อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิตอบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
++คำอธิบายจากนักเขียน++
สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง
เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง
เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย
สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป
มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ
แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ
บทนำของเรื่อง
อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา
อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ
ไปติดตามกันได้นะ
ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้
ตอนที่ 22 ความขัดแย้ง
เสียงสายน้ำที่ไหลผ่านรูปปั้นสีทองที่ตั้งตระหง่านอยู่จุดศูนย์กลางของกระทรวงเวทมนตร์ พ่อมดแม่มดมากมายรวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนั้นเป็นทั้งทางเข้าสู่กระทรวงและเป็นที่นัดพบ แต่แล้วเสียงอึกทึกครึกโครมเหล่านั้นก็แผ่วเบาลงทีละนิดราวกับมีคนกดปุ่มลดระดับเสียงจากระยะไกล ดวงตาหลายสิบคู่กำลังจับจ้องมองไปที่โถงทางเดิน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้าแต่ดูน่าเกรงขามของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาสวมเครื่องแบบสีดำต่างจากผู้คนมากมายที่กำลังจับจ้อง ใบหน้าของพวกเขาดูเย็นชา ไร้อารมณ์ บางคนมีรอยแผลเป็น แต่แววตาคมกริบนั้นเมื่อมองใครก็ทำให้คนผู้นั้นต่างหวาดกลัว แล้วพวกนั้นคือเหล่าเจ้าหน้าที่แผนกสัตว์วิเศษ
“ดูพวกนั้นสิ...มัน...ใช่แผนกที่มีแต่พวกบ้านฮัฟเฟิลพัฟแน่เหรอวะ?”
“เห็นว่าบางคนมาจากโรงเรียนเวทมนตร์ต่างประเทศด้วยนะ...แต่ก็จริง...ไม่เหมือนเด็กบ้านที่อ่อนแอพวกนั้นเลยสักนิด...”
“เพราะมีหัวหน้าแบบนั้น...ชายที่พวกนายก็รู้ว่ามีข่าวฉาวอะไรเมื่อหลายปีก่อน?”
“แต่ไม่มีคนจับมันได้หรือไงกัน?”
“ไม่มีหลักฐานแน่ชัดไง...แล้วในคืนนั้นฉันได้ยินว่าไม่มีพ่อมดแม่มดคนไหนสามารถใช้พลังในบ้านหลังนั้นได้เลยนะ”
“ทำไมกัน?”
“ไม่รู้เลยล่ะ...ทางกระทรวงตรวจสอบมาเกือบ 8 ปี ยังไม่ได้คำตอบอะไรเลย”
เสียงซุบซิบนั้นผ่านหูของสก็อตนั้นทำให้เขาคิดเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่เขาปล่อยผ่านมันมานานจะไม่สนใจมันอีก พวกเขาเดินผ่านเหล่าผู้คนที่หลีกทางให้พวกเขาโดยไม่ต้องเอ่ยปากแต่อย่างใดพวกเขาเดินต่อไปโดยไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีใครบางคนกำลังจับจ้องมองการกระทำของเขาตลอด ภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหญิงสาวจับจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังเดินเข้ามายังกระทรวง ใบหน้าของเธอมีความรู้สึกขุ่นเคืองในตัวอีกฝ่าย แต่เธอก็สงสัยในตัวเองว่าโกรธแค้นอะไรอีกฝ่ายนัก โดยที่อีกฝ่ายนั้นตอนเธอเจอครั้งแรกดูเป็นเด็กนิ่ง ๆ ไม่ค่อยคุยกับพวกเขา แต่แฮร์รี่ก็ทำให้อีกฝ่ายเข้ากับพวกเขาได้ถึงจะยังมีระแวงหน่อย ๆ แต่พอเรื่องนั้นเกิดขึ้นทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทำให้คำถามมากมายเต็มหัว แต่เธอก็ไม่เคยถามอีกฝ่ายเลยสักนิด ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาข้างในหลังเคาะประตูแล้ว
“ท่านรัฐมนตรีค่ะ มีจดหมายมาจากโรงเรียนฮอกวอตส์ค่ะ”
“ฮอกวอตส์?”
เฮอร์ไมโอนี่หันมามองอย่างสงสัยว่ามีเรื่องอะไรที่โรงเรียนถึงมีจดหมายมา เธอเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วรับจดหมายจากอีกฝ่าย เธอเห็นจดหมายจ่าหน้าซองว่าถึงเธอคนเดียวนั้นทำให้คิดเลยว่าต้องมีปัญหาจริง ๆ แน่ๆ ก่อนจะเปิดซองจดหมายแล้วเปิดอ่านทุกบรรทัด ระหว่างที่กำลังอ่านร่างกายของเธอก็กำลังค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เธอก็ถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ...ทั้งพ่อทั้งลูก...นิสัยเหมือนกันไม่มีผิด!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“ฮิวโก้ได้รับบาดเจ็บตอนเรียนวิชาขี่ไม้กวาด...แต่เกิดจากการแข่งกับลูกสาวเมอร์รัล”
“หมายถึงหัวหน้าแผนกสัตว์วิเศษคนนั้นเหรอคะ?”
“ใช่...ดีที่ตอนนี้ผ่านมา 1 อาทิตย์ก็หายดีแล้วด้วย...แต่...อาจารย์มักกอนนากัล เขียนเพื่อเตือนว่าถ้าเขาหาเรื่องเด็กคนนั้นอีก เขามีสิทธิ์โดนไล่ออกจากโรงเรียน”
“ตายจริง แล้วนี่...ฮิวโก้ไม่เป็นไรเหรอคะ? ได้รับบาดเจ็บแบบนั้น?”
“คงเป็นนั้นล่ะ แต่พวกพี่ ๆ ก็อยู่...ไว้ฉันเขียนจดหมายไปถามเขา...แต่เขาก็คงฟ้องนั้นล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น”
เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงลูกตอนฟ้องเหมือนสามีไม่มีผิด แต่ลูกกับพ่อเหมือนกันก็เพราะเลี้ยงแบบตามใจนั้นล่ะ เห็นว่าตัวเองเคยขาดอะไรก็ตามใจลูกหมดจนเธอรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดจริง ๆ พอนึกถึงสามีเธอก็เงยหน้ามองเลขาของเธอทันที
"เกรซ!"
“ค่ะ”
“เรื่องของฮิวโก้ห้ามไปบอกสามีฉันเด็ดขาดนะ!”
“ทำไมล่ะคะ? ลูกท่านบาดเจ็บเชียวนะคะ”
“ถ้าเขารู้ว่าลูกตัวบาดเจ็บเพราะใครเธอคิดว่าสามีฉันจะทำไง?”
เกรซนึกอยู่สักพักก่อนจะปิ้งความคิดของเธอออกมา “อ๊า...เขาก็จะไปหาคนตัวเท่ากันอย่างคุณเมอร์รัลเป็นต้น!!”
“ใช่...ครั้งก่อนลูกสร้างเรื่องไว้ เขายังไปหาเรื่องกับพวกแผนกนั้น...”
“รับทราบค่ะ...ฉันจะปิดปากเงียบค่ะ” เกรซยกมือปิดปากของตนเองทันที
“ขอบใจ...” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกดีที่อีกฝ่ายฟังคำสั่งก่อนที่เธอจะกลับไปมองจดหมาย เธอนึกถึงลูกชายก่อนจะพูดบางอย่าง “ฮิวโก้ไม่เคยเป็นเด็กแบบนี้เลย...จนกระทั่ง...”
“เกิดเหตุไม่คาดคิดกับครอบครัวพอตเตอร์ใช่ไหมคะ?”
“ใช่...ฮิวโก้สนิทกับครอบครัวพอตเตอร์ สนิทกับเด็ก ๆ บ้านนั้น…”
เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงหลานชายกับหลานสาวของเธอ จนเธอนึกถึงเด็กที่มากับสก็อตที่หน้าตาคล้ายหลานสาวเธอมาก ๆ แต่เธอจำได้ตอนงานศพเธอฝังหลานกับมือตนเอง นั้นยิ่งทำให้เธอคิดไปทางอื่นไม่ได้ว่าสก็อตอาจจะเอาเด็กคนนั้นมาอ้างว่าเป็นสายเลือดของแฮร์รี่เพื่อเอาสมบัติกลับไปในฐานะน้องชายของแฮร์รี่และผู้ดูแลเด็ก แต่ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะมาทำเรื่องอะไรแบบนั้นเลย นอกจากบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเขานั้นยิ่งทำให้เธอสับสนมากกว่าเดิม ว่าทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตของเธอนั้นทำไมมีแต่ปริศนาที่ไขไม่ออกยิ่งพอเธอโตขึ้นกับรู้สึกว่าความฉลาดของตัวเองกำลังถอยลง
“เฮ้อ...”
เฮอร์ไมโอนี่เท้าคางบนโต๊ะ หางตาของเธอก็หันไปมองสร้อยคอรูปนาฬิกาทรายที่แขวนอยู่แท่นแขวนรูปต้นไม้ เธอแตะมันที่กลไกหมุนก่อนจะลองหมุนมันแต่ทว่ามันกับไม่ทำงานเหมือนเมื่อแปดปีก่อน ตอนนั้นเธอจะใช้มันตอนเจอว่าแฮร์รี่กับครอบครัวตาย เธอพยายามจะย้อนเวลาไปก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง แต่ทว่าเครื่องกับไม่ทำงานนั้นทำให้เธอต้องเสียเพื่อนคนสำคัญไป เธอเงยหน้าขึ้นมามองเกรซที่ยังอยู่ตรงหน้า
“วันนี้...มีงานอะไรอีกไหม?”
“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ แต่ว่าอีกไม่นานจะมีงานการแข่งขันที่จะจัดขึ้นในอีกไม่นานนะคะ”
“การแข่งกระชับมิตรนั้นสินะ?”
“ค่ะ!!”
"หึ...ไม่น่าจะกระชับมิตรได้นั้น"
เฮอร์ไมโอนี่นึกสภาพสามีกับสก็อตออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นนอกจากทะเลาะกันสถานที่นั้นแตก เธอคงต้องป้องกันและตั้งกฎเพิ่มแล้วล่ะ พอนึกถึงสามีที่เป็นมือปราบมารก็ทำเอาเหนื่อยใจตลอด เธอลุกขึ้นจากโต๊ะทันที
“พวกแผนกสัตว์วิเศษยังไม่ส่งรายงานใช่ไหม?”
“ค่ะ!”
“งั้นเราเดินทางไปหาพวกนั้นแทนละกัน!” เฮอร์ไมโอนี่เดินไปที่ประตูทันที
“อ๊ะ...ค่ะ!!”
เกรซรีบเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามทางโดยมีแต่คนทักทายอย่างเป็นมิตร เธอก็ได้แต่ยิ้มแย้มให้ทุกคนจนเธอกับอีกฝ่ายเดินไปที่ลิฟต์แล้วลงไปยังชั้นล่าง ๆ จนมีเสียงประกาศว่าชั้นxxx แผนกสัตว์วิเศษ พอเปิดประตูเปิดออกเธอก็เดินไปตามทางจนมาถึงประตูบานหนึ่งที่มีขนาดเล็กมากเหมือนในนิทานอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ ทำให้คิดเลยว่าคนแต่งคงเป็นพ่อมดหรือแม่มดเป็นแน่ ก่อนที่เธอจะหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาโบกพร้อมกับพูดบางอย่างออกมาเบา ๆ ประตูก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น
“สมแล้ว...แผนกนี้...ความเป็นส่วนตัวสูงจังนะคะ...” เกรซกล่าว
“ใช่...เข้าไปเถอะ...”
เฮอร์ไมโอนี่ก้าวขาเข้าไปยังข้างใน เกรซเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตามเข้าไปก่อนที่ประตูจะหดกลับเป็นเล็กเหมือนเดิม เส้นทางอันเงียบสงัดที่ทอดยาวออกไปอย่างไร้จุดหมาย ผนังหินอับชื้นและเย็นเยียบ เสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินดังก้องเพียงเสียงสองเสียง เกรซที่เดินตามมารู้สึกหวาดกลัวกับความมืดที่มองไม่เห็นเส้นทางจนกระทั่งปลายทางเริ่มมีแสงสว่างเฉิดฉายให้เห็นจนทั้งสองย่างก้าวออกไปสู่ความเขียวขจีของธรรมชาติต่างจากทางเดินเมื่อกี้ที่มีแต่ความมืดและความอับชื้น เสียงสายลม เสียงต้นไม้ เสียงสัตว์มากมายในธรรมชาตินี้ช่างดูมีชีวิตชีวากว่าโลกภายนอกเสียกว่าอะไร
“สุดยอดเลยนะคะ ต่างจากห้องทำงานของแผนกอื่นสุด ๆ”
“ใช่...ต่างจากพวกเขาทุกคน...จริง ๆ”
สายตาทอดยาวออกไปไม่ห่างใกล้เปิดเข้าอันเปิดโล่งเห็นเหล่าเจ้าหน้าที่มากมายกำลังหน้าที่ของตนเองภายในอาคารแห่งนี้ที่สร้างจากวัตถุธรรมชาติทั้งหมดตั้งแต่กำแพงตึกจนไปถึงอุปกรณ์ทำงานบางอย่างที่เหมือนหลุดมาจากยุคกลางไม่มีผิด เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองอยู่ไม่นานนักก็มีคนเห็นเธอยืนมองอยู่ก็ต้องตกใจจนทำเอกสารในมือหลุดจนตกสู่พื้นหญ้าทันที
“ท่านรัฐมนตรี!!!”
ทุกคนต่างได้ยินก็ตาลุกวาวก่อนจะหยุดทำงานตัวเองแล้วก้มโค้งเล็กน้อยให้อีกฝ่ายเป็นการทำความเคารพ เฮอร์ไมโอนี่เห็นก็ยังดีใจที่ทุกคนนั้นยังให้ความเคารพเธอ ก่อนที่เธอจะพูด
“ทำงานต่อไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน...เอ่อ...แล้วเมอร์รัลอยู่ไหน?”
“หัวหน้ากำลังให้อาหารพวกดอกซีอยู่ครับ” ริชาร์ดเดินออกมาตอบคำถามอีกฝ่ายในฐานะผู้ช่วยของหัวหน้า
“โอเค” เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินแบบนั้นก็เตรียมจะเดินไปข้างหน้า
ริชาร์ดเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเดินไปโดยไม่ขอให้ใครช่วยนำทางเขาก็รีบตามไปทันที
“ให้ผมนำทางนะครับ คุณวีสลีย์!”
“ไม่เป็นไร ฉันเดินทางไปเองได้นะ”
“แต่มันอันตรายนะครับ ยิ่งเป็นพวกดอกซี พวกมันมีฟันแหลมและพิษรุนแรงถึงจะหน้าตาแบบจะน่ารักคล้ายนางฟ้าตามนิยายเด็กก็ตามที”
“ฉันเข้าใจ แต่ฉันไปเองได้...”
“ผมว่าคุณไม่เข้าใจ!!”
“คุณสมิธ!” เฮอร์ไมโอนี่หยุดเดินแล้วหันไปมองอีกฝ่ายที่จะนำทางเธออย่างเดียว “ฉันเป็นใคร?”
ริชาร์ดชะงักเมื่ออีกฝ่ายหยุดเดิน “เอ่อ...ท่านรัฐมนตรี...ครับ”
“แล้วฉันสั่งว่าอะไร?”
“ครับ...เชิญท่านไปได้เลยครับ...” ริชาร์ดโบกมือไปด้านข้างของเขาทันที
เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าก่อนจะเดินไปข้างหน้าต่อเหมือนเธอรู้ทางว่าจะไปทางไหนถึงจะเจอคนที่เธออยากเจอ ริชาร์ดจ้องมองอีกฝ่ายที่เดินไป เขาไม่ได้แค่อยากนำทางหรอก แต่เขากลัวหัวหน้าจะมีปัญหากับอีกฝ่ายมากกว่านั้นทำให้เขาต้องรีบเอาเรื่องนี้ไปออกอีกคนก่อนเสียแล้ว
เดินไปตามทางเส้นทางที่คุ้นเคยเมื่อเข้ามาลึกมากทางเดินก็ยิ่งลำบาก รอบข้างมีสัตว์วิเศษมากมายเดินไปเดินมาอยู่ภายใน เกรซที่ตามอีกฝ่ายมาก็รู้สึกกลัวพวกสัตว์พวกนั้นจะพุ่งตรงมาหาเธอตลอดจนทั้งสองคนเข้ามาลึกพอจะเห็นบุคคลที่พวกเขาตามหา เฮอร์ไมโอนี่หยุดนิ่ง เมื่อเห็นชายตรงหน้าใบหน้าอีกฝ่ายที่กำลังยกยิ้มให้สัตว์วิเศษทำให้เธอนึกถึงชายอีกคนที่เธอคิดถึงซ้อนทับอีกฝ่าย
“แฮร์รี่...”
คนตรงหน้าได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่เรียกชื่อที่เขาได้ยินครั้งแล้วครั้งเล่าจนตอนนี้รู้สึกเหนื่อยที่มีคนเอ่ยเรียกเขาเป็นพี่ชายเขาตลอด ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“เรียกผิดแล้วล่ะ...ท่านรัฐมนตรี”
“อ๊ะ!!”
เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินแบบนั้นเธอก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะจ้องมองดวงตาสีดำของอีกฝ่าย เธอรีบส่ายหน้าเบา ๆ ที่ตัวเองนั้นนึกถึงแฮร์รี่จนซ้อนทับกับอีกฝ่ายอีกแล้วก่อนจะกระแอมออกมา
“สก็อต...”
“มีอะไรให้ผมช่วย? ท่านรัฐมนตรี” สก็อตกล่าวเขานำอาหารไปวางไว้ที่รังของพวกดอกซี ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดมืออีกฝ่ายแล้วนำไปสอดในกระเป๋ากางเกง
“นี่ คุณเมอร์รัล แสดงท่าทีให้เกียรติท่านรัฐมนตรีหน่อย เอามือออกจากกระเป๋ากางเกงเลยนะ!!”
“แล้วทำไมคุณเกรซ?” สก็อตยกคิ้วมองหญิงสาวอีกคน
“นาย!!”
“พอเถอะ เกรซ” เฮอร์ไมโอนี่หันไปห้ามอีกฝ่ายก่อนจะหยุด เธอหันกลับมามองอีกฝ่าย “ขอโทษทีรบกวนแต่ฉันอยากมาฟังรายงานของนายที่ออสเตรีย”
“หือ? รีบขนาดนั้นเลยเหรอ? รอผมไปรายงานทีหลังก็ได้มั้ง”
“ทำไม? ฉันอยากมาฟังตัวต่อตัว แล้วนายมีปัญหาอะไร?”
“หึ ผมจะมีปัญหากับท่านหรือ? ท่านรัฐมนตรี?”
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตงิดใจหน่อย ๆ อีกฝ่ายเรียกเธอว่าท่านรัฐมนตรีตลอดโดยที่ปกติจะเรียกว่าพี่ตลอดตั้งแต่สมัยก่อน แต่พอเกิดเหตุนั้นขึ้นอีกฝ่ายเริ่มเรียกเธออย่างห่างเหินเป็นเรื่องปกติ แต่ภายในใจเกิดความรู้สึกสับสนและความรู้สึกเจ็บภายในหัวใจ เฮอร์ไมโอนี่หันไปเลขาตัวเอง
“เกรซ”
“ค่ะ ท่านรัฐมนตรี...” เกรซหันไปมองอีกฝ่ายทันที
“เธอไปรอที่ออฟฟิศของแผนกสัตว์วิเศษก่อนเถอะ”
“เอ๊ะ? ให้ฉันไปคนเดียวเหรอคะ?”
“ทำไมเหรอ?”
“อ๊ะ...คือว่า...”
สก็อตมองเลขาของอีกฝ่ายก็รู้ว่าเลขาอีกฝ่ายกำลังมีอาการเยี่ยงใดอยู่ เขายกมือขึ้นไม่กี่นาทีก็มีเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมมืดของต้นไม้จนสองสาวต่างมองอย่างงุนงงว่าอีกฝ่ายออกมาจากไหน
“ช่วยพาคุณเกรซไปรอที่ออฟฟิศหน่อย”
“ได้ค่ะ หัวหน้า!!”
เจ้าหน้าที่หญิงนำทางพาเลขาเกรซออกจากตรงนั้นไปจนเหลือเพียงพวกเขาสองคน สก็อตก็เอ่ยพูดขึ้น
“มีอะไรจะพูดงั้นเหรอครับ?”
“นาย...ไม่ต้องสุภาพกับฉันก็ได้นะ...สามีฉันก็ไม่อยู่”
“ขอโทษท่านรัฐมนตรี ผมไม่ได้สนิทกับพวกคุณเหมือนที่สามีคุณพูดว่าเราไม่ได้สนิทกัน”
“สก็อต...รอนพูดตอนนั้นแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ฉันกำลังทำให้เขาเลิกคิดเรื่องเมื่อหลายปีก่อนที่เกิดขึ้นกับแฮร์รี่”
“งั้นเหรอครับ? โดยที่ท่านก็คิดเหมือนกัน?”
“ในอดีตมันแค่เหตุสุดวิสัย เราแค่ไม่มีหลักฐานอะไรว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น เวทมนตร์คาถาต่าง ๆ ก็ใช้งานที่นั่นก็ไม่ได้ อุปกรณ์เวทก็ไม่สามารถใช้งานได้เลยสักอย่าง”
“เอามาบอกผมที่เป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าครอบครัวตัวเองเนี่ยนะ?”
“สก็อต...ตอนนั้นหลักฐานบ่งบอกว่านายไม่ใช่คนร้าย...”
“แต่สามีคุณคิดว่าผมเป็น”
“แต่เราเป็นญาติกันนะ!!”
“ญาติ? เคยนับผมเป็นญาติด้วยงั้นเหรอ?”
“สก็อต!! พวกเราเคยเปิดใจยอมรับนายนะ!!”
“พูดจริง? เคยเปิดใจ? โดยที่ก่อนหน้าตอนพี่แฮร์รี่รับผมมาพวกคุณเอาแต่คัดค้าน...”
“ก็เพราะพ่อแม่นายเป็นผู้เสพความตายไง!! อ๊ะ!!”
เฮอร์ไมโอนี่ปิดปากตัวเองที่เผลอพูดสิ่งที่เธอสัญญากับแฮร์รี่ว่าจะไม่พูดออกมา เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายก็ต้องอึ้งไปชั่วขณะดวงตาสีดำกำลังจับจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเสียวหลังวาบ ใบหน้าที่คล้ายกับแฮร์รี่กำลังจ้องมองเธอด้วยอารมณ์ที่เธอคาดการณ์ไม่ได้
“สก็อต...ฉัน...”
“ออกไป!!”
“อึ้ก!! ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฉันแค่…”
“ผมบอกให้ออกไป!! ถ้าคุณกล้าที่จะยกเรื่องอดีตของพ่อแม่ผมขึ้นมา ก็อย่าคุยกันดีกว่า!!!” สก็อตจ้องตาเขม็งใส่อีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง
“ไม่ ๆ ฉันไม่ได้อยากจะพูดเรื่องนั้นออกมา สก็อต!! ฉันแค่อยากให้พวกเราปรับความเข้าใจกัน!!”
“มันสายไปแล้ว...” ท่านรัฐมนตรี... สก็อตกล่าวก่อนจะหันหน้าไปด้านข้างโดยไม่หันมามองอีกฝ่าย “ริชาร์ด!!”
“ครับ”
ริชาร์ดขานตอบทันทีโดยที่เขานั้นโผล่ออกมาอยู่ข้างหลังเหมือนคนอยู่แถวนั้นอยู่แล้ว เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองอย่างตกใจ สก็อตได้ยินเสียงของลูกน้องก็เอ่ยพูดโดยไม่หันไปมอง
“เชิญไปส่งท่านรัฐมนตรี แล้วนายช่วยไปรายงานเรื่องครั้งนี้แทนฉันด้วย!!”
“อ๊ะ...ครับ...ท่านรัฐมนตรีไปกับผมหน่อยนะครับ” ริชาร์ดรีบเดินไปหาอีกฝ่ายแล้วพาเดินออกทันที
“เดี๋ยวสก็อต!! ฉันต้องการคุยกับนาย!!”
“ออกไปกับผมเถอะนะ ท่านรัฐมนตรี หัวหน้าเขาอารมณ์ไม่ดีแล้วล่ะ!” ริชาร์ดดันอีกฝ่ายไปต่อเรื่อย ๆ
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!! สก็อต!! สก็อต!!”
เสียงอีกฝ่ายเบาลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งสก็อตนั้นถอนหายใจออกมา เขาดึงมือออกจากกระเป๋ากางเกง ภายในมือของเขากำบางอย่างอยู่ เขาแบมือออกมันเป็นสร้อยที่มีอัญมณีสีแดงอยู่ตรงกลางมันกำลังส่องแสงสว่างก่อนจะจางหายกลายเป็นอัญมณีสีดำไป พอเห็นว่ามันดับลงเขาก็เก็บมันลงในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง
“ทำไมกลับไปใช้สิ่งนั้นอีก?”
สก็อตตาลุกวาวเมื่อได้ยินเสียงที่เขาไม่คิดว่าจะอยู่แถวนี้ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงที่เดินกลับมาจากให้อาหารสัตว์วิเศษ สก็อตรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่มีอะไร
“เธอพูดอะไร...?”
“อย่ามาหลบเลี่ยงนะ ฉันเห็น...สร้อยนั้น นายใช้มัน!!”
“เดลล่า...ฉันไม่ได้ใช้มัน...”
“ไม่ได้ใช้? แล้วสถานการณ์เมื่อกี้ล่ะ มันกำลังดีจนพี่เขาพูดถึงพ่อแม่เธอ...มันไม่น่าไปทางนั้นได้ ฉันรู้จักพวกพี่เขา พวกเขาจะไม่พูดอะไรที่เป็นปมด้อยแน่ ๆ”
สก็อตได้ยินแบบนั้นก็หันหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา เดลล่าเดินไปตรงหน้าอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยพูด
“สก็อต...นายรู้ทั้งรู้ว่าสิ่งนั้นมันทำให้คนที่ใช้มันทำให้คนอื่นขัดแย้งกับตนเองแต่นายก็ยังทำ”
“เดลล่า...”
“ฉันไม่รู้หรอกนะ...ว่าพี่แฮร์รี่คิดไงถึงให้สิ่งนี้กับนาย แต่ขอล่ะ หลังจากนี้เลิกใช้มัน” เดลล่ายื่นมือออกมาข้างหน้าเพื่อขอสร้อยนั้น
“ไม่ได้...ฉันให้เธอไม่ได้...”
“ทำไม? สก็อต…ส่งมันมาก่อนที่นายอาจจะเอ่ยทำร้ายคนที่นายรัก...”
“ไม่...ฉันไม่ใช้มันกับใครไม่ใช่ทั้งเธอและแอ็บบี้...”
เดลล่าส่ายหน้าออกมา “ได้โปรด...สก็อต...”
สก็อตมองอีกฝ่ายที่ทำสีหน้าอ้อนวอนให้เขาส่งสร้อยมา นั้นทำให้เขาทำใจอยู่สักครู่ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบสร้อยออกมาแล้ววางบนมืออีกฝ่าย
“ดี...ฉันกลัวนายจะใช้มันทำร้ายคนอื่นและคนสำคัญของนายมากกว่า...” เดลล่าเก็บมันลงกระเป๋าของเธอ แล้วหันมามองอีกฝ่าย “ให้กาลเวลามันเดินตามทางของมัน...นะ...”
สก็อตได้แต่พยักหน้าเดลล่าเข้าไปกอดเขา เธอหวังแค่อยากให้อีกฝ่ายเลิกแบกรับภาระที่ไม่ใช่หน้าที่เขา เธอไม่รู้ว่าแฮร์รี่ต้องการให้อีกฝ่ายทำอะไรแต่เธออยากให้หลุดพ้นจากภาระอันหนักอึ้งนี้ สก็อตจ้องมองแฟนสาวที่กำลังกอดตัวเขา เขาได้แต่ซบเธอเขาไม่มีสร้อยก็ตามทีเขาก็จะไม่ให้พวกวีสลีย์มาวุ่นวายกับเขาตามคำสั่งของพี่ชายเพื่อปกป้องตัวพวกเขาเองและตัวของหลานสาวเขา เขาจะไม่ให้ใครมาพรากสิ่งที่เขารักเด็ดขาด พวกมันกล้ามาวุ่นวายกับพวกที่เขารัก เขาจะทำให้พวกมันพบเจอกับหายนะอันยิ่งใหญ่
วันเวลาผ่านไปอบิเกลรอจดหมายจากอาสก็อตจนกระทั่งได้วันที่จดหมายมาส่งก็มาถึง อบิเกลได้อ่านฉบับแรกอาสก็อตเขียนมาเพียงว่าสบายดีไม่มีเรื่องอะไรมาก นั้นก็ทำให้เธอโล่งใจไปได้สักระยะ ระหว่างอ่านจดหมายก็ได้รับสายตาไม่พอใจหันมาทางนี้ อบิเกลก็เงยหน้ามองก็เห็นว่าฮิวโก้ไม่มีคนส่งจดหมายมาหาตัวเองก็ทำเอาเธอขำหน่อย ๆ ก่อนที่เธอจะอ่านอีกฉบับได้รู้ว่าเมื่อสองสามวันได้มีการแข่งระหว่างพนักงานในกระทรวงเวทมนตร์แบ่งเป็นแผนกแต่ละแผนก แล้วข่าวดีแผนกสัตว์วิเศษเป็นฝ่ายชนะ อบิเกลอ่านก็อมยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับเชยชมภาพถ่ายเคลื่อนไหวทำให้สกอร์เปียสสนใจ
“ภาพอะไรนะ?”
“อาสก็อตกับคนในแผนกนะ” อบิเกลพูดขึ้นก่อนจะพูดประโยคสุดท้าย “พวกเขาชนะการแข่งขันในกระทรวงนะ!!”
สิ้นเสียงของเธอทำให้ฮิวโก้ได้ยินก็ตาลุกวาวอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะลุกขึ้นมา
“เธอพูดอะไรออกมา!!”
“ฮิวโก้!!” มอลลี่รีบตะโกนเรียกญาติตัวเองที่อารมณ์ขึ้นเพราะคำพูดอีกฝ่าย
อบิเกลกำลังคุยกับทุกคนก็หันไปมองอีกฝ่ายทันที “อะไร? วีสลีย์ จะมาหาเรื่องกันเหรอ? อย่าลืมนะ นายหาเรื่องฉัน...ฉันจะเอาเรื่องนี้บอกศาสตราจารย์ใหญ่!!”
“เหอะ ฉันกลัวตายล่ะ แต่ที่เธอพูดไม่มีทางที่พวกแผนกสัตว์วิเศษจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟจะชนะการแข่งขันได้หรอกนะ!!”
พวกเด็กบ้านฮัฟเฟิลพัฟแต่ละคนหันไปมองกันด้วยสีหน้างุนงงทันที อบิเกลได้แต่ก็หัวเราะเบา ๆ กับคำดูถูกของคนอื่น เธอลุกขึ้นทันที
“โทษนะยะ ถึงคนของหน่วยฉันจะเป็นคนจากบ้านไหนหรือจากที่ไหนไม่สำคัญแต่…!!”อบิเกลยกภาพที่เคลื่อนไหวของแผนกเธอขึ้นมาพร้อมกับมีภาพพ่ออีกฝ่ายติดมาด้วย “ถ้าอยากรู้มากนักกว่าจริงไม่จริง ช่วงคริสต์มาสที่จะมาถึงนายก็ค่อยไปถามพ่อนายที่บ้านละกัน!!”
“ว่าไงนะ!?”
“ฮิวโก้!!” โดมินิคเอ่ยพูดขึ้นจากฝั่งบ้านเรเวนคลอ
“พี่!! จะเข้าข้างยัยนี้เหรอ?”
“ฉันถามคำ” โดมินิคลุกขึ้น “อบิเกลกำลังคุยเรื่องของเขากัน แล้วนายขึ้นเพียงเพราะว่าแผนกเขาชนะแผนกอื่นร่วมถึงแผนกของอารอนงั้นเหรอ?”
“ก็มันไม่น่าจะจริงกับแผนกนั้น!!”
“แต่มันจริง!!” โดมินิคกล่าว
“ว่าไงนะ...”
“พ่อพี่เล่าให้ฟังเมื่อวันก่อนผ่านจดหมายว่าอารอนโวยวายใหญ่ที่ตัวเองแพ้ให้กับหน่วยสัตว์วิเศษ”
“ว่าไงนะ...”
“นายนะ...เปิดหูเปิดตามั้ง อย่าเอาแต่เข้าข้างตัวเองว่าจะถูกหมดทุกอย่าง” โดมินิคกล่าวจบก็นั่งลง
ฮิวโก้ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาหันไปกลับมามองอบิเกลที่กอดอกมองอีกฝ่ายเธอยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหลับไปนั่งต่อ ฮิวโก้อารมณ์เสียกลับไปนั่งที่โต๊ะของตนเอง เขาไม่อยากเชื่อว่าพ่อเขาแพ้ให้กับแผนกของอีกฝ่าย แต่อบิเกลชอบใจอยากมาหาเรื่องเธอแรก ๆ เธอจะสนองคืนแบบช้า ๆ ให้
จบตอนที่ 22 โปรดติดตามตอนที่ 23 ต่อไป