อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิตอบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
++คำอธิบายจากนักเขียน++
สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง
เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง
เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย
สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป
มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ
แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ
บทนำของเรื่อง
อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา
อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ
ไปติดตามกันได้นะ
ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้
ตอนที่ 11 เหตุร้ายยังไม่หมดไป
ก้าวขากันเดินไปตามทางจนผ่านบ้านของอาจารย์แฮกริด เขาก็นำทางทุกคนไปยังฟาร์มสัตว์วิเศษ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังสถานที่ตรงหน้าที่มีสภาพที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เมื่อมองห่างออกไปก็เห็นโรงนาใหญ่ที่มีรูข้างใหญ่บนหลังคา พวกริชาร์ดเห็นก็ส่ายหน้ากับสภาพความพินาศที่โซวูทิ้งเอาไว้ให้ ริชาร์ดเตรียมออกคำสั่งเก็บกวาดสิ่งต่าง ๆ และจับพวกสัตว์วิเศษที่หลุดออกมา ส่วนตัวริชาร์ดก็หันมาร่ายคาถาสำหรับสะท้อนภาพที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น เมื่อร่ายคาถาก็เกิดเป็นภาพสะท้อนสีฟ้าที่แสดงภาพเด็กสามคนกำลังเดินไปยังโรงนา ทุกคนที่เห็นแบบนั้นก็หันไปมองเด็กชายที่เป็นต้นเรื่อง แต่เจ้าตัวกับส่ายหน้าทันที
“ผมไม่รู้เรื่องนะ!!” ฮิวโก้ปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองทำ
“ปฏิเสธกับภาพที่เกิดขึ้นเนี่ยนะ?” อาจารย์บลัดเวิร์ทเอ่ยถาม
“...” ฮิวโก้ถึงกับนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไรต่อ
ทุกคนต่างมองฮิวโก้เป็นสายตาเดียวกันด้วยความรู้สึกที่ไม่ชอบใจกับเด็กที่ปฏิเสธตลอดว่าตนเองไม่ได้ทำ อบิเกลได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่ชอบใจจนผู้ใหญ่ข้าง ๆ มองเด็กน้อยที่เบื่อหน่ายกับเด็กชาย เขาย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ เด็กน้อยจนใบหน้าของเขาอยู่ระดับเดียวกับเด็กน้อย
“ไม่ชอบเด็กคนนั้นเหรอ?”
“ใครจะชอบคนที่เรียกเราว่าลูกฆาตกรล่ะคะ?”
“ว่าไงนะ? เด็กคนนั้นพูดแบบนั้นเหรอ? สมกับเป็นบ้านวีสลีย์จริง ๆ”
“รู้เหรอคะ? ว่าเขาเป็นใคร?” อบิเกลเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ใครที่เป็นศัตรูกับเธอคงมีแต่ครอบครัวเดียวที่ต่อต้านสก็อตล่ะนะ”
อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็แอบหัวเราะเล็กน้อย ริชาร์ดมองเด็กน้อยอย่างไม่พอใจที่เด็กน้อยต้องมาเจออะไรแบบนี้ ก่อนที่เขาจะหันไปหาพรรคพวกของตนเองทันที
“เอาล่ะ ทุกคนตามเก็บสัตว์วิเศษที่หลุดออกมากันเถอะ!!”
“ครับ/ค่ะ”
ทุกคนกำลังจับสัตว์วิเศษเข้ากรงตามรายการที่แฮกริดให้พวกเขามาก่อนหน้า ริชาร์ดหันกลับมาที่ภาพสะท้อนที่กำลังเดินตรงไปยังโรงนา เขาก็เดินนำไปก่อนใครอบิเกลเห็นแบบนั้นก็เดินตามไปเช่นกัน เธอสงสัยว่าพวกนี้จะทำอะไรจนพวกเขาเดินมาถึงโรงนาใหญ่ที่เละเทะไปหมดจนนึกไม่ออกเลยว่าสภาพเดิมเรียบร้อยขนาดไหน อาจารย์แฮกริดตามมาด้วยนั้นถึงกับปวดหัวเลยที่ที่เขาเก็บรักษามานานมีสภาพแบบนี้ไปได้แต่เขาก็ทำใจทันที เพราะถ้าเป็นโลกมักเกิ้ลบางนี้คงร้องกรี๊ดกันแล้ว แต่ที่นี่คือโลกเวทมนตร์เลยไม่ต้องห่วงเรื่องซ่อมโรงเก็บสัตว์เท่าไหร่
ริชาร์ดลองเดินเข้าไปข้างในโรงนาดูข้างในมีแต่กรงที่กระจัดกระจายหรือถูกจัดเรียงอยู่ อบิเกลเดินตามมาดูที่เกิดเหตุเธอสำรวจสถานที่ตรงหน้าก่อนที่จะเห็นภาพสะท้อนของพวกฮิวโก้กำลังวางแผนที่จะปล่อยพวกสัตว์วิเศษออกมาให้เกิดความวุ่นวาย อบิเกลรู้สึกเหนื่อยใจกับเด็กแบบนี้จริง ๆ ถึงเธอจะเด็กก็ตามทีแต่พฤติกรรมแบบนี้ช่างไม่น่าอภิรมย์จริง ๆ พอมอง ๆ ก็เห็นพวกนี้กำลังตกใจเธอก็สงสัยว่าตกใจอะไรก่อนจะลองหันไปสำรวจอะไรต่อ เพื่อเจออะไรที่ผิดปกตินอกจากนี้ เพราะพฤติกรรมของโซวูมันน่าสงสัยมากกว่าจะมีอะไรกระตุ้นมันเหมือนครั้งก่อน เธอเดินเข้าไปข้างในลึก ๆ จนมาถึงกรงขนาดใหญ่ด้านบนที่น่าจะไว้ขังโซวู
“อ๊ะ...กรงเจ้าปัญหาสินะ...”
อบิเกลมองกรงตรงหน้าอย่างสงสัยสภาพมันเละพอตัวน่าจะเพราะโซวูชนรอบ ๆ จนมันออกมาได้ ระหว่างที่มองสภาพกรงอยู่นั้น สายตาก็ก้มไปเห็นสิ่งบางอย่างผิดปกติ เธอย่อตัวลงเลื่อนมือไปที่รอยสีดำบนพื้น รอยไม้ที่เป็นทางยาวเหมือนบางอย่างเธอรู้สึกคุ้นเคยมันชอบกลจนนึกถึงสัญลักษณ์บางอย่าง
“นี่มัน...!!”
กร๊าซซซซซซซซ!!
เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้นจนคนรอบ ๆ โรงนาถึงกับสะดุ้งไปตาม ๆ กัน ทุกคนต่างมองหน้ากันว่ามันเสียงอะไร แต่ทว่าอบิเกลที่อยู่ข้างในกับรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนั้นแล้วทิศของเสียงนั้นมาจากด้านบนหัวของเธอ เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งดวงตาของเธอสะท้อนกับดวงตาสีเหลืองสว่างที่กำลังจับจ้องเธออยู่บนกองกรงขังมากมายที่ตั้งสูงอยู่ข้างบน ดวงตาสีเหลืองนั้นดูโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากสิ่งนั้นค่อย ๆ ลงมาหาเธออย่างช้า ๆ อบิเกลได้แต่ขยับตัวถอนหนีอย่างเชื่องช้าเช่นกันจนได้เห็นตัวของสิ่งตรงหน้าก็ต้องทำให้เธอหวาดกลัวในทันใด
‘ซวยแล้ว!!’ อบิเกลคิด
ร่างอันใหญ่โตกับแผงคอเหมือนสิ่งโต แต่มันคล้ายกับลูกบอลที่ติดอยู่ตรงคอหนามมากมายตามตัว ขนของมันเป็นรอยจุดสีดำคล้ายกับเสือดาว อบิเกลรับรู้ในทันใดว่ามันคือตัวอะไร มันลงมาเธอก็ยิ่งถอยหนีอย่างช้า ๆ เธอกำลังวิเคราะห์ว่าจะทำยังไงเพื่อจัดการสัตว์วิเศษตรงหน้า แต่ทว่าเธอไม่สามารถจัดการได้คนเดียวแน่ ๆ ระหว่างที่กำลังคิดหาทางหนีไปอย่างไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้นมา
ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!
เสียงนั้นไปเป็นจุดสนใจของสัตว์วิเศษทันใด อบิเกลหันไปมองเช่นกันก็เห็นว่าข้างบนมีคนคนหนึ่งอยู่บนนั้น
“หนีไป!! แอบบี้!!”
“พี่!” อบิเกลมองอีกฝ่ายว่ากำลังจะทำอะไร
ริชาร์ดหยิบของในมือของเขาที่มีตั้งแต่ก้อนหินจนไปถึงของต่าง ๆ จากกระเป๋าของเขาโยนใส่สัตว์วิเศษให้มาสนใจเขาพร้อมกับตะโกนคำรามใส่มัน
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก!! ทางนี้เว้ย!! เจ้านันดุ!!”
“กร๊าซซซซซซซซซซซซซ!!”
นันดุคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวที่มีสิ่งบางอย่างมาทำให้มันไม่พอใจแล้วหันไปคำรามใส่ ริชาร์ดเห็นว่ามันกำลังสนใจมาทางนี้ก่อนที่เขานั้นจะวิ่งออกจากบริเวณนั้น นันดุวิ่งตามไปด้วยความไม่พอใจที่ตัวการทำให้มันเจ็บกำลังวิ่งหนีไป อบิเกลมองอีกฝ่ายทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจวิ่งหนีไปอีกทิศแล้วนั้น ทำให้เธอคิดว่าอีกฝ่ายทำแบบนั้นจะไม่รอดแน่ ๆ จนเธอต้องวิ่งออกจากที่นั่นแล้วเสียงครึกโครมดังขึ้นในไม่ช้าก็ทำให้คนที่อยู่หน้าโรงนาสงสัยว่ามีเสียงอะไรก่อนจะเห็นอบิเกลรีบออกมา
“คุณเมอร์รัลกำลังหนีอะไร?” อาจารย์บลัดเวิร์ทเอ่ยถามขึ้น
“หนีสัตว์วิเศษค่ะ!! อาจารย์กับทุกคนช่วยออกจากบริเวณด้วยค่ะ!! โดยด่วนด้วย!!”
เมื่อได้ยินการเตือนของเด็กหญิงพวกผู้ใหญ่ต่างพากันตาตื่นขึ้นมาว่าหนีสัตว์อะไร ก่อนที่จะมีเสียงครึกโครมอีกครั้ง
“หนูเมอร์รัล สัตว์วิเศษไหน?” อาจารย์แฮกริดถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“ตัวนันดุค่ะ อาจารย์แฮกริด!”
“!!”
อาจารย์แฮกริดได้ยินก็สั่งให้พวกอาจารย์และเด็กออกจากตรงนั้น เพราะตัวนันดุเป็นตัวที่ต้องระวังอีกตัวหนึ่งในหมู่สัตว์วิเศษ พอพวกอาจารย์รีบหนีออกจากบริเวณนั้นก็มีเสียงครึกโครมเหมือนมีบางอย่างทะลุออกมาจากโรงนา อบิเกลรีบวิ่งไปหาพวกหน่วยสัตว์วิเศษอย่างเร่งรีบก่อนจะตะโกนเสียงดังออกไป
“ทุกคนเตรียมตัว!! นันดุอยู่ที่นี่!!”
เสียงตะโกนนั้นทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ตาตื่นกันอย่างตกใจที่มีสัตว์อันตรายอยู่ที่นี่ ทุกคนหยุดหน้าที่ของตนเองก่อนจะวิ่งมาหาอบิเกลทันที
“มันอยู่ไหน?”
“เจ้าสัตว์นั้นอยู่ไหน!?”
ทุกคนต่างถามอบิเกลก่อนที่เธอจะหันไปทางด้านหลังพร้อมกับยกนิ้วชี้ไป
“พี่ริชาร์ดกำลังล่อมันไปอีกทางอยู่ค่ะ ทุกคนช่วยกันหน่อย!!”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกับวิ่งไปตามทิศที่เด็กหญิงบอกทันที พวกเขาก็เห็นว่าหัวหน้าทีมของเขากำลังหลอกล่อเจ้าสัตว์วิเศษไปตามทางอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็พากันหายวาบไปจากตรงหน้าแล้วช่วยหัวหน้าออกมา นันดุถึงกับเบรกตัวอย่างสงสัยที่เจ้าเหยื่อของเขาหายไปไหน ก่อนที่จะมีมนุษย์นับสิบล้อมรอบมันพร้อมกับร่ายคาถาพันธะการใส่มัน มันดิ้นสุดชีวิตไม่ยอมที่จะโดนพันธะการแต่ทุกคนก็พยายามที่จะพันธะการมันต่อจนกระทั่งมันหยุดดิ้น พวกริชาร์ดต่างดีใจที่จัดการเจ้าสัตว์วิเศษตัวนี้ได้อย่างอยู่มัน อบิเกลเห็นทุกคนทำสำเร็จก็ดีใจแต่เธอยังมีข้อสงสัยว่านอกจากโซวูแล้วทำไมอาจารย์แฮกริดไม่บอกว่ามีอีกตัว ก่อนที่เธอจะวิ่งกลับไปหาพวกอาจารย์ที่อยู่ไม่ห่างจากนั้น
“อาจารย์แฮกริด คุณขังนันดุร่วมกับสัตว์อื่นด้วยเหรอคะ? ทำไมไม่บอกพวกเราก่อน?”
“ฉันเปล่านะ!! ที่นี่ฉันมีแต่เจ้าโซวูกับสัตว์เล็ก ๆ เท่านั้นที่จะส่งให้เจ้าหน้าที่สัตว์วิเศษเพื่อส่งต่อไปยังที่ของพวกมัน...แล้วทำไมถึงมีนันดุอยู่ที่นี่? ฉันยังงงอยู่เลย!!”
“ว่าไงนะคะ!?”
ดวงตาของอบิเกลเบิกกว้างขึ้น เธอหันไปทางที่ทุกคนที่กำลังจะจัดการนันดุให้สลบ แต่ทำยังไงมันก็ไม่ยอมสลบเสียทีจนกระทั่งมีของเหลวสีดำกำลังไหลออกมาจากตัวนันดุ อบิเกลที่อยู่ออกไปก่อนจะเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดเธอรีบวิ่งออกไปหาพวกพี่น้องในหน่วยของเธออย่างรวดเร็วจนพวกอาจารย์เห็นก็งุนงงว่าอีกฝ่ายรีบวิ่งไปแบบนั้น
“เมอร์รัล!!”
“เมอร์รัล!! จะไปไหน!! กลับมา!!”
อบิเกลไม่ฟังใครพูดอะไรแต่เธอวิ่งไปสุดกำลัง สิ่งที่กำลังไหลออกมาจากตัวนันดุนั้นเป็นอะไรที่เธอกลัวมาก ๆ มันเป็นสิ่งอันตรายที่เธอกับอาสก็อตเคยเจอถ้าใครถูกมันชีวิตนี้ได้จบลงแน่ ๆ เธอวิ่งสุดกำลังพร้อมกับตะโกนสุดเสียง
“ทุกคนหยุดใช้คาถา!! มันจะระเบิดแล้ว!!”
“เอ๊ะ!!”
ทุกคนหันขวับไปหาเด็กน้อยด้วยสีหน้าตกใจที่บอกว่าอะไรกำลังจะระเบิด บางคนหันไปมองนันดุก็เห็นว่าร่างกายของมันกำลังมีอะไรสีดำออกมาและร่างกายของมันกำลังพองขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกำลังจะระเบิดอย่างที่อบิเกลบอก ริชาร์ดเห็นก็จำได้ว่ามันคืออะไรก่อนจะตะโกนเสียงดังเป็นการเตือนทุกคน
“ทุกคนหมอบลง!!”
หลายคนต่างพากันหมอบลงอย่างรวดเร็วไม่ทันขาดคำการระเบิดก็บังเกิดขึ้นจนเกิดเสียงดังในบริเวณนั้นของเหลวสีดำพุ่งไปทุกทิศทุกทางจนเกาะหนึบกับต้นไม้จนกลายเป็นรังแมงมุม อบิเกลหมอบลงเหมือนทุกคนเธอเห็นแล้วว่าสิ่งนั้นกระจายจนเป็นใยช่างแย่ที่สุด ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงคนร้องด้วยความเจ็บปวด เธอหันไปมองก็เห็นชายคนหนึ่งล้มลงด้วยความเจ็บปวดที่ของเหลวสีดำกำลังแทรกซึมเข้าร่างกายของเขา อบิเกลรีบคลานไปหาชายคนนั้นพร้อมกับดูอาการของเขาที่กำลังเจ็บปวดอยู่ภายใน
“พี่โจเซฟ!! ใจเย็น ๆ นะ!!” อบิเกลเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็รู้สึกแย่แล้ว เธอพยายามหาของบางอย่างทันที
ริชาร์ดรีบคลานมาหาเด็กน้อยที่กำลังช่วยลูกน้องของเขา “โจเซฟ!! อบิเกล เกิดอะไรขึ้น!?”
“หนูอธิบายไม่ถูกเช่นเดียวกันค่ะ แต่ที่รู้ ๆ มันเป็นคำสาป...”
“คำสาป?”
“ค่ะ...”
อบิเกลตอบโดยมองชายตรงหน้าของเธออยู่ เธอก็ล้วงหาของแต่มันมืด เพราะของเหลวที่พุ่งไปตามทิศต่าง ๆ จนมันเกาะกับต้นไม้จนกลายเห็นร่มเงาแทน
“ขอแสงสว่างหน่อยค่ะ?”
“ลูมอส!!”
ริชาร์ดยกไม้กายสิทธิ์แล้วเปล่งเสียงออกมา ปลายไม้กายสิทธิ์ก็มีแสงสว่างในทันใด อบิเกลก็หาของในกระเป๋าของเธอทันที ทุกคนต่างรีบคลานกันมาดูก็เห็นเพื่อนร่วมงานกำลังเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไร ร่างกายของโจเซฟรู้สึกทรมานเหมือนมีไฟมาเผาร่างกายของเขา เขาคร่ำครวญอย่างทุกข์ทรมานจนอบิเกลได้ยินก็สงสาร แต่เธอกำลังจะช่วยอีกฝ่ายอยู่จนกระทั่งเธอชวดยาที่เธอปรุงขึ้นเอง ใครจะถามว่าทำไมเธอมียารักษาเธอก็คงตอบได้เพียงว่าเคยเจอสถานการณ์แบบนี้แต่มันก็นานมากแล้วตั้งแต่อยู่กับอาสก็อต แต่ครั้งนั้นไม่ได้รุนแรงเท่านี้ เธอไม่รู้ว่ามันจะช่วยได้มากแค่ไหน เสียงเปิดจุกขวดดังขึ้นก่อนที่อบิเกลจะกรอกยาเข้าปากของอีกฝ่าย โจเซฟรู้สึกถึงน้ำที่ทั้งขม ทั้งฝืนคอ มันกำลังไหลลงเข้าหลอดอาหารของเขานั้นทำให้เขาอยากจะอ้วกมันออกมาจนเขาลุกขึ้นเพื่อจะอ้วกมันออก แต่ว่าอบิเกลจับปากอีกฝ่ายแล้วดันหัวอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้น
“พี่ต้องดื่มมัน!! ไม่งั้นของเหลวที่เข้าร่างกายนายมันจะซึมเข้าไปกัดร่างกายพี่จนตาย รีบดื่มเข้าไปเร็ว!!”
เจ้าของร่างกำลังทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เขากำลังโดน พอได้ยินคำพูดของเด็กน้อยเขาทั้งหวาดกลัว สั่นกลัวและเจ็บปวดกับสิ่งที่เขากำลังเผชิญ คำพูดของเด็กน้อยทำให้เขาต้องพยายามฝืนกลืนยานั้นเข้าไป โจเซฟนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่เขาจะรู้สึกเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเหมือนร่างกายกำลังจะฉีกขาด ทุกคนเห็นก็ตกใจก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นนะ!!”
“โจเซฟ!” หญิงสาวคนหนึ่งมองเพื่อนร่วมงานของเธอก่อนจะเอ่ยถามออกมา “มันเกิดอะไรขึ้น!! ไม่ช่วยเขาล่ะ!! แอ๊บบี้!!”
“แอ๊บบี้ช่วยเขาสิ!!”
ทุกคนต่างตะโกนใส่เด็กหญิง แต่เธอไร้การโต้ตอบและกำลังมองร่างกายที่กำลังสั่นเหมือนคนกำลังชัก เธอกำลังสังเกตบางอย่างก่อนที่ร่างกายของชายหนุ่มจะมีบางอย่างกำลังก่อตัวเป็นก้อนแล้วพุ่งออกมาจากหน้าอกของโจเซฟ ทุกคนสิ่งบางอย่างก็แตกตื่นกันก่อนที่อบิเกลจะรีบหยิบขวดโหลออกมาจับมันเข้าโหลอย่างรวดเร็ว ทุกคนหน้าซีดกันอย่างตกใจ เพราะนี้เป็นสถานการณ์ครั้งแรกที่พวกเจอ ริชาร์ดเห็นแบบนั้นค่อย ๆ เดินมาหาอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยถาม
“นี่เหรอ? คำสาป?”
“เป็นคำสาปชนิดหนึ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อย...มันต่างจากสิ่งที่พุ่งออกมาจากตัวของนันดุ...ดูเหมือนมันจะกลายร่างเป็นนันดุแล้วเตรียมตัวจะโจมตีเรา” อบิเกลอธิบายพร้อมกับปิดฝาให้แน่น เธอจ้องมองสิ่งมีชีวิตสีดำนี้ที่ออกมาจากร่างของโจเซฟ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? มีใครจะเล่นงานพวกเราหรือไง?”
“ก็ไม่แน่...” ริชาร์ดเอ่ยขึ้น
ทุกคนต่างมองมาที่ริชาร์ดด้วยสีหน้าอันสงสัย แต่เจ้าตัวกลับเดินไปดูขวดโหลในมือของเด็กน้อย ทุกคนต่างก็มาดูว่าสิ่งสีดำนี้สามารถทำให้คนคนหนึ่งเจ็บปวดขนาดนั้นเชียวเหรอ แต่พวกเขาจะจัดการกับสิ่งรอบตัวนี้ยังไง พวกอาจารย์ที่ไปหาที่หลบภัยเห็นว่าทุกอย่างดูเงียบสงบพวกเขาก็เดินกันมาดูที่เกิดเหตุที่อยู่ไม่ห่าง พอพวกเข้ามาถึงก็ต้องตะลึงกับสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งแปลกปลอมสีดำเกาะไปรอบพื้นป่านั้น พวกอาจารย์ไม่คาดคิดเลยว่าการจับสัตว์วิเศษมันจะกลายเป็นงานเสี่ยงอันตรายไปได้ ฮิวโก้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็แอบกลัว ๆ แต่ก็ยังพูดบางสิ่งที่น่าตลกออกมา
“เอ่อ...แบบนี้ผมก็หลุดพ้นความผิดแล้วใช่ไหม? เพราะผมไม่ใช่คนทำ?”
“ฝันไปเถอะเจ้าหนู ถ้านายไม่เข้าไปวุ่นวายกับโรงเก็บสัตว์ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้แน่ ๆ” บลัดเวิร์ทหยีตามองเด็กชายด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“อ้าว!? แต่ผมไม่ได้ทำนะ!”
“ยังไงก็ต้องโดนล่ะ เพราะฉันสั่งห้ามแล้วว่าอย่าเล่นอะไรพิเรนทร์ แต่พวกเธอไม่ฟัง!” แฮกริดเท้าเอวมองเด็กชาย
“อึ้ก...”
ใบหน้าของฮิวโก้เต็มไปด้วยอารมณ์ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังลำบากสุด ๆ สายตาของเขาหันไปมองเด็กหญิงที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง
‘ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!!’ ฮิวโก้คิด
รองศาสตราจารย์บลัดเวิร์ทจ้องมองสถานการณ์ตรงหน้า เขาต้องเปลี่ยนสถานที่สำหรับการเรียนการสอนวิชาสัตว์วิเศษเสียแล้ว เพราะตอนนี้ยังมีอะไรน่าสงสัยอีกเยอะ ก่อนที่พวกเขาจะเอ่ยพูดออกมา
“อ๊า...ฉันว่า...วิชาของคุณคงต้องขอยืมลานกว้างหน้าโรงเรียนเป็นสถานที่สอนไปก่อนนะครับ อาจารย์แฮกริด”
“ผมเห็นด้วยเลยล่ะ...” อาจารย์ลองบัตท่อมกล่าวอย่างเห็นด้วยกับความคิดของอาจารย์บลัดเวิร์ท
ทุกคนต่างมองอาจารย์สามคนที่มองสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีสำหรับวันแรกที่นักเรียนเข้ามา แต่ตอนนี้ไม่ใช้เวลามาทำการเก็บสัตว์วิเศษ พวกเขาต้องรายงานเรื่องนี้ให้ทางกระทรวงทราบ ใช้เวลาไม่นานทางกระทรวงก็ส่งหน่วยมือดีอันดับหนึ่งมากัน หน่วยที่พวกหน่วยสัตว์วิเศษไม่อยากเจอในเวลานี้ หน่วยมือปราบมารที่นำมาด้วยหัวหน้าวีสลีย์ ฮิวโก้เห็นพ่อมาก็รู้สึกดีใจสุด ๆ จะได้มีคนมาช่วยเขา พวกริชาร์ดเห็นก็ส่ายหน้ากันอย่างไม่พอใจอีกฝั่งหนึ่งก็มองพวกเขาอย่างไม่ชอบใจเช่นกัน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรมากก็คงไม่ต้องมาปะทะกันแบบนี้ เมื่อพวกหน่วยมือปราบมารมาตรวจสอบสถานที่นั้นก็อีกหน่วยที่มาถึงอย่างรวดเร็ว หน่วยสัตว์วิเศษกลุ่มที่สองนำมาด้วยหัวหน้าใหญ่อย่างสก็อต
“หัวหน้ามาแล้ว”
ทุกคนต่างหันไปมองก็ดีใจที่หัวหน้ามาเขากำลังเดินมาพร้อมกับลูกน้องอีกสามสี่คน พอมาถึงเขาก็มองทุกคนก็ดูเหมือนไม่มีอะไรก่อนจะถามทุกคน
“พวกเราไม่เป็นอะไรนะ?”
“ไม่เป็นอะไรกันมาก นอกเว้นแต่มีคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ แต่อบิเกลรักษาแล้วนะ” เจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งเอ่ยแล้วก้มมองด้านล่าง
“อบิเกล?”
สก็อตก้มลงมองตามก็เห็นหลานสาวกำลังตรวจร่างกายของโจเซฟที่ตอนนี้ดูดีกว่าตอนแรกมาก สก็อตเดินไปหาหลานสาวพร้อมกับย่อตัวลงข้าง ๆ หลานสาว
“เขาไม่เป็นอะไรมากไหม? แอ็บบี้”
“ค่ะ?” อบิเกลได้ยินเสียงนั้นก็หันใบหน้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม "พ่อค่ะ!!”
เหล่าหน่วยสัตว์วิเศษต่างตาโตกันอย่างงุนงงที่เด็กหญิงเรียกอาของตนเองว่าพ่อ ยิ่งทำให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นถึงในช่วงที่พวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้เคียงเหล่าครอบครัวเมอร์รัล
“อ๊า...อะแฮ่ม!! ก็ตอนนี้ต้องร่างกายกลับเป็นปกติแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้สติคงต้องดูอาการไปก่อนนะคะ เพราะยังไม่แน่ใจว่าคำสาปเหลว ๆ สีดำนี่ออกจากร่างกายของโจเซฟหมดยัง”
อบิเกลเอ่ยพร้อมกับมองไปที่ขวดโหลที่วางไว้ตรงแถวลำต้นต้นไม้ สก็อตหันไปมองตามสายตาของเด็กน้อยก็เห็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ สีหน้าที่ขมวดคิ้วนั้นย่นจนเด็กน้อยต้องช่วยคลี่มันออก จนชายหนุ่มมองเด็กน้อยก็ต้องยกยิ้มอย่างมีความสุข
“งั้นเดี๋ยวพวกพ่อจัดการต่อเอง...” สก็อตยื่นมือไปหยิบขวดโหลก่อนจะหันไปหาลูกน้องสองสามคนที่ตามเข้ามา “พวกนายพาโจเซฟกลับเต็นท์ไปรักษาต่อได้เลย”
“ครับ!!”
ลูกน้องสองคนเตรียมตัวที่จะหามพาอีกฝ่ายกลับเต็นท์ที่อยู่ห่างจากที่นี่มาก ๆ พวกเขาก็วาร์ปหายไปจากตรงนี้ในทันใด เขาเห็นแบบนั้นก็โล่งใจที่ลูกน้องกลับไปอย่างปลอดภัย แต่แล้วก็มีใครบางคนที่ขัดจังหวะพวกเขาเสียแล้ว
“ใครกันเนี่ย? ครอบครัวเมอร์รัล?”
น้ำเสียงของเจ้าเดิมปรากฏขึ้น อบิเกลหันไปมองก็เห็นชายผมแดงที่เธอเคยเจอที่ร้านไม้กายสิทธิ์ คุณวีสลีย์ พ่อของเจ้าบ้าที่ก่อเรื่องขึ้น สก็อตลุกขึ้นพร้อมกับค่อย ๆ หันไปมองชายที่มาอยู่ข้างหลังเข้า ภายในใจเขาไม่พอใจอีกฝ่ายที่แสดงท่าทีแบบนี้กับเขาตั้งแต่เข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับแฮร์รี่ แต่ก็มีโอกาสที่เขาเปิดใจให้แต่ตอนนี้ไม่มี
“คุณวีสลีย์” สก็อตเอ่ยเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่สนิท
“รู้สึกมาถึงโรงเรียน...ลูกนายก็สร้างเรื่องเลยนะ”
“ทำไมตัดสินเสียแล้วล่ะว่าลูกฉันเป็นคนสร้างเรื่องนะ?”
“ก็เด็กคนนี้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยนี่?” รอนหันไปมองเด็กหญิงที่กำลังมองเขาด้วยสายตาเบื่อหน่ายจนเขานั้นสังเกตได้ “ทำไมมองฉันแบบนั้น?”
อบิเกลยกมือขึ้นมาแล้วชี้ไปทางเหล่าคณาจารย์ทั้งสามที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ผู้ใหญ่ทั้งสองหันไปมองทิศที่เด็กหญิงชี้ก็เห็นเหล่าอาจารย์กำลังยกยิ้มให้ รอนมองเพื่อนของเขาที่เป็นอาจารย์ก่อนจะเห็นชายร่างสูงกำลังจับชายเสื้อหลังคอของเด็กคนหนึ่งแล้วนั้นทำให้เขาตาโตอย่างตะลึงว่าข้าง ๆ เนวิลล์ทำไมถึงมีเด็กอีกคนที่เขารู้จักอยู่นั้นก็คือลูกชายของเขา
“ฮิวโก้!!”
“ไง...ครับ พ่อ...” ฮิวโก้โบกมือให้คนเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงสั่นเคือง
“เนวิลล์!? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ก็...ตัวก่อปัญหาที่นายว่านะ รอน...ลูกนายกับเด็กบ้านกริฟฟินดอร์”
“ว่าไงนะ!!”
รอนรีบเดินตรงดิ่งไปหาลูกชายด้วยความอารมณ์ฉุนเฉียวและอับอายที่ตัวก่อปัญหาดันเป็นลูกชายของตนเอง สก็อตใช้หางตามองอีกฝ่ายที่เดินออกไปเขาส่ายหน้าเบา ๆ ที่อีกฝ่ายนั้นโยนความผิดที่ยังไม่รู้ว่าใครก่อให้หลานสาวของเขา เสียงโวยวายของผู้เป็นพ่อดังขึ้นต่อว่าลูกชายที่ก่อเรื่อง สก็อตไม่อยากฟังเท่าไหร่ก่อนจะหันไปมองหลานสาวว่าได้อยู่บ้านไหนจนเขานั้นต้องตะลึงว่าหลานสาวของเขาอยู่บ้านที่เขาไม่คาดคิด
“สลิธีรินงั้นเหรอ?”
อบิเกลได้ยินเสียงของอาสก็อตก็กำลังจะเอ่ยพูดบางอย่าง “อา...เอ๊ย...พ่อค่ะ...”
“อยู่บ้านสลิธีรินไม่มีคนมาแกล้งใช่ไหม?”
“หือ?” อบิเกลได้ยินคำถามของอีกฝ่ายก็นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยตอบ "ไม่นะคะ หนูได้เพื่อนใหม่หลายคนเลยล่ะ”
“เฮ้อ...โล่งใจไปที”
“พ่อกลัวหนูเจอเรื่องเหรอ?”
“มีผู้ปกครองคนไหนไม่ห่วงมั้งว่าลูกของตนเองต้องเจอกับอะไรนะ?”
“ค่ะ แต่ก็...เกิดเรื่องนิดหน่อยเหมือนกัน...”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกปี 7 มาหาเรื่องพวกพรีเฟ็คบ้านเดียวกัน หนูไม่พอใจเลยใช้ไม้กายสิทธิ์จัดการพวกนั้นไปนะคะ”
“เรื่องถึงอาจารย์ใหญ่ไหมนะ?”
“ถึงค่ะ!” อบิเกลหันไปตอบด้วยรอยยิ้ม
สก็อตได้ยินแบบนั้นถึงกับปวดหัวเลยที่หลานสาวสร้างเรื่องจริง ๆ ตั้งแต่วันแรกจริง ๆ “แล้ว...ยังไงต่อ?”
“ก็...อาจารย์ใหญ่เข้าข้างเรา แล้วก็หักคะแนนบ้านสลิธีริน แล้วก็หนูโดนอาจารย์ประจำบ้านกับพวกรุ่นพี่พวกนั้นหมายหัวหนูไว้แล้วนะคะ”
“ตาย ๆ อบิเกล...” น้ำเสียงแหบแห้งของอาสก็อตทำให้อบิเกลได้แต่ยิ้มอย่างฝืน ๆ
“ไม่เอานะ พ่อ หนูรับมือได้”
สก็อตจ้องเด็กน้อยด้วยสายตาเป็นห่วง แต่เด็กก็โตแล้วเขาคงต้องยอมปล่อยจริง ๆ
“ก็ได้...แต่...เรียกพ่อชินปากหรือยัง?”
“ถ้าชินปากหนูคงไม่เผลอพูดไปเมื่อกี้หรอกนะ...ต่อหน้าคนอื่นหนูเรียกให้ แต่หนูรู้สึกว่าเรียกอายังดีกว่า!!” อบิเกลออกเสียงตอนท้าย ๆ ให้เบาลงไม่ให้รู้ว่าพวกเขาสองคนเป็นแค่อาหลานกัน
“เรียกพ่อดีที่สุดล่ะ”
อบิเกลจ้องมองสีหน้าอันยิ้มแย้มของอีกฝ่ายทำเอารู้สึกดีใจหน่อย ๆ ที่อีกฝ่ายเป็นพ่อที่เธอขาดไปทั้งสองได้แต่ยิ้มให้กันก่อนจะหันไปมองสองพ่อลูกที่กำลังถกเถียงกันยกใหญ่จนลูกน้องของหน่วยมือปราบมารถึงกับส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายกับหัวหน้าของพวกเขา ไม่นานก็มีหนึ่งคนเดินมาหาชายผมแดงพร้อมกับรายงานบางอย่างให้เขาฟัง วีสลีย์ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายบอกนอกจากสารเหลวสีดำ ภายในโรงเก็บสัตว์ก็มีรอยไม้บนพื้น อบิเกลได้ยินก็นึกถึงรอยไหม้ที่คล้าย ๆ หัวกะโหลกและมีอะไรเลื้อยเหมือนงู
ทางผู้ใหญ่ต่างพากันไปที่โรงเก็บสัตว์พวกเขาใช้เวทมนตร์ย้อนภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าว่ารอยนั้นคืออะไร ก่อนที่ภาพของรอยนั้นจะปรากฏขึ้นมันคือรูปหัวกะโหลกที่มีงูออกมาจากปาก ทุกคนเห็นก็หน้าซีดถึงการปรากฏขอรอยนี้ที่บ่งบอกถึงสิ่งที่กำลังจะตามมา สก๊อตเห็นรอยที่เขาไม่ได้เห็นมานานนับหลายปีดวงตาเขาก็ตาลุกวาว เขาคิดว่าอุตส่าห์หนีจากพวกมันจนหลุดแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้หลานเขากำลังอยู่ในสถานที่ที่เสี่ยงเป็นสถานที่อันตรายมากที่สุด อบิเกลเบียดตัวเข้ามาในวงของผู้ใหญ่ที่กำลังมุงดูสิ่งที่ปรากฏ เธอเห็นตรานั้นอย่างเด่นชัดก็นึกถึงภาพที่เธอเคยเห็นในหนังสือของอาสก็อต
“ผู้เสพความตาย...”
เสียงแผ่วเบาของเด็กหญิงสาวทำให้เหล่าผู้ใหญ่ต่างหันมองจนวีสลีย์ได้ยินก็ลุกขึ้นพร้อมกับปฏิเสธสิ่งที่เขาเห็น
“พอไม่มีทางที่พวกนั้นจะโผล่มาอีก!! พวกนั้นไม่เคยโผล่มาตั้งแต่เมื่อ 9 ปีก่อน!”
“นายคิดแบบนั้นเหรอ!?” สก็อตหันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังปฏิเสธสิ่งที่ตากำลังเห็นกัน
“ทำไมนายคิดว่าพวกมันจะโผล่มาหรือไง? นี่อาจจะเป็นการเล่นพิเรนทร์ของเด็กก็ได้”
“คุณจะกล่าวว่าลูกตัวเองเสกตรานี้ขึ้นมาเหรอคะ?” อบิเกลเอ่ยถามขึ้นทำเอาวีสลีย์หน้าเสียทันที
สก็อตฟังหลานสาวก่อนจะพูดต่อ “แล้วถ้าพวกมันกลับมาล่ะ!! นายคิดว่าพวกนั้นมันจะยอมหายไปง่าย ๆ แบบนั้นเหรอ?”
วีสลีย์จ้องมองอีกฝ่ายก่อนจะเดินมาอยู่ตรงหน้าเขาจนเกือบชิดตัวกัน “ฉันน่าจะเป็นคนถามนะ นายกำลังพูดแบบนี้แปลว่านายเป็นพวกมันสิ ถึงรู้ว่าพวกมันอาจจะกำลังกลับมา!!”
“รอน!!”
“ทำไมแทงใจดำหรือไง!? คนของแกกำลังมาไม่อยากเข้าร่วมเชียวหรือ!?”
สีหน้าของสก็อตดูไม่พอใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวก่อนที่เขาจะถกแขนเสื้อของตนเองทั้งสองข้างขึ้น ทั้งแขนของเขาไม่มีรอยอะไรที่บ่งบอกว่าเขาเป็นพวกเดียวกับผู้เสกความตาย
“นายคิดว่าตราพวกนั้นจะลบออกได้หรือไง? ฉันไม่ใช่พวกมัน!!”
“เชื่อตายล่ะ!!”
“ทำไม!! นายยังเคืองกับเหตุการณ์นั้นอยู่หรือไง!!!”
“นายคิดว่าพวกเราจะเคืองไหม!! นายอยู่ไหนตอนพวกมันมา!! นายหายตัวไปตอนที่ครอบครัวพอตเตอร์ต้องการนาย!! นายอยู่ไหน!!”
หัวหน้าทั้งสองฝ่ายกำลังจะปะทะกันจนทีมของพวกเขาต้องรีบเข้ามาห้ามถึงแม้สองฝ่ายจะไม่ชอบขี้หน้ากัน แต่การที่หัวหน้ามาตีกันตรงนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีที่ควรทำ อบิเกลที่มองตราที่ปรากฏตรงหน้าเธอนึกถึงตอนที่หนีไปกับอาสก็อตแล้วเธอนั้นผลักหลงกับเขาแล้วเจอผู้เสกความตายคนหนึ่งที่จับเธอกดลงกับพื้นแล้วจะใช้ไม้กายสิทธิ์ฆ่าเธอ แต่ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เธอใช้ไม้กายสิทธิ์ ชายคนนั้นเลยโดนคาถาสะท้อนแต่มันถึงขั้นทำให้อีกฝ่ายตาย นั้นเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตัวเองได้เห็นคนตายครั้งแรก แต่ส่วนลึกบอกว่ามันไม่ใช่ครั้งแรก อบิเกลเงยหน้ามองผู้ใหญ่ที่กำลังโดนจับแยกเธอเลยเดินไปหาอาของเธอทันที
“อาค่ะ!”
“หือ?”
“อ๊ะ...พ่อค่ะ...” อบิเกลกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้ย่อมาหาเธอ พอได้ระดับที่ต้องการเธอก็กระซิบข้างหูอีกฝ่าย “ตรานั้นมันเหมือนกับตราที่ชายเมื่อ 7 ปีก่อน ไล่ล่าเราเลยนะ”
“อ๊ะ...” สก็อตได้ยินแบบนั้นก็ไม่คิดว่าหลานยังจำได้ “ตอนนั้นหลานอายุแค่ 5 ขวบ จำได้ด้วยเหรอ?”
“ได้ค่ะ ตอนนั้นชายคนนั้นเล่นเราเกือบตายเลยนะ ถ้าตอนนั้นหนูไม่เจอไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ตอนนั้นเราคงตายไปแล้วแน่ ๆ”
“ก็จริงนะ แต่อาเคยบอกแล้วนะว่าเหตุการณ์นั้น อย่าเอามาพูดในที่สาธารณะไม่ใช่หรือไง?”
“หนูจำได้ค่ะ...ขอโทษค่ะ...”
“อืม...”
สีหน้าสำนึกผิดของหลานสาวทำให้คนเป็นอาอย่างเขาอยากพาหลานสาวหนีไปจากที่นี่สุด ๆ เพราะเกิดเรื่องแบบนี้แปลว่าไม่ช้าที่นี่จะเป็นสถานที่อันตรายเช่นเดียวกัน เขายิ่งครุ่นคิดจนหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ระหว่างนั้นเสียงของหญิงชราก็เอ่ยพูดขึ้นมา
“รู้สึกมีเรื่องตั้งแต่วันแรก ๆ เลยนะ นึกถึงวันที่พวกเธอเรียนกันวันแรก ๆ เลย จริงไหม? คุณวีสลีย์”
เสียงศาสตราจารย์ใหญ่ดังขึ้น ทุกคนต่างหันไปมองก็เห็นอาจารย์เดินมาพร้อมกับอาจารย์คนอื่น ๆ พวกเขามาดูสภาพแวดล้อมที่เกิดเหตุ สภาพมันดูเละกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้เสียอีก อาจารย์ใหญ่เห็นก็ครุ่นคิดเลยว่าจะต้องเป็นปัญหาแน่ ๆ
“แล้วไอ้สีดำ ๆ สามารถเอาออกได้ไหม?”
“พวกเราจะหาวิธีดูค่ะ ศาสตราจารย์มักกอนนากัล” หญิงสาวในกลุ่มมือปราบมากเอ่ยขึ้นมา
“แต่คงใช้เวลาพอควร ช่วงนี้หน่วยมือปราบมารอาจจะต้องอยู่ดูแลเสียก่อนนะครับ”
ชายอีกคนก็เข้ามาพูดเสริมแต่ชายคนนั้นอยู่ในหน่วยสัตว์วิเศษ ทำให้เหล่ามือปราบมารต่างมองพวกนั้นที่มองอย่างเยาะเย้ยที่งานพวกนั้นไม่ต้องถึงมือพวกเขา ศาสตราจารย์ใหญ่ได้ยินก็พยักหน้า
“งั้นเหรอ...อืม...งั้นอาจารย์แฮกริด เดียวให้นักเรียนปี 7 มาช่วยขนย้ายสัตว์วิเศษไปลานกว้างหน้าโรงเรียน อ๋อ...ไม่สิ...เปลี่ยนจากนักเรียนปี 7 เป็นเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ทั้งหมดมาช่วยกันขนดีกว่า”
“เดียวสิครับ อาจารย์มักกอนนากัล ทำไมต้องเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ด้วยล่ะครับ?” รอนงงกับคำพูดของอาจารย์มักกอนนากัล
“ไม่น่าถามนะ คุณวีสลีย์ ลูกเธอก่อเรื่องตั้งแต่คาบแฮกริดจนมาถึงตอนนี้ ทำให้ผู้คนแตกตื่นจากการที่สัตว์ร้ายบุก ถ้าไม่ได้คุณเมอร์รัลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงที่รู้เรื่องสัตว์วิเศษ ป่านนี้คงมีเด็กโดนลูกหลงแน่ ๆ”
“อึ้ก!” รอนไม่กล้าเถียงต่อเลยจริง ๆ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร
“เอาล่ะ ที่เหลือให้เหล่าเจ้าหน้าที่ทำงานกันไป พวกเรากลับแล้วก็คุณเมอร์รัล”
“ครับ! /ค่ะ!”
อบิเกลกับสก็อตขานตอบทั้งคู่ จนพวกลูกน้องหน่วยสัตว์วิเศษแอบขำกันเล็กน้อยกับความเอ็นดูของอาหลานคู่นี้
“โทษที สก็อตฉันเรียกหล- ลูกเธอ...”
“อ๊ะ...ครับ...”
“มีอะไรเหรอคะ...ศาสตราจารย์ใหญ่”
“กลับฮอกวอตส์ ตอนนี้คุณเป็นนักเรียนของเราไม่ใช่เจ้าหน้าที่ในตอนนี้ เชิญกลับ”
“ค่ะ” อบิเกลพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะหันกลับไปหาอาสก็อตแล้วกอดเขาเบา ๆ “ระวังตัวด้วยนะคะ”
“อืม อาจะระวังนะ” สก็อตกระซิบเบา ๆ พร้อมกับกอดหลานสาวอย่างเอ็นดูกับความน่ารักของเธอ
เด็กน้อยกำลังจะเดินจากไปก่อนจะคิดบางอย่างเธอหยิบของที่ตนเองถือต่างหาก แต่ลืมไปแล้วว่าถืออยู่ เธอยื่นมือให้อาข้างในมีสารสีดำที่ออกมาจากตัวโจเซฟ
“เอามันไปศึกษาต่อนะคะ”
“ได้มางั้นเหรอ?”
“ก็ตอนรักษาโจเซฟทันเวลา มันเลยหลุดออกมา หนูอยากเอาไปศึกษาต่อเผื่อมีคนเป็นแบบโจเซฟอีก เราจะได้ช่วยรักษาด้วยสมุนไพรอย่างที่เราเคยทำ”
สก็อตจ้องมองโหลแก้วด้วยรอยยิ้มอันภูมิใจที่หลานสาวของเขานั้นทั้งเป็นเด็กดี ฉลาด เก่ง และกล้าหาญกว่าที่ใครจะรู้จักแถมยังเป็นเจ้าตัวแสบของเขาอีก
“นี่ล่ะ หลานอา” สก็อตยกหน้าหอมแก้มเด็กน้อยเบา ๆ “เอาล่ะ กลับโรงเรียนได้แล้ว เดียวมีเรียนอีกนะ”
“คิก ๆ ค่ะ ไปนะคะ”
อบิเกลโบกมือลาเหล่าผู้ใหญ่ที่เธอรู้จักก่อนจะเดินตามเหล่าอาจารย์ที่กำลังเดินนำออกไป สก็อตมองหลานสาวสีหน้าเขาเปลี่ยนเขาอดไม่ได้ที่จะห่วงหลานสาวของเขาว่าหลังจากนี่จะเจอเหตุการณ์อะไรที่อันตรายถึงชีวิตอีกไหมจนเขานึกถึงชายคนหนึ่ง
‘พี่แฮร์รี่...ช่วยปกป้องอบิเกลด้วยนะ...’ สก็อตคิด
จบตอนที่ 11 โปรดติดตามตอนที่ 12 ต่อไป