อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิตอบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
++คำอธิบายจากนักเขียน++
สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง
เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง
เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย
สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป
มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ
แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ
บทนำของเรื่อง
อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา
อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ
ไปติดตามกันได้นะ
ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้
ตอนที่ 12 น่าเวทนาจริง ๆ
หลังแยกทางกับอาสก๊อตความคิดของอบิเกลก็บอกว่าไม่เป็นอะไรได้กอดอาอีกครั้งทำให้เธอสบายใจขึ้นเยอะ ตอนนี้เธอต้องตั้งสมาธิกับการเรียนในรั้วโรงเรียน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมีใบจบที่เกี่ยวกับการสอบ ว.พ.ร.ส. อีกชื่อการสอบวิชาพ่อมดแม่มดระดับสามัญกับการสอบ ส.พ.บ.ส อีกชื่อการสอบวัดระดับความรู้พ่อมดเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ ถ้าไม่มีสองสิ่งนี้ตั้งแต่แรกเธอคงไม่ต้องเข้าเรียนที่นี่หรอก ยิ่งคิดยิ่งเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวันในภายภาคหน้าจริง ๆ ระหว่างที่เดินขึ้นบันไดตามเนินเธอก็นึกถึงสารเหลวสีดำที่เจอก็ยิ่งสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ เนื่องจากพึ่งค้นพบเมื่อสามปีก่อน มันเป็นสิ่งอันตรายที่สุดที่เคยเจอมา ไม่รู้ว่าจะเป็นเวทมนตร์หรือคำสาปยิ่งคิดยิ่งน่าสงสัย เธอถึงส่งมันให้อาสก๊อตนำไปตรวจสอบเพิ่ม เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ตัวอย่างที่สมบูรณ์ที่สุด ระหว่างที่กำลังเดินเธอก็เริ่มพึมพำคนเดียวมากขึ้น
“ถ้าเอาไปตรวจสอบแล้วรู้ต้นตอของสารเหลวนั้นมาจากไหนก็ดีสิ...อาจจะช่วยคนที่โดนมันเล่นงานในอนาคตก็ได้...”
อบิเกลเดินไปตามบันไดทีละก้าวในหัวของเธอกำลังครุ่นคิดถึงสารสีดำอันน่าแปลกประหลาดนั้น
“หรือมัน...อาจจะเป็นเวทโบราณกันนะ...?”
อบิเกลนึกถึงเรื่องที่เธอเคยอ่านเวทโบราณเป็นเวทที่ไม่ค่อยมีคนใช้ได้แล้ว อาจจะมีผู้ใช้งานเวทโบราณเกิดขึ้นก็ได้ ยิ่งเป็นเรื่องลำบากเข้าไปอีก น้ำเสียงที่พึมพำอยู่นั้นทำให้ผู้ใหญ่ที่กำลังเดินอยู่ในระดับเดียวกับเธอจ้องมองแล้วหัวเราะคิกคักเบา ๆ ที่เด็กน้อยกำลังครุ่นคิดบางอย่างก่อนที่เธอจะเอ่ยขัดขึ้นมา
“ขอบคุณที่ช่วยให้โรงเรียนปลอดภัยนะ คุณเมอร์รัล”
อบิเกลสะดุ้งเล็กน้อยกับคำพูดของหญิงชรา เธอเงยหน้าขึ้นมามองศาสตราจารย์ใหญ่มักกอนนากัลที่ยิ้มให้เธอ ตอนนั้นแวบแรกเธอรู้สึกคุ้นเคยกับรอยยิ้มนั้นก่อนจะเอ่ยตอบอีกฝ่ายออกไป
“อ๊ะ...ไม่หรอกค่ะ...อาจารย์ใหญ่...หนูแค่ทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ค่ะ”
“ไม่เลยจ้ะ เด็กที่มีความสามารถแล้วยังกระตือรือร้นที่จะช่วยคนอื่นนั้นหาได้ยากนะ คุณเมอร์รัล”
“แฮะ...หนูถูกสอนมาอย่างนั้นนี่น่า...”
อบิเกลลูบต้นคอของตนเองเบา ๆ เธอจำคำสอนของอาสก๊อตมาตลอดว่าใครกำลังเดือดร้อนต้องช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนหรือลำบาก ศาสตราจารย์มักกอนนากัลมองเด็กน้อยที่กำลังเขินอายกับคำพูดของเธอนั้นทำให้เธอนึกถึงชายหนุ่มที่เคยอยู่ในวัยเดียวกับเด็กน้อยมาก่อน ถึงจะเป็นเด็กที่ดูมีความถ่อมตน ไม่โอ้อวดและมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายเหมือนเด็กน้อยตรงหน้า
“เธอช่างเหมือนเด็กคนนั้นขึ้นทุกวัน...”
อบิเกลเงยหน้าศาสตราจารย์ใหญ่อย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมาจนเธอเอ่ยถามกลับไป “เอ่อ...เมื่อกี้อาจารย์ใหญ่ว่าอะไรนะคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ...แค่...หนูคล้ายเด็กคนหนึ่งที่ฉันรู้จักมาเนิ่นนานแล้ว...”
“งั้นเหรอคะ...?”
“จ๊ะ...เธอเหมือนเขาอย่างกับแกะ...”
อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็สงสัยว่าเด็กคนที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดถึงเป็นใครก่อนที่เธอจะลองถามออกมา
“แล้ว...เด็กคนนั้น-” อบิเกลยังไม่ทันได้ถามศาสตราจารย์ก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้วล่ะนะ...ต้องไปดำเนินเรื่องที่กระทรวงด้วย”
“อ๊ะ...ค่ะ...งั้นโชคดีนะคะ อาจารย์ใหญ่...”
“เช่นเดียวกัน คุณเมอร์รัล ขอให้โชคเข้าข้างเธอ”
อีกฝ่ายเดินก้าวเท้าออกไปอย่างโดดเดี่ยว อบิเกลได้แต่ยืนนิ่งมองอีกฝ่ายที่เดินออกไปภายในใจของเธอกับคิดว่าเสียดายที่ไม่ได้ถามว่าเด็กคนที่ศาสตราจารย์ใหญ่กล่าวถึงนั้นเป็นใคร แต่มันทำให้เธอเกิดความหวังว่าคนที่อีกฝ่ายเอ่ยนั้นอาจจะเป็นพ่อแม่ของเธอ เผื่อเธอหาเบาะแสของพ่อแม่เจอว่าพวกท่านเป็นใคร เพราะการถามอาสก๊อตบ่อย ๆ ก็ได้คำตอบที่ไร้ความหมายตลอดจนเธอไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นใครแล้วตอนนี้อยู่ไหนจนเธอหมดหวังที่จะถามอาสก๊อตเสียแล้ว ระหว่างนั้นเองก็มีเสียงอันคุ้นเคยตะโกนเสียงดังออกมาจนน่ารำคาญใจ
“ปล่อยผมสักที!!” ฮิวโก้ตวาดอาจารย์หนุ่ม
อบิเกลไม่อยากคิดเลยว่าเจ้าของเสียงนั้นยังมีอารมณ์อะไรกันนักกันหนาที่จะโกรธได้ตลอดเวลาจนเธอหันไปมองต้นเสียงแล้วพึมพำออกมา
“เฮ้อ...ใครก็ได้บอกหน่อยว่าหมอนี้จะไม่ก่อเรื่องอีก?” อบิเกลบ่นพึมพำกับตัวเอง
เนวิลล์โดนเด็กชายสะบัดแขนหนีการจับแขนของเขาเพียงเพราะตอนกำลังพาขึ้นมานั้นกำลังไล่คำพูดถึงการกระทำของเด็กชายไม่รู้จุดไหนไปจี้จุดเด็กชายให้อารมณ์ขึ้น เนวิลล์ถลึงตาใส่เด็กชายอย่างไม่พอใจเช่นเดียวกับเด็กชายที่มองเขาแบบนั้น
“อาจารย์เลิกโทษผมสักที!! ผมไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ!!”
“ไม่ผิด พูดจริง แล้วใครกันที่เข้าไปยังโรงเก็บสัตว์? ผีเหรอ?”
“ผมยอมรับว่าเข้าไป แต่ผมไม่ได้ก่อเรื่อง!!”
“ไม่ได้ก่อขึ้น? แล้วเธอหาเหตุผลได้ไหมว่าทำไมประตูกรงถึงเปิดเอง!?”
“ผมไม่รู้!! แต่ยังไงผมก็ไม่ผิด!! ทำไมคุณกับพ่อถึงต้องมาโกรธผมอย่างกลับไปฆ่าใครตาย!!”
“เพราะเธอก่อเรื่องจนทำให้เด็กคนอื่น ๆ เสี่ยงอันตราย!! ถ้าไม่มีคุณเมอร์รัลมาช่วยแล้วจะเกิดอะไรขึ้น!!”
“ทำไมต้องพูดถึงยัยนั่นกัน!!” ฮิวโก้ได้ยินนามสกุลของคนที่เขาไม่ชอบก็ยิ่งฟิวส์ขาดกว่าเดิม “อาจารย์เป็นอาจารย์ประจำบ้านผมนะ! ทำไมต้องไปเข้าข้างพวกบ้านฆาตกรด้วย!!”
“หยุดเลยนะ!! วีสลีย์!! ไม่งั้นฉันจะร้องเรียนพ่อแม่เธอถึงพฤติกรรมของเธอ!!”
“เชิญ!! ยังไงพ่อแม่ต้องเข้าข้างผม!!”
“เข้าข้าง? คงไม่ลืมนะก่อนหน้าพ่อเธอยังต่อว่าเธอที่สร้างเรื่องอยู่”
“!!”
ฮิวโก้ได้ยินสิ่งที่อาจารย์เนวิลล์พูดก็ยิ่งกำหมัดมากกว่าเดิม ทำให้เขานึกถึงเรื่องก่อนหน้าที่พ่อดุเขาที่ก่อเรื่องขึ้น โดยที่ปกติเขาไม่เคยสร้างเรื่องให้ครอบครัวจนมาเจอกับเด็กหญิงที่เขารู้สึกโกรธเคืองที่สุดในชีวิต เขากำลังเงยหน้ามองอาจารย์อยู่นั้น หางตาก็หันไปเห็นคนที่ทำให้เขาโกรธเคืองที่สุดอยู่ตอนนี้แถมยังกำลังมองเขาด้วยสายตาที่เขาไม่ชอบใจเป็นอย่างมากจนเขานั้นหน้าขึ้นสีแดงทันที
“ยัยลูกฆาตกร!! กล้ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น!! สมเพชฉันหรือไง!!” ฮิวโก้ตะโกนเสียงดังขึ้น
เนวิลล์ฟังคำพูดของเด็กน้อยก็หันไปมองเด็กหญิงที่กำลังเดินมาอยู่ข้าง ๆ ของเขา สายตาของเด็กหญิงดูมองอย่างเบื่อหน่ายกับคำพูดของเด็กชาย
“หนูเมอร์รัล…” เนวิลล์เอ่ยเรียกเด็กหญิง
อบิเกลได้ยินเสียงผู้ใหญ่เอ่ยเรียกแต่ก็ไม่หันไปมองก่อนจะเอ่ยพูดกับเด็กชายตรงหน้า “นายนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ นายวีสลีย์”
“อะไร? ไม่พอใจคำพูดฉันหรือไง?”
“ไม่ใช่ไม่พอใจ...แต่น่าเรียกว่า...น่าเวทนามากกว่า!”
“น่าเวทนา!? เธอจะบอกว่าเวทนาฉันเนี่ยนะ!?”
“ก็อย่างที่พูดนะ เวทนาเศษขยะที่ไม่มีค่าล่ะนะ!!”
คำพูดเชิงสงสารแต่สำหรับอบิเกลไม่ได้สงสารอีกฝ่ายเลยสักนิดแต่เป็นคำพูดที่แฝงการเสียดสีอีกฝ่ายมากกว่า แต่สำหรับคำพูดเธอนั้นอาจจะดูไม่ได้รุนแรงอะไรด้วยซ้ำถ้าเทียบกับคำพูดอันรุนแรงของอีกฝ่ายที่ด่าเธอว่าลูกฆาตกรนั้นล่ะนะ ฮิวโก้ที่ได้ยินอีกฝ่ายนั้นเวทนาตนเองก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ตัวเขานั้นสูงส่งยิ่งกว่าอะไร แต่มีคนมาบอกว่าตัวเขาน่าเวทนาแล้วยังเรียกเขาว่าเศษขยะอีก มันยิ่งรู้สึกโกรธจนตอนนี้เส้นเลือดกำลังนู้นขึ้นมาตามใบหน้าของเขา
“ว่าไงนะ!! เศษขยะงั้นเหรอ!!”
ฮิวโก้รู้สึกโกรธขึ้นมาจนเขาชักไม้กายสิทธิ์ก้านสีน้ำตาลออกมาจนคนเป็นอาจารย์เห็นก็ตกตะลึง
“หยุดนะ!! ฮิวโก้!!”
เนวิลล์กำลังเดินเข้าไปจะห้ามเด็กชาย แต่ทว่าไม้กายสิทธิ์ในมือของเด็กชายก็หลุดออกจากมือไปอย่างรวดเร็วจนฮิวโก้ตกใจที่ไม้ของเขาหลุดออกจากมือจนเขาหันกลับไปมองก็เห็นต้นตอที่ทำให้ไม้กายสิทธิ์ของเขาหลุดออกไป
“ยัยเมอร์รัล!!”
อบิเกลมองสีหน้าอีกฝ่ายที่ย่นไปหมดด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว แต่เธอกับยิ้มมุมปากอย่างสะใจ “อะไร~ โกรธเหรอ?”
“ฉันจะหักมือเธอ!! ยัยลูกฆาตกร!!”
“วีสลีย์!!” เนวิลล์หันไปมองเด็กชายที่ตะโกนด่าใส่เด็กหญิง
“อาจารย์นั้นล่ะหุบปากไปเลย!!”
“ว่าไงนะ!!” เนวิลล์ได้ยินคำพูดของเด็กชายก็ทำให้เขาโกรธขึ้นมา แต่ต้องเก็บอารมณ์ของเขาเอาไว้
“ดู ๆ นี่หรือลูกของท่านรัฐมนตรี?” อบิเกลมองอีกฝ่ายยิ่งทำให้คำพูดว่าสมเพชอีกฝ่ายเด่นชัดขึ้นทุกที
“ทำไม!? เธออิจฉาหรือไง? บ้านฉันมีกินและมีฐานะสูงกว่าเธออีก”
“เฮ้อ...ฟังนะ นายวีสลีย์อย่างที่บอกก่อนหน้าไป ฉันเวทนานายไม่มีวันอิจฉา คนที่ชอบโอ้อวดตัวเองหรือพวกบ้าอำนาจแบบนายหรอกนะ”
“ว่าไงนะ!!”
“พอ ๆ ทั้งสองคนเดียวกลายเป็นเรื่องใหญ่อีกหรอกนะ!!” เนวิลล์เดินมาอยู่ระหว่างกลางของเด็กทั้งสองคน
“โธ่~ อาจารย์ลองบัตท่อมคิดเหรอว่าหนูจะทำ? นอกเว้นแต่ก่อนหน้าเจ้าเด็กบางคนเกือบเอาไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาทำร้ายคนอื่น”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ!! เธอร่ายเวทก่อนฉันด้วย!!”
“ก็เพราะว่านายจะใช้ไม้กายสิทธิ์กับคนที่ยังไม่ได้หยิบอะไรขึ้นมาต่างหากที่ผิด”
“ไหนล่ะ!? หลักฐาน!?”
“หรือจะให้ฉันร่ายคาถาดูเหตุการณ์ก่อนหน้าดีละ?”
“อึก!!”
ท่าทางอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะเถียงไม่ขึ้นถ้าเธอใช้เวทที่สามารถย้อนเวลาดูเหตุการณ์ก่อนหน้าได้ ยิ่งเห็นท่าทางอีกฝ่ายที่ไม่สามารถเถียงได้นั้นก็ยิ่งสะใจ
“เฮ้อ...กลับดีกว่า...น่าเบื่อกับพวกปัญญาอ่อน”
อบิเกลเก็บไม้กายสิทธิ์ของตนเข้าในเสื้อคลุม ก่อนที่จะเตรียมตัวออกจากตรงนั้นไปอย่างไม่สนใจอะไร แต่แล้วอีกฝ่ายก็จับแขนเธออย่างรวดเร็ว แต่แรงที่จับนั้นก็แรงพอที่จะทำให้อบิเกลเกิดความรู้สึกว่าเจ็บบริเวณที่โดนจับ สายตาของเธอจับจ้องมองมืออีกฝ่ายที่จับแขนของตนก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดบางอย่างกับเธอด้วยท่าทางที่ไม่พอใจที่ตัวเธอกำลังจะหนีออกจากตรงนี้
“จะรีบกลับไปไหน!? เรายังคุยกันไม่จบ!!”
“ฉันยังจะมีเรื่องคุยกับนายอีกหรือไง?” อบิเกลถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ “ปล่อยเดียวนี้!”
“ไม่!! อย่าหวังว่าครั้งนี้ฉันจะผิดคนเดียว!! ฉันจะทำให้เธอผิดเช่นเดียวกัน แล้วฉันจะทำให้เธอจมดิ่งยิ่งกว่าอะไร ทำให้ชายคนนั้นเจ็บปวดเหมือนที่ครอบครัวฉันเจอ!!”
สิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นอะไรที่อบิเกลไม่ชอบใจยิ่งกว่าอะไร การที่อีกฝ่ายฝังเจ็บกับอาสก๊อตคงเป็นเพราะผู้ใหญ่ฝังความคิดบ้า ๆ ใส่อีกฝ่าย แต่มันก็น่าสงสัยว่าการตายของครอบครัวพอตเตอร์ก็ไม่ใช่ความผิดของอาสก๊อต แต่ทำไมครอบครัวอีกฝ่ายถึงฝังคิดว่าอาของเธอเป็นคนฆ่าครอบครัวตัวเองโดยที่อาสก๊อตก็ดูรักครอบครัวตัวเองมาก ๆ อบิเกลสะบัดมืออีกฝ่ายออกจากแขนของเธอทันที
“ฉันขอเตือนหน่อยนะ! อย่ายุ่งกับครอบครัวของฉัน! ถ้านายยังอยากมีความสุขในฮอกวอตส์!! นายวีสลีย์”
“ทำไมเธอจะทำอะไรฉัน!! ยัยเมอร์รัล”
“ทำแน่คอยดู!!”
“หึ!! ตัวก็เล็กกว่าฉัน เธอยังจะมีปัญญาอะไรจัดการฉัน!!”
“เธอคงไม่ลืมนะ วีสลีย์ว่าเด็กคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงนะ” เนวิลล์พูดขัดเด็กชายที่คงไม่ลืมว่าคนตรงหน้าของเขานั้นเป็นถึงเจ้าหน้าที่ของกระทรวง
“เอ๊ะ!!”
ฮิวโก้ได้ยินแบบนั้นก็มองอาจารย์เนวิลล์กล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่กำลังมองเด็กน้อยที่ไม่รู้ประสีประสาเลยจริง ๆ ฮิวโก้หันกลับมามองเด็กหญิงตรงหน้าเขาที่มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่สัตว์วิเศษ ทักษะทางกายที่ดีเลิศ ทักษะการใช้ไม้กายสิทธิ์อย่างชำนาญต่างจากเขาที่พึ่งได้จับไม้กายสิทธิ์ไม่ได้ อบิเกลกอดอกมองเด็กชายด้วยสายตาอันนิ่งเฉยแต่แฝงความรำคาญใจหน่อย ๆ แต่ตัวฮิวโก้ตอนนี้กับรู้สึกเหมือนหน้าแตกไปหมดที่คนตรงหน้าเขานั้นดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเขา ทำให้เขานั้นรู้สึกว่าต้องหนีออกจากตรงนี้แต่ไม่รอช้าเขาก็หนีออกจากตรงนั้นไปทันใดจนทั้งสองที่มองก็งงงวยกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่แล้วอีกฝ่ายก็วิ่งหนีจนมาถึงประตูทางเข้าแล้วหันกลับมามองทั้งสองคนก่อนจะชี้นิ้วมาทางอบิเกล
“ครั้งหน้าฉันจะเล่นงานเธอแน่ ๆ ฉันไม่กลัวคนที่มีประสบการณ์กว่าหรอกนะ ยัยลูกฆาตกร!!”
ฮิวโก้พูดตะโกนจนจบก็วิ่งหนีเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ทำเอาอบิเกลกับอาจารย์เนวิลล์ที่อยู่ตรงนั้นก็มองหน้ากัน
“ทำเป็นพูดแบบนั้น แต่หนีไปก่อนซะงั้น...เหมือนตัวร้ายในการ์ตูนตามเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ของมักเกิ้ลเลยแฮะ...”
“ฮ่า ๆ ก็นะ...” เนวิลล์ตอบเด็กหญิงอย่างเก้ ๆ กัง ๆ หางตาของเขามองเด็กหญิงอย่างสงสัยจนนึกถึงคำถามที่อยากถามออกมา “เอ่อ...หนูเมอร์รัล...”
“ค่ะ...” อบิเกลเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่เรียกเธอ
“คือขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ได้ค่ะ อาจารย์ลองบัตท่อม”
“หนูไม่รู้สึกแย่เหรอ?”
“เรื่องอะไรคะ?”
“ที่มีคน...ว่าหนูว่าเป็นลูกฆาตกรนะ?”
“ไม่นะคะ นอกจากรู้สึกรำคาญใจมากกว่า...แล้วทำไมหนูต้องรู้สึกแย่ด้วยค่ะ?”
“ก็...สก๊อต...เอ่อ...พ่อหนู...”
พออีกฝ่ายเอ่ยถึงอาสก๊อตนั้นทำให้อบิเกลรู้ว่าอีกฝ่ายอยากกล่าวอะไรจนเธอเอ่ยเรียกอีกฝ่าย “อาจารย์ลองบัตท่อม...”
“หือ?”
เนวิลล์ก้มมองเด็กน้อยก็ต้องตาลุกวาวขึ้นมาเมื่อเขานั้นมองเด็กน้อยที่กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาสีเขียวอันงดงามสายอันสุขุมเหมือนสายน้ำที่เรียบนิ่งยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าเด็กหญิงตรงหน้าเหมือนผู้ใหญ่มากกว่าเด็กหญิงตัวน้อย
“หนูไม่เคยเชื่อว่าพ่อเป็นฆาตกรที่ฆ่าครอบครัวตัวเอง ใครจะบอกว่าพ่อหนูกำลังสร้างเรื่องว่าตัวเองไม่ผิด แต่หนูที่อยู่กับเขามาตลอดหนูรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง เขาคือชายที่รักครอบครัว รักชีวิตที่มีการผูกมัด รักการกิน รักงานที่เขาทำ รักการเดินทางและ...เขารักหนูที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจดั่งที่เขากล่าวกับหนูทุกวัน”
“อ๊ะ...”
เนวิลล์ฟังคำพูดที่ออกมาจากปากเด็กน้อย คำพูดพวกนั้นดูเหมือนไม่ใช่คำโกหกเหมือนดั่งที่เขาเคยเจอสก๊อตว่าเป็นเด็กแบบไหน ยิ่งทำให้สับสนกับคำพูดของทุกคนที่เคยฝังหัวเขาว่าสก๊อตทำให้แฮร์รี่ต้องตาย มันยิ่งสับสนแล้วยิ่งเด็กที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นคนสนิทของสก๊อตอีก
“หนูไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?”
“ทำไมต้องโกหกละคะ?” อบิเกลเอียงคอมองอย่างสงสัย “อา...เอ๊ย...พ่อหนูเขาบอกเสมอว่าห้ามโกหก ไม่งั้นจะเป็นเด็กไม่ดี”
เนวิลล์ได้ยินแบบนั้นยิ่งทำให้สงสัยจนเขาเอ่ยถามอีก “งั้นบอกได้ไหมว่า...พ่อหนูเขาหายไปไหนมาตลอด 2 ปีหลังจากที่ครอบครัวพอตเตอร์ตาย”
“เอ่อ...ปีไหนที่ครอบครัวพอตเตอร์ตายเหรอคะ?”
“เอ่อ...ปี 2009 นะ”
อบิเกลนึกย้อนกลับไปในปีนั้นรู้สึกว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาอีกที่ตอนสิ้นปีนั้นพอดีเลยไม่รู้ว่าภายในปีนั้นเกิดอะไรขึ้นด้วยสิ เพราะตอนนั้นเธอตื่นมาพร้อมกับความทรงจำที่ไม่มีอะไร เธอจำไม่ได้สักอย่างว่าตัวเองเป็นใครแล้วอยู่ที่ไหนจนคนตรงหน้าเธอ อาสก๊อตอยู่ตรงหน้าแล้วร้องไห้นั้นเป็นภาพที่เธอตราตรึงใจสุด ๆ ว่าชายตรงหน้าร้องไห้ทำไม เขาเข้ามากอดเธอพร้อมกับดีใจที่เธอได้สติสักที นึกย้อนแล้วมันก็รู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ
“อืมมม ไม่รู้สินะคะ...หนูอยู่กับพ่อตอนสิ้นปีนั้นพอดีนะ”
“สิ้นปีเหรอ?”
“ค่ะ ที่หนูพอจำความได้นะ”
เนวิลล์ได้ยินคำพูดเด็กน้อยก็ลองเดาถึงอายุของเด็กดู “ตอนนั้นหนูอายุ...3 ขวบเหรอ?”
“ค่ะ!”
เนวิลล์รู้สึกว่าตัวเองเก่งที่เดาถูก แต่ตอนนั้นเด็กน้อยคงจำไม่ได้เยอะแน่ ๆ “คงเด็กมาก...คงจำไม่ได้เนอะ...”
“ใช่แล้วค่ะ...แต่...หนูจำได้อย่างเดียว...”
“อะไรเหรอ?”
“ตอนนั้นเริ่มต้นปี 2010 พ่อพาหนูหนีจากคนกลุ่มหนึ่งนะคะ”
“หนีเหรอ?”
“ค่ะ...แล้วก็คนหนึ่งในกลุ่มมีตราที่หนูจำได้อย่างดี”
“ตรา?”
“ตราแบบเดียวกับที่โรงเก็บสัตว์ค่ะ”
เนวิลล์ได้ยินแบบนั้นก็ตะลึง เพราะตอนที่อยู่ที่โรงเก็บสัตว์ก็ได้ยินเสียงพวกรอนทะเลาะกันออกมาข้างนอกจนรู้ว่าพวกผู้เสพความตายกลับมาอีกครั้ง
“เรื่องบ้าอะไรกัน พวกมันไม่น่าจะกลับมา...ชายคนนั้นก็ตายไปแล้วแท้ ๆ”
“ชายคนนั้น? ใครเหรอคะ?”
“ถ้าหนูรู้เรื่องของจอมมารก็จะรู้ว่าฉันหมายถึงใคร”
“อ๋อ...ผู้ก่อตั้งผู้เสพความตายขึ้นมาสินะคะ”
“ใช่...พวกมันกล้าลุกขึ้นมาอีกนั้น...ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกแน่ ๆ หรือว่าพวกมันจะชุบชีวิตจอมมารขึ้นมาอีกเหรอ?”
“เรื่องนี้หนูไม่แน่ใจค่ะว่าพวกมันจะทำอะไร...แต่...สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะพวกมันมาตามล่าพวกหนูอีกหรือเปล่า...ยิ่งคิด...ก็ยิ่งรู้สึกว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะหนูก็เป็นได้”
เนวิลล์มองเด็กน้อยที่กำลังโทษตัวเองถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ เขาย่อตัวลงแล้วแตะไหล่เด็กน้อยเบา ๆ “เมอร์รัล หนูพึ่งมาที่นี่ได้แค่ 2 วันเอง แล้วโรงเก็บสัตว์วิเศษนั้นก็เก็บสัตว์มาแค่ 3 วันเอง มันน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า”
“เหรอคะ...?”
อบิเกลทำหน้าเศร้าหมอง เธอกลับมาย้อนนึกถ้าไม่มีเธออยู่ตรงนี้ เด็กหลายคนคงโดนทำร้ายจนบาดเจ็บหรือตาย นั้นยิ่งเศร้ากว่าเดิมอีกจนเธอต้องกำมืออย่างแน่นจนเป็นรอยเล็บ เนวิลล์เห็นท่าทางของเด็กน้อยก็แอบสงสารจริง ๆ จนเขาต้องกล่าวบางอย่าง
“ไม่ต้องห่วง พ่อหนูกับทางกระทรวงจะจัดการตามล่าพวกมันเอง”
“ค่ะ...”
“อย่าโทษตัวเองว่าเป็นความผิดหนูที่มีคนตามล่าพวกหนู”
คำพูดของอาจารย์เนวิลล์ทำให้อบิเกลยิ้มออกมาได้ แต่ไม่รู้อะไรสะกิดความทรงจำของเธอออกมาจนแวบหนึ่งได้เห็นภาพราง ๆ พร้อมกับเสียงของใครบางคน
‘ไม่ใช่ความผิดของลูก...’
เสียงแหบแห้งคล้ายเสียงของอาสก็อตผ่านเข้ามาในความคิดของเธอก่อนที่มันจะหายไป เพียงเสี้ยววินาทีเธอเกือบยืนทรงตัวไม่อยู่จนจะล้มไปข้างหลัง เนวิลล์เห็นท่าทางเด็กน้อยที่กำลังจะหงายหลังไปเขารีบประคองเธอทันที
“เมอร์รัล หนูเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ...แค่...เมื่อกี้...อ๊ะ...เมื่อกี้หนูเป็นอะไร?”
“เมื่อกี้หนูเกือบล้มนะ ไม่เป็นอะไรแน่นะ?”
“ค่ะ...แต่...เมื่อกี้เหมือน...มีอะไรผุดขึ้นมา...แต่มันก็หายไป...”
“ผุดขึ้นมา? แล้วก็หายไป? ความทรงจำเหรอ?”
“คงงั้นมั้งค่ะ...พ่อก็บอกอยู่ว่าหนูเสียความทรงจำไปชั่วหนึ่ง...”
“เสียความทรงจำ? ตอนไหนเหรอ?”
“อ๊ะ...ค่ะ...ก็...ตอนที่หนูอยู่กับพ่อตอนสิ้นปี2009นะคะ...ตอนนั้นหนูตื่นขึ้นมาจำอะไรไม่ได้เลยนะคะ...”
เนวิลล์ยกคิ้วขมวดอย่างสงสัย เด็กหญิงตรงหน้าเคยเสียความทรงจำด้วยงั้นเหรอ บางครั้งเด็กเลยเรียกสก๊อตว่าอางั้นเหรอ เขาจับสังเกตได้ว่าบางครั้งอบิเกลจะเรียกพ่อว่าอาสก๊อต แต่ยิ่งมองเด็กน้อยก็ทำให้เขานึกถึงคนคนหนึ่ง เขาจ้องมองอยู่สักพักก่อนที่เสียงหนึ่งก็ตะโกนดังลงมาจากชั้นสองของปราสาท
“อบิเกลลลลลล~”
ทั้งสองคนเงยหน้ามองชั้นสองก็เห็นกลุ่มเพื่อนสาวของอบิเกลกับสกอร์เปียสที่รออยู่ข้าง ๆ อบิเกลก็ยกยิ้มโบกมือให้เพื่อนสาวแต่ละคน ฟาร่าเห็นอีกฝ่ายอยู่กับพ่อของลูน่าก็ตะโกนเรียกเพื่อนทันที
“อบิเกล กลับบ้านกันเถอะ~ เดียวถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วช่วงบ่ายจะเริ่มวิชาแรกของวันแล้วนะ”
“โอเค เดียวตามไปนะ” อบิเกลตอบกลับไป แล้วหันไปมองอาจารย์ “รู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาเรียนของหนูนะคะ”
“วิชาแรกคงเป็นวิชาคาถานั้นล่ะ งั้นไปเถอะ อาจารย์ไม่รบกวนหนูแล้วละกัน”
“อ๊ะ...ค่ะ...งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“อืม”
อบิเกลโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะวิ่งไปหาทุกคนที่อยู่ชั้นสอง แต่เธอไม่รู้เลยว่าคำพูดของเธอที่คุยกับอาจารย์เนวิลล์นั้นมีคนแอบดักฟังอยู่ข้างกำแพงด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ที่ต้องเปลี่ยนแผนการของตนเองไปหมด หลังจากแผนโรงเก็บสัตว์ผิดพลาดไปแล้ว
‘หึ ๆ คงต้องเปลี่ยนแผนจากที่กำหนดเสียหน่อยแล้วสิ’ เสียงปริศนาหนึ่งกำลังเอ่ยพูดในใจ
จบตอนที่ 12 โปรดติดตามตอนที่ 13 ต่อไป