บัตรเชิญสีดำพาพวกเขาเข้าสู่อควาเรียมที่ไม่มีในแผนที่ 13 กฎห้ามละเมิด…แต่เมื่อทำตาม พวกเขากลับเริ่มหายไปทีละคน
ระทึกขวัญ,ผู้ใหญ่,จิตวิทยา,ยุคปัจจุบัน,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,สยองขวัญ,เอาตัวรอด,เอาชีวิตรอด,RulesofHorror,horror,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้ามบัตรเชิญสีดำพาพวกเขาเข้าสู่อควาเรียมที่ไม่มีในแผนที่ 13 กฎห้ามละเมิด…แต่เมื่อทำตาม พวกเขากลับเริ่มหายไปทีละคน
13 กฎเหล็กที่ห้ามละเมิด…แม้จะไม่รู้ว่าทำไม
เมื่อกวินและอีก 11 คนได้รับบัตรเชิญสีดำลึกลับ พวกเขาถูกพาไปยัง “อควาเรียมต้องห้าม” ที่ไม่ปรากฏอยู่ในแผนที่โลก
ประตูถูกล็อก
กฎถูกประกาศ
และทุกการละเมิด… คือการแลกด้วยความตาย
แต่ยิ่งพวกเขาเชื่อฟัง พวกเขายิ่งสูญเสียความเป็นตัวเอง และเมื่อกฎข้อสุดท้ายคือ “จงอย่าท้าทายกฎ” บางคนก็เริ่มสงสัยว่า
ถ้าไม่ฝ่าฝืน…เราจะรอดได้อย่างไร?
ความโกลาหลและความสิ้นหวังเข้าปกคลุมกลุ่มคนที่เหลือรอดอย่างหนัก หลังจากต้นแสดงอาการคลุ้มคลั่งและทำลายโทรศัพท์ของตัวเอง เพราะถูกภาพหลอนจากอควาเรียมตามหลอกหลอน บรรยากาศภายใน อควาเรียมไตรตันยิ่งทวีความมืดมิดและน่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว แสงไฟสลัวสีฟ้าจากตู้ปลาที่ส่องกระทบใบหน้าของพวกเขายิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูหมดหวัง เลือนราง และไร้ความหวังมากขึ้นกว่าเดิม
ใบหน้าของกวินเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและผิดหวัง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เพื่อนของเขากำลังถูกอควาเรียมกลืนกินไปทีละคนอย่างช้าๆ เจมส์ยังคงนอนแน่นิ่ง มิกิอยู่ในสภาพเงียบงันไร้การตอบสนอง ฟ้าพูดจาไม่รู้เรื่องราว ส่วนต้นก็กลายเป็นคนคลุ้มคลั่ง
ไม่มีใครรู้ว่ารายต่อไปจะเป็นใคร...
“เราจะเหลือรอดกี่คนกันนะ” พลอยสะอื้นถาม ทุกคนได้ฟังก็รู้สึกหดหู่ไม่ต่างกัน แต่ไม่มีใครคิดโกรธเพราะรู้ดีว่าเธอกำลังสิ้นหวัง
“ไม่เป็นไรนะ เราต้องรอด เราต้องออกไปได้แน่นอน” แพรวาบอกด้วยน้ำเสียงและแววตาเชื่อมั่น เธอไม่อยากให้หญิงสาวข้างกายรู้สึกกลัวไปมากกว่านี้
มิกินั่งนิ่งอยู่ที่มุมห้อง ไม่ได้รับรู้ว่ารอบตัวเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในขณะเดียวกันฟ้าก็พูดพึมพำออกมาไม่ได้ศัพท์ ฟังไม่รู้เรื่อง เธอยื่นมือออกไปข้างหน้าพลางลูบไล้อากาศที่ว่างเปล่าราวกับว่ากำลังพยายามสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็น
ภาพตรงหน้าสร้างความหวาดหวั่นให้คนที่เหลือไม่น้อย ทั้งสีหน้าและแววตาของพวกเขาชี้ชัดว่าความกลัวกอบกุมจิตใจของทุกคนเอาไว้ทั้งหมด แม้จะยังมีความหวังแต่นั่นก็เป็นเพียงแสงสว่างอันน้อยนิดที่ปลายอุโมงค์เท่านั้น
“มันคือการลงโทษ... สำหรับการละเมิดกฎ ยิ่งพยายามต่อต้านมากเท่าไหร่... ยิ่งถูกกลืนกินเร็วเท่านั้น” ลุงแดงพูดแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน
“เราจะทำยังไงกันดี?” กวินถามขึ้นมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและหมดหนทาง เขาไม่รู้ว่าจะนำพาเพื่อนๆ ทั้งหมดออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร
จิตใต้สำนึกแห่งการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ยังคงมีอยู่ล้นหัวใจของเขา แต่นั่นดูจะเป้นเรื่องยากเสียเหลือเกิน กับสถานการณ์ที่เขาต้องพบเจออยู่ในเวลานี้ แค่การที่ต้องเอาชีวิตรอดออกไปด้วยตัวคนเดียวยังดูเหมืนอว่าจะเป็นเรื่องยากเลยด้วยซ้ำ
“นี่คุณจะยืนดูพวกเราเฉยๆ อย่างนั้นเหรอ” กวินหันไปถามเจ้าหน้าที่ประอควาเรียมด้วยน้ำเสียงและท่าทีไม่พอใจ
“ห้ามละเมิดกฎ...” เขาตอบมาเพียงเท่านั้น
“ฉันว่าที่เขาบอกมันก็ชัดเจนมากแล้วล่ะ ขอแค่เพียงเราไม่ละเมิดกฎ ทุกอย่างก็น่าจะพาให้เรารอดพ้นออกไปจากที่นี่ได้” แพรวากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไปกันเถอะ”
แพรวาประคองพลอยให้ลุกขึ้นก่อนจะพากันเดินนำออกไปอีกทางหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน แต่จากกฎเหล็กที่บอกว่าห้ามเดินย้อนกลับไปทางเดิม นั่นก็ชัดเจนแล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ต้องการให้พวกเขาเดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้น ต้องพิชิตให้ครบทุกอย่างที่มันต้องการให้เผชิญ และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็จะออกไปจากที่นี่ได้
คนที่เหลือไม่พูดพร่ำทำเพลงพากันเดินตามไปติด ไม่ลืมที่จะประคองเพื่อนฝูงไร้สติให้เดินไปด้วยกัน
ขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านทางเดินที่ค่อนข้างแคบแห่งหนึ่ง สายตาของหมอก ชลธิชา นักเขียนผู้เงียบขรึมและช่างสังเกต ก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่ทำให้เธอต้องหยุดชะงัก มันเป็นแผ่นป้ายเก่าๆ ที่ติดอยู่บนผนังใกล้กับตู้ปลาขนาดใหญ่ตู้หนึ่ง ป้ายนั้นดูเก่าแก่จนแทบอ่านไม่ออก แต่หมอกกลับรู้สึกสนใจอย่างประหลาด แรงจูงใจของเธอในการมาที่นี่คือการค้นหาแรงบันดาลใจในการเขียน และเธอเชื่อว่าความจริงที่ซ่อนอยู่จะช่วยเติมเต็มความคิดของเธอ
หมอกเดินเข้าไปใกล้แผ่นป้ายนั้น เธอลูบไล้ไปที่พื้นผิวของมันอย่างแผ่วเบา เผยให้เห็นตัวอักษรบางส่วนที่ดูเหมือนจะเขียนถึงประวัติของอควาเรียมแห่งนี้ และโครงการบางอย่างที่ถูกเก็บเป็นความลับ เธอเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับอควาเรียมนี้มานาน และเชื่อว่าอดีตของมันคือแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับงานเขียนของเธอ
“เจ้าหน้าที่คะ” หมอกกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “อควาเรียมแห่งนี้... มีประวัติความเป็นมาอย่างไรคะ? มีอะไรเคยเกิดขึ้นที่นี่บ้าง?”
ทันทีที่เธอถามจบเสียงกระซิบที่เคยแผ่วเบาก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่แค่เสียงกระซิบ แต่เป็นเสียงที่ดังขึ้นอย่างรุนแรงและเกรี้ยวกราดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา! เสียงนั้นดุดันและดังก้องไปทั่วทั้งทางเดิน ทำให้ทุกคนถึงกับสะดุ้งเฮือก!
“กฎข้อที่ 7... ห้ามถามคำถามเกี่ยวกับอดีตของอควาเรียม!”
เสียงสังเคราะห์ของอควาเรียมประกาศก้อง แต่น้ำเสียงของมัน ไม่ใช่แค่การประกาศเตือน แต่มันเป็นการขู่คำรามมากกว่า
เจ้าหน้าที่ชายผู้นั้นหันมามองหมอกช้าๆ ดวงตาที่เคยว่างเปล่า บัดนี้กลับมีประกายสีแดงเรืองรองวูบไหวอย่างรุนแรง เขาถูกกระตุ้นโดยคำถามของหมอก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย ราวกับกำลังพยายามควบคุมบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในร่างกายของเขา
“อดีต... คือความลับ...” เจ้าหน้าที่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและติดขัด เหมือนกับว่าเขากำลังถูกบังคับให้พูด “ความจริง... ถูกซ่อนไว้... ภายใต้ผืนน้ำ...” เสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เสียงราบเรียบไร้อารมณ์เหมือนเดิม แต่เป็นเสียงที่ดูเหมือนจะผสมผสานกับเสียงกระซิบที่น่าขนลุก!
จบคำพูดของเจ้าหน้าที่คนนั้น แสงไฟในทางเดินก็เริ่มกะพริบถี่ขึ้นอย่างบ้าคลั่งก่อนจะกลายเป็นความมืดมิดที่เข้าปกคลุมชั่วขณะ ภาพของผนังและตู้ปลาเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูปไปจากเดิม ราวกับว่ามิติของสถานที่กำลังถูกบิดงออย่างรุนแรง
เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับบูม
หมอกยืนนิ่ง ดวงตาของเธอมองไปยังเจ้าหน้าที่ด้วยความตกใจ เสียงกระซิบที่ออกมาจากปากของเจ้าหน้าที่นั้นไม่ใช่แค่เสียงพูด แต่เป็นเสียงที่แทรกซึมเข้ามาในโสตประสาทของเธอโดยตรง!
“ไม่จริง...” หมอกพึมพำ เธอรู้สึกเหมือนถูกเสียงกระซิบเหล่านั้นรุมล้อมอยู่ทุกทิศทาง มันไม่ใช่แค่เสียงจากภายนอก แต่เป็นเสียงที่ดังอยู่ในหัวของเธอ! เสียงเหล่านั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความโกรธ ความเศร้า และความบ้าคลั่ง!
“มันกำลังเล่นงานจิตใจเธอ!” ฟ้าที่อยู่ในสภาพล่องลอยกล่าวขึ้นอย่างไร้อารมณ์ น้ำเสียงยานคาง ดวงตาของเธอเบิกกว้างและปูดโปน เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ปั่นป่วนอย่างรุนแรงที่พุ่งออกมาจากตัวหมอก “มันกำลังบิดเบือนการรับรู้ของเธอ... และทำให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่มีใครควรได้ยิน!”
อิฐมองไปที่หมอก เขาสังเกตเห็นว่าดวงตาของหมอกเริ่มแดงก่ำ และมีเส้นเลือดฝอยปูดโปนออกมาคล้ายกับเจมส์ “การถามถึงอดีต... คือการเปิดประตูสู่ความจริงที่มืดมิด และบางครั้ง... ความจริงก็อันตรายเกินกว่าที่จะรับรู้ได้”
ลุงแดงถอนหายใจยาว “เพราะเธออยากรู้ถึงอดีต ตอนนี้มันทำให้เธอได้ยินเสียงของอดีตแล้ว และตอนนี้อดีตกำลังจะตามหลอกหลอนเธอไปตลอดกาล”
อาการของหมอกเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เธอกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง เธอเอาสองมือกุมศีรษะแน่น ราวกับพยายามจะหยุดเสียงที่ดังอยู่ในหัวของเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บปวด เธอกรีดร้องซ้ำๆ ว่า “ไม่จริง! มันไม่ใช่แบบนั้น! ช่วยด้วย!! ช่วยฉันด้วย!!”
หมอกกรีดร้องโหยหวนลากยาวจนหมดสติไป แต่เพียงครู่เดียวเธอก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แต่ไร้ซึ่งแววตาใด นอกไปจากความสับสน เธอมีอาการได้ยินเสียงกระซิบตลอดเวลา และไม่สามารถแยกแยะความจริงกับอดีตที่กำลังหลอกหลอนได้อีกต่อไป
เธอได้แต่พึมพำถึงเรื่องราวในอดีตที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน ราวกับว่าเธอกำลังใช้ชีวิตอยู่ในอดีตของอควาเรียม!
“หมอก! เธอเป็นอะไรไป!” กวินเขย่าตัวหมอกเบาๆ แต่หมอกกลับมองเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความสับสน
แพรวาเข้าไปช่วยกวินปลุก “หมอก... ตื่นสิ! หมอก!!”
“เธอกลายเป็นผู้ถูกจองจำ เป็นส่วนหนึ่งของอดีตที่มืดมิดของอควาเรียม” ลุงแดงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเหมืิอนเคย ไร้ซึ่งคำอธิบายใดที่มากกว่านี้
ลำโพงของอควาเรียมดังขึ้นอีกครั้ง ประกาศก้องด้วยเนื้อหาดังเช่นทุกครั้งหลังจากที่มีคนละเมิดกฎ
“หนึ่ง... ถูกกลืนกิน สอง... ถูกพราก สาม... ถูกบิดเบือน สี่... ถูกลบเลือน ห้า... ถูกแบ่งแยก หก... ถูกหลอกหลอน เจ็ด... ถูกจองจำในอดีต"
“ยินดีต้อนรับ สู่การเป็นส่วนหนึ่งของไตรตัน ผู้เฝ้ารอคอยตลอดกาล"
หลังเสียงประกาศสิ้นสุด ทุกอย่างเงียบงันลง เงียบสนิท และมืดมน มันกลับมาชวนขนหัวลุกอีกครั้งสำหรับคนที่ยังเหลือรอด ส่วนคนที่โดนลงโทษสภาพไม่ต่างอะไรกับผีดิบ ตาดำของแต่ละคนเลือนลางจนเกือบจะมองเห็นแต่ตาขาว เส้นเลือดในดวงตาปูดโปนจนแดงก่ำ ผิวกายซีดเซียวไร้เลือดฝาด เหมือนกับว่าพวกเขากำลังห่างจากไกลจากการเป็นมนุษย์มากขึ้นทุกที