แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ครอบครัว,อ่านฟรี,นางงาม,นางเอกสวยมาก,พระเอกเย็นชา,พระเอกขี้หึง,นางเอกสู้ชีวิต,ไม่นอกกายนอกใจ,จบดี ,สัญญา,แต่งงาน,ลูกแฝด,เด็กแฝด,มีลูก,นิยายรักชายหญิง,นิยายรัก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝากรักวิวาห์ลวง [อ่านฟรีจนจบ]แต่งงานเพื่อผลประโยชน์แต่หัวใจกลับทรยศ ระหว่างนางงามผู้มีข่าวฉาว และชายหนุ่มผู้ไม่เชื่อในความรัก วิวาห์ครั้งนี้...จะลวงรัก หรือฝากรักไว้ในหัวใจของเธอและเขา
ฝากรักวิวาห์ลวง
ตอนที่ 20 ฝุ่นหลังกระจกเงา
ฝุ่นความจริง ทิ้งเศษพร้อย รอยอดีต
หลังรอยกรีด ซ่อนเพชรใส ใจกล้าหาญ
กระจกขุ่น เคลือบฝุ่นขาว คราววันวาน
เงาหลังม่าน รอผ่านเผย เอ่ยตัวตน
สายเรียกเข้าจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กำลังสั่นโทรศัพท์ ในกระเป๋าถือของไอษดาอย่างบ้าคลั่ง รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่มุมริมฝีปากบางของคนที่ยากจะหยั่งความรู้สึก
ไอษดาเพียงต้องการรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเมณิชา และทดสอบความรู้สึกของลูกชายในคราวเดียวกัน
เห็นได้ชัด ว่าข่าวเมื่อคืนที่เข้าหูมา ไม่ใช่แค่เรื่องโคมลอย เม้าส์กันสนุกปากของคนในงานศิลป์
หากเธอไม่ได้ช่วยปิดข่าว ป่านนี้ข่าวที่ดังกว่า 'เมณิชามีลูกแล้ว' คงกลายเป็นข่าว 'สามีใหม่ปะทะคนรักเก่ากลางงานศิลป์' เป็นแน่แท้
รวมถึง...เรื่องในมุ้งที่คนรับใช้ภายในบ้านพูดถึง
คนทั้งสองมีความลึกซึ้งต่อกัน มากกว่าข้อตกลงการแต่งงานปลอม ๆ นั่นแล้ว
ใช่... เธอรับรู้เรื่องทุกอย่าง แต่นิ่งเงียบเพื่อพิจารณาผลลัพท์ทั้งหมด
ความเงียบเข้าปกคลุมหญิงงามต่างวัยทั้งสองบนรถคันหรู แต่เมณิชาอดทนได้ดี ...จนไอษดาปรบมือให้ในใจกับคุณสมบัตินี้
หญิงงาม...ที่มัดใจชายได้ วางตัวเหมาะสม จิตใจเรียบนิ่ง แม้ต้องเจอการเปลี่ยนแปลงและอุปสรรค ช่างเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมจะรับเข้ามาเป็น 'คนของตระกูล' อย่างยิ่ง
แต่ยังเหลืออีกเรื่องหนึ่ง ที่ไอษดายังคงสงสัย และต้องลงมือพิสูจน์ด้วยตัวเองให้ได้...
เพียงไม่นาน รถเบนซ์สีดำสนิทก็มาจอดหน้าคฤหาสน์รับรองแขกต่างประเทศ
"ถึงแล้วครับ คุณผู้หญิง"
เสียงคนขับรถดังขึ้นทำลายความเงียบ ...แม้รถจะจอดลงแล้ว แต่ทั้งสองร่างยังนิ่งเงียบ และไม่มีใครเปิดยอมเปิดประตูลงจากรถ
"ภวินเคยพาเธอมาที่นี่ไหม"
เสียงหวานก้องกังวาลของผู้อาวุโสกว่าดังขึ้น แววตาดั่งเหยี่ยวจับจ้องไปที่หญิงสาวอายุน้อยกว่าตรงหน้า
"เคยมาครั้งหนึ่งค่ะ ตอนที่พาครอบครัวเมย์มาพักที่นี่"
เมณิชายิ้มตอบอย่างไม่ปิดบัง เธอรู้ดีว่า ไม่มีอะไรสามารถหลบเลี่ยง อำนาจล้นฟ้าของคุณหญิงไอษดาได้ จะช้าหรือเร็วเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ปิดบังไว้อยู่ดี
...แต่เมณิชาไม่รู้ ว่าคุณหญิงรู้ลึกแค่ไหน...
"ครอบครัวของเธอ อย่างนั้นหรอ ...อย่างนั้นฉันขอทักทายพวกเขาหน่อยได้ไหม"
รู้ดีอยู่เต็มอก ว่าคุณหญิงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเธอเลยสักนิด ในเมื่อที่นี่ก็เป็นสมบัติของตระกูลลัวร์อยู่แล้ว และการมาที่นี่ ...คุณหญิงตั้งใจมาทำแบบนี้ตั้งแต่แรก
"ถ้าคุณหญิงไม่รังเกียจ เมย์จะพาไปพบพวกเขา และแนะนำให้รู้จักค่ะ"
ไม่ต้องรอให้เสียเวลา ประตูรถทั้งสองด้านก็เปิดออก เป็นคนขับรถที่ลงมาเปิดประตูให้คุณหญิง และเมณิชาที่เปิดประตูรถลงมาด้วยตัวเอง
มีพ่อบ้านประจำเรือนรับแขกเดินออกมาทักทาย และผายมือต้อนรับคนทั้งสองเข้ามาภายในบ้าน
กิ๊กๆๆ...
เสียงของชิ้นเล็ก ๆ บางอย่างกำลังล้มทับกันดังอย่างต่อเนื่อง พ่อบ้านจึงเดินนำคนทั้งสองเข้ามาตามเสียง จนมาถึงห้องรับแขกใหญ่ จึงได้พบกับต้นตอของเสียง
โดมิโนชิ้นเล็กที่ต่อเป็นรูปทรงขนาดใหญ่ คะเนด้วยสายตาคร่าว ๆ น่าจะราว ๆ พันชิ้น กำลังล้มทับกันอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นรูปทรงแบบต่าง ๆ น่าดูชมยิ่ง
และคนที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของ ก็กำลังกอดอกยืนชมผลงาน อย่างสงบนิ่งอยู่ด้านหลัง
มือเล็กป้อมยกขึ้นจากอก มากางนิ้วโป้กับนิ้วชี้ต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม แล้วเล็งไปที่จุดการล้มต่อกันของโดมิโน
เด็กชายตัวจิ๋วอายุไม่น่าจะถึงห้าขวบ หน้าตาราวกับแกะมาจากเมณิชาไม่มีผิด กำลังขยับปลายนิ้วเล็งมาจนเห็นผู้ใหญ่ทั้งสามคนที่เพิ่งมาถึง
"หม่า.."
เด็กชายตั้งใจจะเรียกสรรพนามของแม่ตามความเคยชิน แต่ก็หยุดเสียงไปเมื่อสังเกตเห็น 'คนแปลกหน้า' ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้เป็นแม่
น้องพีร์เป็นเด็กฉลาด และจดจำได้ว่า เขาไม่ควรเรียกหม่ามี้ ต่อหน้าตนแปลกหน้า
ย้อนกลับไป
ตอนที่เด็กแฝดทั้งสอง คลอดออกมาลืมตาดูโลก มีเพื่อนของเธอคนหนึ่ง ที่ทำงานแถวตัวอำเภอแวะมาส่งข่าว ว่ามีกลุ่มคนแปลก ๆ ท่าทางมีอิทธิพลกำลังตามหาเธอไปทั่ว
พวกเขามาถามหาผู้หญิงหน้าตาดี ผิวขาว รูปร่างอวบ ที่ชื่อว่า พิมพ์ และเคยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ เพื่อนจำได้ว่าเป็นชื่อมหาวิทยาลัยเดียวกันกับพิมพ์ จึงรีบมาบอก
เมณิชา ที่ตอนนั้นมีชื่อเดิมว่า พิมพ์ขวัญ รู้ได้ในทันทีว่า คนพวกนั้นก็คือพวกมาเฟีย พวกเดียวกับคนในคืนนั้นที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วย
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่การที่คนสีเทาพวกนั้นมาตามหาเธอ ย่อมไม่ใช่เรื่องดี อีกทั้งเธอยังเป็นห่วงความปลอดภัยของคนในครอบครัว
...โดยเฉพาะความปลอดภัยของเด็กแฝด
เธอจึงเปลี่ยนชื่อเป็น 'พิมพ์ญดา'
หลังจากสลักชื่อ 'พิมพ์ญดา มหาวงษ์' ลงบนใบเกิด หญิงสาวก็ย้ายชื่อไปอยู่ทะเบียนบ้านของสุรวีร์ที่น่าน รวมถึงเปลี่ยนไปใช้นามสกุลเดียวกับอาของเธอตั้งแต่นั้น
โดยหวังจะหลบซ่อนจากการตามหาของบุคคลอันตรายพวกนั้น หรือถ้าหากเธอหนีไม่รอด ก็ขอกลบร่องรอยความเป็นแม่-ลูก กับเด็กทั้งสอง ด้วยการเปลี่ยนนามสกุลและทะเบียนบ้าน
หญิงสาวพยายามเก็บตัว เลี้ยงลูกทั้งสองอย่างระวังตัวเรื่อยมา และกำชับกับลูก ๆ เสมอว่า ...ต่อหน้าคนแปลกหน้าอย่าเรียกเธอว่าแม่ หรือ หม่ามี้
ปัจจุบัน
"น้องพีร์ มาหาหม่ามี้ ..มา"
เธอยิ้มหวานเรียกลูกชายตามปกติ
เมณิชาไม่ได้ต้องการปกปิด เธอรู้ดีว่ายังไงแล้ว 'แม่สามีในนาม' คนนี้ก็คงสืบประวัติของเธอมาอย่างละเอียด
"คร๊าบ... หม่ามี้"
น้องพีร์ขานรับแล้วรีบเดินหลบกองของเล่น วิ่งโผเข้าไปหาแม่
หญิงสาวกอดรับลูกชาย แล้วช้อนตัวขึ้นไปอุ้ม ก่อนจะหันมาทางไอษดา แล้วเริ่มแนะนำตัวราวกับเป็นเรื่องปกติ
...ทั้งที่เธอก็รู้ว่า 'นางงามที่มีลูก' ไม่ใช่เรื่องปกติ
"คุณหญิงคะ นี่คือ น้องพีร์ ลูกชายของเมย์ค่ะ"
"อ้าว! นี่ลูกชายของเธอโตขนาดนี้แล้วเหรอ"
คุณหญิงเปลี่ยนสีหน้าเป็นแปลกใจเล็กน้อย เธอไม่ได้ตกใจ ที่นางงามอย่างเมณิชาเคยมีลูก แต่แปลกใจกับท่าทีไม่ตื่นตกใจ หรือสะทกสะท้านใด ๆ ของลูกสะใภ้มากกว่า
ทั้งยังรู้สึกเอ็นดูท่าทางที่ดูสุขุม โตเกินวัย คล้ายผู้ใหญ่ในร่างเด็กของเด็กชายในอ้อมกอดนั้น
ท่าทางที่จ้องมองอะไรอย่างตั้งใจ ด้วยการยกนิ้วขึ้นมาประกบเป็นรูปกรอบสี่เหลี่ยม เหมือนย้อนวัยไปตอนที่เธอเลี้ยงลูกชายทั้งสองคน ตอนสมัยยังสาว
แต่ก่อนที่จะได้พูดคุยอะไรกันต่อ ก็มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
พลั่ก!
"อุ๊ย!"
ร่างเล็กป้อมอีกร่างปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของคุณหญิง
ไอษดาหันกลับไปก้มประคองเด็กอีกคนที่เพิ่งวิ่งชนขาของเธอ แล้วล้มลงข้าง ๆ
เมื่อได้มองใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ...รู้สึกคุ้นตาราวกับว่าเคยเจอกันมาก่อน
"ขอบคุณค่ะ คุณป้าคนสวย"
เด็กหญิงปากหวานตามประสาของเด็ก ที่มีนิสัยรักสวยรักงาม และมักจะชอบมองสิ่งที่ดูวิบวับหรูหรา
"น้องพราว..."
เพียงครู่หนึ่ง ก็มีแม่บ้านวิ่งเรียกชื่อตามมาด้านหลัง ที่แท้เด็กหญิงก็กำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่
"คนนี้ชื่อพราวเหรอ"
ไอษดาทั้งสนใจและถูกชะตาเด็กทั้งสองอย่างน่าประหลาด
"ใช่ค่ะคุณหญิง คนนี้คือ น้องพราว ลูกสาวอีกคนของเมย์ค่ะ"
"แฝดหรือ?"
"ใช่ค่ะ ทั้งคู่เป็นฝาแฝด"
เมณิชารีบแนะนำตัวลูกสาวกับไอษดา แล้วกวักมือเรียกน้องพราว ที่กำลังชอบใจในความสวยของคุณป้าตรงหน้า ให้เดินมาหา
"หม่ามี้!"
ทันทีที่น้องพราวเห็นหน้าผู้เป็นแม่ น้ำตาแห่งความสุขก็ไหลออกมาปนความคิดถึง เด็กหญิงอ้าแขนโผเข้ากอดขามารดาเต็มสองแขน
เมณิชาลูบหัวเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน แล้วก้มวางน้องพีร์ลง ก่อนจะกระซิบให้น้องพีร์ไปตามตากับยายมาที่ห้องรับแขก
"เข้าใจแล้วครับ ...หม่ามี้" เด็กชายพยักหน้า ขานรับขันแข็ง
จากนั้นจึงอุ้มน้องพราวขึ้นในอ้อมแขน เด็กหญิงซบหน้าลงกับซอกคอหอมของคนเป็นแม่ แล้วก็ค่อย ๆ งัวเงียหลับไป
"โถ ที่แท้ก็งอแงเพราะง่วงนี่เอง"
...เหมือนยัยรินไม่มีผิด
ไอษดาทักออกมาอย่างลืมตัว เด็กหญิงทำให้เธอนึกถึง 'นริน' ลูกสาวคนเล็กของเธอที่ตอนนี้เรียนออกแบบอยู่ที่ฝรั่งเศส
แล้วในอึดใจนั้นเอง ไอษดาก็นึกขึ้นมาได้
...ใช่แล้ว ที่เธอรู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้าน้องพราวมาก่อน ก็เพราะใบหน้าช่างละม้ายกับ 'นริน' ตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ริมฝีปากบางแต่กระจับชัด แล้วยังแก้มบุ๋มลักยิ้มทั้งสองข้างนั่นอีก
ทั้งยังท่าทางออดอ้อน รู้จักพูดจาเข้าหาผู้ใหญ่ และลักษณะนิสัยที่ชอบจ้องมองของสวยงาม ราวกับจะอ่านที่มาที่ไปของของสิ่งนั้น
...ไม่น่าเป็นไปได้ ที่จะบังเอิญเหมือนกันขนาดนี้ นอกเสียจากเป็นญาติกันห่าง ๆ
ที่ไอษดาพาเมณิชามาที่นี่ในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อเปิดโปงความลับที่ซ่อนอยู่ แต่เพื่อต้องการทดสอบความจริงใจ กล้าเผชิญหน้า และฉลาดทันเกม
เธอทราบดีทุกอย่างถึงเหตุผล ที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้กลายเป็นคนลวงโลก การโกหกหักหลังเพื่อคนที่รัก ไม่ใช่รอยด่างพร้อย ...แต่เป็นมาตรฐานแห่งความภักดี ต่อครอบครัวและคนที่รัก
นั่นแสดงให้เห็นว่าเมณิชาจะยอมทำทุกอย่าง เพื่อลูกชายของเธอได้ในอนาคต
สิ่งที่ไอษดาต้องการหาคำตอบ เธอยืนยันได้แล้วในวันนี้
...แต่สิ่งที่เป็นปมความสงสัยใหม่ เกี่ยวกับเด็ก ๆ กลับสั่นสะเทือนภายในใจของไอษดาแทน...
*****