อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิตอบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
++คำอธิบายจากนักเขียน++
สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง
เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง
เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย
สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป
มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ
แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ
บทนำของเรื่อง
อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา
อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ
ไปติดตามกันได้นะ
ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้
ตอนที่ 19 หักคะแนนอย่างไม่เป็นธรรม
ความรู้สึกเป็นห่วงใยแฝงลึกอยู่ภายในจิตใจ มันยิ่งทำให้อบิเกลเป็นห่วงคนเป็นห่วงอามากกว่าเดิม ในวันนั้นเธอส่งจดหมายฉบับที่สองต่อหลังจากเฮ็ดวิกกลับมาตอนตกดึก เธอให้มันพักก่อนจะให้มันเดินทางต่อในยามดึก ไม่นานก็วันถัดมาเธอก็ได้จดหมายจากอาสก็อต แต่ประโยคที่อาเขียนนั้นสั้นและชัดเจนจนเธอตกใจที่อีกฝ่ายส่งข้อความนี้มาให้เธอมันเป็นประโยคที่ไม่ถามอะไรนอกจาก
‘เกิดอะไรขึ้น?’
อบิเกลจ้องมองจดหมายนั้นก่อนที่หมึกมันจะหายไปแล้วก็มีข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้ง
‘เล่ามา?’
อบิเกลเห็นข้อความนั้นก่อนจะเขียนตอบกลับไปช่วงเช้า เธอเล่าทุกอย่างให้อาสก็อตฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวันก่อนนั้นทำให้อาสก็อตและเข้าใจ เธอกับอาสก็อตเข้าใจกันและกันว่าต่างคนต่างทำอะไรที่แปลกไปนิดหน่อยก็รับรู้ว่าต้องมีอะไรที่อีกฝ่ายเจอเขาเห็นว่าเธอส่งจดหมายในวันเดียวสองฉบับแปลว่าต้องมีอะไรแน่ ๆ เขาถึงส่งจดหมายล่องหนมาเพื่อคุยระยะสั้น พอเขาเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันทีว่าหลานกำลังเจออะไรแล้วกำลังห่วงเขาแค่ไหน เขาเลยสัญญากับหลานสาวว่าจะส่งจดหมายมาให้ทุกวันเพื่อให้หลานสบายใจ โดยที่เธอไม่ต้องส่งกลับมา อบิเกลรู้สึกสบายใจที่อาสก็อตเข้าใจเธอ
ในวันที่สามอบิเกลได้จดหมายตั้งแต่บ่ายเธอเก็บมันเอาไว้อ่านก่อนนอน แล้วพอกลับมาห้องแล้วทำธุระทุกอย่างจนหมดเธอก็หยิบจดหมายออกมาอ่านถึงสถานการณ์วันนี้ของอาสก็อตว่าเจออะไรมั้งเหมือนเขียนบันทึกประจำวันไม่มีผิด อบิเกลอ่านก็ยิ้มไปด้วยจนเด็กหญิงทั้งหลายมองอบิเกลที่กำลังยกยิ้มเมื่ออ่านจดหมายจนหนึ่งในนั้นเอ่ยเรียกเธอ
“อบิเกล...”
“...”
เสียงเรียกไร้การตอบรับ ทุกคนต่างมองหน้ากันก่อนจะเอ่ยเรียกพร้อมกัน
“อบิเกล!!!”
“จ้า!!!” อบิเกลสะดุ้งตัวตรงมองทุกคนที่กำลังมองเธอ “มีอะไรกันเหรอ?”
“เลิกอ่านจดหมายฉบับนั้นสักทีเถอะ ฉันเห็นเธออ่านเกือบสองสามวันแล้ว?”
อบิเกลยกคิ้วขึ้นมามองอย่างงุนงง “เอวา...ฉันพึ่งเอามันมาอ่านเองนะ?”
“หือ?”เอวามองอย่างงุนงง
“เอ๋? อย่าบอกนะว่าสองวันมานี่...เธออ่านจดหมายฉบับละซองเลยเหรอ?
“ใช่...อาของฉัน...เขากลัวว่าฉันจะห่วงเกิดไปเขาเลยส่งจดหมายที่เล่าว่าเมื่อวานเจออะไรมั้งนะ...”
“ทำไมเขาต้องทำยังงั้นด้วยล่ะ?”
“อ๋อ...ก็...ฉันห่วงเขาว่า...จะเจอเหตุไม่คาดคิด...จากพ่อของฮิวโก้นะ”
“พ่อฮิวโก้? อ๋อ...เขาเป็นหัวหน้ามือปราบมารนี่น่า!!” ลูน่าเอ่ยพูดขึ้น
“เธอรู้ก็ยังถามโง่ ๆ” เอวาพูดแบบนั้นใส่ลูน่า
อบิเกลจ้องมองด้วยสีหน้าไม่ชอบใจที่ว่าลูน่าว่าโง่ออกมา เอวาเห็นก็ได้แต่ยิ้มแสยะแล้วกล่าวขอโทษ
“ขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจ...”
“ไม่เป็นไร...”
“แต่ก็อย่างที่อบิเกลบอก...ฮิวโก้อาจจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อเขาก็ได้นะ นี่ผ่านมา 2 วันไม่เห็นตัวเลยนะ!!”
“คงยังรักษาตัวอยู่นั้นล่ะ เห็นว่าเข้าเฝือกยังไม่ดีขึ้นเลย หมอนั้นล้มไปรอบหนึ่งจนกระดูกร้าวกว่าเดิมนะ” ฟาร่ากำลังหวีผมตัวเองพร้อมกับพูดไปด้วย
“ดี!! อยากมาแข่งกับอบิเกลเอง อบิเกลไม่ได้ท้าให้มาแข่งด้วยซะหน่อย!!” แพนซี่กล่าวอย่างอารมณ์เสีย
“อืม ๆ อบิเกลไม่เคยท้าแข่ง เจ้าตัวอยากมาแข่งเอง!!” เจนน่าเห็นด้วยกับแพนซี่
“ขอบใจทุกคนนะ...ที่พูดแบบนั้นนะ...”
“พวกเราเป็นเพื่อนกันนะ มีอะไรก็ต้องทุกข์ไปด้วยกัน สุขไปด้วยสิ!!”
“จ้า” อบิเกลยกยิ้มให้ทุกคน
“จริงสิ พรุ่งนี้มีเรียกวิชาอะไรนะ?”
“เป็นวิชาที่ฉันไม่ชอบอ่ะ...” ลูน่าเริ่มทำหน้าหงอยขึ้นมา
“อย่าบอกนะ...ว่ายัยอาจารย์นั้นเหรอ?”
เจนน่าหยิบกระดาษตารางการเรียนที่หมุนเป็นเกลียวขึ้นมา “อืม...ใช่...คาบแรกก็วิชาป้องกันตัวเลยล่ะ...”
“อบิเกล!! อาจารย์คนนั้นเอาแต่หาเรื่องเธอ!! แบบนี้เธอจะทำยังไง?”
ทุกคนต่างหันมามองอบิเกลด้วยสายตาเป็นห่วงว่าเพื่อนของตนเองนั้นจะต้องลำบากเพราะอาจารย์คนนั้น แต่อบิเกลนั้นได้แต่ยกยิ้มก่อนจะเก็บจดหมายลงในลิ้นชักข้างเตียงของเธอก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นมาพรมตัวเอง
“ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีรับมือยัยนั้น ถ้าเขาอยากหาเรื่องฉัน...ก็เตรียมตัวฉันจะเล่นคืนในวันสุดท้ายของการปิดเทอมละกัน~”
คำพูดของอบิเกลทำให้ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างงุนงงว่าอีกฝ่ายนั้นจะทำอะไร อบิเกลหลับตาลงเตรียมนอนทุกคนต่างพากันนอนลงกับเตียงของตนเอง เจนน่ายกไม้กายสิทธิ์ขึ้นแล้วสะบัดไม่กี่ทีไฟทั้งห้องก็ดับลง อบิเกลกำลังเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันก็ต้องได้ยินเสียงหวี่ ๆ เหมือนมีบางอย่างกำลังบินนั้นทำให้เธอลืมตาตื่นขึ้นก็ต้องรีบจับมันอย่างรวดเร็วนั้นทำให้เธอไม่ชอบใจที่มันมาทำความรบกวนให้เธอก่อนนอน
“แก...ไม่หลับไม่นอนหรือไง?”
อบิเกลเอ่ยถามเจ้าลูกโกลเด้นสนิชที่หลังจากวันที่ออกมาจากห้องอาจารย์ใหญ่เธอก็ไม่เห็นมันอีกแล้วจนมาวันนี้มันบินไปบินมาตอนที่เธอจะนอนแถมตอนนี้ร่างกายของมันกำลังเรือนแสงอีก เธอจ้องมองมันที่อยู่ในมือของเธอแล้วหยุดบินนั้นทำให้เธอสงสัยว่ามันเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์แบบใดกัน ก่อนที่มันอยู่ในมือเธอเหมือนสัตว์เลี้ยงที่หยุดนิ่งเหมือนหลับไปแล้ว
“ดู ๆ กลับมาก็มาหยุดนิ่งอยู่ในมือฉันเนี่ยนะ? เจ้าสิ่งที่ไม่มีชีวิตไม่ได้น่ารักเหมือนพวกสัตว์ตัวน้อยของฉันสักนิด!!”
อบิเกลเอ่ยพูดเบา ๆ ไม่ให้รบกวนเพื่อน ๆ ของเธอที่น่าจะหลับไปแล้ว แต่ข้าง ๆ เธอที่เป็นเตียงของลูน่ากำลังนอนอยู่ ลูน่าก็ลืมตาขึ้นมามองเห็นอะไรราง ๆ เหมือนมีคนนั่งอยู่ตรงเตียงของอบิเกล เธอก็เอ่ยพูดขึ้นมา
“นอนไม่หลับเหรอ? อบิเกล”
อบิเกลได้ยินเสียงของลูน่าก็หันไปยิ้มให้ “เปล่านะ...พอดีเหมือนมีอะไรมารบกวนเลยลุกขึ้นมาดูนะ”
“อ๋อ...งื้อ...นอนเถอะ...พรุ่งนี้เราจะเจอกับปัญหาอีก...” ลูน่าพูดพร้อมกับหลับต่อ
“จริงของเธอ...” อบิเกลพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเอาเจ้าลูกโกลเด้นสนิชยัดใส่ลิ้นชัก
ทุกอย่างเงียบสงัดลงอบิเกลคิดว่ามันคงหลับไปแล้วก่อนจะนอนลงกับเตียง เธอจ้องมองเพดานเตียงของเธอสักพักก่อนจะหลับตาเพื่อข่มตาหลับ
ยามเช้าอันสดใสอีกวันเสียงนาฬิกาปลุกเด็กน้อยทั้งหลายภายในห้อง เด็กหญิงทั้งหกคนต่างพากันลุกจากเตียงด้วยท่าทางอันขี้เกียจ อบิเกลที่ได้ยินเสียนาฬิกาปลุกเธออยากจะพังมัน แต่ก็ต้องยอมลุกขึ้นพอเสียงปลุกเงียบลงเธอก็มองรอบ ๆ ทุกคนกำลังบิดตัวขี้เกียจกันนั้นอยู่นั้นก็มีเสียงบางอย่างรบกวนความเงียบ เสียงสั่นมาจากไหนไม่รู้จนทุกคนต่างพากันมองหน้าเสียงที่กำลังทรงเสียงเหมือนเสียงหวี่ ๆ อบิเกลได้ยินก็รู้สึกว่ามันใกล้มาก ๆ จนเธอหันขวับไปด้านข้างโต๊ะข้างเตียงของเธอกำลังสั่นอยู่ ทุกคนต่างพากันมองอย่างงุนงงว่าอะไรกำลังสั่นอยู่ในนั้น
“อบิเกล...อะไรในโต๊ะข้างเตียงเธอนะ?”
“จริงด้วย...มันสั่นจนโต๊ะมันสั่นมากเลยนะ”
“หรือว่าสัตว์วิเศษของเธอ?”
“ไม่ใช่...แต่...ถ้ามันออกมาช่วยกันจับนะ!!”
“เอ๊ะ!?”
ทุกคนต่างมองกันอย่างตาลุกวาวอย่างงุนงงพวกเธอไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในนั้นก่อนที่อบิเกลจะจับลิ้นชักแล้วเปิดออกมาทันทีบางอย่างก็พุ่งตรงออกมาทันที ทุกคนก็มองหาทันที ก่อนที่จะเห็นมันหยุดอยู่ตรงกลางห้อง
“ลูกโกลเด้นสนิช!!”
“มันมาจากไหนนะ!!”
“มันบินหนีไปแล้ว!!”
“อยู่ไหนแล้วนะ!?”
ทุกคนต่างหันสายหันขวากันมองว่าเจ้าลูกโกลเด้นสนิชหายไปไหน แต่มีเพียงอบิเกลนั้นที่สายตาไวจับทางได้ว่ามันกำลังบินไปไหนจนเธอนั้นล็อกเป้าไว้ได้ว่ามันกำลังจะบินไปไหน ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวขาไปข้างหน้าแล้วกระโดดไปข้างหน้าไม่ให้หัวชนกับเพดานเตียง เธอยืดมือไปข้างหน้าคว้าเจ้าลูกโกลเด้นสนิชได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างกายของเธอจะตกลงแล้วสไลด์ไปข้างหน้าเพราะพื้นห้องพวกเธอเป็นพรมลื่น ทุกคนต่างอ้าปากค้างกับการกระทำอีกฝ่าย อบิเกลที่ไม่ได้มองทุกคนเธอกำลังจับลูกสีทองขึ้นมาต่อว่า
“รบกวนการนอนของฉันหมด! เจ้าลูกสีทองนี้!!”
ลูกโกลเด้นสนิชขยับปีกไปมาทำเอาอบิเกลขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ก่อนที่หนึ่งในหน้าจะพูดบางอย่างออกมา
“เดี๋ยว!? อบิเกล ทำไมเจ้าลูกโกลเด้นสนิชนั้นมาอยู่กับเธอกัน”
“จริงด้วย แล้วเมื่อกี้อีกการกระโดดจับมันโดนที่ทุกคนมองไม่ทันกับสุดยอดเลยนะนั้น!!” เอวาชอบการกระทำของอีกฝ่ายมากจนเธอตื่นเต้นสุด ๆ
“เหอะ ๆ โทษทีนะ...เจ้านี่...ศาสตราจารย์ใหญ่บอกว่ามันเลือกฉัน...นั้นทำให้ฉันกลายเป็นเจ้าของของมัน...”
“จริงดิ? มันไม่ใช่ของโรงเรียนเหรอ?”
“ฉันก็เคยถามนะ...แต่คำตอบนั้นทำให้ฉันไม่ชอบใจ...”
“ทำไมเหรอ?”
“ศาสตราจารย์ใหญ่คนก่อนหน้าให้มันกับชายคนหนึ่ง...แล้วชายคนนั้นคือ...แฮร์รี่พอตเตอร์!!”
“ว่าไงนะ!!”
ทุกคนได้ยินก็มองกันอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายจะมีสีหน้าอย่างใด ทุกคนมองก็เห็นสีหน้าดูหงุดหงิดของอีกฝ่ายก็รุ้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นไม่น่าจะพอใจกับสิ่งของที่เป็นของคุณพอตเตอร์เท่าไหร่
“เธอ...โอเคไหม...ที่เจ้าลูกโกลเด้นสนิชนั้น...ต้องมาอยู่กับเธอ...?”
อบิเกลหันไปยิ้มด้วยใบหน้าแจ่มใสแต่มันเหมือนฝืนยิ้มมากกว่า “อืม...โคตรโอเคเลย!!”
‘ไม่น่าใช่แบบนั้นแน่ ๆ’ ทุกคนต่างคิดพร้อมกัน
ทุกคนต่างพากันไปอาบน้ำก่อนจะกลับมาแต่งตัวแล้วเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่าง พวกเธอออกจากโซนหอพักหญิง สกอร์เปียสกำลังรอสาว ๆ ลงมาเขากำลังดูแผลตรงแขนของเขาที่มันช้ำจากการโดนทำร้าย เขาได้ยินเสียงสาว ๆ ก่อนจะปิดรอยนั้นแล้ว แล้วมองสาว ๆ ที่กำลังลงมา พวกเขาเตรียมเดินไปยังห้องโถงใหญ่ทันที พวกเขาทั้งเจ็ดเดินกันไปตามทางหลายคนที่เห็นกลุ่มเธอก็แอบซุบซิบเมื่อเห็นสกอร์เปียสหลายคนแอบแซวอีกฝ่ายว่าเป็นเกย์ใช่ไหมถึงอยู่กลุ่มผู้หญิง พวกเธอทั้งหกต่างหยุดมองคนพูดก่อนจะต่อว่าด้วยคำที่ไม่ควรจะพูดซะเท่าไหร่ทำเอาคนโดนด่าต้องตาค้างไปชั่วขณะ สกอร์เปียสที่เห็นสาว ๆ ด่าพวกที่ด่าเขาให้ทำเอาแอบอมยิ้มหน่อย ๆ
พวกเธอเดินต่อกันไปยังห้องโถงทุกคนต่างพวกเธอที่กำลังเดินเข้ามา อบิเกลก็ใช้สายตามองรอบ ๆ ระหว่างนั้นเจ้าลูกโกลเด้นสนิชก็หนีออกมาจากกระเป๋าเสื้อของอบิเกล นั้นทำให้เธอต้องมองตามการบินของมัน ก่อนจะไปมาด้วยสายตาไม่ชอบใจ ก่อนจะส่ายหน้าหนีไปนั่งโต๊ะของเธอ ลูกโกลเด้นสนิชเหมือนรู้ว่าเจ้าของไม่ยอมมาไล่จับมัน มันก็บินมาใกล้ ๆ อยู่ตามหัวของเธอ อบิเกลรู้สึกไม่ชอบใจก่อนที่จะยกมือจับมันทันที นั้นทำให้คนกลุ่มหนึ่งที่จ้องมองเธอสะดุ้งเล็กน้อย อบิเกลรู้สึกถึงสายตาที่กำลังจับจ้อง เธอหันไปทางท้ายแถวของบ้าน ก็เห็นรุ่นพี่ปีสูง ๆ หันหน้าหนีกันหมดนั้นทำให้เธอสงสัยว่าพวกเขามองเธอทำไม ก่อนจะหันไปตักอาหารเพื่อกินอาหารเช้า แล้วเตรียมตัวไปเรียนวิชาแรกของวัน อบิเกลนั่งคิดเธอเตรียมพร้อมที่จะปะทะกับอีกฝ่ายแล้วจริง ๆ
หลังทานอาหารเสร็จทุกคนต่างพากันลุกออกไปเตรียมที่จะเดินทางไปยังห้องเรียนที่พวกเธอจะไปเรียน ระหว่างทางเดินลูน่าก็กล่าวบางอย่างออกมา
“ฉันไม่อยากเรียนวิชานี้เลย...อยากไปเรียนกับพ่อมากกว่า...” ลูน่าพูดน้ำเสียงหงอย ๆ
“อย่าคิดมาก ลูน่า พวกเราอยู่ข้าง ๆ มีอะไรพวกเราจะช่วยเธอนะ”
“ใช่ ลูน่า เธอยังมีท่านเอวาคนนี้อยู่นะ”
“งื้อ...อยากกลับบ้าน...”
“โอ้ ๆ น่า...”
ทุกคนปลอบลูน่ากันยกใหญ่ ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบอาจารย์บริตนีย์เท่าไหร่ เพราะเธอดุและเอาแต่จ้องมองมาทางกลุ่มพวกเธอตลอดตอนเรียน นั้นทำให้ลูน่ากลัวจนไม่อยากเรียนวิชานี้ พวกเธอเดินกันมาถึงห้องเรียน อบิเกลจ้องมองภายในห้องเรียนก็เห็นนักเรียนหลายคนที่เธอรู้จัก พวกเขาบางคนต่างหันมาทางเธอแล้วโบกมือให้ เธอก็โบกมือตอบก่อนจะเดินหาที่นั่งกัน อบิเกลให้เพื่อน ๆ เข้าไปก่อนที่เธอจะนั่งริมทางเดินเพื่อที่ว่าเธอโดนเรียกขึ้นมาจะได้เดินออกมาสะดวกไม่ลำบากเพื่อน ๆ ที่ต้องลุกขึ้นให้เธอ สกอร์เปียสมองอีกฝ่ายที่นั่งริมด้านทางเดินก็สงสัยก่อนจะเอ่ยถาม
“ให้ฉันนั่งริมก็ได้นะ อบิเกล เธอจะได้ไม่โดนยัยอาจารย์นั้นเล่นงาน”
“ไม่ต้องหรอก ฉันนั่งตรงนี้ดีสุดล่ะ”
เสียงประตูเปิดออกมาอย่างดังก้องภายในห้องนั้นพร้อมเสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาทุกคนไม่กล้าที่จะหันไปมองเลยว่าคนที่เข้ามาจะเป็นใครที่กำลังเดินเข้ามา แต่ทว่าคนที่กล้าที่จะหันไปมองคนที่กำลังเดินเข้ามาคืออบิเกลที่หันไปมองพอดีกับอีกฝ่ายกำลังเดินมาถึงตัวเธอ ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าไม่ชอบกัน ก่อนที่อาจารย์คนนั้นจะเอ่ยพูดเรียกเธอให้ตามมา
“คุณเมอร์รัล!! มาหน้าห้อง!!”
เสียงซุบซิบเกิดขึ้น พวกเพื่อน ๆ ต่างมองอบิเกลที่โดนเรียกไปหน้าห้อง อบิเกลได้แต่ต้องยอมก่อนจะลุกขึ้นออกจากที่ของเธอ แล้วเดินไปหน้าห้อง อาจารย์บริตนีย์เห็นว่าอีกฝ่ายมาอยู่ที่หน้าห้อง เธอก็เริ่มการสอน
“เอาล่ะวันนี้ครั้งก่อน ๆ ฉันไม่ได้สอนเยอะ งั้นวันนี้เราจะเรียนประวัติศาสตร์มืดกัน คุณเมอร์รัล ศาสตร์มืดคืออะไร?”
“จะให้ตอบยังไงคะ?” อบิเกลถามด้วยความสงสัยแต่มันก็เหมือนการย้อนเล็กน้อย
บริตนีย์จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาบก่อนจะพูดขึ้น “เอาที่เธอเข้าใจ ถ้าไม่ฉันจะอธิบายให้ฟัง”
อบิเกลทำสายตามองบนทำเอาบางคนที่เห็นเกิดขำหน่อย ๆ ก่อนที่เธอจะตอบอีกฝ่าย
“ตามความเข้าใจของหนู ศาสตร์มืด คือ เวทมนตร์ทุกประเภทที่ตั้งใจจะส่งผลกระทบเชิงลบหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย บงการจิตใจ หรือสร้างความทุกข์ทรมานอันแสนเจ็บปวดค่ะ!!” อบิเกลเน้นประโยคสุดท้ายใส่อีกฝ่าย
บริตนีย์ฟังคำตอบเด็กทำเอาเธอหน้าชาไปเลย เธอไม่นึกว่าเด็กจะตอบได้ เพราะเธอเห็นอีกฝ่ายดูไม่สนใจวิชาเธอเหมือนครั้งก่อนหน้า พวกสกอร์เปียสยกนิ้วให้อีกฝ่ายที่เก่งสุด ๆ ที่ตอบคำถามอาจารย์ได้ แต่สายตาของอาจารย์ก็หันมาจิกใส่พวกเขา ทำให้พวกเขารีบเก็บมือลงทันที
“แล้วศาสตร์มืดที่เธอรู้จักมันมีอะไรมั้ง?”
อบิเกลหันไปมองอีกฝ่ายต่อ “1.คาถาต้องห้าม 2.เครื่องดื่มมนต์ดำ 3.วัตถุที่ถูกปลุกเสก 4.สิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์มืด”
“แล้ว-”
“ถ้าถามหนูว่าสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์มืดคืออะไร หนูก็ขอตอบว่า หนึ่งในนั้นคือ ผู้คุมวิญญาณที่อยู่ในคุกอัซคาบันนะคะ!!”
“!!!” ทุกคนได้ยินก็ตกใจที่อีกฝ่ายกล้าพูดถึงสถานที่น่ากลัวนั้น
บริตนีย์ได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายทำให้เธอไม่ชอบใจที่เด็กตรงหน้าทำอวดเก่งใส่เธอ แต่คำถามของเธอก็เป็นอย่างที่เด็กพูด
“หักบ้านสลิธีริน 5 คะแนน กับการกระทำของคุณเมอร์รัลที่ไม่เคารพอาจารย์!!”
“ว่าไงนะ!!”
พวกบ้านสลิธีรินแต่ละคนต่างงุนงงว่าอาจารย์เป็นอาจารย์ประจำชั้น ดันมาหักคะแนนนักเรียนประจำบ้านตัวเองซะงั้น อบิเกลตาโตมองอย่างงุนงงก่อนที่จะเอ่ยถามอาจารย์
“แค่หนูพูดแทรกขึ้นมาอาจารย์จะหักคะแนนเลยเหรอคะ?”
“ไม่ใช่แค่นั้นคุณเมอร์รัล คุณมันทำตัวอวดเก่งคิดว่าตัวเองฉลาด แล้วฉันจะพอใจหรือไง?”
อบิเกลกอดอกมองอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้น “อ๋อ...อาจารย์พูดเองนะคะ...?”
“ทำไม? คุณเมอร์รัล? คิดว่ามีผู้ปกครองเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแล้วตัวเองจะวางอำนาจแถวนี้หรือไง?”
อบิเกลยกคิ้วมองอีกฝ่ายว่าอีกฝ่ายได้ยินอะไรมาผิดหรือเปล่าเรื่องเธอ ก่อนที่สกอร์เปียสจะยกมือขึ้นมาเอ่ยพูด
“อาจารย์ครับ ไม่ใช่แค่พ่อของอบิเกลเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงนะครับ อบิเกลก็เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงที่มีเอกสารและบัตรเจ้าหน้าที่นะครับ!!”
อาจารย์บริตนีย์ได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาวก่อนจะหันกลับมามองเด็กตรงหน้าที่ดึงเสื้อคลุมของเธอออกทำให้เห็นบัตรเจ้าหน้าที่กระทรวงที่เธอจะติดตัวไว้ตลอดเพื่อความปลอดภัยเวลามีเหตุ อาจารย์บริตนีย์ได้เห็นก็ใบหน้าแดงก่ำอย่างไม่พอใจมาก ๆ
“กลับไปนั่งที่!!!”
อบิเกลส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ของเธอ ทุกคนมองอบิเกลที่โดนหักคะแนนอย่างไม่ยุติธรรม ชั่วโมงเรียนนั้นเป็นอะไรที่น่าอึดอัดมาก ๆ จนไม่อยากเรียนแต่ก็ต้องทำใจเรียน หมดชั่วโมงเรียนนั้นไปอย่างรวดเร็วทุกคนก็ไปเรียนวิชาต่อไป วิชาดูแลสัตว์วิเศษ อาจารย์แฮกริดพาทุกคนไปยังพื้นที่ใหม่หลังจากเกิดเหตุครั้งนั้นเขตที่เกิดเรื่องเลยต้องปิดไปเป็นที่ใหม่อยู่ใกล้ ๆ บ้านอาจารย์แฮกริด ชั่วโมงเรียนก็ไม่มีอะไรมากนอกจากให้ศึกษาและเฝ้ามองสัตว์วิเศษที่มีให้ทุกคนเรียนรู้ด้วยตัวเองไปก่อน แต่คาบนี้คงมีคนเดียวที่ไม่อยากทำอะไร เพราะรู้ทุกเรื่องของสัตว์วิเศษอยู่แล้วจนเธอนั้นมานั่งอยู่คนเดียวอย่างเงียบ ๆ โดยมีสีหน้าอันหงุดหงิดจนคิ้วขมวดเข้าหากันจนอาจารย์แฮกริดเห็นก็สงสัยว่าเด็กน้อยที่มีความสามารถอันดีเลิศถึงมานั่งคนเดียวด้วยสีหน้าแบบนั้น
“หนูเมอร์รัลเป็นอะไร?”
“อ๊ะ...” อบิเกลเงยหน้ามองก็เห็นอาจารย์แฮกริดมานั่งข้าง ๆ โดยไม่สนใจว่าพื้นจะเลอะไหม “หนูไม่ได้เป็นอะไรคะ...”
“จริงหรือ...?” แฮกริดยกคิ้วมองอย่างสงสัย ก่อนที่เขาจะขยับมือไปที่ปลายคางอบิเกล “แต่ใบหน้าของเธอนั้น คิ้วจะผูกได้อยู่แล้วนะ”
อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็ยกมือขึ้นมาจับหัวคิ้วที่กำลังจะชนเข้าหากัน เธอก็ใช้นิ้วเคลียร์มัน แฮกริดเห็นท่าทางเด็กน้อยก็เอ่ยถามขึ้นมา
“ไหน...ลองเล่าให้คนแก่คนนี้ฟังหน่อยสิ ว่ามีอะไรที่ทำให้หนูหงุดหงิดตั้งแต่เช้าแบบนี้?”
อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไปแป๊บหนึ่งก่อนจะเอ่ยพูด “อาจารย์แฮกริด...ถ้าเราตอบโต้ใครบางคนที่กำลังทำร้ายคนอื่น...เราผิดไหมคะ?”
“ไม่นะ นั้นถือว่าเรามีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้าย ถ้าหนูสามารถจัดการเรื่องนั้นได้”
“ถ้ามันถูก...ทำไมคนพวกนั้นยังทำตัวแย่ ๆ แล้วยังหาเรื่องเรา?”
“คงเพราะ...พวกเขาไม่ชอบหนู...หนูไปทำอะไรให้พวกเขาไม่ชอบงั้นหรือ?”
“หนูแค่ปกป้องรุ่นพี่...จนทำให้หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บก่อนจะไปฟ้องอาจารย์ประจำชั้นกับอาจารย์ใหญ่”
“แล้วไงต่อ...?”
”ทุกคนปกป้องหนู ทำให้พวกนั้นโดนอาจารย์ใหญ่เรียกไปที่ห้องพร้อมอาจารย์ประจำชั้น...แต่นั้นเป็นจุดเริ่มต้น...”
แฮกริดฟังเด็กน้อยก็เข้าใจสถานการณ์ของเด็กน้อยทันที “ฉันเข้าใจล่ะ...ยัยบริตนีย์กับเด็กพวกนั้นหาเรื่องหนูสินะ?”
“ยัยบริตนีย์?”
“หึ ๆ เด็กนั้นอายุน้อยกว่าฉันอีก ฉันไม่เรียกยัยหนูก็พอ” แฮกริดกล่าวพร้อมกับขยับเข้าหาเด็กน้อยเล็กน้อย “แล้วเด็กนั้นทำให้หนูล่ะ?”
“เธอหักคะแนนหนูแต่...หักด้วยคะแนนบ้านเราแทนนะคะ”
“บ้าหรือไง!?” แฮกริดกล่าวขึ้น เขาไม่อยากนึกว่าอาจารย์คนนั้นจะหักคะแนนเด็กอย่างไม่มีเหตุผลแทนเป็นเด็กบ้านตัวเองด้วย “ยัยนั้นช่างเหมือนกับโบว์ทรักเกิลจริง ๆ”
“โบว์ทรักเกิล เจ้ากิ่งไม้สีเขียวนั้นนะเหรอคะ?”
“ใช่”
อบิเกลได้ยินก็หลุดขำออกมา เธอหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อนึกถึงสภาพของมันที่ผอมแห้ง และหน้าตาที่ไม่คล้ายกันเลยสักตัวจนนึกถึงอาจารย์บริตนีย์ทันที
“แต่ว่า...โบว์ทรักเกิลเป็นสัตว์รักสงบนะคะ?”
“แต่เธอน่าจะรู้นะว่าเวลาไหนทำมันไม่พอใจจะดุร้ายแค่ไหนถึงจะตัวเล็กก็ตามที”
“มันก็จริงนะคะ...”
อบิเกลหันหน้าไปมองทุกคนที่กำลังมีความสุข เธอก็แอบที่จะยิ้มไม่ได้จริง ๆ ที่เธอมาทุกข์ทำไมโดยที่ตัวเองบอกเองว่าจะจัดการอีกฝ่าย
“ดีใจที่หนูยิ้มได้นะ...”
“อ๊ะ...ค่ะ~”
อบิเกลเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้อีกฝ่าย ทำให้แฮกริดเห็นภาพซ้อนของเด็กชายใส่แว่นที่เขารู้จักนั้น ทำให้เขานั้นรู้สึกแน่นที่หน้าอกขึ้นมาอย่างคนอยากร้องไห้ เขาคิดเลยว่าถ้าลูกของแฮร์รี่ยังอยู่คงได้มานั่งเล่นกับเขาแบบนี้เป็นแน่ อบิเกลรู้สึกถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปของอาจารย์แฮกริด เธอรู้สึกชอบอาจารย์มาก ๆ เหมือนคุณปู่คนหนึ่งทำให้เธอคิดอยากมาหาอาจารย์บ่อย ๆ
“อาจารย์แฮกริดค่ะ”
“ว่าไงเด็กน้อย”
“หนูมานั่งดื่มชาที่บ้านอาจารย์ได้ไหมคะ? มาคุยเล่น ๆ กับอาจารย์เรื่องสัตว์วิเศษก็ได้นะคะ”
“เอาสิ ฉันจะรอนะเด็กน้อย~”
จบตอนที่ 19 โปรดติดตามตอนที่ 20 ต่อไป