บัตรเชิญสีดำพาพวกเขาเข้าสู่อควาเรียมที่ไม่มีในแผนที่ 13 กฎห้ามละเมิด…แต่เมื่อทำตาม พวกเขากลับเริ่มหายไปทีละคน

วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม - 5 กฎข้อที่ 3 ห้ามพูดชื่อสัตว์น้ำที่เห็นในตู้เสียงดัง โดย ณัฐปภานนท์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,ผู้ใหญ่,จิตวิทยา,ยุคปัจจุบัน,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,สยองขวัญ,เอาตัวรอด,เอาชีวิตรอด,RulesofHorror,horror,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,ผู้ใหญ่,จิตวิทยา,ยุคปัจจุบัน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,สยองขวัญ,เอาตัวรอด,เอาชีวิตรอด,RulesofHorror,horror

รายละเอียด

วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม โดย ณัฐปภานนท์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

บัตรเชิญสีดำพาพวกเขาเข้าสู่อควาเรียมที่ไม่มีในแผนที่ 13 กฎห้ามละเมิด…แต่เมื่อทำตาม พวกเขากลับเริ่มหายไปทีละคน

ผู้แต่ง

ณัฐปภานนท์

เรื่องย่อ

13 กฎเหล็กที่ห้ามละเมิด…แม้จะไม่รู้ว่าทำไม

เมื่อกวินและอีก 11 คนได้รับบัตรเชิญสีดำลึกลับ พวกเขาถูกพาไปยัง “อควาเรียมต้องห้าม” ที่ไม่ปรากฏอยู่ในแผนที่โลก

ประตูถูกล็อก

กฎถูกประกาศ

และทุกการละเมิด… คือการแลกด้วยความตาย

แต่ยิ่งพวกเขาเชื่อฟัง พวกเขายิ่งสูญเสียความเป็นตัวเอง และเมื่อกฎข้อสุดท้ายคือ “จงอย่าท้าทายกฎ” บางคนก็เริ่มสงสัยว่า

ถ้าไม่ฝ่าฝืน…เราจะรอดได้อย่างไร?

สารบัญ

วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-Prologue บทนำ,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-1 บัตรเชิญปริศนา,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-2 การสำรวจอควาเรียม,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-3 กฎข้อที่ 1 ห้ามแตะกระจกของตู้ปลา,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-4 กฎข้อที่ 2 ห้ามให้อาหารปลานอกเหนือจากที่จัดเตรียมไว้,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-5 กฎข้อที่ 3 ห้ามพูดชื่อสัตว์น้ำที่เห็นในตู้เสียงดัง,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-6 กฎข้อที่ 4 ห้ามเดินกลับไปทางเดิมที่เดินผ่านมาแล้ว,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-7 กฎข้อที่ 5 ห้ามมองเข้าไปในตู้ที่ไม่มีปลา,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-8 กฎข้อที่ 6 ห้ามถ่ายภาพหรือวิดีโอใดๆ ภายในอควาเรียม,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-9 กฎข้อที่ 7 ห้ามถามคำถามเกี่ยวกับอดีตของอควาเรียม,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-10 การรวมตัวและแผนเอาชีวิตรอด,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-11 กฎข้อที่ 8 ห้ามอยู่ในโซนสัตว์น้ำคนเดียว,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-12 กฎข้อที่ 9 ห้ามเปิดประตูที่ปิดอยู่,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-13 กฎข้อที่ 10 ห้ามพูดถึงโลกภายนอก,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-14 การค้นพบของอิฐ,วิธีการเป็นผู้รอดชีวิตจาก 13 กฎเหล็กของอควาเรียมต้องห้าม-15 กฎข้อที่ 11 ห้ามสัมผัสน้ำในตู้ปลา

เนื้อหา

5 กฎข้อที่ 3 ห้ามพูดชื่อสัตว์น้ำที่เห็นในตู้เสียงดัง

หลังจากที่พากันหนีออกมาจากอุโมงค์ใต้สมุทรที่เต็มไปด้วยปลาคลั่งได้สำเร็จ ทุกคนก็มาหยุดพักที่ทางเดินกว้างขวางแห่งหนึ่ง แม้จะพ้นจากอันตรายเฉพาะหน้า แต่บรรยากาศความหวาดกลัวยังคงปกคลุมอยู่หนาแน่น แสงไฟในทางเดินดูสว่างกว่าโซนก่อนหน้าเล็กน้อย เผยให้เห็นทางแยกหลายทางที่ทอดยาวไปในความมืดที่รออยู่เบื้องหน้า

เจมส์ที่เหน็ดเหนื่อยจากการพยายามวิ่งหนี ทิ้งตัวลงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เขาดูเหมือนหลับสนิทไปเลย ทุกคนก็มีอาการไม่ต่างกัน หอบหายใจเหนื่อย สีหน้าอ่อนแรง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นทั่วร่างกาย พลอยหย่อนตัวลงนั่งคุดคู้อยู่ข้างๆ ใบหน้าของเธอยังคงซีดเผือด ส่วนรอยไหม้รูปตราประทับบนฝ่ามือของเธอก็ยังคงแดงก่ำ และดูเหมือนจะเด่นชัดขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แพรวาใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ เช็ดคราบเลือดปนเมือกสีแดงบางๆ ที่ซึมออกมาจากรอยไหม้นั้นทันทีที่เธอสังเกตเห็น

“เมือกสีแดงนี่มันอะไรกัน”

“ฉันก็ไม่รู้ มันไม่ใช่เลือดด้วยซ้ำ” พลอยเสริม

“เป็นแบบนี้มานานหรือยัง”

“ฉันไม่แน่ใจ แต่มันมักจะเป็นแบบนี้ เวลาที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

“น่ากลัวชะมัด” แพรวาพูดพลางรู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย

“แต่... ฉันก็แค่ให้ขนมปังกับปลาที่กำลังหิวแค่นั้นเองนะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?” พลอยพึมพำ น้ำตาคลอเบ้า

“เพราะเธอละเมิดกฎไง” กวินบอกเสียงนิ่ง

“แต่ฉันแค่ยื่นเฉยๆ เองนะ แล้วกระจกก็ดูดมันเข้าไป พวกเธอก็เห็น อุโมงค์นั่นมันไม่มีช่องทางให้ฉันโยนขนมปังเข้าไปได้ด้วยซ้ำ”

“เพราะเจตนาของเธอ...” อิฐพูดเสริม “เธอคิดอยากจะให้อาหารปลาเหล่านั้น ระบบจึงตอบสนองตามความตั้งใจของเธอ และนั่นเท่ากับการละเมิดกฎแล้ว”

“อันที่จริง ฉันว่ามันไม่ใช่แค่กฎ แต่มันคือคำสาป” กวินกล่าวเสียงเครือ เขามองไปที่มือของพลอย สลับกับมองไปที่เจมส์ “แล้วเราจะทำยังไงกับเจมส์ดี...”

“ยังไงเราต้องหาที่ปลอดภัยก่อน” อิฐกล่าวขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและสงบ “แล้วค่อยคิดหาวิธีช่วยเหลือ” เขากวาดสายตาไปรอบๆ ราวกับกำลังประเมินเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด ก่อนจะพบทางแยกหนึ่งที่ดูพอจะมีแสงไฟสลัวเล็กน้อย มีป้ายบอกทางเก่าๆ ว่าเป็นโซนปลาน้ำลึกปรากฎอยู่ “ทางนั้นน่าจะโอเคนะ”

มิกิยังคงตัวสั่นอยู่เล็กน้อย เธอหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้เพื่อถ่ายคลิป แต่เพื่อตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ เธอพยายามติดต่อโลกภายนอกอย่างสิ้นหวัง แต่หน้าจอแสดงผลเพียงคำว่า ‘ไม่มีสัญญาณ’

“บ้าเอ๊ย! ติดต่อใครไม่ได้เลย!” เธอสบถอย่างหัวเสีย ความทะเยอทะยานที่จะทำคอนเทนต์เริ่มลดน้อยลงเมื่อความจริงของสถานการณ์เริ่มถาโถมเข้ามา

ต้นยังคงจดบันทึกทุกสิ่งอย่างละเอียดในสมุดของเขา แม้จะยังรู้สึกระแวงอยู่บ้าง แต่เขาจะไม่ยอมปล่อยโมเมนต์แบบนี้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์เด็ดขาด “ปลาที่คลั่งนั้น...ไม่เหมือนปลาทั่วไป พวกมันเหมือนถูกควบคุมด้วยอะไรบางอย่าง” เขารู้สึกทึ่งและหวาดกลัวไปพร้อมๆ กันกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้น

ฟ้ายังคงหลับตาลง เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แปลกประหลาดที่ไหลเวียนอยู่ทั่วอควาเรียมนี้ “มีบางอย่างที่กำลังควบคุมทุกสิ่ง” เธอเอ่ยขึ้น “มันแข็งแกร่งมาก... และมันกำลังจับจ้องพวกเราอยู่” เธอรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นผ่านร่างกายทุกครั้งที่พลังงานนั้นปั่นป่วน

ลุงแดงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขานั่งลงข้างๆ เจมส์ พลางลูบผมของเจมส์เบาๆ “เด็กหนุ่มคนนี้... ได้ไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งแล้ว” ลุงแดงพึมพำ “ อควาเรียมแห่งนี้... มันมีมิติที่ซ้อนทับกันอยู่”

“มิติที่ซ้อนทับ?” กวินหันมามองลุงแดงด้วยความสนใจ “ลุงแดงรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ใช่ไหมครับ?” กวินรู้สึกว่าลุงแดงมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้เปิดเผย และมันอาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนา

ลุงแดงเงยหน้าขึ้นมองกวิน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าและบางอย่างที่ยากจะอธิบาย “ลุงก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้หรอก...”

ตึง!!

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นหน่ึงครั้ง ดังกังวานไปทั่วพื้นที่ ทุกคนสะดุ้งโหยงหันขวับไปมองตามต้นทางที่เสียงดังขึ้น ทุกคนหน้าถอดสีเพราะหลังจากที่เพิ่งจะได้พักหายใจหายคอก็ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องวิ่งหนีกันอีกแล้ว

“ฉันว่าเราไม่มีเวลาแล้ว” แพรวากล่าวขึ้นมา “เราต้องไปต่อ” เธอช่วยกวินพยุงเจมส์ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพวกเขาก็เริ่มเดินไปตามทางที่อิฐชี้ไปสู่โซนสัตว์น้ำลึกก่อนหน้านี้

เมื่อเข้ามาในโซนสัตว์น้ำลึก บรรยากาศก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แสงไฟที่เคยสว่างในโซนก่อนหน้าบัดนี้ลดน้อยลงจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงแสงสลัวๆ จากตู้ปลาขนาดยักษ์บางตู้ที่ส่องสว่างออกมา เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกที่มีรูปร่างแปลกประหลาด น่ากลัว และบางตัวก็มีแสงเรืองรองในความมืด พวกมันว่ายวนอย่างเชื่องช้า ราวกับสัตว์ประหลาดในตำนาน เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ผสมกับเสียงกระซิบที่ดังขึ้นมาเป็นระยะๆ

“โซนนี้ดูน่าขนลุกกว่าโซนอื่นนะ” มิกิกระซิบกับต้น เธอพยายามที่จะสร้างบรรยากาศสนุกๆ เพื่อคลายความกลัว แต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่นัก “ดูปลาตัวนั้นสิ! มันเหมือนปีศาจเลย!” เธอชี้ไปที่ปลาตัวหนึ่งที่มีปากขนาดใหญ่และฟันแหลมคม ว่ายวนอยู่ใกล้กระจก

“นั่นมันตัวอะไรน่ะ” ต้นถามด้วยสีหน้าขยะแขยง

แพรวาหันขวับมามองทันทีที่ได้ยินคำถาม “ห้ามตอบนะ!!”

แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว...

“มันคือ... ปลาแองเกลอร์!” มิกิโพล่งตอบออกไปด้วยเสียงอันดัง

“ฉิบหายแล้ว!”

ทันใดนั้น เสียงประกาศจากอควาเรียมก็ดังขึ้นอย่างรุนแรงและเกรี้ยวกราดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา! เสียงนั้นดุดันและดังก้องไปทั่วทั้งโซนสัตว์น้ำลึก ทำให้ทุกคนถึงกับสะดุ้งเฮือก

"ห้ามพูดชื่อสัตว์น้ำที่เห็นในตู้เสียงดัง!"

เสียงสังเคราะห์นั้นประกาศก้อง เปรียบดั่งเสียงฟ้าผ่าลงที่กลางอกของทุกคน!

กรี๊ดดดด!!!

มิกิกรีดร้องสุดเสียง เธอทรุดตัวลงกับพื้นทันที ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

แสงไฟจากตู้ปลาทุกตู้ในโซนสัตว์น้ำลึกเริ่มกะพริบถี่ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง สลับกับความมืดมิดที่เข้าปกคลุมชั่วขณะ ท่ามกลางแสงที่ริบหรี่นั้น ทุกคนเริ่มเห็นภาพหลอนที่น่าสะพรึงกลัว!

ภาพหลอนของสัตว์น้ำใต้ทะเลลึกขนาดมหึมา ที่มีฟันแหลมคมและดวงตาเรืองแสงสีแดงก่ำ พุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาจากทุกทิศทาง! พวกมันกระโจนผ่านผนังกระจกที่มองไม่เห็น ราวกับต้องการจะฉีกกระชากร่างของทุกคน!

เสียงกรีดร้องของมิกิยังคงดังอยู่ แต่คราวนี้มันไม่ใช่แค่เสียงกรีดร้องด้วยความกลัว แต่เป็นเสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส!

“มิกิ!” กวินร้องเรียกด้วยความตกใจ เขาพุ่งเข้าไปหาเธอ แต่ก็ต้องผงะถอยหลัง เมื่อเงาของสัตว์น้ำใต้ทะเลลึกพุ่งผ่านตัวเขาไป ราวกับว่ามีบางสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังโจมตีมิกิอยู่

“พวกนายไม่เห็นพวกมันเหรอ!” มิกิร้องเสียงหลง “พวกมันกำลังพุ่งเข้ามาหาฉัน! พวกมันจะกินฉัน!” เธอพยายามปัดป้องอากาศว่างเปล่า ราวกับมีบางสิ่งกำลังรัดคอเธออยู่ ดวงตาของเธอเบิกกว้างจนเห็นแต่ตาขาว และเธอก็เริ่มไอสำลักอย่างรุนแรง ราวกับขาดอากาศหายใจ!

แพรวากับต้นพยายามเข้าไปช่วยมิกิ แต่พวกเขาก็เห็นภาพหลอนของสัตว์น้ำเหล่านั้นพุ่งเข้ามาโจมตีด้วยเช่นกัน แม้จะรู้ว่ามันคือภาพหลอน แต่ความสมจริงของมันก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจนแทบขยับตัวไม่ได้

“พวกมันกำลังเล่นงานกับประสาทสัมผัสของเรา!” ต้นพึมพำ “และพวกมันส่งผลถึงความรู้สึกด้วย!”

“ดวงตาของมิกิ... เธอเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครเห็น!” ฟ้าเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย ดวงตาของฟ้าปิดสนิท เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ปั่นป่วนอย่างรุนแรงที่พุ่งออกมาจากตัวมิกิ “มันกำลังโจมตีสมองส่วนการรับรู้เสียงของเธอ!”

อิฐมองไปที่มิกิด้วยความสนใจ เขาสังเกตเห็นว่าดวงตาของมิกิเริ่มแดงก่ำ และมีเส้นเลือดฝอยปูดโปนออกมาคล้ายกับเจมส์ แต่คราวนี้ดูเหมือนว่ามันจะมากกว่านั้น อย่างที่ฟ้าบอกการลงโทษผู้ผิดกฎในครั้งนี้ดูเหมือนว่าส่งผลต่อการได้ยินของผู้ละเมิดด้วย

ลุงแดงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขานึกถึงตำนานเก่าๆ ที่เล่าขานถึงเรื่องนี้ ตอนที่เขายังอายุน้อยกว่านี้เคยได้ยินมาบ่อยพอสมควร “เธอเป็นผู้ที่ถูกสาปให้ได้ยินเสียงจากใต้บาดาล มิกิกำลังได้ยินเสียงที่ไม่มีใครควรได้ยิน”

อาการของมิกิเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เธอกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง ราวกับกำลังถูกทรมานอย่างแสนสาหัส ก่อนที่เสียงกรีดร้องนั้นจะค่อยๆ แผ่วลง... แผ่วลง... จนในที่สุดก็กลายเป็นความเงียบ!

ตุบ!

มิกิทรุดตัวลงกับพื้นหมดสติไป ร่างกายของเธอกระตุกเล็กน้อย ดวงตาของเธอยังคงเบิกกว้าง แต่ไร้แวว และที่น่าตกใจที่สุดคือ... เธอไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกใดๆ อีกเลย!

“มิกิ! ได้ยินไหม!” กวินตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

แพรวารีบเข้าไปตรวจสอบอาการของมิกิ “เธอหมดสติ...แต่ยังหายใจอยู่”

“มิกิ!!” กวินตะโกนเรียอีกครั้ง พลางตบที่หน้าของเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่มิกิยังคงนอนนิ่ง ดวงตาเบิกโพลง ปรากฏเพียงตาขาวโพลน

เฮือก!!

ร่างกายของมิกิกระตุกแรงหนึ่งครั้ง พร้อมสูดหายใจเข้าร่าง ตาดำกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเธอดูปกติดีเหมือนก่อนหน้านี้ เพียงแต่เธอยังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่ไหวติง

“มิกิ!!!”  กวินร้องเรียกเธออีกครั้ง

แต่เธอก็ยังแน่นิ่ง...

“ดูเหมือนเธอจะ... ไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว” แพรวาเอ่ยพูดไม่เต็มเสียงนัก

ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือผลลัพธ์ที่น่ากลัวกว่าที่คิด กฎข้อที่ 3 ไม่ได้ฆ่ามิกิ แต่พรากการได้ยินของเธอไป ทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก พอไม่ได้ยิน เธอก็ไม่พูด กลายเป็นคนเงียบขรึมอย่างถาวร

เจมส์ที่นอนนิ่งอยู่ไม่ไกล เริ่มขยับตัว ดวงตาของเขาค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ แต่แววตาที่สะท้อนออกมาบัดนี้เป็นสีดำสนิท ไร้อารมณ์ใดๆ และเขาก็จ้องมองมาที่มิกิด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ราวกับว่าเขารับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ

“เขา...รับรู้ได้เหรอ?” ต้นพึมพำ “หรือเพราะเขา... เป็นส่วนหนึ่งของมัน”

อิฐเดินเข้ามาใกล้เจมส์และมิกิ เขาสังเกตเห็นความคล้ายคลึงกันในอาการของทั้งสองคน “การละเมิดกฎแต่ละข้อ... ไม่ได้นำไปสู่ความตาย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลง” อิฐสรุป “นั่นคือเปลี่ยนให้เป็นส่วนหนึ่งของอควาเรียมแห่งนี้”

ลุงแดงมองไปที่เจมส์และมิกิด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า “มันกำลังสร้าง 'ผู้เฝ้ารอคอย' ของมันเอง” ลุงแดงพึมพำ

แต่ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เขาพูด และก็ไม่มีใครมีเวลามากพอที่จะตีความสิ่งที่ลุงแดงพูด เพราะสิ่งเดียวที่พวกเขาอยากจะทำในตอนนี้คือ

หาทางออกจากที่นี่ไปให้ได้!

ความเงียบที่น่ากลัวเข้าปกคลุมโซนสัตว์น้ำลึกอีกครั้ง มีเพียงเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ และเสียงหัวเราะเยาะที่ลอยแว่วมาไกลๆ ราวกับต้องการจะเยาะเย้ยความทุกข์ทรมานของพวกเขา

กวินรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง พวกเขาต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ ก่อนที่ทุกคนจะถูกกลืนกินและเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

เสียงสังเคราะห์นั้นกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันเป็นเสียงที่เย็นยะเยือกและเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน

"กฎ...คือความจริง... จงรับมันไว้... เพื่อการดำรงอยู่... ในโลกใบใหม่ของเจ้า..."

เมื่อเสียงประกาศอันน่าสะพรึงจบลง อควาเรียมไตรตันก็กลับเข้าสู่ความเงียบงันที่มืดมิดและน่าขนลุกอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงกลุ่มคนที่เหลือรอด กับเพื่อนที่กำลังเปลี่ยนแปลง และความจริงที่ว่าพวกเขาได้เข้ามาในกับดักที่ไม่มีวันหนีรอดง่ายๆ