แต่การรับสุรวีร์มาอยู่ด้วย กำลังจะสร้างกำไรให้เขาอย่างงาม
แล้วก็มีคนติดต่อขอซื้อข่าวนี้กับเขาจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ..เป็น 'แพทริเซีย'
“ข่าวพวกนี้มันเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น... แต่เธอคือเพชรล้ำค่าของฉันนะที่รัก”
เสียงของวินัยนุ่มลึกเหมือนกำลังกล่อมเหยื่อ ก่อนที่ปลายนิ้วจะจิกลงที่ท้ายทอยเธอเบา ๆ เหมือนลูบหัวสุนัขที่เชื่องดีแล้ว
*****