อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิตอบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
++คำอธิบายจากนักเขียน++
สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง
เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง
เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย
สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป
มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ
แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ
บทนำของเรื่อง
อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา
อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ
ไปติดตามกันได้นะ
ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้
ตอนที่ 7 เล่นมาก็เล่นกลับ
ภายในห้องโถงใหญ่ทุกเสียงเงียบสงัดเมื่อนามหนึ่งเอ่ยขึ้น ทุกสายตากับจับจ้องมาที่เธอด้วยสายตาที่เธอรู้ดีว่ามันคือสายตาแบบไหน สายตาอันด้านลบเกี่ยวกับบุคคลที่เลี้ยงเธอมา สายตาทุกสายตาจะตราหน้าว่าเธอนั้นเป็นสายเลือดของชายที่ทรยศพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ โดยที่ไม่มีคำแก้ตัวแต่อย่างใดนั้นเป็นสิ่งที่อัปยศที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอว่าทุกอย่างที่เคยขึ้นกับอาของเธอนั้นเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่เคยเป็นพี่ชายของอา แต่ตอนนี้อบิเกลต้องเลิกคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหายใจเบา ๆ ก่อนที่ชายตรงหน้าเธอจะเอ่ยพูดบางอย่างออกมา
“จะรออีกนานไหมเอ่ย? คุณเมอร์รัล”
“อ๊ะ...ขอโทษค่ะ”
อบิเกลกล่าวขอโทษพร้อมกับเดินตรงไปข้างหน้าเธอนั่งลงกับเก้าอี้กลมสีน้ำตาล ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอท่าทางแต่ละคนกำลังซุบซิบกันอย่างไม่คาดคิดว่าชายผู้นั้นจะมีทายาทหรือญาติด้วยหรือคนที่นามสกุลคล้ายกัน แต่บางคนกลับมองด้วยสายตาสงสัยว่าช่างกล้ามาเรียนที่นี่ได้อย่างใด รองศาสตราจารย์บลัดเวิร์ทมองว่าเด็กน้อยพร้อมเต็มที เขาก็วางหมวกคัดสรรลงบนหัวของเด็ก ไม่ช้าหมวกคัดสรรขยับและพูดขึ้น
“อ๊า~ เป็นเด็กที่มีความกล้า บ้าบิ่นอย่างกับกริฟฟินดอร์ ความตั้งใจ อ่อนน้อมอย่างฮัฟเฟิลพัฟ ความฉลาดและสร้างสรรค์อย่างเรเวนคลอ เป็นผู้นำและเด็ดขาดอย่างสลิธีริน ช่างเป็นเด็กที่เลือกบ้านยากจริง ๆ อืมมมม ช่างคล้ายกับพ่อของเธอ แต่เขาไม่อยากไปอยู่สลิธีริน”
“พ่อ?” อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็ตกใจว่าหมวกคัดสรรพูดหมายความว่าอะไร
“อืมมมม เลือกยากเสียจริง...เจ้าหนู...”
“ถ้าคุณรู้จักพ่อหนู...หนูไม่เหมือนเขา...หนูไม่เลือกว่าตัวเองจะอยู่บ้านไหน...เพราะยังไงหนูก็คือหนู ไม่ใช่ใคร...”
“อ๊า~ เป็นคำพูดที่ดี คัดไปอยู่! สลิธีริน!!”
“โอ้ววววว!!” เสียงสกอร์เปียสดังขึ้นอย่างดีใจที่เพื่อนสนิทได้อยู่บ้านเดียวกัน
“อบิเกลลลล~” ลูน่าพูดทั้งน้ำตาที่เพื่อนตัวเองอยู่บ้านเดียวกัน ไม่งั้นคงได้เหงาในบ้านนี้แน่ ๆ
รองศาสตราจารย์ค่อย ๆ จับหมวกคัดสรรขึ้นจากศีรษะของเด็กน้อย แต่แล้วอบิเกลหันไปหาหมวกคัดสรรทันที
“เดียวค่ะ...”
รองศาสตราจารย์ได้ยินเด็กน้อยเอ่ยเรียก “มีอะไรเหรอ? เด็กน้อย”
“หนูขอคุยกับหมวกคัดสรรได้ไหมคะ?”
“ขอโทษนะ ไว้ครั้งหน้าละกัน เราต้องดำเนินงานต่อ”
“...” อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็เคารพการตัดสินใจของอีกฝ่าย “เข้าใจแล้วค่ะ รองศาสตราจารย์...”
อบิเกลเดินลงมาจากลานแล้วตรงไปยังโต๊ะบ้านสลิธีริน พวกรุ่นพี่สลิธีรินต่างยินดีต้อนรับที่เด็กคนทุกท้ายได้มาอยู่บ้านเดียวกับพวกเขา หลังจากนั้นศาสตราจารย์ใหญ่ก็ได้พูดต่อจนกระทั่งถึงเวลาอาหารทุกคนต่างสนใจกับอาหารตรงหน้า อบิเกลมองภาพตรงหน้าที่ทุกคนกำลังสนใจอาหาร เธอมองอาหารตรงหน้าอย่างอ่ำ ๆ อึ้ง ๆ เธอไม่เคยกินอาหารที่ดูดีจนหาอะไรเปรียบไม่ได้ ของกินเธอส่วนใหญ่จะเป็นพวกเนื้อแดดเดียว ขนมปังแข็ง ผักต้ม หรือไม่ก็ซุปอุ่น ๆ ที่อาสก็อตจะหามาให้เธอ แต่หลัง ๆ โดนเดลล่าสั่งห้ามนำของกินแบบนั้นให้ฉันกินเลยได้ยินอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยกิน แต่พอมองของตรงหน้าก็ลำบากใจหน่อย ๆ ลูน่าที่กำลังกินอย่างมีความสุขก็มองอีกฝ่ายที่ยังไม่แตะอาหารแต่อย่างใด
“ไม่กินเหรอ? อบิเกล”
“อ๊ะ...ก็แบบว่า...ฉันไม่เคยกินอะไรที่...มันน่ากินแบบนี้เลยนะ”
“พูดจริงเหรอ? แล้วทุกทีกินอะไรนะ”
“ส่วนใหญ่จะเป็นขนมปังแข็ง ๆ กับเนื้อแดดเดียว แล้วก็ผักต้มนะ”
“อ๊ายยยย! นั้นมันอาหารของนักเดินทางชัด ๆ อบิเกลต้องกินเยอะ ๆ เลย” ลูน่าหยิบตักให้อบิเกลอย่างรวดเร็วทันที จนตรงหน้าของเธอมันพูนขึ้นสูงกว่าตัวเธอ
‘เหอะ ๆ เยอะไปแล้วนะ...ลูน่า...’ อบิเกลคิด
มื้ออาหารที่ไม่เคยคิดจะได้กินอย่างเอร็ดอร่อยแบบนี้อบิเกลไม่อยากออกจากจุดนี้ไปจริง ๆ จนกระทั่งถึงเวลาเลิก พรีเฟ็คของแต่ละบ้านกำลังเตรียมตัวพาเด็กใหม่ไปยังหอพักประจำบ้าน แต่ว่าทางที่กำลังจะไปนั้นทุกคนกำลังครุ่นคิดว่าทำไมมันถึงดูลึกลับและดูน่ากลัวชอบกล พวกเขากำลังเดินไปตามทางสีเขียวดำก่อนจะลงไปยังบันไดหินที่ลงไปเหมือนชั้นใต้ดิน ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างสงสัยว่าหอของพวกเขาคงไม่ได้อยู่ชั้นล่างสุดของปราสาทใช่ไหม พวกพรีเฟ็คก็ยังเดินนำและอยู่รั้งท้ายไม่ให้เด็ก ๆ แต่แถวกันพวกเขาจากที่ดู ๆ พรีเฟ็คมีทั้งหมดหกคนที่นำทางพวกเด็กใหม่มายังหอ พวกเขากำลังเร่งฝีเท้าเดินนำจนกระทั่งมาถึงกำแพงใหญ่ที่มีรูปปั้นงูขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ทำเอาเด็กหลายคนที่เห็นถึงกับหยุดชะงักกันเลยทีเดียว บางคนก็สลบลงไปอย่างรวดเร็วจนพรีเฟ็คบางคนต้องรีบเข้ามาดู
“สลบไปแล้ว...” พรีเฟ็คหญิงเอ่ยขึ้น
“เป็นเรื่องปกติของทุกปี...เด็กบางคนที่มาอยู่ที่นี่ไม่ค่อยมีใครเหมาะกับบ้านนี้เท่าไหร่...แต่ต้องพยายามนะ” พรีเฟ็คหนุ่มเอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่
“อะแฮ่ม! อย่าฟังที่เขาพูดดีกว่าเด็ก ๆ เอาล่ะคนอื่น ๆ ช่วยพยุงเพื่อเดียวเราจะเข้าไปข้างในกัน”
เด็กบางคนมองกันด้วยสายตาบ่ายเบี่ยงกันว่าให้คนนั้นคนนี้ทำ อบิเกลมองก็ไม่สนใจเท่าไหร่ อยากช่วยอยู่หรอก แต่เธออยู่ห่างจากเด็กคนที่สลบพอควร
“ถ้าคนใกล้ ๆ ไม่ช่วยเพื่อน ฉันจะสั่งให้ไปวิ่งสิบรอบ!!”
พรีเฟ็คหญิงกล่าวขึ้นมาแบบนั้นทำเอาเด็กใกล้ ๆ รีบช่วยพยุงทันที เธอเห็นน้อง ๆ รีบช่วยกันตามคำขู่ของเธอก็พอใจทีเดียวก่อนจะนึกบางอย่างได้
“อ๋อ ฉันลืมแนะนำตัวไป ฉันคามิว โฟลด์ อยู่ปี 7 เป็นพรีเฟ็คของบ้าน”
พรีเฟ็คหญิงแนะนำตัวกับรุ่นน้องตรงหน้า แต่บางคนทำหน้าเหมือนกับคิดว่าไม่ได้อยากรู้จักอีกฝ่ายเลย แต่อบิเกลสนใจเพราะเพื่อขอคำแนะนำเวลาอยู่ในโรงเรียนได้ ระหว่างนั้นคามิวก็กล่าวพูดต่อ
“พวกเธอมีปัญหาอะไรมาขอความช่วยเหลือจากพวกเราได้และถ้าพวกเธอทำผิดกฎพวกเราก็สามารถเอาไปแจ้งครูได้เช่นกัน ขอให้เข้าใจนะ”
“เข้าใจครับ/ค่ะ”
“ดี!!”
อบิเกลมองอย่างแปลกใจก่อนหน้ายังขู่พวกเด็กใหม่ที่ไม่ช่วยเพื่อนอยู่เลย แต่ตอนนี้อีกฝ่ายควบคุมเด็ก ๆ ได้อย่างว่านอนสอนง่ายแบบรวดเร็ว แต่เธอไม่คิดเลยว่าภายในบ้านสลิธีรินจะมีคนใจดีในหมู่พวกน่ากลัวแบบนั้น เพราะคนส่วนใหญ่จะบอกว่าบ้านนี้นั้นมีแต่คนเลวที่ออกมากลายเป็นพ่อมดแม่มดฝ่ายร้าย เพราะแบบนี้ทำให้เธอมีคำถามกับพวกที่อยู่ที่นี่คิดจนเธอยกมือขึ้นมาให้พวกเขาเห็น คามิวเห็นเด็กหญิงที่ยกมือเธอจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“มีอะไรจะถามจ๊ะ? เมอร์รัล”
เด็กทุกคนต่างหันไปมองอบิเกลว่าเธอมีอะไรจะถามรุ่นพี่กัน เพื่อนสองคนของเธอก็สนใจว่าอีกฝ่ายนั้นมีอะไรจะถามกัน
“ขอเสียมารยาทนะคะ รุ่นพี่...ทำไมทุกคนถึงคิดว่าบ้านสลิธีรินเลวร้ายจนไม่มีคนอยากอยู่ค่ะ โดยที่พวกพี่ ๆ ก็ดูใจดีเหมือนกัน”
“…” คามิวได้ยินคำถามของรุ่นน้องก็อึ้งไปเลย
จนคนอื่น ๆ ต่างมองว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำให้รุ่นพี่คนนี้โกรธหรือเปล่า แต่ว่าพรีเฟ็คหญิงคนนี้ก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะมองพวกรุ่นน้อง
“พี่รู้นะว่าพวกเราหลายคนคงได้ยินอำนาจของบ้านสลิธีรินมาเยอะว่ามีแต่คนอยู่ฝ่ายมืดหรือว่ากลายเป็นผู้เสกความตาย แต่พวกเราก็ไม่ได้มีแค่พวกย่ำแย่นะ พวกเราก็มีคนเป็นฝ่ายดี การที่ทุกคนเป็นอะไรมันก็ขึ้นกับตัวของพวกเขาเอง นอกจากบ้านเราก็มีบ้านอื่นที่ไปอยู่ฝ่ายมืดนะ”
“มีด้วยเหรอครับ?” นักเรียนปีหนึ่งคนหนึ่งพูดขึ้น
“มี...แต่ก็ส่วนน้อย...ไม่เหมือนบ้านสลิธีรินที่เยอะกว่า...แต่พี่ ๆ อยากให้พวกเธอเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าบ้านเราไม่ใช่ว่ามีแต่คนเลว คนดีก็มี...อย่างพวกเธอที่จะเดินไปในเส้นทางไหน?”
เด็กปีหนึ่งได้ฟังคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกกินใจมาก ๆ พร้อมกับตบมือกันอย่างชอบคำพูดอีกฝ่าย คามิวมองทุกคนก่อนจะมองมาทางอบิเกลพร้อมกับยิ้มให้
“เหมือนเธอสาวน้อย...เธอชอบไหมที่มีคนมองว่าครอบครัวนั้นเลวร้าย โดยที่ไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาว่า”
“หนูไม่ชอบค่ะ ทุกคนเอาแต่ว่าพ่อของหนูว่าเป็นคนเลว...โดยที่พวกเขายังไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง พวกเขาคิดว่าพ่อหนูทำจริงหรือเปล่า? นั้นเป็นคำถามในหัวหนู...ว่าพ่อหนูแค่เกี่ยวข้องกับชายคนนั้น ทำไมต้องตราหน้ากันอย่างกับเป็นฆาตกร...”
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดที่เด็กตัวเล็กเอ่ยออกมาทำให้เหล่าพรีเฟ็คมีความคิดที่เปลี่ยนไปในทันใด คามิวที่ได้ยินก็ยิ้มอ่อน ๆ ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ
“นั้นล่ะ ก็เหมือนพวกเขาสลิธีริน พวกเราไม่ได้เลวร้าย พวกเราเหมือนคนมีอำนาจ แต่พวกเราจะเปลี่ยนตรงนั้นกลายเป็นคนที่มีความสง่างามที่เหมาะกับคำว่าหรูหรา แต่ก็มีคนชอบความคิดของเราล่ะนะ ยกเว้นบางจำพวกล่ะนะ”
“ยกเว้นบางจำพวก? เป็นคำพูดที่เจ็บแสบจังนะ!” เสียงปริศนาดังขึ้น
ทุกสายตาต่างมองไปที่ต้นเสียงที่กำลังเดินมาทางที่ทุกคนอยู่ กลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้ แต่ว่ากลุ่มนั้นกับเป็นเด็กบ้านสลิธีรินด้วยกันจนพวกเด็ก ๆ มองกันอย่างสงสัยว่าคนกลุ่มนี้มาทำอะไรกันตรงนี้ เพราะว่าส่วนใหญ่กลับเข้าหอไปก่อนที่พวกเขาจะเข้ามา แต่อบิเกลกับรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างว่าคนกลุ่มนี้ไม่น่าจะใช่คนดีแน่ ๆ และยิ่งดูจากส่วนสูงของแต่ละคนน่าจะอยู่ระดับพวกปีห้าถึงปีเจ็ดเป็นแน่ ภายในกลุ่มนั้นมีตั้งแต่ชายหกคนหญิงสี่คน พวกเขากำลังเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นจนพวกพรีเฟ็คเข้ามาดักหน้าทั้งกลุ่มนั้นไม่ให้เข้ามาใกล้เด็ก ๆ ด้วยสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“พวกนายมาทำอะไรแถวนี้!? พวกเราบอกแล้วนะ ว่าให้พวกนายรุ่นพี่ทุกคนรอต้อนรับน้อง ๆ ในบ้านนะ!?"
“เรื่องสิ? ทำไมพวกเราต้องมาเสียสละเวลาของตนเองให้พวกเจ้าลูกเจี๊ยบที่พึ่งเข้ามาด้วยล่ะ?”
กลุ่มผู้ชายพวกนั้นต่างเดินตรงมาที่รุ่นพี่ก่อนจะผลักอีกฝ่ายจนเซไปชนเด็ก ๆ ที่ยืนเรียงหน้ากระดาน ทุกคนต่างรีบช่วยพยุงรุ่นพี่ไม่ให้มาทับพวกเขาจนพวกเด็ก ๆ ต่างมองรุ่นพี่กลุ่มนี้ด้วยความไม่พอใจ พรีเฟ็คหนุ่มหัวใจเกือบวูบนึกว่าจะล้มทับน้อง ๆ ดีที่น้อง ๆ ช่วยเขา ก่อนที่เขาจะหันขวับไปมองกลุ่มชายตรงหน้า
“นี่พวกนาย!! ไม่เกรงใจน้อง ๆ เลยนะ”
“เกรงใจทำไม?” ชายหนุ่มที่มีผมสีน้ำตาลผลักอีกฝ่ายอีกครั้ง
พรีเฟ็คหนุ่มพยุงตัวเองทันก่อนจะมองอีกฝ่าย “นายคงไม่ลืมนะว่าตัวเองเป็นรุ่นพี่ อย่ามาทำตัวเป็นอันธพาลแถวนี้ โคลสัน!!”
“ฉันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉัน!! คูลูมัส” ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า โคลสันจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ “อย่ามาเสือกไม่เข้าเรื่อง”
“นายเป็นแบบนี้ไง พวกเด็ก ๆ แต่ละปีถึงไม่เคารพคนอย่างแกนะ!!”
“แกกล้าพูดแบบนี้งั้นเหรอ? เจ้าพวกเลือดสีโคลน!!”
“ห๊า!!”
คำพูดของรุ่นพี่ทำเอาเด็ก ๆ บางคนต่างงุนงงว่าคำว่าเลือดสีโคลนหมายความว่าไง แต่เด็กบางคนรู้ดีว่าหมายความว่าไงก่อนจะมีคนอธิบายว่าพวกพ่อมดแม่มดบางส่วนชอบเรียกผู้ที่เกิดจากมักเกิ้ลว่าพวกเลือดสีโคลนเพราะไม่มีความเป็นผู้วิเศษเลยสักนิด อบิเกลที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมากจนเธอกำหมัดแน่น คำพูดนั้นช่างเป็นคำหยาบที่น่ารังเกียจที่สุดที่เธอเคยได้ยินจริง ๆ จนโคลสันก็พูดอีกทำให้คูลูมัสโกรธเคืองเช่นกันจนอบิเกลตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง
“หุบปากเน่า ๆ ของแกซะ!! ไอ้หนูโสโครก!!”
ทุกสายตาจับจ้องมาที่อบิเกลที่ตะโกนประโยคนั้นออกมาจนเจ้าตัวที่โดนด่าทอแบบนั้นก็รู้สึกอารมณ์ต่าง ๆ พุ่งขึ้นมาทันที
“แกว่าไงนะ!!”
“ไอ้หนูโสโครก!!” อบิเกลเอ่ยพูดอีกครั้งอย่างไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย
ทุกคนต่างหน้าซีดที่อีกฝ่ายไม่ยอมหยุดที่จะพูดซ้ำจนลูน่ากอดแขนอีกฝ่ายให้ห้ามพูด แต่อบิเกลไม่สนใจจนชายตรงหน้าผลักคูลูมัสออกไปก่อนจะตรงดิ่งมาหาเด็กหญิงแล้วกระชากคอทันที พวกพรีเฟ็คเห็นแบบนั้นก็ตกใจแล้วรีบเข้าไปช่วยเด็กทันที
“แม็กนัส!!” พรีเฟ็คคนหนึ่งรีบเดินเข้าไปจับมืออีกฝ่าย “ปล่อยเด็กเดี๋ยวนี่นะ!!”
“เรื่องสิ เจ้าเด็กนี่กล้าเรียกฉันว่าหนูโสโครกเหรอ? ฉันจะเสกแกให้เป็นหนูจริง ๆ !!” แม็กนัสหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา
สกอร์เปียสเห็นแบบนั้นก็รีบไปจับมืออีกฝ่ายให้ปล่อยอีกฝ่าย “ปล่อยเพื่อนผมนะ!!”
คามิวเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา เธอก็รีบเข้าไปยกมือข้างนั้นของอีกฝ่ายขึ้น “ถ้านายทำร้ายเด็ก! ฉันจะเสกให้นายเป็นกบเช่นกันแน่ ๆ ปล่อยเด็กเดียวนี้!! แม็กนัส!”
“ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ” แม็กนัสไม่พอใจที่มีแต่คนเข้ามาขัดขวางเขา
ก่อนที่แม็กนัสจะถีบทั้งคามิว พรีเฟ็คและสกอร์เปียสออกไปอย่างรุนแรง อบิเกลเห็นแบบนั้นก็โกรธเคืองกับสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำแบบนั้นกับรุ่นพี่และเพื่อนของเธอ อบิเกลหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับชี้ไปทางอีกฝ่ายที่อยู่ตรงหน้าเธอจนอีกฝ่ายเห็นปลายไม้กายสิทธิ์ก็ตะลึงก่อนที่อบิเกลจะร่ายคาถาใส่
“เอกซ์เปลลิอาร์มัส!!”
ปลายไม้มีแสงสว่างสีแดงพุ่งตรงออกมาใส่แม็กนัสเข้าอย่างจัง คาถาที่อบิเกลร่ายคือคาถาปลดอาวุธแต่ทว่ามันดูไม่เหมือนคาถาปลดอาวุธ มันกลับพุ่งใส่อีกฝ่ายจนกระเด็นลอยไปข้างหลังจนกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง พวกเพื่อน ๆ ของแม็กนัสต่างรีบวิ่งกันไปดูเพื่อนทันทีที่มีอาการจุกท้องอย่างมาก พวกเด็ก ๆ เห็นก็จุกแทนจริง ๆ พรีเฟ็คเห็นกระทำของรุ่นน้องก็ตกใจที่นอกจากร่ายคาถารักษาได้นั้นคาถาปลดอาวุธก็ยังร่ายได้เก่ง พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีน้องใหม่ที่แข็งแกร่งแบบนี้ ก่อนที่เพื่อนของแม็กนัสจะเอ่ยถามอีกฝ่าย
“แม็กนัส นายไม่เป็นไรนะ!!” เพื่อนสาวคนหนึ่งพูดขึ้น แล้วช่วยอีกฝ่ายพยุงขึ้น
“ลุกไหวไหม เพื่อน?” เพื่อนชายพยุงตัวอีกฝ่ายขึ้นมา
“ปล่อย!!” แม็กนัสกล่าวขึ้นเขาเงยหน้าขึ้นมามองเด็กหญิงก่อนจะยกมือชี้หน้ามาทางเด็กชี้หน้าไปทางเด็กหญิงที่ทำเข้าแบบนี้ “แก!! เมอร์รัล!! แกได้เห็นดีแน่!!”
คำกล่าวนั้นไปพร้อมกับการเดินหนีไปอย่างรวดเร็วจนทุกคนต่างมองว่าอีกฝ่ายนั้นโดนเด็กหญิงเล่นงานทีเดียวถึงกับหนีเลยเหรอ แต่ว่าพวกพรีเฟ็คเห็นอีกฝ่ายเดินหนีไปก็คิดเลยว่าอีกฝ่ายคงเอาเรื่องที่รุ่นน้องเล่นงานตัวเองโดยใช้ไม้กายสิทธิ์ไปฟ้องอาจารย์แน่ พวกเขาส่ายหน้าอย่างไม่ชอบใจจนคามิวหันไปหาอบิเกลที่กำลังเก็บไม้กายสิทธิ์ของตนเอง
“เมอร์รัล เมื่อกี้เธอไม่ควรทำอย่างนั้นเลยนะ พวกนั้นต้องเอาไปฟ้องอาจารย์แน่ ๆ”
“หนูไม่สนหรอกค่ะ จะโดนไล่ออกก็ช่าง เพราะยังไงหนูเชื่อว่าอาจารย์จะรับฟังหนูที่ช่วยรุ่นพี่จากพวกที่ใช้เท้าถีบรุ่นพี่กับเพื่อนหนูมากกว่า” อบิเกลหันไปหาสกอร์เปียสที่ลุกมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ “นายไม่เป็นไรนะ? มัลฟอย”
“อืม แค่นี้เอง...ไม่มีอะไรมากหรอก...”
คามิวมองอีกฝ่ายที่กล่าวถามเพื่อนอย่างเป็นห่วงก่อนที่เธอจะพูดต่อ “อย่ามั่นใจมากนะ เมอร์รัล บ้านแม็กนัสเป็นพวกพ่อมดแม่มดที่มีชื่อเสียงนะ”
“เธอพูดแบบนั้นทำอย่างครอบครัวเมอร์รัลไม่ใช่ครอบครัวโด่งดังเลยนะ ครอบครัวเมอร์รัลเคยเป็นครอบครัวพอตเตอร์เชียวนะ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นนะ”
คามิวเอาข้อศอกกระแทกใส่พรีเฟ็คชายที่กล่าวแบบนั้นถึงครอบครัวรุ่นน้องอย่างไม่ดูสถานการณ์อะไรสักอย่าง
“โอ๊ย เจ็บนะ รุ่นพี่...”
“นายเกรงใจรุ่นน้องก็ดีนะ”
“อ๊ะ...โทษที...”
“ช่างเถอะค่ะ คำพูดของรุ่นพี่ก็แค่เปรียบบ้านหนู...แต่หนูก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับชายคนนั้น...หนูไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนั้นหรอกค่ะ”
“แต่เมื่อกี้เธอสน” คามิวเอ่ยพูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า
“คติประจำใจหนูมีสองเรื่อง หนึ่ง ใครเดือดร้อนต้องช่วยถ้าอยู่ใกล้ ๆ ส่วนสองใครเดือดร้อนแล้วไม่ได้เรื่องของหนู หนูไม่ยุ่งด้วย”
“เป็นคติที่...”
“แปลกสุด ๆ”
“ใช่”
“แต่ก็ขอบคุณนะ เมอร์รัลที่ช่วยพวกพี่”
“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่หนูว่ารีบ ๆ ให้ทุกคนเข้าหอดีกว่านะคะ เพราะว่าตอนนี้ชั้นใต้ดินมันเริ่มหนาวแล้วนะคะ”
พอเด็กน้อยพูดแบบนั้น พวกพรีเฟ็คทุกคนก็ยังกังวลว่าเด็กหญิงจะมีปัญหาอะไรไหม แต่ตอนนี้เขาต้องการให้รุ่นน้องเข้าบ้านเสียก่อน พวกเขาหันไปทางรูปปั้นงู คามิวก็พูดออกมาอย่างเสียงดังด้วยการแกว่งไม้กายสิทธิ์ด้วยว่า ‘บัตเตอร์เบียร์เพิ่มฟอง’ พวกปีหนึ่งได้ยินก็ต่างมองหน้ากันอย่างขำ ๆ ที่รหัสของบ้านดูแตกต่างจากสภาพบ้านสุด ๆ พวกพรีเฟ็คก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะรหัสนี้เป็นรหัสที่พวกผู้ใหญ่จะเป็นคนตั้งไม่ใช่พวกเขา พอร่ายรหัสนั้นรูปปั้นงูก็มีการขยับเป็นวงกลมจนกระทั่งมีประตูปรากฏขึ้นแล้วประตูก็เปิดออก พวกเขาให้รุ่นน้องเดินเข้าไปกันก่อน ทุกคนต่างเดินกันเข้าไปตามทางจนมาถึงห้องนั่งเล็กใหญ่ที่ดูโอ่อ่าและเก่าแก่ มีการตกแต่งด้วยโทนสีเขียวดำ มีขั้นบันไดให้เดินลงทุกคนต่างลงกันไปอย่างรวดเร็ว ภายในห้องนั่งเล่นก็มีเหล่านักเรียนบางคนที่รอต้อนรับน้อง ๆ ทุกคน คามิวเดินลงตามมาก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นเมื่อทุกคนยืนอยู่ตรงขั้นบันได
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ยินดีต้อนรับสู่บ้านสลิธีรินอีกครั้ง ถึงก่อนหน้าจะมีเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่ต้องห่วงพวกพี่ ๆ หลายคนเป็นคนดีจะช่วยน้อง ๆ เท่าที่ทำได้ แต่เรื่องเรียนพวกเราบางคนอาจจะไม่อยากสอนพวกเธอเท่าไหร่นะ”
เด็กปีหนึ่งต่างหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุก แต่ก็มีบางคนก็ลำบากใจว่าถ้าไม่เข้าใจแล้วจะถามใครได้ล่ะ
“ล้อเล่นนะ ไม่ต้องห่วง พวกพี่ ๆ ช่วยได้ตลอดล่ะ”
คามิวเลิกแกล้งน้อง ๆ เด็ก ๆ โล่งใจเล็กน้อย ก่อนที่พวกพรีเฟ็คจะปล่อยให้พี่ ๆ บางส่วนเข้ามาทักทายน้อง ๆ บางส่วนทันที น้องบางคนก็เป็นที่สนใจของรุ่นพี่อย่างเช่นอบิเกลที่มีคนสนใจถึงการที่เธอเป็นลูกหลานของบ้านเมอร์รัล มีแต่คนสงสัยว่าเป็นครอบครัวเดียวกับชายที่เคยเป็นน้องชายของแฮร์รี่พอตเตอร์ไหม อบิเกลไม่พูดอะไรมากอยู่แล้วก่อนที่รุ่นพี่คามิวจะตบมือหนึ่งครั้งจนทุกคนหันไปมอง
“เอาล่ะ หมดเวลาทำความรู้จักกันแล้วนะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเราจะให้น้อง ๆ ไปพักผ่อนสำหรับเรียนวันแรก พวกน้อง ๆ ตามพวกพี่พรีเฟ็คไปกันได้เลย ฝั่งชายตามพวกพี่ชาย ฝั่งหญิงตามพวกพี่สาวกันนะ หน้าห้องจะมีชื่อของแต่ละคนอยู่ว่าได้อยู่ห้องไหนกันนะ!!”
“ครับ/ค่ะ”
“เอาล่ะ!! ปีหนึ่งตามพี่มาเร็ว” พรีเฟ็คชายคนหนึ่งเดินนำทางรุ่นน้องไปยังทางหอพักชาย
พอรุ่นพี่นำทางพวกนักเรียนชายต่างพากันเดินตามรุ่นพี่ไปยังฝั่งชาย สกอร์เปียสเห็นแบบนั้นก็หันไปทางพวกอบิเกล
“รู้สึกว่าจะต้องแยกกันแล้วนะ เมอร์รัล คุณลองบัตท่อม”
อบิเกลมองอีกฝ่ายที่เรียกเธอกับลูน่าด้วยนามสกุลทำเอารู้สึกแปลก ๆ ชอบกล “ฉันว่าพวกเราเป็นเพื่อนฉันควรเรียกชื่อดีกว่านะ”
“จะดีเหรอ?” สกอร์เปียสถามอย่างสงสัย
“ได้สิ ถือว่าเป็นเพื่อนกันนะ มัล...ไม่สิ...สกอร์เปียส”
“อ๊ะ...” สกอร์เปียสฟังอีกฝ่ายเรียกชื่อเขาแล้วมันรู้สึกจั๊กจี้ที่หัวใจแปลก ๆ “อะ...อบิเกล...”
“จั๊กจี้แปลก ๆ แหะ...ไม่เคยมีผู้ชายเรียกชื่อฉันน้องจากครอบครัวเลยนะ”
“ฉันก็เหมือนกัน...”
“นี้ ๆ เรียกฉันด้วยสิ...” ลูน่าเสนอตัวเข้ามาเธอก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งก็อยากโดนเรียกเหมือนกัน
“อ๊ะ...เอ่อ...เอ่อ...ลูน่า...”
เขาเอ่ยอย่างไม่อายอะไรต่างจากตอนอบิเกล ทำเอาลูน่ารู้สึกว่าทำไมการเรียกของอีกฝ่ายต่างจากตอนที่เรียกอบิเกลชอบกล
“เอาล่ะ นายไปได้แล้วทุกคนไปกันหมดแล้ว”
“อืม เจอกันพรุ่งนี้! ฝันดีสาว ๆ !” สกอร์เปียสโบกมือลาพร้อมกับเดินตามรุ่นพี่ไปยังฝั่งผู้ชาย
ลูน่าที่มองด้วยสายตากรุ้มกริ่มที่มีเด็กหนุ่มมาราตรีสวัสดิ์พวกเธอด้วยยิ่งรู้สึกแปลก ๆ เข้าไปอีก แต่ว่าอีกฝ่ายก็ดูน่ารักดีเหมือนกันจากที่มอง ๆ
“เขาน่ารักนะ ไม่น่าเป็นคนของครอบครัวมัลฟอยนะ”
“ถึงเขาเป็นใครก็ขึ้นกับนิสัยเขาล่ะว่าจะไปทางไหนดีหรือร้ายนะ”
“ก็จริงนะ”
ระหว่างที่กำลังรอเวลาพวกพี่ ๆ พรีเฟ็คกำลังให้นักเรียนหญิงไปยังหอฝั่งหญิงอยู่นั้นก็มีเสียงประตูเปิดอย่างดังก้องจนมาถึงทางเดินที่เข้ามายังห้องนั่งเล่น ทุกคนต่างหันไปมองก็พบกับบุคคลที่ลงมา ศาสตราจารย์ใหญ่กับอาจารย์ประจำบ้านสลิธีรินที่กำลังเดินลงมาพร้อมกับพวกแม็กนัส คามิวเห็นสถานการณ์ตอนนี้ทำให้เธอต้องรีบเดินเข้าตรงดิ่งไปหาอบิเกลแล้วบังตัวเธอไว้เพื่อปกป้องเด็กของบ้านเธอ อบิเกลเห็นก็มองอย่างประหลาดใจที่รุ่นพี่ปกป้องเธอขนาดนี้
“ศาสตราจารย์ใหญ่ อาจารย์มิลเกรด”
“สวัสดียามเย็นคุณโฟลด์และ...คุณนักเรียนใหม่ตัวก่อกวนในบ้านสลิธีริน” อาจารย์มิลเกรดพูดประชดประชันเด็กใหม่อย่างอบิเกล
น้ำเสียงอันไม่น่าฟังของผู้ใหญ่ตรงหน้าทำเอาอบิเกลโผล่หน้ามามองด้วยสายตาไม่พอใจว่าคนตรงหน้าเป็นใครกันแน่ แล้วดูสีหน้าอีกฝ่ายนั้นดูไม่ชอบเธอพอ ๆ กับที่เธอนั้นก็ไม่ชอบอีกฝ่ายเช่นกัน ก่อนที่ศาสตราจารย์ใหญ่จะเอ่ยพูดขึ้น
“คุณเมอร์รัล เราคงต้องคุยกันหน่อยเรื่องการใช้ไม้กายสิทธิ์ของเธอนะ”
อบิเกลได้ยินแบบนั้นเธอรู้สึกเลยว่าตัวเองนั้นกำลังจะโดนใส่ความบางอย่างแน่ ๆ “ได้ค่ะ ศาสตราจารย์ใหญ่ แต่หนูก็อยากรู้ว่าบางคนแถวนี้ไปฟ้องอะไรอาจารย์มั้งคะ?”
จบตอนที่ 7 โปรดติดตามตอนที่ 8 ต่อไป