เด็กสาวเรียนปีหนึ่งสาขาท่องเที่ยวได้ตกหลุมรักรุ่นพี่ปีสามสาขาการบิน แต่รุ่นพี่กลับไม่สนใจเธอ แต่มีบางอย่างทำให้รุ่นพี่สนใจเธอขึ้นมาและอยากดูแลเธอไปตลอด
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รักมหาลัย,รักหวานแหวว,รักโรแมนติด,รักในมหาลัย,รักโรแมนซ์,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เผลอรัก เจ้าเวหาเด็กสาวเรียนปีหนึ่งสาขาท่องเที่ยวได้ตกหลุมรักรุ่นพี่ปีสามสาขาการบิน แต่รุ่นพี่กลับไม่สนใจเธอ แต่มีบางอย่างทำให้รุ่นพี่สนใจเธอขึ้นมาและอยากดูแลเธอไปตลอด
นิยายรักหวานแหววที่จะสื่อถึงเด็กสาวรูปร่างหน้าตาดีกว่าเมื่อก่อน เธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ภาคสาขาท่องเที่ยว พ่อแม่เริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยแต่เธอคิดดีแล้วที่จะอยู่คนเดียวในหอพักนี้ วันหนึ่งเธอได้ตกหลุมรักรุ่นพี่ปีสาม ภาควิชาการบิน รุ่นพี่ไม่สนใจเธอแต่ได้มีบางอย่างในจิตใจของเธอทำให้รุ่นพี่ชอบแล้วอยากเป็นแฟนเธอสักครั้ง เมื่อทั้งคู่ได้คบรักกันก็ได้มีอุปสรรคมาขวางกั้นแต่ทั้งสองรอดมาได้และตกลงแต่งงานกัน
เมเปิ้ลและซันไชน์จบการศึกษา ฉันได้ทำงานเป็นแอร์โฮสเตส ส่วนซันไชน์เพื่อนฉันได้ทำงานบริษัททัวร์ ต่างคนต่างแยกกัน มีเจอบ้างในบางวัน โดยเฉพาะช่วงที่เธอมาส่งลูกค้าที่สนามบิน
สนามบิน
ฉันทำงานบริษัทสายการบินเกรปแอร์ไลน์ บริษัทฉันดีมากอยู่ประตูแรก ทำให้ฉันเดินหรือจอดรถได้ง่ายหน่อย ฉันหวังว่าจะทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่สนใจความรักกับใครทั้งสิ้นเพราะทุกคนต่างหลอกฉันมาหมด
วันนี้ฉันได้ทำงานผลัดเปลี่ยน เป็นงานเช็กอินผู้โดยสาร ช่วงแรกฉันทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่ยังดีมีรุ่นพี่คอยแนะนำให้ ความรู้ที่สอนให้เหมือนฉันเรียนรู้เร็ว จากนั้นระบบเช็กอินผู้โดยสารจึงไวขึ้นทันที ผู้โดยสารดีใจที่จะได้เที่ยวแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนว่าได้คิดถึงตอนเป็นเด็ก
ตอนนั้นฉันตัวเล็กมาก พ่อแม่พาไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลสุดลูกหูลูกตา ฉันดีใจแทบแย่ที่ได้นั่งเครื่องบินในตอนนั้นแต่กลับไม่รู้ว่านั่งเครื่องบินแล้วความกดอากาศไม่ดีเลย ยิ่งเจอกับสภาพอากาศแปรปรวนเครื่องบินยิ่งสั่นแต่ตอนนั้นกัปตันควบคุมได้แม่นมาก
“เมเปิ้ล ทำงานดีมากนะ เรียนรู้เร็วจริง วันต่อไปเธอลองไปทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ดูนะ จะได้ทำอะไรได้หลายอย่าง”
เสียงหัวหน้าแอร์โฮสเตสพูด ฉันดีใจที่เธอพูดแบบนั้นเหมือนได้เลื่อนขั้น หลังจากนั้นฉันเลิกงาน เดินเหนื่อยล้าจนละเมอ ฉันคิดว่าจะเรียกรถเพราะกลับไม่ไหวแล้ว
ถึงห้องพัก ฉันพักอยู่ในหอพักที่สายการบินจัดเตรียมให้ พื้นที่ห้องกว้าง มีห้องสี่ห้องหลักครบ ฉันได้นอนลงบนเตียงโดยไม่ถอดเสื้อจนเกิดฝันกลางวันขึ้นมา
เครื่องบินที่สนามบินกำลังเตรียมออกสามลำ ฉันมองดูในแอปพลิเคชันของฉันที่มีเฉพาะพนักงานเท่านั้นที่สามารถดูได้
เครื่องบินลำใหญ่กำลังมาทางตรง เครื่องบินอีกลำกำลังไปทางขวา อีกลำกำลังไปทางซ้าย สามลำหันหน้ามาเหมือนปะทะกัน ฉันมองทางป้ายรถเมล์เห็นว่าเครื่องบินทั้งสามลำใหญ่มาก อยู่ดีๆ สิ่งที่ฉันเห็นเครื่องบินทั้งสามลำออกพร้อมกัน เริ่มจากลำหนึ่งทางตรงผ่าหัวฉันไป ลำที่สองไปทางขวาเหมือนเครื่องบินไม่มีการดึงขึ้น ในระหว่างนั้นอีกลำก็ผ่านมาเฉียดฉิว ฉันคิดว่าอาจจะอยู่ใกล้สนามบินมากมั้ง จึงเป็นเช่นนี้
แต่จากการที่ฉันเห็นมาตลอดเครื่องบินจะดึงขึ้นทันทีถึงแม้สถานที่นั้นจะอยู่ใกล้สนามบินก็ตาม ฉันมองมาที่จอคอมพิวเตอร์ของคนอื่นซึ่งเขากำลังทำงานอยู่นั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน จู่ๆ ฉันได้เห็นลูกโป่งลอยมาเต็มกลางอากาศ ฉันจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่ประเทศฉัน ฉันกำลังดูเครื่องบินในประเทศอื่น ต่อมาฉันได้นอนหลับกลางป้ายรถเมล์แต่ไม่โดนคนเหยียบ ฉันนอนหลับสบายจนถึงเช้า
ฉันสะดุ้งตื่น
“อ้าว ฝันเหรอ ฝันอะไรวะเนี่ย เครื่องบิน กี่โมงแล้วเนี่ย” ฉันมองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่โต เป็นเวลาหกโมงเย็น ฉันโล่งอก
“เกือบไป นึกว่าทำงานสายซะแล้ว”
ฉันทำกับข้าวกินด้วยตนเองเนื่องจากของมีในตู้เย็นเยอะมาก ฉันนั่งกินข้าวอย่างมีความสุข คิดไว้ว่าไม่รู้จะทำยังไงดี ตอนนี้เพิ่งเริ่มงาน ยังไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน สัปดาห์หน้าจะได้ขึ้นเครื่องบินแล้ว คิดสงสัยฝันจะเตือนอะไรสักอย่าง
ฉันนั่งกินข้าวเพลิน มองไปนอกหน้าต่างทางระเบียง หอพักตรงข้ามเป็นของผู้ชาย ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่นักบิน ฉันได้เห็นว่ามีห้องหนึ่งดูรักธรรมชาติ ตรงระเบียงปลุกต้นไม้เล็กเรียงรายอยู่ คิดว่าไม่ใช่ใครที่ไหน อาจจะเป็นกัปตันมั้ง
วันต่อมาฉันออกไปทำงานสนามบิน วันนี้ฉันอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานของฉันยังวนเวียนเหมือนเดิม แต่ฉันไม่คิดมาก เพราะไม่กี่วันจะได้บินแล้วก็ได้เที่ยวต่างประเทศ
สนามบิน
“เฮ้อ...ถึงสักที”
“อ้าว เธอทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์เหรอ” เสียงเพื่อนผู้ชายฝ่ายประชาสัมพันธ์ถามฉัน
“ใช่ ตอนนี้ฉันทำงานวนเวียนไปก่อน สัปดาห์ฉันจะไปขึ้นเครื่องบินแล้ว”
“ดีใจด้วยนะ”
“อื้ม..”
“อืม..สอนฉันหน่อยได้ไหม”
“ได้ดิ..นี่นะ ยังงี้ ยังงี้” เพื่อนผู้ชายสอนฉันเกี่ยวกับการประกาศ
ประกาศเรียกขึ้นเครื่องบินเสร็จเรียบร้อย ฉันได้เล่าเรื่องฝันเมื่อตอนเย็นวานให้เพื่อนผู้ชายฉันฟัง
“เมื่อเย็นวานฉันกลับไป ฉันเหนื่อยมาก ฉันกระโดดเข้าที่นอนแล้วฝันด้วย”
“แน่ะ พูดแบบนี้แสดงว่ามีฝันเกี่ยวกับที่นี่แน่เลย”
“รู้ได้ไง”
“ปกติเธอก็ไม่เคยเล่าความฝันหรอก ถ้าเธอไม่ได้ฝันถึงที่นี่”
ฉันได้เล่าเรื่องราวความฝันให้เพื่อนฟังจนกระทั่งเล่าจบ เพื่อนฉันถึงกับหัวเราะอย่างดัง
“โอ้ย เธอนะ ฝันได้ไง เธอตื่นเต้นจนไม่ไหวเลยเหรอ”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่ดีใจเฉยๆ”
เลิกงานเสร็จฉันคิดจะเดินกลับไปห้องแต่วันนี้ไม่เอาดีกว่า ฉันคิดได้ลองแวะห้างแถวนี้ กินของอร่อยๆ ฉลอง ฉลองอะไรไม่รู้ ฉันฝันเห็นเครื่องบินมั้ง ไม่หรอก แค่ฝันนี่ มันเป็นเพียงฝันเฉยๆ
เวลาผ่านไปเหมือนไวมากสำหรับฉัน วันนี้ได้มาถึงวันออกไปบินแล้ว ฉันรีบเตรียมตัวแต่เช้า ความฝันเป็นจริงทุกอย่าง ฉันได้แต่งตัวสวย ทำผมที่ไม่เคยสวยขนาดนี้มาก่อน ไม่คิดไม่ฝันจะได้เจอแบบนี้ ได้ทำงานร่วมกับเพื่อนใหม่มากมายและผู้ช่วยกัปตันที่หล่อเหลาเอาการ แต่ไม่ยอมเปิดเผยหน้าตา ฉันไม่เข้าใจเขาเลย
ประกาศเรียกขึ้นเครื่องบิน
ฉันอยู่ประจำที่ของแอร์โฮสเตส ชั้นที่รับผิดชอบคือเฟิร์สคลาส มันเป็นชั้นที่หรูมากกว่าปกติ มีแต่คนดัง รวยทั้งนั้น ในฐานะที่ฉันเคยยากจนมาก่อนทำให้ฉันไม่ชอบคนพวกนี้เอาซะเลย มันช่างเหยียดหยามมาก
เครื่องบินออกจากสนามบิน
ฉันเดินดูรอบผู้โดยสาร เข็นรถเข็นมาเสิร์ฟอาหาร ถามความต้องการอาหารของผู้โดยสารตามปกติ ชั่วพริบตาฉันหันไปเห็นผู้โดยสารยกเท้าขึ้นมาวางพนักพิงผู้โดยสารข้างหน้าของเขาซึ่งมันเป็นการเสียมารยาท ฉันจึงรีบไปเตือนโดยด่วน
“คุณคะ กรุณาเอาเท้าลงด้วยนะคะ”
“ทำไม มันเดือดร้อนอะไร คนข้างหน้าเขาไม่เห็นพูดอะไรเลย”
“คนข้างหน้าไม่พูดแต่เขารู้สึกนะคะ”
หัวหน้าแอร์โฮสเตสเดินผ่านมาคุยกับฉันเนื่องจากได้ยินเสียงดังโวยวาย
“เกิดอะไรขึ้น”
“ผู้โดยสารเอาเท้าไปวางพนักพิงของผู้โดยสารคนข้างหน้าค่ะ”
“ขอโทษนะคะ กรุณาทำตามคำเตือนของพวกเราด้วยนะคะ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารค่ะ”
อยู่ๆ ผู้โดยสารข้างหน้าตื่นขึ้นมาเหมือนไม่รู้เหตุการณ์
“อะไร เสียงดังเอะอะโวยวาย นี่มันลูกฉัน เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา”
เหตุการณ์ทำให้หัวหน้าแอร์โฮสเตสไม่ไหวจึงเรียกกัปตันมาเคลียร์อีกคน ซึ่งกัปตันก็ส่งผู้ช่วยกัปตันมา ผู้ช่วยกัปตันมาดูอย่างเร็วไว ส่วนผู้โดยสารทำท่านั่งเดิม ผู้โดยสารข้างหน้าเอ่ยปากขึ้นมาเมื่อเห็นนักบินผู้ช่วย
“อะไรอีกล่ะ นี่ ถึงกับเรียกกัปตันมาอีกแล้ว จะมาอะไรนักหนา มีหน้าที่ขับเครื่องบินขับไปดิ”
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ผู้ช่วยกัปตันได้เปิดหน้าให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ได้ใส่อะไรปิดบังทั้งสิ้น สภาพเหมือนรีบเดินมาไม่ทันตั้งตัว
“ผู้โดยสารคนนี้ค่ะ เอาเท้ามาพาดวางเบาะนั่งของคนข้างหน้าค่ะ”
“ก็มันลูกฉัน แล้วจะทำไม”
“คุณครับ เพื่อความปลอดภัยเราอยากให้คุณนั่งนิ่งแบบคนอื่นเขาจะดีกว่านะครับ ถ้าเครื่องบินลดระดับลงอาจเกิดอุบัติเหตุได้นะครับ”
ผู้โดยสารเอาเท้าลง
“ขอบคุณมากครับ”
“ทำงานต่อเถอะ”
ฉันได้ทำงานต่อ ผู้โดยสารคนนั้นเชื่อฟัง เขาคาดเข็มขัดตามคำเตือนของนักบินผู้ช่วย
“ต้องเป็นคำพูดของนักบินใช่ไหม ถึงจะเชื่อฟัง” ฉันพูดพึมพำในใจ