เด็กสาวเรียนปีหนึ่งสาขาท่องเที่ยวได้ตกหลุมรักรุ่นพี่ปีสามสาขาการบิน แต่รุ่นพี่กลับไม่สนใจเธอ แต่มีบางอย่างทำให้รุ่นพี่สนใจเธอขึ้นมาและอยากดูแลเธอไปตลอด
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,รักมหาลัย,รักหวานแหวว,รักโรแมนติด,รักในมหาลัย,รักโรแมนซ์,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เผลอรัก เจ้าเวหาเด็กสาวเรียนปีหนึ่งสาขาท่องเที่ยวได้ตกหลุมรักรุ่นพี่ปีสามสาขาการบิน แต่รุ่นพี่กลับไม่สนใจเธอ แต่มีบางอย่างทำให้รุ่นพี่สนใจเธอขึ้นมาและอยากดูแลเธอไปตลอด
นิยายรักหวานแหววที่จะสื่อถึงเด็กสาวรูปร่างหน้าตาดีกว่าเมื่อก่อน เธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ภาคสาขาท่องเที่ยว พ่อแม่เริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยแต่เธอคิดดีแล้วที่จะอยู่คนเดียวในหอพักนี้ วันหนึ่งเธอได้ตกหลุมรักรุ่นพี่ปีสาม ภาควิชาการบิน รุ่นพี่ไม่สนใจเธอแต่ได้มีบางอย่างในจิตใจของเธอทำให้รุ่นพี่ชอบแล้วอยากเป็นแฟนเธอสักครั้ง เมื่อทั้งคู่ได้คบรักกันก็ได้มีอุปสรรคมาขวางกั้นแต่ทั้งสองรอดมาได้และตกลงแต่งงานกัน
ซันไชน์บอกเลิกกับจอมพลหรือผู้มีนามแฝงว่า ไซม่อน หลังจากบอกเลิกรากันเสร็จเมเปิ้ลได้พาเธอไปสงบสติอารมณ์ที่สวนสาธารณะ และร้านคาเฟ่ จนซันไชน์ยอมแพ้ บอกทุกอย่างกับเมเปิ้ล
“ทำไมเขาต้องโกหกฉันด้วย คิดว่าฉันหลงเชื่อง่ายนักเหรอ” ซันไชน์พูดขณะร้องไห้อยู่
“เขาคงคิดว่า ผู้หญิงสมัยนี้หลอกง่ายมั้ง เผลอๆ ผู้หญิงคนนั้นที่เธอเห็นอาจโดนไปด้วยอีกคน”
“ไม่ ฉันโอเค ฉันไม่รักใครก็ได้”
“ใช่ ชีวิตนี้เธอรักตัวเองให้มากก็พอ”
น้ำตาหยุดไหล ฉันพาเธอกลับมหาวิทยาลัยตามเดิม แต่ซันไชน์รู้สึกอยากคุยกับพี่จอมทัพ ฉันพยายามบอกเธอว่า “ขอเป็นวันอื่นได้ไหม วันว่างค่อยไปหาพี่เขากัน” จากนั้นเธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ฉันพาเธอไปกินชานมที่เธอชอบพร้อมกับขนมปังที่หอมละมุนไปทั่วร้าน
“ขอบคุณมากนะ เพื่อนที่ดีของฉัน” ซันไชน์พูดแสยะยิ้ม
ฉันปลื้มกับคำที่เธอพูดออกมา ทำให้รู้ว่าความรักที่แท้จริงอยู่ตรงนี้เอง
ต่อมาฉันพาเธอกลับไปหอพักเพื่อพักผ่อน ส่วนฉันไปห้องสมุดซึ่งไม่ใช่ในมหาวิทยาลัย เพราะฉันต้องการที่เงียบสงบ ไร้แววตาผู้คน ฉันได้เห็นในโซเชียลรีวิวกัน ฉันไปถึงที่นั่นกลับกลายเป็นว่าเสียงดังมาก ทุกคนมาที่นี่เพื่อนอน คุยเล่น ดูแล้วเหมือนโรงเรียนมัธยมที่ฉันเคยอยู่มาก่อน ฉันคิดว่ากลับไปที่มหาวิทยาลัยเงียบกว่านี้เยอะเลย
ฉันเข้าไปห้องสมุดมหาวิทยาลัย นั่งฟังเพลงเพลิน เอาหนังสือนิยายขึ้นมาอ่าน เรื่องนั้นเป็นนิยายซึ่งเก็บไว้ในตู้หนังสืออย่างนานมาก ถูกเอามาไว้ในนี้เมื่อหกปีที่แล้ว สมุดสีดูเก่าเป็นสีน้ำตาล ฉันไม่กล้าเปิดดูอีกเลย ไม่มีเล่มไหนน่าอ่านสำหรับฉัน ฉันจึงหยิบนิยายที่ซื้อมาแทนเป็นนิยายแนวโรแมนติก ฉันนั่งอ่านเพลินไปจนถึงตอนสี่โมงเย็น
ท้องฟ้าดูสีจางๆ หม่นหมองเหมือนกำลังจะมืด ฉันปิดหนังสือ ออกไปหาของกินก่อนกลับห้อง มื้อเย็นวันนี้ไม่มีอะไรมาก มีแค่ต้มจืดหมูสับกับข้าวไข่เจียว อยู่ๆ ดีฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ คิดว่าจะพาซันไชน์ไปเที่ยวกันสไตล์เพื่อนกันสองคนในสักวัน หวังว่าเธอจะดีขึ้นกับการออกไปซื้อของ แต่อีกไม่กี่วันจะถึงวันงานปัจฉิมแล้ว ในสัปดาห์หน้ามีสอบย่อยทั้งนั้นเลย ไม่มีเวลาว่างสักเท่าไหร่ เวลาที่เหลือเฟือนั้นกลายเป็นว่าเป็นเวลาที่ต้องออกไปตามหางานทั้งนั้น
ก๊อก...ก๊อก เสียงประตูขณะฉันกินข้าว
“เข้ามาดิ”
“......” ฉันไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไร จึงดูทางประตูแมว พบว่าไม่เห็นใคร เมื่อเปิดประตูไม่เจออะไร
“ใครมานะ เราหูฝาด หรืออะไร แหม กำลังกินข้าวอร่อยเลย”
ก๊อก...ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
“หึ...จะหลอกฉันอีกแล้วล่ะสิ ฉันไม่ไปเปิดให้หรอก”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงประตูเคาะหลายครั้ง
“โอ๊ย รำคาญ”
ฉันเปิดประตูอีกครั้ง พบว่าซันไชน์นั่งพื้นตรงหน้าห้อง ท่าทางเหมือนเธอโดนยาสลบ เธอค่อยๆ เอนตัวเบาๆ ฉันพยายามส่งเสียงเรียกร้องเธอ แต่เธอไม่ตอบอะไร ฉันรีบพาเธอส่งห้องพยาบาลโดยเร็ว
ห้องพยาบาล
ซันไชน์เข้าห้องพยาบาลได้ปลอดภัย หมอบอกว่า ฉันส่งเธอทันฤทธิ์ยาพอดี โชคดีเธอยังไม่ตาย หมอคิดว่าเธอน่าจะกินยาเกินขนาดหรือมีใครกรอกยาเธอ ฉันรู้สึกกังวลมากเหมือนพาเพื่อนมาเจอในสิ่งที่ไม่ดีเข้าแล้วหรือว่าสองคนนั้นจะวางแผน แต่หอพักนี้ขึ้นได้แต่ผู้หญิง ประตูเปิดของหอพักเป็นการเปิดโดยสแกนหน้าตาเท่านั้น
“อะไรกันเนี่ย จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกไหมเนี่ย”
ซันไชน์ฟื้นขึ้นจากยาสลบไปห้าชั่วโมง ฉันรอเธอไปจนถึงครึ่งวัน
“เธอ ฟื้นแล้วใช่ไหม ไหวไหมเนี่ย วันอังคารหน้ามีปัจฉิมนะ เธอจะไปไหวไหม”
“ใช่ ฟื้นแล้ว ฉันมีอะไรจะบอก” เธอพูดในน้ำเสียงแหบ
“บอกมาเลย”
“ชิดดาวกรอกยานอนหลับใส่ฉัน เป็นยานอนหลับที่มันเพิ่งซื้อมา ฉันเกือบไปแล้ว ดีนะเธอส่งมาทัน”
“ไม่เป็นไร พักไปนะ พักไปเยอะๆ เลย วันนี้ไม่ต้องไปเรียน ฉันบอกครูให้”
“วันอังคาร วันพรุ่งนี้แล้วสิ ฉันไหว ฉันอยากไปหาชุดใส่”
“ได้ เธอนอนเถอะนะ หมอให้นอนหนึ่งชั่วโมง ถ้าหมดเวลาแล้วเธอกลับห้องเลยนะ ไม่ต้องห่วงเรียน ถ้ามีงานอะไรฉันจะบอกเธอ”
ซันไชน์มองหน้าเมเปิ้ลแล้วหลับไป ฉันได้ออกไปจากห้องพยาบาลเพื่อเตรียมเรียนตอนบ่าย ฉันดูเป็นห่วงเพื่อนมาก ไม่รู้จะพาเพื่อนไปดูชุดกันทันไหม ว่าตามนั้นวันนี้ครูปล่อยไวเป็นพิเศษเพื่อให้นักศึกษากลับไปพักผ่อนเต็มที่เพื่องานวันพรุ่งนี้
ฉันรีบบอกให้ซันไชน์รู้ เธอรีบขับรถมอเตอร์ไซค์มารับฉันทันที เราทั้งสองได้ไปดูชุดที่ห้างกลับพบว่าราคาแพงมากกว่างบประมาณจึงออกมาดูทางตลาด เป็นชุดสวยเช่นกันแต่เป็นเสื้อผ้าชุดเดรสเก่ายับยู่ยี่แต่แม่ค้าบอกว่ายังใช้ได้อยู่ ซันไชน์เห็นก็ลองใส่ทันทีผลปรากฏว่าเธอใส่ได้พอดี
“อ้าว เมเปิ้ลไม่เอาชุดเหรอ”
“ไม่ ฉันสั่งจากอินเทอร์เน็ตมาแล้ว”
“เหรอ สวยไหม”
“เอ้า ต้องสวยดิ”
วันงานปัจฉิม
งานจบการศึกษาได้เริ่มต้นขึ้นในช่วงเช้า ส่วนช่วงเย็นนั้นเป็นช่วงจัดได้ตามใจ ช่วงเย็นเมเปิ้ลและซันไชน์เตรียมตัวแต่งชุดราตรีแสนสวยของทั้งคู่ เมเปิ้ลอยู่ในชุดเดรสสีครีมที่ดูแพง ส่วนซันไชน์ออกมาในชุดเดรสที่เธอซื้อมาในราคาไม่แพงเป็นเดรสสีชมพู
งานเริ่มจัดขึ้นด้วยเสียงดนตรีที่แสนเพราะพริ้ง เมเปิ้ลกับซันไชน์ได้ออกมาเต้นกันหน้าเวที ไม่กี่วินาทีฉันมองไปเห็นฉากเขียนว่า จบแล้ว จึงคิดว่าพาซันไชน์ไปถ่ายทันที แต่แล้วเมื่อไปดูพบว่ามีหลายฉากจนเลือกไม่ถูก เมเปิ้ลเห็นฉากข้างนอกสวยคิดอยากไปถ่ายมากแต่มืดแล้ว กลัวถ่ายไม่เห็น จึงได้แต่ถ่ายข้างในนั้นอย่างเดียว
งานได้จบลง
“เฮ้อ ชักเริ่มง่วงนอนแล้วล่ะสิ”
“ไปนอนกันเลยไหม”
“เอาดิ”
“ฉันเรียกรถให้นะ ทิ้งรถฉันไว้นี่แหละ ฉันไปไม่ไหว”