อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต - ตอนที่ 9 ก่อเรื่องวันแรก โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน

รายละเอียด

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย

ผู้แต่ง

YukiCoCo

เรื่องย่อ

++คำอธิบายจากนักเขียน++

สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง

เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง

เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย

สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป

มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ

แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ


 

บทนำของเรื่อง

 

อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น

เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา

อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ

ไปติดตามกันได้นะ

 


ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้

สารบัญ

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 1 ความผิดพลาดที่เกือบตาย,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 2 ช็อปปิ้งก่อนเปิดเรียน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 3 การพบหน้าที่โคตรอึดอัดใจ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 4 อดีตของสก็อต,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 5 เพื่อนคนแรกของกันและกัน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 6 เวลาคัดสรร,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 7 เล่นมาก็เล่นกลับ ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 8 บ้านใหม่ เพื่อนร่วมห้องใหม่ ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 9 ก่อเรื่องวันแรก,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 10 เกือบตกเสียแล้ว,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 11 เหตุร้ายยังไม่หมดไป,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 12 น่าเวทนาจริง ๆ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 13 ห้องอาหาร,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 14 เพื่อนหรือบอดี้การ์ด

เนื้อหา

ตอนที่ 9 ก่อเรื่องวันแรก

ตอนที่ 9 ก่อเรื่องวันแรก

เช้าวันต่อมาหลังจากค่ำคืนแรกอันวุ่นวายในสลิธีริน ช่วงเช้าอบิเกลคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เธอก็โดนพวกรุ่นพี่ผู้หญิงจ้องอย่างจะกินเนื้อตอนออกมาจากห้องพัก ทำให้เธอรู้เลยว่าพวกนี้น่าจะอยู่กลุ่มเดียวกับพวกรุ่นพี่แม็กนัส แต่เธอก็ไม่สนใจอะไรก่อนจะเดินทางไปรวมตัว ณ สถานที่นัดหมาย ช่วงเช้าตอนแรกคิดว่าจะเป็นการทดลองเรียนวิชาแรก แต่ทว่ากลับเป็นช่วงเดินชมโรงเรียนถึงสถานที่ต่าง ๆ ทุกคนได้ยินก็ตื่นเต้นกันจนบางคนเริ่มยกมือและเสนอที่อยากเห็นคนอื่น ๆ ก็ทำตามกันจนอาจารย์แฮกริดไม่คิดว่าเด็ก ๆ จะสนใจแบบนี้ ก่อนที่เขาจะนำทางพาเด็ก ๆ ไปสถานที่ต่าง ๆ

 

ทุกคนต่างเดินกันตามอาจารย์แฮกริดอย่างสนุกสนามได้ไปเยี่ยมชมรุ่นพี่กำลังเรียนวิชาต่าง ๆ ความสนุกอยู่ตรงที่ทุกคนได้มาเชยชมสถานที่ต่าง ๆ ที่ตัวเองจะต้องเรียน อบิเกลเห็นห้องเรียนต่าง ๆ ก็แอบประทับใจอยู่ภายใน เธอรู้สึกชอบใจที่สิ่งที่หวังนั้นเป็นจริงสุด ๆ เธอกำลังจะได้เรียนหนังสืออย่างที่หวัง เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนามดังไปทั้งทางเดินจนพวกเขามาถึงสนามควิดดิชที่ต้องเดินออกมานอกตัวโรงเรียนถึงจะมาได้ เด็ก ๆ หลายคนกำลังสนใจสถานที่ตรงหน้ายกเว้นเธอที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องกีฬาเสียเท่าไหร่ เธอสนใจพวกสัตว์ต่าง ๆ เสียมากกว่า ทุกคนที่กำลังสนใจสถานที่ตรงหน้าอยู่นั้นพวกเอวาก็หันมาเอ่ยถามอบิเกลทันที

 

“นี่ อบิเกลพอโตขึ้นสนใจเป็นนักเล่นควิดดิชไหม?” เอวาเอ่ยแล้วโอบไหล่ของอบิเกล

“ไม่สนใจนะ” อบิเกลยักไหล่อย่างไม่สนใจสิ่งตรงหน้าเท่าไหร่

“ห๊า...” 

อบิเกลมองเพื่อน ๆ ที่ส่งเสียงอย่างเสียดายที่เธอไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ระหว่างนั้นก็เดินกันต่อไปยังอีกทีก่อนที่เอวาจะเอ่ยถามอีก

“ทำไมตอบแบบไม่คิดเลยนะ” 

“ก็ฉันมีความฝันอยู่แล้วนี่น่า ใครอยากจะเป็นนักเล่นควิดดิชล่ะ?” 

“ฉันไงล่ะ!!” เอวาตอบ

“หือ? หรือว่าเธออยากเป็นเหมือนอาของเธอเหรอ? เจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์วิเศษนะ” เจนน่ากล่าว

“ฮิฮิ ใช่ เพราะอา...อ๊ะ...เอ่อ...พ่อฉัน ทำให้ฉันชอบพวกสัตว์ต่าง ๆ รวมไปถึงพวกสัตว์วิเศษด้วยล่ะนะ” 

ใบหน้าของอบิเกลดูมีความสุขที่ได้พูดถึงอาของเธอ ทำเอาทุกคนต่างชอบความฝันของหญิงสาวที่ใฝ่ฝันอยากเหมือนอาของตนเอง แต่แล้วก็มีบางคนสอดรู้สอดเห็นเอ่ยพูดออก

 

 

 

“โธ่ ๆ คนบ้านฆาตกรรักสัตว์เป็นด้วยเหรอเนี่ย? หวังว่าพวกสัตว์คงไม่โดนเอาไปทดลองซะก่อนนะ”

 

เสียงฮิวโก้ดังขึ้นพร้อมท่าทางอันหยิ่งยโสที่มีต่อเด็กสาว อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งกำหมัดแน่นสุด ๆ ทำไมทุกครั้งที่ไปไหนต้องมีอีกฝ่ายตามมาด้วยกัน แต่ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่ไม่พอใจกับคำพูดนั้น เด็กทั้งหกคนที่อยู่ข้างอบิเกลจ้องมองเด็กชายด้วยท่าทางอันไม่พอใจและโกรธกับท่าทางอันไม่เคารพของอีกฝ่ายจน ฮิวโก้ที่เห็นท่าทางของเด็กพวกนี้ก็สงสัยว่าเขาทำอะไรผิด หางตาของเขามองพวกเด็กหญิงทั้งสี่คนก่อนจะเอ่ยถามออกมา

 

“พวกเธอ…ทำไมมองฉันแบบนั้นนะ?” 

“ยังจะมาถามอีกนะ!! วีสลีย์” ลูน่าขึ้นเสียงใส่อีกฝ่าย

“ใช่! ปากนายสร้างมาจากโถ่ส้วมหรือไง! ถึงพ่นคำสกปรกออกมาได้นะ!!” ฟาร่าตั้งท่าเท้าเอวใส่ด้วยท่าทางไม่พอใจ

“โถ่ส้วม!! เธอกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ?” 

ฮิวโก้ตกใจกับคำพูดอีกฝ่ายที่เปรียบเทียบเขาเป็นสิ่งสกปรกในห้องน้ำได้ ฟาร่าไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะโกรธเธอแค่ไหนก็ตามที

“ใช่ แล้วทำไม!?” ฟาร่าชักสีหน้าใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พึ่งประสงค์ จนอบิเกลต้องเข้ามาขัดขวาง

“พวกเราพอเถอะ เดียวอาจารย์แฮกริดเขาจะมาดุเรานะ”

“อย่ามาห้ามฉันอบิเกล ฉันทนกับคนแบบนี้ไม่ไหวล่ะ!!”

“จริงของฟาร่านะ เจ้านั้นคิดว่าตัวเองเป็นลูกท่านรัฐมนตรีแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ งั้นเหรอ?” 

“ทำไม!? ฉันเป็นลูกท่านรัฐมนตรีแล้วผิดตรงไหน!?” ฮิวโก้ได้ยินคำพูดอีกฝ่ายที่พูดถึงตำแหน่งของแม่เขาก็ทำให้สงสัยว่าพวกอีกฝ่ายมีอะไรกับเขากัน

“ผิด! ผิดตรงที่นายนั้นเอาอำนาจของแม่มาใช้ในทางที่ผิดนะสิ!!” แพนซี่ชี้หน้าใส่ทันที “นายคิดว่าเราเป็นเพื่อนนายแล้วจะยอมฟังคำพูดนายที่ดูถูกเพื่อนเราเหรอ? งั้นก็แปลว่านายต้องการเป็นศัตรูกับพวกเราเช่นกัน วีสลีย์!!” 

“อึ้ก!!!” 

คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ฮิวโก้สะดุ้งทันทีที่เขานั้นจะโดนหมายหัวเป็นศัตรูกับเพื่อนแบบนี้ ทำให้เขาหันสายตาไปมองเด็กสาวที่เขารังเกียจที่สุด อบิเกลหันไปสบตากับอีกฝ่ายที่จ้องมองเธอด้วยสายตาอาฆาตและกำลังครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายทำอะไรกับเพื่อนตนเองหรือว่ากำลังใช้มนต์ดำกับเพื่อนเขาให้เชื่อฟังและความคิดอยู่ฝั่งคนละฝั่งกับเขานั้นทำให้เขายกนิ้วชี้หน้าใส่อีกฝ่าย

“แก! ใช้เวทมนตร์ควบคุมเพื่อนฉันใช่ไหม! ยัยสายเลือดฆาตกร!!” 

อบิเกลจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเบื่อหน่ายกับคำพูดอีกฝ่ายพูดเป็นอย่างมาก ถึงมันจะเจ็บจี๊ดที่โดนว่าแบบนั้น แต่เธอไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย

“เพื่ออะไรไม่ทราบ? ฉันไม่ใช่พวกฝ่ายมืดที่จะคิดวิธีชั่ว ๆ แบบนั้นนะ!” 

“แต่แกก็เป็นครอบครัวของฆาตกรไม่ใช่หรือไง? ไม่แน่พ่อแกก็คงเป็นคนของพวกศาสตรามืดก็ได้ไม่ใช่หรือไง!?”

คำพูดอีกฝ่ายทำให้สีหน้าของอบิเกลเปลี่ยนไปทันใด ถ้าอีกฝ่ายพูดถึงเธอก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่อีกฝ่ายพูดลามไปถึงคนในครอบครัวของเธอมันยิ่งทำให้อารมณ์ที่เงียบสงบของเธอกำลังจะปะทุขึ้น

“ถอนคำพูดของแกเดียวนี้!! นายวีสลีย์!!” 

“ทำไม! แทงใจดำเรื่องครอบครัวหรือไง? ไม่ยอมรับสิ่งที่ฉันพูดสินะ แปลว่าครอบครัวเธอปิดบังอะไรสินะ ยัย ลูก ฆาตกร!!”

“ฉันทนฟังมาเกินพอแล้ว!!” 

 

เสียงสกอร์เปียสดังมาก่อนตัวที่พุ่งตัวเข้าไปโจมตีใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยความโกรธเคืองอย่างรุนแรงกับคำพูดอันดูถูกและหมิ่นประมาทครอบครัวอบิเกลแค่ไหน สกอร์เปียสยืนฟังอยู่ในกลุ่มสาว ๆ ตั้งนานก็ถึงกับโกรธจนออกมาตอบโต้แทนเพื่อนของเขาที่ยังไม่โต้ตอบแต่อย่างใด เสียงผู้คนต่างพากันส่งเสียงเชียร์ที่ทั้งสองกำลังชกต่อยกัน พวกผู้หญิงเห็นไม่รู้ว่าจะควรทำยังไง จนอบิเกลจะเข้าไปหาให้ทั้งสองเลิกทะเลาะกัน

 

“สกอร์เปียส! พอได้แล้ว!!” 

“ไม่มีทางจนกว่าหมอนี้จะขอโทษเธอ!!” สกอร์เปียสตะโกนใส่อบิเกลโดยไม่ได้มองคนที่เขาทับอยู่

“อย่าหวังให้ยากเลย!!” ฮิวโก้พูดแล้วถีบอีกฝ่าย

“อ๊ะ!!” 

 

สกอร์เปียสถึงกับตั้งตัวไม่ทันจนเขานั้นล้มลงกับพื้นจนก้นจ้ำเบ้าเลยทีเดียว อบิเกลเห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปดูอาการของอีกฝ่ายโดยไม่ได้ดูเลยว่าฮิวโก้กำลังกระโจนเข้ามาโจมตีพวกเธอสองคน อบิเกลรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่คาดคิดก็หันหลังไปมองก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะโจมตีพวกเธอ นั้นทำให้เธอเข้าไปกอดเพื่อนชายไม่ให้อีกฝ่ายโดนการโจมตี สกอร์เปียสเห็นแบบนั้นก็ตกใจที่อีกฝ่ายปกป้องเขานั้นทำให้เขาดันตัวอีกฝ่ายแต่ไม่มีทีท่าจะหลุดเลยสักนิด

 

“อบิเกล!! ปล่อยฉัน!!” สกอร์เปียสตาโตทันทีที่เห็นอีกคนปกป้องเขา

“ไม่!!”

อบิเกลไม่ยอมให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเพราะเรื่องของเธอเด็ดขาด เหตุการณ์ตรงหน้ากำลังเกิดขึ้นก็มีเสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นทันที

“หยุดเดียวนี่!!” 

ทุกคนหยุดชะงักกับเสียงอันดังก้องของอาจารย์แฮกริด ทุกคนต่างมองไปที่อาจารย์ก่อนจะหลบทางให้เขาที่กำลังเดินตรงมาทางพวกเด็ก ๆ ที่ก่อปัญหา อบิเกลลืมตาขึ้นมามองก็เห็นมือฮิวโก้เกือบจะใกล้เข้ามาใบหน้าของเธอ สกอร์เปียสเห็นแบบนั้นก็ดันตัวอบิเกลออกแล้วหันไปผลักอีกคนออกห่างจากพวกเขาทันที

“นายกล้าดียังไงจะทำร้ายผู้หญิงนะ!!” 

“ยัยนั้นอยากเข้ามาขวางเอง ฉันไม่เกี่ยวสักหน่อย แล้วอีกอย่างยังไม่โดนด้วย!!” 

“แล้วถ้าโดนล่ะ เจ้าบ้านี้!!” สกอร์เปียสกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายทันที

“หยุด ๆ พวกเธอหยุดเดียวนี้เลยนะ!!” แฮกริดเข้ามาใกล้ ๆ ก็จับเด็กทั้งสองคนออกห่างจากกัน “ฉันจะร้องเรียนพ่อแม่พวกเธอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

ฮิวโก้ได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาวอย่างตกใจ “ปู่แฮกริด! อย่าบอกพ่อแม่นะ! พวกนั้นเริ่มก่อนนะ!!” 

“เดียวสิ! นายต่างหากที่เริ่มก่อน!!” สกอร์เปียสชี้หน้าใส่อีกฝ่ายทันที

“ทั้งสองคน หยุดเดี๋ยวนี้!!” 

เสียงตะโกนของอบิเกลดังกล่าวไปทั้งบริเวณนั้น ทุกสายตามองมาที่เธอตะโกนอย่างไม่พอใจที่ทั้งสองคนมาทะเลาะเพียงแค่จุดเริ่มต้นมาจากฮิวโก้มาหาเรื่องเธอแล้ว สกอร์เปียสกับขึ้นแทนเธอก่อนที่เธอจะเริ่มพ่นคำพูดสุดจะทนออกมา

“พวกนายมันก็ผิดกันทั้งคู่นั้นล่ะ นายวีสลีย์ ฉันไม่รู้ว่านายจะโกรธอะไรกับครอบครัวเมอร์รัลหนักหนา แต่ฉันพึ่งเจอนายได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ยังไม่เคยมีอะไรต่อกัน อย่ามาเอาเรื่องผู้ใหญ่มาใส่หัวนาย แต่นายต้องการเป็นศัตรูกับฉัน ก็มากับฉันไม่ใช่เอาเพื่อนฉันมาวุ่นวายด้วย!”

อบิเกลจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปมองอีกคนที่เธอไม่อยากทะเลาะด้วยแต่ก็ต้องดุสักครั้ง

“ส่วนนาย สกอร์เปียส ขอบคุณที่เข้ามาวุ่นวาย แต่นายไม่ควรที่จะเข้ามายุ่งเรื่องคนอื่นจนต้องบาดเจ็บแบบนี้!!” 

“แต่ว่า...” 

“ไม่มีแต่!! เรื่องของฉัน...ฉันจะจัดการเอง ขอบคุณที่นายโกรธแทนฉัน...แต่ตอนนี้เราพึ่งเป็นเพื่อนกัน ถ้านายกลายเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เราค่อยมาโกรธเรื่องเดียวกันจะดีกว่านะ!!” 

“อ๊ะ...อืม...ก็ได้...”

พอโดนดุแบบนั้นสกอร์เปียสเลยนิ่งไปเลย ตอนนี้เขาเป็นแค่เพื่อนยังไม่ใช่เพื่อนสนิท ทำให้คิดเลยว่าตัวเองโกรธมากไปจริง ๆ เพราะได้ยินคำดูถูกเพื่อนของเขา มันทำให้เลือดขึ้นหน้าสุด ๆ แฮกริดได้ฟังคำพูดของเด็กหญิงก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตบมือเสียงดัง ๆ

“เอาล่ะ! งั้นพอแค่นี้ เมอร์รัล เธอพาเพื่อนไปรักษาหน่อยละกัน เธอคงใช้เวทมนตร์รักษาได้นะ” 

“ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูมียารักษาติดตัวพอดี” อบิเกลเดินไปหาสกอร์เปียสทันที

“เยี่ยมมาก!” 

“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า” สกอร์เปียสปฏิเสธที่จะไม่ให้อีกฝ่ายรักษา แต่สภาพอีกฝ่ายนั้นมีตั้งแต่รอยช้ำจนถึงรอยแผลถลอก

“ไม่เป็นบ้านนายสิ!! ดูสิทั้งแผลทั้งรอยช้ำ ถ้ายังพูดอีกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ฉันจะจิกทุกจุดที่นายเป็นแผลจนนายร้องลั่นปราสาทเลยนะ” อบิเกลจับแขนอีกฝ่ายแล้วพูดข่มขู่

“อึ้ก!!” สกอร์เปียสสะดุ้งที่อีกฝ่ายจับแขนของเขาที่มันเจ็บอยู่ ทำเอาได้แต่ฝืนว่าไม่เจ็บและยอมให้อีกฝ่ายรักษา “ก็...ก็ได้...รักษาให้หน่อยนะ…” 

“ดี!” 

 

ทั้งสองคนเดินไปหาพวกเพื่อน ๆ บ้านสลิธีริน แล้วช่วยเอายาขึ้นมาทาจุดต่าง ๆ ให้อีกฝ่ายเพื่อจะได้หายไว ๆ แฮกริดเห็นแบบนั้นก็โล่งใจไปกลุ่มหนึ่ง ก่อนจะมองเด็กชายที่เขารู้จักที่เป็นต้นตอเรื่องทุกอย่าง เขารู้ว่าเด็กรู้สึกยังไงที่ครอบครัวเมอร์รัลนั้นมีข่าวลือแบบไหน ทำให้ทุกคนเกลียดครอบครัวเมอร์รัล แต่เวลาผ่านไปก็มีบางคนไม่คิดที่จะโกรธเคืองอะไรแต่แค่ไม่ชอบเท่านั้น ส่วนเขานั้นได้แต่ปล่อยวางเพราะถึงโกรธไปเด็กชายที่เขาเห็นเหมือนเป็นครอบครัวก็คงไม่มีทางกลับมาได้ เขาหลับตาลงสักครู่ก่อนจะหันไปหาเด็กชายทันที

 

“ฮิวโก้ ปู่ไม่ชอบเลยนะที่หลานทำแบบนี้” 

“แต่ว่า...” 

“ไม่มีแต่! ครั้งนี้บ้านกริฟฟินดอร์ต้องโดนหักคะแนน 20 แต้ม สำหรับพฤติกรรมที่ไม่ดีแบบนี้”

“ว่าไงนะ!!” 

เสียงเด็กบ้านกริฟฟินดอร์แถวนั้นต่างอุทานกันออกมาจนเด็กบ้านอื่นหันไปมองพวกเขา ก่อนที่จะมีเด็กบางคนเอ่ยพูดขึ้น

“ไม่ยุติธรรมเลย!!” 

“พวกเราไม่ได้ไปทำอะไรนะ ทำไมต้องโดนหักคะแนนด้วย!!” 

“งั้นพวกเธอก็ต้องไปโทษคนที่ทำให้พวกเธอโดนหักคะแนนละกัน เพราะฉันไม่เกี่ยว เอาล่ะ เดียวเราจะสถานที่ต่อไป” 

แฮกริดพูดจบก็เดินออกจากตรงนั้นไปหน้าแถวที่นักเรียนต่างยืนรออยู่ เขาก็นำทางเด็ก ๆ ไปต่อ โดยที่บ้านกริฟฟินดอร์ได้แต่มองอย่างอ้ำอึ้งแล้วหันกันมากำหมัดอย่างไม่พอใจจนฮิวโก้เห็นท่าทางทุกคนก็เหงื่อตก เด็กหญิงผมแดงก็เข้ามาพร้อมกับชกเข้าที่แขนอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

“เพราะนายคนเดียวอีกแล้วนะ ฮิวโก้!!” เด็กสาวผมแดงคนหนึ่งพูดขึ้น 

“โอ๊ย!! มาโทษฉันทำไมกัน!!” ฮิวโก้ลูบแขนตัวเองอย่างเจ็บ ๆ แล้วมองเด็กหญิงที่เป็นญาติของเขา

“ไม่โทษนายแล้วโทษใคร!! สร้างแต่เรื่อง!! ครั้งนี้ฉันขอให้นายโดยพ่อแม่นายเล่นงานละกัน!! บ้าจริง! โดนหักตั้ง 20 คะแนน!!” 

 

เด็กหญิงเดินนำหน้าอีกฝ่ายไปอย่างไม่สบอารมณ์ สายตาของเธอหันไปมองหลังแถวที่พวกบ้านสลิธีรินกำลังเดินตามกันมา สายตาของเธอพินิจไปที่เด็กหญิงผมดำที่ญาติของเธอไปมีเรื่องด้วย ตอนอยู่ที่ร้านไม้กายสิทธิ์ตอนนั้นได้เห็นเพียงนิดเดียว แต่พอได้มองใกล้ ทำให้เธอคิดว่าอีกฝ่ายช่างเหมือนกับคนที่เธอเคยรู้จักอย่างที่ผู้ใหญ่กล่าว เธอรู้เลยว่าทำไมฮิวโก้ถึงไม่ชอบอีกฝ่าย แต่เรื่องมันผ่านไปแล้วคนตายไม่มีทางกลับมาแน่ ๆ แล้วจะไปทำให้ตัวเองทุกข์อยู่ทำไม เธอคงต้องควบคุมญาติสักหน่อยถึงไม่อยากก็ตามที อยากปล่อยให้ทำอะไรก็ทำ เพราะถึงโดนไล่ออกก็โดนไล่ออกคนเดียว

 

‘ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ฝากฝังหมอนี้นะ ถ้าไม่กลัวว่าจะโดนด่านะ ฉันทิ้งนายตั้งแต่วันแรกแน่!! ฮิวโก้’ เด็กหญิงผมแดงคิด

 

ทุกคนเดินตามอาจารย์แฮกริดออกจากปราสาทตรงดิ่งไปยังแถว ๆ ป่า ทุกคนต่างลงตามทางลานเนินสูงกัน ดีที่มีขั้นบันไดเลยเดินลงกันอย่างง่ายดาย แต่ว่าตรงหน้านั้นมีกระท่อมหลังหนึ่งตั้งอยู่ อบิเกลมองลงไปรู้สึกแปลกเหมือนเคยเห็นที่ไหนจนเธอเอียงคอมอง แต่ก็ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วคิดว่าคงเห็นตอนที่เดินทางเพราะกระท่อมแนวนี้เยอะมาก ๆ ทุกคนต่างพากันเดินลงมาจนมาถึงลานหน้ากระท่อม อาจารย์แฮกริดก็ยืนหันหลังให้เด็ก ๆ ก่อนจะหันหน้ามามองนักเรียน

 

“ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับเรียนวิชาสัตว์วิเศษทุกคาบเราจะมาที่นี่ก่อนจะเดินทางไปจุดที่อยู่ไม่ไกล น่าเรียกว่าเป็นจุดรวมพลก่อนไปเรียนนะเด็ก ๆ”

“ครับ/ค่ะ!”

“อาจารย์แฮกริด แล้วกระท่อมตรงนี้เป็นของใครเหรอคะ?”นักเรียนหญิงคนหนึ่งเอ่ยถามออกมา

“อ๋อ บ้านอาจารย์เองน่านะ ใช้มาเกือบหลายสิบปีแล้วล่ะนะ”

“ว้าววว เป็นบ้านสวยจังนะคะ อาจารย์”

“อืม ๆ เจ้าบ้านนี้คงดีใจแน่ ๆ ที่ชมมันน่านะ”

“เหอะ ก็แค่รังหนู มันจะมีความรู้สึกอะไร”

เด็กบ้านสลิธีรินคนหนึ่งเอ่ยพูดออกมาทำเอาคนอื่น ๆ ต่างได้ยินก็นิ่งไป แต่อบิเกลหันไปมองอย่างไม่ชอบใจที่มีคนพูดแบบนั้นออกมา ถึงเป็นบ้านเธอก็ไม่ชอบใจเหมือนกันนะ

“ไร้มารยาทที่สุด!” เอวาเอ่ยขึ้น

“ก็คงเป็นลูกบ้านพ่อมดแม่มดเลือดบริสุทธิ์นั้นล่ะ เห็นว่าบางคนเป็นพวกมีทัศนคติที่แย่มาก ๆ เลยล่ะ” เจน่าเอ่ยขึ้นมา

“แต่ก็เป็นสิ่งที่เด็กไม่ควรพูดต่อหน้าผู้ใหญ่จริง ๆ ฉันว่าปีนี้บ้านสลิธีรินได้ที่สองจากกริฟฟินดอร์เหมือนเดิมแน่ ๆ” ลูน่ามองด้วยสายตาเศร้า ๆ

“ทำไมคิดแบบนั้นนะ? แล้วเกี่ยวอะไรกับได้ที่หนึ่งที่สองนะ”

“ก็คนประเภทนี้ล่ะจะทำให้บ้านเราบางที่ไม่ได้ที่หนึ่ง ทำให้พวกอาจารย์หรือเพื่อนร่วมบ้านเดือดร้อน แล้วอีกอย่างพี่ชายฉันอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ เขาบอกว่าบ้านสลิธีรินชอบหาเรื่องจนต้องโดนหักคะแนนหลายครั้ง แต่เขาก็ชอบใจเพราะทำให้บ้านเขาได้ที่หนึ่งมาเกือบหลายสมัยซ้อนแล้วนะ”

“ห๊า!” ห้าสาวได้ยินต่างพากันมองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อเลย

แต่อบิเกลไม่เคยรู้ว่าลูน่ามีพี่ชายก่อนจะพูดคุยเล็กน้อยกับลูน่าเรื่องพี่ชาย พวกเธอก็ได้รู้ว่าพี่ชายลูน่าอยู่ปีห้าบ้านกริฟฟินดอร์ ทำให้คิดเลยว่าพี่ชายของลูน่าจะหน้าตายังไง ระหว่างที่กำลังคุยอยู่นั้นอาจารย์แฮกริดก็พูดบางอย่างออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“แหม~ ถึงจะเป็นรังหนู แต่ก็เป็นบ้านแสนอบอุ่นสำหรับใครบางคนที่มีคุณค่าสำหรับคนที่มีค่าเนอะ เด็ก ๆ”

“ใช่ค่ะ!!”

 

อบิเกลขานตอบอย่างเสียงดัง เธอชอบคำพูดของอาจารย์มาก มันเป็นทั้งคำพูดที่ดีและเสียดสีคนที่ไร้มารยาทกับบ้านของเขา แฮกริดมองเด็กน้อยที่ขานตอบแล้วยิ้มให้เขาก็ทำให้เขาเห็นภาพของใครบางคนแฝงอยู่ด้านข้างเด็กน้อย ทำให้เขาตาค้างไปสักครู่ ก่อนจะยิ้มตอบเบา ๆ พอพูดจบนั้นเขาก็พานักเรียนไปภายในป่าไม่กี่ก้าวตามทางเดินที่ทอดไปด้วยหินที่เรียงกันจนมาถึงสถานที่อีกที่ที่พวกเขาจะตะลึง เมื่อเดินผ่านออกมาข้างนอกป่าก็ได้เห็นวิวอันงดงามสีทองจากแสงแดดส่องเข้ามาบนใบหน้าของพวกเขา คอกขนาดเล็กตามจุดต่าง ๆ ที่เชื่อมกับประตูโรงนาขนาดเล็กแล้วมีสัตว์วิเศษตัวน้อย ๆ กำลังเดินออกมากินอาหารกันอย่างน่ารักจนอบิเกลเห็นก็ตาลุกวาวยิ่งกว่าอะไรจนเธออุทานออกมา

 

“สวรรค์ของคนรักสัตว์วิเศษ!!” 

 

อบิเกลตาลุกวาวยิ่งกว่าใครตรงนั้นถ้าใครรู้ก็คงรู้ว่าทำไมอบิเกลถึงมีท่าทางแบบนี้ พวกเพื่อนของอบิเกลเห็นบุคคลคลั่งสัตว์วิเศษก็ได้แต่ส่ายหน้ากันไปแล้ว แต่ไม่ใช่แค่อบิเกลที่ดีใจเด็กบางคนก็ชอบสถานที่ที่สวย ๆ แบบนี้เหมือนกัน แฮกริดมองเด็ก ๆ ที่กำลังชมสถานที่ที่เขานั้นใช้เวลาอย่างยาวนานกว่าจะได้สถานที่ดี ๆ แบบนี้มาไว้สำหรับการสอน พอเห็นว่าเด็ก ๆ กำลังดื่มด่ำกับเวลานั้น เขาก็ต้องเตือนสติเด็ก ๆ เสียหน่อย

 

“เอาเด็ก ๆ หันมาสนใจกันก่อนนะ!!” 

ทุกคนได้ยินเสียงอาจารย์ก็ต่างพากันหันมามองว่าอาจารย์จะพูดอะไร

“เดียวอาจารย์จะให้พวกเธอลองเดินชมฟาร์มสัตว์วิเศษกันก่อนนะ แต่ระวังสัตว์ที่อยู่ในกรง ห้ามทำอะไรพิสดารเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะหักคะแนนยิ่งกว่านี้แน่ ๆ” 

แฮกริดเน้นคำพูดของเขาว่าอย่าเล่นอะไรพิสดารเด็ดขาด เพราะเขาระแวงว่าจะมีพวกเด็กบ้าบิ่นเล่นอะไรพิสดารกับกรงของสัตว์จำนวนหนึ่งที่เขาเอาแอบไว้ในโรงนาใหญ่ไหม

“เข้าใจที่พูดไหมเด็ก ๆ” 

“ค่ะ/ครับ!” 

“เอาล่ะ งั้นไปกันได้แล้ว ให้เวลา 1 ชม. ที่จะชมสถานที่แห่งนี้ เราจะเริ่มไปทานอาหารแล้วก็ไปเข้าเรียนคาบแรกกัน!!” 

“โธ่~” 

 

พวกเขาต่างโธ่ร้องด้วยความเสียดายที่เวลาพักกำลังจะหมดไป พออาจารย์สั่งปล่อยพวกเขาทุกคนก็พากันไปดูว่าสถานที่แห่งนี้มีสัตว์วิเศษอะไรมั้ง บางคนกำลังมีความสุขกับสถานที่แห่งนี้ บางคนก็พากันไปพักแถว ๆ ใต้ร่มเงา บางคนเหมือนกำลังคิดจะเล่นแกล้งพวกสัตว์วิเศษ อาจารย์แฮกริดเห็นก่อนก็เข้าไปห้าม ทำเอาบางคนต่างหัวเราะใส่ อบิเกลนั่งอยู่แถวร่มไม้ เธอไม่ได้อยากไปดูอะไรเลยเพราะว่าสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่อยู่ที่นี่ เธอก็เห็นมาหมดแล้ว เลยไม่ต้องเข้าไปวุ่นวายอะไรแล้วเธออยากพักจากเรื่องก่อนหน้านั้นด้วย

 

“เย็นสบายจังเลยนะ~” 

 

อบิเกลกำลังหลับตารับลมที่เย็นสบายของธรรมชาติ เธอชอบอากาศแบบนี้มาก ๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะจับจ้องไปมองเหล่าเพื่อนปีเดียวกันกำลังจดจ้องกับสัตว์วิเศษ สายตาของเธอมองไปที่เด็กคนหนึ่งที่มีผมสีแดงที่เดินผ่านทางไป ภาพในความฝันก็ผุดขึ้นมาน้ำเสียงอันอบอุ่นของใครบางคนที่เธอเรียกว่าแม่ ข้างในอกของเธอมันช่างรู้สึกถึงบางอย่างคิดถึงและโหยหามาตลอด แต่ก็มีความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยกับเสียงนั้นมาก่อน

 

‘แม่เป็นใครกัน...?’ อบิเกลคิด ‘หนูรู้จักแม่หรือเปล่า...นะ?’ 

 

ความคิดมากมายนั้นทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์อย่างครุ่นคิดเหมือนทุกที สกอร์เปียสจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังนั่งนิ่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ เขาเห็นก็ลองเดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับนั่งลงข้างเธอ อบิเกลเห็นภาพแวบ ๆ ผ่านห่างตาทำให้หลุดออกจากภวังค์แล้วเงยหน้าขึ้นมามองว่าใครผ่านสายตาของเธอก็เห็นบุคคลที่มานั่งข้าง ๆ ทำให้เธอสงสัยว่าเขาไม่ได้ไปเดินเล่นแล้วเหรอ

 

“นายไม่ไปดูอะไรหรือไง?” อบิเกลเงยหน้าขึ้นมาหลังเอ่ยพูดออกมา

“อ๊ะ!!” สกอร์เปียสสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยทักโดยยังไม่มองเขา "ไม่ล่ะ ไว้ดูตอนเรียนดีกว่ายังไงก็ได้เห็นอยู่ดี แล้วเธอล่ะ?” 

“นายไม่น่าถามนะ สำหรับเจ้าหน้าที่ของกระทรวง ทำงานเกี่ยวกับสัตว์วิเศษด้วยแล้วนั้น นึกเหรอว่าไม่เคยเห็นแถมนอกจากสัตว์วิเศษที่นี่ สายพันธุ์อื่นฉันก็เจอมาเยอะแล้วนะ”

“ไม่คิดเลยว่าเป็นเด็กปีหนึ่งของฮอกวอตส์เนี่ย น่าไปทำงานมากกว่ามาเรียนอีกนะ แต่มาเรียนก็ดีแล้วล่ะ ฉันจะได้มีเพื่อนที่มีความรู้และก็ช่วยสอนนะ” 

“แหม ๆ จะใช้ฉันเป็นมันสมองเหรอ?” อบิเกลมองอีกฝ่ายด้วยหางตา

“เธอคิดว่ายังไงล่ะ?” 

“คิก ๆ ไว้ชาติหน้าละกัน” อบิเกลหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่รู้ไม่ชี้

“อ้าว!! เดียวสิ เธอต้องช่วยฉันนะ” 

“ศึกษาเองสิ พึ่งอยู่ปีหนึ่งนายจะพึ่งพาฉันแล้วเหรอ? มัลฟอย” 

“โธ่~ เห็นพ่อบอกยากนี่น่า น๊า~ อบิเกล~ น๊า~”

“ไว้ไม่ได้จริง ๆ ค่อยมาขอให้ฉันช่วย!” 

“โธ่~” 

ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกโดยไม่ได้สนใจรอบนอกนั้นห่างออกไปแถว ๆ โรงนาที่มีขนาดใหญ่กว่าโรงนาอื่น ๆ ได้มีเด็กชายกลุ่มหนึ่งกำลังทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แอบมองมาทางอบิเกลที่กำลังมีความสุข แต่สายตาของพวกนั้นดูไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด แล้วกลุ่มเด็กชายก็มีหัวโจ๋คนเดิมอย่าง ฮิวโกที่กำลังมองด้วยสายตาไม่พอใจเป็นอย่างมาก

 

‘ยัยนั้น!! ทำให้ฉันโดนคนในบ้านอาฆาต แถมบ้านฉันยังโดนหักคะแนน แต่แกกลับมายิ้มอย่างสบายใจ!! ฉันจะเอาคืนเป็นพันเท่า!! เมอร์รัล!!’ ฮิวโกคิด

 

ฮิวโก้กำลังด่าทออีกฝ่ายอยู่ในใจก็คิดถึงคำพูดของปู่แฮกริดพูดถึงกรงสัตว์ขึ้นมา

“ฉันมีความคิดบางอย่างแล้วล่ะ” ฮิวโก้หันไปมองเพื่อนเพื่ออยากจะบอกความคิดของตนเอง

“เดียว! ฮิวโก้ นายจะทำอะไรนะ?” 

“จริงด้วยนะ นายคงไม่คิดจะเล่นอะไรพิสดารอย่างที่อาจารย์แฮกริดว่านะ” 

“ก็ไม่แน่ล่ะนะ ฉันอยากให้ยัยนั้นรู้ซึ้งว่าการที่มีคนมาท้าทายครอบครัววีสลีย์จะเป็นยังไง!?”

 

‘เขาไปท้าทายนายตอนไหนวะ มีแต่นายไปวุ่นวายกับเขานะ!!’ เพื่อนชายทั้งสองต่างคิดพร้อมกัน

 

ฮิวโก้ยิ้มอย่างไม่สนใจอะไร เขาพาเพื่อนไปยังสถานที่ต่าง ๆ ว่ามีสิ่งที่ปู่แฮกริดห้ามไว้อยู่ที่ไหน พวกเขาเดินตรวจสอบจนมาถึงโรงนาที่ทำจากไม้ทั้งหมด ฮิวโก้ก็ฉีกยิ้มออกมาเขาจับไปที่กลอนประตูแต่แล้วมันกับไม่ขยับเลยสักนิด ทำให้รู้ว่ามันโดนล็อกอยู่ยิ่งทำให้คิดว่าจะทำไงดี แต่แล้วก็คิดได้ว่ามีคาถาหนึ่งอยู่นั้นคือคาถาปลดล็อก เขาร่ายคาถานั้น แล้วประตูก็เปิดออกทั้งสามคนต่างเข้าไปข้างในโดยไม่ให้ใครรู้ ถึงตอนแรกเพื่อนอีกสองคนไม่อยากเข้าไป แต่ว่าฮิวโก้ก็ลากทั้งสองคนเข้าไปข้างในพร้อมเขา พอพวกเขาเข้ามาข้างในแล้วก็เห็นสิ่งที่อลังการงานสร้างอยู่ข้างในนั้นก็คือกรงขังสัตว์วิเศษหลากหลายกรงอยู่ภายในนั้น ทำให้เด็กอีกสองคนตาโตกันอย่างหวาดกลัว

 

“ฮิว...ฮิวโก้...ฉันว่าเรา...ออกไปจากที่นี่ดีกว่า...” 

“จริงด้วยนะ!! นี่มัน...ไม่ดีเลย...มีแต่...สายพันธุ์ที่...คิดได้เลยว่า...อันตรายมาก ๆ” 

“พวกนายเงียบ ๆ ไปเลยนะ จะกลัวอะไรพวกมันอยู่ในกรง!! ดูสิ!!” 

ฮิวโก้เอ่ยพูดอย่างชอบใจเขาเดินไปดูพวกสัตว์ต่าง ๆ ที่อยู่ในกรงขังอย่างขบขันว่าพวกมันจะออกมาได้ไง ระหว่างที่พวกเขากำลังสนุกกับแผนที่กำลังจะเล่นอยู่นั้น ก็มีสิ่งบางอย่างกำลังป้วนเปี้ยนอยู่ที่บริเวณลูกกรงของสัตว์วิเศษ พวกสัตว์แต่ละตัวก็เริ่มมีความรู้สึกแตกตื่นกัน นั้นทำให้เด็กทั้งสองคนยิ่งหวาดกลัวกว่าเดิมเป็นสองเท่า

“ฮิวโก้! ออกไปเถอะ พวกเราคงทำให้พวกสัตว์ตกใจแล้วนะ!!”

“จะกลัวอะไรก็เห็นนี้ว่าพวกมันอยู่ในกรงนะ!! ไม่มีทางที่พวกมันจะออกมาได้หรอกน่า!!”

 

เคร้ง!!

 

เสียงปริศนาดังคล้ายเหล็กกระแทกกันอย่างต่อเนื่องจนเหล่าเด็กชายสองคนที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้าของตนเองถึงกับหน้าซีดจนเป็นสีกระดาษ ร่างกายของพวกเขาสั่นเทาอย่างหวาดกลัว ฮิวโก้ที่เห็นท่าทางทั้งสองคนก็ตะลึงพร้อมกับสั่นกลัวถึงเสียงที่ได้ยินมันทำให้เขารู้สึกหนาวไปทั้งปลายนิ้วว่าสิ่งที่เขากล่าวมาตลอดกำลังจะกลายเป็นจริง เมื่อเขาค่อย ๆ หันไปมองข้างหลังอย่างเชื่องช้าห่างตาของเขาก็เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด ประตูกรงขังแต่ละอันมันดันเปิดออกมาพร้อมกันหมดและนั้นทำให้พวกสัตว์ต่างพากันออกมาอย่างรวดเร็ว ฮิวโก้รีบถอยหลังไปอยู่กับเพื่อนสองคน

 

“ซวยแล้ว!!” 

“เพราะนายคนเดียว!! ฮิวโก้” 

“จริงด้วย!! ถ้าฉันตายนะ ฉันจะไปเข้าฝันนายทุกวันเลย!!”

“ใครมันจะรู้ว่าประตูกรงมันจะเปิดเองล่ะ!!”

 

ฮิวโก้เริ่มลนลานเขาไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องบานปลายแบบนี้ ระหว่างที่พวกเขากำลังหวาดกลัวอยู่นั้นก็มีสิ่งบางอย่างส่งเสียงออกมาจากซอกมืดทั้งสามคนต่างหันไปมองด้วยความสงสัย พวกเขาถึงกับผงะกันไปเลยเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตมหึมาอยู่ตรงหน้า รูปร่างของมันมีขนาดใหญ่กว่ายานพาหนะของมักเกิ้ล ส่วนหัวคล้ายแมว เขี้ยวโง้วสี่เขี้ยวงอกออกมาจากปาก ลำตัวยาวเป็นลายทาง ขนแผงคอกระเซอะกระเซิง และกรงเล็บยาวแหลมคม มันกำลังปีนขึ้นมาบนกรงจนเหล่าเด็ก ๆ เห็นรูปลักษณ์ของมันอย่างเต็มตัว ดวงตาสีเหลืองของมันกำลังจับจ้องมองมาที่พวกเขา ก่อนที่มันจะคำรามใส่เด็กด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง

 

“กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

 

จบตอนที่ 9 โปรดติดตามตอนที่ 10 ต่อไป