บัตรเชิญสีดำพาพวกเขาเข้าสู่อควาเรียมที่ไม่มีในแผนที่ 13 กฎห้ามละเมิด…แต่เมื่อทำตาม พวกเขากลับเริ่มหายไปทีละคน
ระทึกขวัญ,ผู้ใหญ่,จิตวิทยา,ยุคปัจจุบัน,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,สยองขวัญ,เอาตัวรอด,เอาชีวิตรอด,RulesofHorror,horror,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้ามบัตรเชิญสีดำพาพวกเขาเข้าสู่อควาเรียมที่ไม่มีในแผนที่ 13 กฎห้ามละเมิด…แต่เมื่อทำตาม พวกเขากลับเริ่มหายไปทีละคน
13 กฎเหล็กที่ห้ามละเมิด…แม้จะไม่รู้ว่าทำไม
เมื่อกวินและอีก 11 คนได้รับบัตรเชิญสีดำลึกลับ พวกเขาถูกพาไปยัง “อควาเรียมต้องห้าม” ที่ไม่ปรากฏอยู่ในแผนที่โลก
ประตูถูกล็อก
กฎถูกประกาศ
และทุกการละเมิด… คือการแลกด้วยความตาย
แต่ยิ่งพวกเขาเชื่อฟัง พวกเขายิ่งสูญเสียความเป็นตัวเอง และเมื่อกฎข้อสุดท้ายคือ “จงอย่าท้าทายกฎ” บางคนก็เริ่มสงสัยว่า
ถ้าไม่ฝ่าฝืน…เราจะรอดได้อย่างไร?
เสียงก้องกังวานของเสียงสังเคราะห์ที่ประกาศกฎ 13 ข้อ ค่อยๆ จางหายไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันที่หนักอึ้งกว่าเดิม บรรยากาศภายใน อควาเรียมไตรตันแปรเปลี่ยนจากความลึกลับน่าค้นหา เป็นความตึงเครียดที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แสงไฟสลัวจากตู้ปลาขนาดยักษ์เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างในโถงทางเดินอันกว้างใหญ่ เผยให้เห็นใบหน้าของผู้คนที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและสับสน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!” เจมส์โพล่งขึ้นมาเป็นคนแรก น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและหงุดหงิด เขากวาดตามองไปรอบๆ ราวกับจะหาต้นตอของเสียงนั้น “ใครเล่นตลกอะไรแบบนี้วะ? เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” เขาก้าวไปที่ประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทและพยายามดันมันสุดแรง แต่ประตูนั้นแน่นหนาราวกับผนังคอนกรีต เขาหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่นำพวกเขามาด้วยแววตาตำหนิ “คุณ! นี่มันอะไรกัน? เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
เจ้าหน้าที่ชายผู้นั้นยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉย ไร้อารมณ์ใดๆ ราวกับหุ่นยนต์ดวงตาของเขาว่างเปล่า แสงจากตู้ปลาสะท้อนในแววตานั้นดูมืดมิดและไร้ชีวิต “กฎ... คือสิ่งเดียวที่นำทางท่าน” เจ้าหน้าที่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง น้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึกนั้นทำให้เจมส์รู้สึกขนลุก
“กฎบ้าอะไรกัน! ผมมาที่นี่เพราะถูกเพื่อนท้าให้มาดูว่ามีผีไหม ไม่ได้มาเล่นเกมบ้าบอนี่!” เจมส์ยังคงโวยวาย สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความไม่เชื่ออย่างรุนแรง เขายังคงยึดติดกับความคิดว่าทุกสิ่งต้องมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงการแกล้งกันเท่านั้น
กวินเดินเข้ามาใกล้เจมส์ “ใจเย็นก่อนเจมส์” เขากล่าวเสียงเรียบ ดวงตาของกวินยังคงจับจ้องไปที่ตู้ปลาและโถงทางเดินที่ทอดยาวออกไป “ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา...” แรงจูงใจของกวินคือการไขปริศนาสิ่งลี้ลับ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในตัวเขา “เสียงกระซิบ… มีข่าวลือมานานเกี่ยวกับอควาเรียมนี้ว่ามีเสียงกระซิบจากสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็น” เขารู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้คือความจริงที่เขาตามหามาตลอด
แพรวายืนนิ่งอยู่ข้างๆ เธอกำลังใช้สายตาสำรวจทุกตารางนิ้วของบริเวณนั้นอย่างละเอียด ใบหน้าของเธอยังคงสงบ แต่ดวงตาฉายแววครุ่นคิด เธอไม่เชื่อในเรื่องลี้ลับ แต่เชื่อในความจริงที่ซ่อนอยู่ “ดูแผนผังดีๆ นะคะ อควาเรียมแห่งนี้กว้างขวางเกินกว่าที่จะเป็นแค่ที่จัดแสดงธรรมดา” เธอเอ่ยบอกกับทุกคน แรงจูงใจของเธอในการมาที่นี่คือการค้นหาคำตอบเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของครอบครัว และทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังเข้าใกล้ความจริงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
มิกิเองก็เริ่มเงียบไปเล็กน้อยจากท่าทีฮึกเหิมเมื่อครู่ แต่ไม่นานเธอก็หยิบกล้องมือถือขึ้นมา “โอเคทุกคน! สถานการณ์พลิกผันนิดหน่อย! ดูเหมือนเราจะติดอยู่ในอควาเรียมปริศนาที่ออกกฎเองได้! นี่มันคอนเทนต์ระดับไวรัลเลยนะ!” เธอเริ่มถ่ายคลิปอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆ แต่ความต้องการที่จะสร้างคอนเทนต์ที่น่าตื่นเต้นและโดดเด่นก็มีมากกว่า เธอพยายามบังคับให้เจมส์ที่ยังคงหัวเสียอยู่หันมาทางกล้อง “เจมส์! ทำหน้ากลัวๆ หน่อยสิ! ผู้ชมชอบอะไรแบบนี้!”
“อย่าถ่ายรูป หรือวิดีโอใดๆ ภายในอควาเรียม” เจ้าหน้าที่กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง เสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ราวกับเป็นเสียงที่ผุดขึ้นมาจากกำแพง
มิกิชะงัก เธอจำหนึ่งในกฎเหล็กได้ทันที “อ่อ! ข้อ 6! ห้ามถ่ายรูปนี่หว่า!” เธอเก็บมือถือลงอย่างรวดเร็ว แม้จะเสียดายโอกาสที่จะได้เก็บภาพเหตุการณ์สำคัญ แต่ก็ยังคงความทะเยอทะยานที่จะทำให้คลิปของเธอดังอยู่
ต้น ช่างภาพมือสมัครเล่น มองการกระทำของมิกิด้วยความเข้าใจ เขาเองก็มีความต้องการที่จะบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านเลนส์กล้อง “ผมเข้าใจความรู้สึกนะ” ต้นกล่าวเบาๆ กับมิกิ “แต่ดูเหมือนกฎนี้จะจริงจังกว่าที่คิด” เขามองไปที่เงาปริศนาที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในตู้ปลาขนาดยักษ์ แสงสลัวทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน แต่เขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา อันที่จริงเขาก็แอบเสียดายเล็กน้อยพลางคิดในใจว่าแม้จะถ่ายภาพไม่ได้ แต่เขาสามารถสังเกตและจดจำรายละเอียดทั้งหมดเพื่อนำไปเล่าเรื่องในภายหลัง
อิฐยังคงยืนนิ่ง สังเกตการณ์ทุกคนเงียบๆ ดวงตาของเขากวาดมองไปที่ป้ายไฟที่ติดอยู่เหนือตู้ปลาแต่ละโซน พยายามจดจำรายละเอียด พลางนึกไปถึงแผนผังของอควาเรียมไตรตันที่เคยศึกษามาอย่างลับๆ “อควาเรียมนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง... ไม่น่าจะเป็นแค่สถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำทั่วไป” อิฐคิดในใจ เขานึกถึงเอกสารเก่าๆ ที่เขาเคยรวบรวมไว้เกี่ยวกับอควาเรียมแห่งนี้ เขารู้สึกว่าความลับที่เขาตามหามานานกำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า
ในระหว่างนั้นพลอยมองไปที่ตู้ปลาขนาดยักษ์ด้วยความสนใจ ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความไร้เดียงสาและความหลงใหลในสัตว์น้ำ เธอเดินเข้าไปใกล้ตู้ปลาที่มีแสงสีฟ้าอ่อนๆ เปล่งประกายออกมา ดึงดูดสายตา “สวยจังเลย…” เธอกระซิบเบาๆ มือของเธอยกขึ้นช้าๆ ราวกับต้องการสัมผัสผิวกระจกที่ดูเย็นเฉียบ
“พลอย! อย่าแตะกระจก!” เจมส์ร้องเตือนเสียงดังด้วยสัญชาตญาณ เขาจำกฎข้อ 1 ได้ และไม่ต้องการให้ใครละเมิดมันอีกหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อครู่
พลอยชะงักเล็กน้อย หันมามองเจมส์ด้วยความแปลกใจ “ทำไมล่ะเจมส์? ก็แค่มอง...” เธอยังไม่เข้าใจถึงความจริงจังของสถานการณ์นัก
หมอกที่ปกติเป็นคนเงียบขรึมและช่างสังเกต กำลังจับจ้องไปที่เจ้าหน้าที่อย่างไม่วางตา เธอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างในตัวเขา ไม่ใช่แค่ท่าทางที่ไร้อารมณ์ แต่ยังรวมถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเขา หมอกรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ใช่แค่พนักงานธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของความลับทั้งหมด ‘ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามกฎ... ก็หมายความว่าสิ่งที่เราต้องทำคือพยายามเข้าใจกฎ’ หมอกคิดในใจ เธอเชื่อว่าการสังเกตคือการเข้าใจสิ่งที่คนอื่นไม่พูดออกมา
ลุงแดงยืนพิงกำแพง ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูที่ปิดสนิท เขาไม่พูดอะไรมาก แต่แววตาของเขาบ่งบอกถึงความรู้บางอย่างที่ซ่อนอยู่ ลุงแดงเคยขับรถรับส่งพนักงานที่อควาเรียมนี้มาก่อน และเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการทดลองที่ผิดจรรยาบรรณ ซึ่งทำให้เขามีความเชื่อในสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาจำได้ว่ามีข่าวลือเรื่องการหายตัวไปของพนักงาน และการเห็นเงาลึกลับในตู้ปลา ลุงแดงมองไปที่ตู้ปลาขนาดยักษ์ ราวกับกำลังมองหาบางสิ่งที่เขารู้จัก
“พวกเราต้องหาทางออก!” กวินเป็นคนแรกที่เริ่มพูดถึงความเป็นไปได้ในการหาทางออกจากที่นี่ “เราไม่รู้ว่าเกมบ้าๆ นี่จะจบลงเมื่อไหร่ และมีอะไรซ่อนอยู่” เขาเดินไปที่แผนผังอควาเรียมที่ติดอยู่บนผนัง มันเป็นแผนผังที่ดูเรียบง่าย แต่มีบางโซนที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ด้วยสัญลักษณ์แปลกๆ
“ทางออกอยู่ที่ไหน?” แพรวาถามขึ้นมาบ้าง น้ำเสียงของเธอยังคงสงบแต่แฝงไว้ด้วยความกังวล แพรวาเริ่มมองเห็นว่าสถานการณ์นี้ไม่ใช่แค่การไขปริศนา แต่เป็นการเอาชีวิตรอด เธอต้องการปกป้องตัวเองและคนที่เหลือ และเธอต้องการความจริงเกี่ยวกับพ่อของเธอ
“เจ้าหน้าที่คนนี้รู้เรื่องทั้งหมดแน่ๆ” มิกิกระซิบกับต้น “แต่ดูสิ เขานิ่งมากเลย”
“หรือจริงๆ เขาอาจจะควบคุมอยู่ก็ได้” ต้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด
เจ้าหน้าที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่ตอบคำถามใดๆ ราวกับไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา แสงสลัวๆ จากตู้ปลาทำให้เงาของพวกเขาทอดยาวบิดเบี้ยวบนพื้น ทำให้บรรยากาศยิ่งน่าขนลุกเข้าไปใหญ่
กวินเริ่มเดินสำรวจไปตามโถงทางเดินที่ทอดยาวออกไป ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจเดินตามไปอย่างช้าๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้าต่อไป
‘โซนปลาน้ำลึก’
ป้ายเหนือตู้ปลาขนาดใหญ่ระบุไว้ แสงสีน้ำเงินเข้มส่องสว่างออกมาจากภายในตู้ เผยให้เห็นเงาตะคุ่มของสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกประหลาดที่ว่ายวนอยู่เบื้องหลัง ความเย็นยะเยือกเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในอากาศ
“นี่คือโซนแรกที่เราจะสำรวจงั้นเหรอ?” เจมส์เดินเข้าไปใกล้ตู้ปลาพวกนั้น เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วจดจ้องสายตาเพ่งมองเข้าไปข้างใน พลางเอ่ยถามด้วยเสียงหงุดหงิด เขายังคงไม่พอใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“เราต้องทำความเข้าใจสถานที่นี้กันก่อน” กวินตอบพลางก้าวเข้าไปใกล้ตู้ปลา แววตาของเขามีประกายความตื่นเต้นปนกับความระมัดระวัง
“เจมส์” แพรวาเอ่ยเรียกเสียงนิ่ง
“…”
“เจมส์!”
“ห้ะ!”
“ไปกันได้แล้ว! ยืนจ้องอยู่ได้ นิ่งจนคิดว่าหลับไปซะละ” แพรวาบ่นพลางมองด้วยแววตาสงสัย
“โทษที ฉันดูเพลินไปหน่อย”
พวกเขาพากันเดินผ่านโซนปลาน้ำลึกที่เต็มไปด้วยตู้ปลาขนาดใหญ่ที่บรรจุสัตว์ทะเลน้ำลึกรูปร่างประหลาด บางชนิดมีแสงในตัวเอง บางชนิดดูน่ากลัวจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ดังแว่วมาจากทุกทิศทาง เหมือนเสียงกระซิบที่ลึกลับ
“พวกคุณได้ยินอะไรไหม?” แพรวาถามขึ้นมาเบาๆ เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ไม่ใช่เสียงน้ำ แต่เป็นเสียงที่เหมือนกำลังพยายามพูดบางอย่าง
“เสียงกระซิบ… มันดังมาจากตู้ปลา” กวินพึมพำ เขาจำได้ว่าในข่าวลือก็มีการพูดถึงเสียงกระซิบนี้เช่นกัน
“บ้าหน่า! ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเลย” เจมส์ตอบ เขากุมขมับ “นี่นายกำลังเล่นตลกกับพวกเราอยู่เหรอ”
มิกิหันมามองเจมส์ “นายยังไม่เชื่อเรื่องแบบนี้อีกเหรอเจมส์? นี่มันของจริงแล้วนะ!”
“ฉันก็ได้ยิน...” ต้นพูดเสริม “เสียงมันเบามาก เหมือนมีคนกระซิบอยู่ข้างหู”
ฟ้าหลับตาลงช้าๆ เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แปลกประหลาดภายในอควาเรียมนี้ มันเป็นพลังงานที่ค่อนข้างเก่าแก่และมืดมิด “มีบางอย่างที่กำลังสื่อสารกับเรา” เธอเอ่ยขึ้น “แต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร”
ขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับเสียงกระซิบ พลอยก็เหลือบไปเห็นตู้ปลาขนาดเล็กที่อยู่มุมห้อง มันเป็นตู้ปลาที่ดูโดดเด่นกว่าตู้ปลาอื่นๆ เพราะมีแสงสีเขียวมรกตส่องประกายออกมา ราวกับมีบางสิ่งล้ำค่าซ่อนอยู่ภายใน “ว้าว! นั่นมันอะไรน่ะ?” พลอยเดินเข้าไปใกล้ตู้ปลาอย่างไม่ลังเล
“ระวังนะพลอย!” กวินร้องเตือน
แต่ไม่ทันแล้ว พลอยยกมือขึ้นไปแตะกระจกตู้ปลาที่มีแสงสีเขียวนั้นอย่างแผ่วเบา
ทันใดนั้น เสียงกระซิบที่เคยแผ่วเบา ก็ดังขึ้นชัดเจนและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม จนแทบจะเป็นเสียงคำรามที่ดังมาจากทุกทิศทาง
“ห้ามแตะกระจกของตู้ปลา!”
เสียงสังเคราะห์นั้นกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
แสงสีเขียวมรกตจากตู้ปลาขนาดเล็กนั้นเริ่มกะพริบถี่ขึ้น ก่อนจะส่องสว่างจ้าจนแสบตา พลอยกรีดร้องเสียงหลง เมื่อมือของเธอที่แตะกระจกเริ่มมีรอยไหม้แดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“พลอย!” กวินรีบปรี่เข้าไปดึงตัวพลอยออกมาทันที แต่รอยไหม้ที่มือของพลอยกลับไม่เหมือนรอยไหม้ทั่วไป มันเป็นรอยไหม้ที่คล้ายกับตราประทับรูปทรงแปลกประหลาด
“โอ๊ย! อะไรเนี่ย! มันร้อนมากเลย!” พลอยร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนว่ากฎเหล่านั้นไม่ใช่แค่คำขู่ แต่มันคือความจริงที่อันตรายถึงชีวิต
อิฐมองไปที่รอยไหม้บนมือของพลอยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด เขาเริ่มเชื่อมั่นแล้วว่าความลับที่เขาตามหามานานกำลังจะถูกเปิดเผยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอควาเรียมนี้ เขารู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเกมที่ไม่มีใครรู้ว่าใครจะเป็นผู้รอดชีวิต
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชายผู้นั้นยังคงยืนนิ่งเช่นเดิม ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ราวกับว่าเขาเป็นเพียงผู้เฝ้ามองความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
กวินกอดปลอบพลอยที่ยังคงสะอื้นไห้ เขาตระหนักแล้วว่า อควาเรียมแห่งนี้คือสิ่งมีชีวิตที่กำลังเล่นเกมกับพวกเขา และพวกเขาจะต้องทำความเข้าใจกฎของมันให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“เราต้องหาทางออก... ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม” กวินพึมพำกับตัวเอง เสียงนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวาดกลัวที่ปะปนกัน
และในความมืดสลัวนั้น เสียงกระซิบจากตู้ปลาที่อยู่รอบตัวก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่แค่เสียงแผ่วเบา แต่เป็นเสียงที่ดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะความพยายามที่ไร้ผลของพวกเขา