บัตรเชิญสีดำพาพวกเขาเข้าสู่อควาเรียมที่ไม่มีในแผนที่ 13 กฎห้ามละเมิด…แต่เมื่อทำตาม พวกเขากลับเริ่มหายไปทีละคน

วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม - 2 การสำรวจอควาเรียม โดย ณัฐปภานนท์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,ผู้ใหญ่,จิตวิทยา,ยุคปัจจุบัน,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,สยองขวัญ,เอาตัวรอด,เอาชีวิตรอด,RulesofHorror,horror,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,ผู้ใหญ่,จิตวิทยา,ยุคปัจจุบัน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,สยองขวัญ,เอาตัวรอด,เอาชีวิตรอด,RulesofHorror,horror

รายละเอียด

วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม โดย ณัฐปภานนท์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

บัตรเชิญสีดำพาพวกเขาเข้าสู่อควาเรียมที่ไม่มีในแผนที่ 13 กฎห้ามละเมิด…แต่เมื่อทำตาม พวกเขากลับเริ่มหายไปทีละคน

ผู้แต่ง

ณัฐปภานนท์

เรื่องย่อ

13 กฎเหล็กที่ห้ามละเมิด…แม้จะไม่รู้ว่าทำไม

เมื่อกวินและอีก 11 คนได้รับบัตรเชิญสีดำลึกลับ พวกเขาถูกพาไปยัง “อควาเรียมต้องห้าม” ที่ไม่ปรากฏอยู่ในแผนที่โลก

ประตูถูกล็อก

กฎถูกประกาศ

และทุกการละเมิด… คือการแลกด้วยความตาย

แต่ยิ่งพวกเขาเชื่อฟัง พวกเขายิ่งสูญเสียความเป็นตัวเอง และเมื่อกฎข้อสุดท้ายคือ “จงอย่าท้าทายกฎ” บางคนก็เริ่มสงสัยว่า

ถ้าไม่ฝ่าฝืน…เราจะรอดได้อย่างไร?

สารบัญ

วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-Prologue บทนำ,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-1 บัตรเชิญปริศนา,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-2 การสำรวจอควาเรียม,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-3 กฎข้อที่ 1 ห้ามแตะกระจกของตู้ปลา,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-4 กฎข้อที่ 2 ห้ามให้อาหารปลานอกเหนือจากที่จัดเตรียมไว้,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-5 กฎข้อที่ 3 ห้ามพูดชื่อสัตว์น้ำที่เห็นในตู้เสียงดัง,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-6 กฎข้อที่ 4 ห้ามเดินกลับไปทางเดิมที่เดินผ่านมาแล้ว,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-7 กฎข้อที่ 5 ห้ามมองเข้าไปในตู้ที่ไม่มีปลา,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-8 กฎข้อที่ 6 ห้ามถ่ายภาพหรือวิดีโอใดๆ ภายในอควาเรียม,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-9 กฎข้อที่ 7 ห้ามถามคำถามเกี่ยวกับอดีตของอควาเรียม,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-10 การรวมตัวและแผนเอาชีวิตรอด,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-11 กฎข้อที่ 8 ห้ามอยู่ในโซนสัตว์น้ำคนเดียว,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-12 กฎข้อที่ 9 ห้ามเปิดประตูที่ปิดอยู่,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-13 กฎข้อที่ 10 ห้ามพูดถึงโลกภายนอก,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-14 การค้นพบของอิฐ,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-15 กฎข้อที่ 11 ห้ามสัมผัสน้ำในตู้ปลา

เนื้อหา

2 การสำรวจอควาเรียม

เสียงก้องกังวานของเสียงสังเคราะห์ที่ประกาศกฎ 13 ข้อ ค่อยๆ จางหายไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันที่หนักอึ้งกว่าเดิม บรรยากาศภายใน  อควาเรียมไตรตันแปรเปลี่ยนจากความลึกลับน่าค้นหา เป็นความตึงเครียดที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แสงไฟสลัวจากตู้ปลาขนาดยักษ์เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างในโถงทางเดินอันกว้างใหญ่ เผยให้เห็นใบหน้าของผู้คนที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและสับสน

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!” เจมส์โพล่งขึ้นมาเป็นคนแรก น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและหงุดหงิด เขากวาดตามองไปรอบๆ ราวกับจะหาต้นตอของเสียงนั้น “ใครเล่นตลกอะไรแบบนี้วะ? เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” เขาก้าวไปที่ประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทและพยายามดันมันสุดแรง แต่ประตูนั้นแน่นหนาราวกับผนังคอนกรีต เขาหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่นำพวกเขามาด้วยแววตาตำหนิ “คุณ! นี่มันอะไรกัน? เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

เจ้าหน้าที่ชายผู้นั้นยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉย ไร้อารมณ์ใดๆ ราวกับหุ่นยนต์ดวงตาของเขาว่างเปล่า แสงจากตู้ปลาสะท้อนในแววตานั้นดูมืดมิดและไร้ชีวิต “กฎ... คือสิ่งเดียวที่นำทางท่าน” เจ้าหน้าที่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง น้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึกนั้นทำให้เจมส์รู้สึกขนลุก

“กฎบ้าอะไรกัน! ผมมาที่นี่เพราะถูกเพื่อนท้าให้มาดูว่ามีผีไหม ไม่ได้มาเล่นเกมบ้าบอนี่!” เจมส์ยังคงโวยวาย สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความไม่เชื่ออย่างรุนแรง เขายังคงยึดติดกับความคิดว่าทุกสิ่งต้องมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงการแกล้งกันเท่านั้น

กวินเดินเข้ามาใกล้เจมส์ “ใจเย็นก่อนเจมส์” เขากล่าวเสียงเรียบ ดวงตาของกวินยังคงจับจ้องไปที่ตู้ปลาและโถงทางเดินที่ทอดยาวออกไป “ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา...” แรงจูงใจของกวินคือการไขปริศนาสิ่งลี้ลับ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในตัวเขา “เสียงกระซิบ… มีข่าวลือมานานเกี่ยวกับอควาเรียมนี้ว่ามีเสียงกระซิบจากสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็น” เขารู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้คือความจริงที่เขาตามหามาตลอด

แพรวายืนนิ่งอยู่ข้างๆ เธอกำลังใช้สายตาสำรวจทุกตารางนิ้วของบริเวณนั้นอย่างละเอียด ใบหน้าของเธอยังคงสงบ แต่ดวงตาฉายแววครุ่นคิด เธอไม่เชื่อในเรื่องลี้ลับ แต่เชื่อในความจริงที่ซ่อนอยู่ “ดูแผนผังดีๆ นะคะ  อควาเรียมแห่งนี้กว้างขวางเกินกว่าที่จะเป็นแค่ที่จัดแสดงธรรมดา” เธอเอ่ยบอกกับทุกคน แรงจูงใจของเธอในการมาที่นี่คือการค้นหาคำตอบเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของครอบครัว และทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังเข้าใกล้ความจริงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ

มิกิเองก็เริ่มเงียบไปเล็กน้อยจากท่าทีฮึกเหิมเมื่อครู่ แต่ไม่นานเธอก็หยิบกล้องมือถือขึ้นมา “โอเคทุกคน! สถานการณ์พลิกผันนิดหน่อย! ดูเหมือนเราจะติดอยู่ในอควาเรียมปริศนาที่ออกกฎเองได้! นี่มันคอนเทนต์ระดับไวรัลเลยนะ!” เธอเริ่มถ่ายคลิปอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆ แต่ความต้องการที่จะสร้างคอนเทนต์ที่น่าตื่นเต้นและโดดเด่นก็มีมากกว่า เธอพยายามบังคับให้เจมส์ที่ยังคงหัวเสียอยู่หันมาทางกล้อง “เจมส์! ทำหน้ากลัวๆ หน่อยสิ! ผู้ชมชอบอะไรแบบนี้!”

“อย่าถ่ายรูป หรือวิดีโอใดๆ ภายในอควาเรียม” เจ้าหน้าที่กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง เสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ราวกับเป็นเสียงที่ผุดขึ้นมาจากกำแพง

มิกิชะงัก เธอจำหนึ่งในกฎเหล็กได้ทันที “อ่อ! ข้อ 6! ห้ามถ่ายรูปนี่หว่า!” เธอเก็บมือถือลงอย่างรวดเร็ว แม้จะเสียดายโอกาสที่จะได้เก็บภาพเหตุการณ์สำคัญ แต่ก็ยังคงความทะเยอทะยานที่จะทำให้คลิปของเธอดังอยู่

ต้น ช่างภาพมือสมัครเล่น มองการกระทำของมิกิด้วยความเข้าใจ เขาเองก็มีความต้องการที่จะบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านเลนส์กล้อง “ผมเข้าใจความรู้สึกนะ” ต้นกล่าวเบาๆ กับมิกิ “แต่ดูเหมือนกฎนี้จะจริงจังกว่าที่คิด” เขามองไปที่เงาปริศนาที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในตู้ปลาขนาดยักษ์ แสงสลัวทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน แต่เขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา อันที่จริงเขาก็แอบเสียดายเล็กน้อยพลางคิดในใจว่าแม้จะถ่ายภาพไม่ได้ แต่เขาสามารถสังเกตและจดจำรายละเอียดทั้งหมดเพื่อนำไปเล่าเรื่องในภายหลัง

อิฐยังคงยืนนิ่ง สังเกตการณ์ทุกคนเงียบๆ ดวงตาของเขากวาดมองไปที่ป้ายไฟที่ติดอยู่เหนือตู้ปลาแต่ละโซน พยายามจดจำรายละเอียด พลางนึกไปถึงแผนผังของอควาเรียมไตรตันที่เคยศึกษามาอย่างลับๆ “อควาเรียมนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง... ไม่น่าจะเป็นแค่สถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำทั่วไป” อิฐคิดในใจ เขานึกถึงเอกสารเก่าๆ ที่เขาเคยรวบรวมไว้เกี่ยวกับอควาเรียมแห่งนี้ เขารู้สึกว่าความลับที่เขาตามหามานานกำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า

ในระหว่างนั้นพลอยมองไปที่ตู้ปลาขนาดยักษ์ด้วยความสนใจ ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความไร้เดียงสาและความหลงใหลในสัตว์น้ำ เธอเดินเข้าไปใกล้ตู้ปลาที่มีแสงสีฟ้าอ่อนๆ เปล่งประกายออกมา ดึงดูดสายตา “สวยจังเลย…” เธอกระซิบเบาๆ มือของเธอยกขึ้นช้าๆ ราวกับต้องการสัมผัสผิวกระจกที่ดูเย็นเฉียบ

“พลอย! อย่าแตะกระจก!” เจมส์ร้องเตือนเสียงดังด้วยสัญชาตญาณ เขาจำกฎข้อ 1 ได้ และไม่ต้องการให้ใครละเมิดมันอีกหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อครู่

พลอยชะงักเล็กน้อย หันมามองเจมส์ด้วยความแปลกใจ “ทำไมล่ะเจมส์? ก็แค่มอง...” เธอยังไม่เข้าใจถึงความจริงจังของสถานการณ์นัก

หมอกที่ปกติเป็นคนเงียบขรึมและช่างสังเกต กำลังจับจ้องไปที่เจ้าหน้าที่อย่างไม่วางตา เธอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างในตัวเขา ไม่ใช่แค่ท่าทางที่ไร้อารมณ์ แต่ยังรวมถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเขา หมอกรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ใช่แค่พนักงานธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของความลับทั้งหมด ‘ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามกฎ... ก็หมายความว่าสิ่งที่เราต้องทำคือพยายามเข้าใจกฎ’ หมอกคิดในใจ เธอเชื่อว่าการสังเกตคือการเข้าใจสิ่งที่คนอื่นไม่พูดออกมา

ลุงแดงยืนพิงกำแพง ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูที่ปิดสนิท เขาไม่พูดอะไรมาก แต่แววตาของเขาบ่งบอกถึงความรู้บางอย่างที่ซ่อนอยู่ ลุงแดงเคยขับรถรับส่งพนักงานที่อควาเรียมนี้มาก่อน และเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการทดลองที่ผิดจรรยาบรรณ ซึ่งทำให้เขามีความเชื่อในสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาจำได้ว่ามีข่าวลือเรื่องการหายตัวไปของพนักงาน และการเห็นเงาลึกลับในตู้ปลา ลุงแดงมองไปที่ตู้ปลาขนาดยักษ์ ราวกับกำลังมองหาบางสิ่งที่เขารู้จัก

“พวกเราต้องหาทางออก!” กวินเป็นคนแรกที่เริ่มพูดถึงความเป็นไปได้ในการหาทางออกจากที่นี่ “เราไม่รู้ว่าเกมบ้าๆ นี่จะจบลงเมื่อไหร่ และมีอะไรซ่อนอยู่” เขาเดินไปที่แผนผังอควาเรียมที่ติดอยู่บนผนัง มันเป็นแผนผังที่ดูเรียบง่าย แต่มีบางโซนที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ด้วยสัญลักษณ์แปลกๆ

“ทางออกอยู่ที่ไหน?” แพรวาถามขึ้นมาบ้าง น้ำเสียงของเธอยังคงสงบแต่แฝงไว้ด้วยความกังวล แพรวาเริ่มมองเห็นว่าสถานการณ์นี้ไม่ใช่แค่การไขปริศนา แต่เป็นการเอาชีวิตรอด เธอต้องการปกป้องตัวเองและคนที่เหลือ และเธอต้องการความจริงเกี่ยวกับพ่อของเธอ

“เจ้าหน้าที่คนนี้รู้เรื่องทั้งหมดแน่ๆ” มิกิกระซิบกับต้น “แต่ดูสิ เขานิ่งมากเลย”

“หรือจริงๆ เขาอาจจะควบคุมอยู่ก็ได้” ต้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด

เจ้าหน้าที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่ตอบคำถามใดๆ ราวกับไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา แสงสลัวๆ จากตู้ปลาทำให้เงาของพวกเขาทอดยาวบิดเบี้ยวบนพื้น ทำให้บรรยากาศยิ่งน่าขนลุกเข้าไปใหญ่

กวินเริ่มเดินสำรวจไปตามโถงทางเดินที่ทอดยาวออกไป ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจเดินตามไปอย่างช้าๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้าต่อไป

‘โซนปลาน้ำลึก’

ป้ายเหนือตู้ปลาขนาดใหญ่ระบุไว้ แสงสีน้ำเงินเข้มส่องสว่างออกมาจากภายในตู้ เผยให้เห็นเงาตะคุ่มของสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกประหลาดที่ว่ายวนอยู่เบื้องหลัง ความเย็นยะเยือกเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในอากาศ

“นี่คือโซนแรกที่เราจะสำรวจงั้นเหรอ?” เจมส์เดินเข้าไปใกล้ตู้ปลาพวกนั้น เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วจดจ้องสายตาเพ่งมองเข้าไปข้างใน พลางเอ่ยถามด้วยเสียงหงุดหงิด เขายังคงไม่พอใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“เราต้องทำความเข้าใจสถานที่นี้กันก่อน” กวินตอบพลางก้าวเข้าไปใกล้ตู้ปลา แววตาของเขามีประกายความตื่นเต้นปนกับความระมัดระวัง

“เจมส์” แพรวาเอ่ยเรียกเสียงนิ่ง

“…”

“เจมส์!”

“ห้ะ!”

“ไปกันได้แล้ว! ยืนจ้องอยู่ได้ นิ่งจนคิดว่าหลับไปซะละ” แพรวาบ่นพลางมองด้วยแววตาสงสัย

“โทษที ฉันดูเพลินไปหน่อย”

พวกเขาพากันเดินผ่านโซนปลาน้ำลึกที่เต็มไปด้วยตู้ปลาขนาดใหญ่ที่บรรจุสัตว์ทะเลน้ำลึกรูปร่างประหลาด บางชนิดมีแสงในตัวเอง บางชนิดดูน่ากลัวจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ดังแว่วมาจากทุกทิศทาง เหมือนเสียงกระซิบที่ลึกลับ

“พวกคุณได้ยินอะไรไหม?” แพรวาถามขึ้นมาเบาๆ เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ไม่ใช่เสียงน้ำ แต่เป็นเสียงที่เหมือนกำลังพยายามพูดบางอย่าง

“เสียงกระซิบ… มันดังมาจากตู้ปลา” กวินพึมพำ เขาจำได้ว่าในข่าวลือก็มีการพูดถึงเสียงกระซิบนี้เช่นกัน

“บ้าหน่า! ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเลย” เจมส์ตอบ เขากุมขมับ “นี่นายกำลังเล่นตลกกับพวกเราอยู่เหรอ”

มิกิหันมามองเจมส์ “นายยังไม่เชื่อเรื่องแบบนี้อีกเหรอเจมส์? นี่มันของจริงแล้วนะ!”

“ฉันก็ได้ยิน...” ต้นพูดเสริม “เสียงมันเบามาก เหมือนมีคนกระซิบอยู่ข้างหู”

ฟ้าหลับตาลงช้าๆ เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แปลกประหลาดภายในอควาเรียมนี้ มันเป็นพลังงานที่ค่อนข้างเก่าแก่และมืดมิด “มีบางอย่างที่กำลังสื่อสารกับเรา” เธอเอ่ยขึ้น “แต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

ขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับเสียงกระซิบ พลอยก็เหลือบไปเห็นตู้ปลาขนาดเล็กที่อยู่มุมห้อง มันเป็นตู้ปลาที่ดูโดดเด่นกว่าตู้ปลาอื่นๆ เพราะมีแสงสีเขียวมรกตส่องประกายออกมา ราวกับมีบางสิ่งล้ำค่าซ่อนอยู่ภายใน “ว้าว! นั่นมันอะไรน่ะ?” พลอยเดินเข้าไปใกล้ตู้ปลาอย่างไม่ลังเล

“ระวังนะพลอย!” กวินร้องเตือน

แต่ไม่ทันแล้ว พลอยยกมือขึ้นไปแตะกระจกตู้ปลาที่มีแสงสีเขียวนั้นอย่างแผ่วเบา

ทันใดนั้น เสียงกระซิบที่เคยแผ่วเบา ก็ดังขึ้นชัดเจนและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม จนแทบจะเป็นเสียงคำรามที่ดังมาจากทุกทิศทาง

“ห้ามแตะกระจกของตู้ปลา!”

เสียงสังเคราะห์นั้นกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

แสงสีเขียวมรกตจากตู้ปลาขนาดเล็กนั้นเริ่มกะพริบถี่ขึ้น ก่อนจะส่องสว่างจ้าจนแสบตา พลอยกรีดร้องเสียงหลง เมื่อมือของเธอที่แตะกระจกเริ่มมีรอยไหม้แดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“พลอย!” กวินรีบปรี่เข้าไปดึงตัวพลอยออกมาทันที แต่รอยไหม้ที่มือของพลอยกลับไม่เหมือนรอยไหม้ทั่วไป มันเป็นรอยไหม้ที่คล้ายกับตราประทับรูปทรงแปลกประหลาด

“โอ๊ย! อะไรเนี่ย! มันร้อนมากเลย!” พลอยร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนว่ากฎเหล่านั้นไม่ใช่แค่คำขู่ แต่มันคือความจริงที่อันตรายถึงชีวิต

อิฐมองไปที่รอยไหม้บนมือของพลอยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด เขาเริ่มเชื่อมั่นแล้วว่าความลับที่เขาตามหามานานกำลังจะถูกเปิดเผยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอควาเรียมนี้ เขารู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเกมที่ไม่มีใครรู้ว่าใครจะเป็นผู้รอดชีวิต

ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชายผู้นั้นยังคงยืนนิ่งเช่นเดิม ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ราวกับว่าเขาเป็นเพียงผู้เฝ้ามองความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา

กวินกอดปลอบพลอยที่ยังคงสะอื้นไห้ เขาตระหนักแล้วว่า         อควาเรียมแห่งนี้คือสิ่งมีชีวิตที่กำลังเล่นเกมกับพวกเขา และพวกเขาจะต้องทำความเข้าใจกฎของมันให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

“เราต้องหาทางออก... ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม” กวินพึมพำกับตัวเอง เสียงนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวาดกลัวที่ปะปนกัน

และในความมืดสลัวนั้น เสียงกระซิบจากตู้ปลาที่อยู่รอบตัวก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่แค่เสียงแผ่วเบา แต่เป็นเสียงที่ดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะความพยายามที่ไร้ผลของพวกเขา