อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิตอบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
++คำอธิบายจากนักเขียน++
สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง
เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง
เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย
สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป
มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ
แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ
บทนำของเรื่อง
อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา
อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ
ไปติดตามกันได้นะ
ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้
ตอนที่ 14 เพื่อนหรือบอดี้การ์ด
คาบเรียนทุกท้ายจบลงพร้อมมื้ออาหารยามเย็นอันเรียบง่ายของวันที่สอง อบิเกลใช้เวลากับการกินอาหารด้วยความรู้สึกอึดอัดหน่อย ๆ เพราะมีสายตาหนึ่งที่จ้องมองเธอด้วยสายตาไม่พึงพอใจ เนื่องจากตลอดการเรียนคาบบ่ายมีแต่เรื่องทำให้เธอโดนเด่นทุกครั้ง นั้นยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่ชอบใจที่เธอเด่นตลอดโดยที่เขาไม่ได้เด่นในสายตาใคร ยิ่งทำให้เขาอยากจะจัดการอีกฝ่าย แต่ก็มีพวกลูน่าตามคุ้มไม่ให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับอบิเกลจนถึงหอพัก ระหว่างเดินนั้นลูน่าก็พูดบางอย่างออกมา
“หมอนั้นไม่เลิกราเลยนะ เอาแต่จ้องอบิเกลไม่เลิก”
“ช่างหมอนั้นเถอะ ลูน่า” เอวากล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “หมอนั้นคงลืมว่าตัวเองก่อเรื่องอะไร ถึงเราจะเคยเป็นเพื่อนหมอนั้นแต่หมอนั้นทำนิสัยแบบนั้นก็อย่าไปยุ่งดีกว่า!!”
อบิเกลได้ยินก็มองสงสัยก่อนจะถามขึ้น “พวกเอวาเคยรู้จักกับวีสลีย์เหรอ?”
“ใช่” ฟาร่ากล่าวพร้อมกับเดินมาอยู่ข้างหลังอบิเกล
“พ่อพวกเรารู้จักกันตอนเรียนที่นี่ พวกเขาอยู่บ้านเดียวกันนะ”
“งั้นเหรอ...”
“อย่าไปใส่ใจเลย เรื่องของพ่อเราไม่ได้เกี่ยวกับเรา เราสามารถเป็นศัตรูกับหมอนั้นได้ ถ้าหมอนั้นมาทำอะไรกับเพื่อนเรา!!”
“ใช่ ๆ”
เหล่าสาว ๆ ต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย อบิเกลมองทั้งสี่ที่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย นั้นก็ยิ่งทำให้เธอมีคำถามขึ้นมาอีก
“แล้วแบบนี้เวลาพ่อพวกเธอรวมตัวกันและพาพวกเธอไปจะไม่เกิดปัญหาเหรอ?”
“ไม่หรอก อบิเกล พวกเรากับหมอนั้นก็เป็นผู้ชายกับผู้หญิงอยู่แล้ว หมอนั้นเล่นในแบบของเขา พวกเราก็เล่นในแบบของเรา”
“อืม...” อบิเกลหันไปมองตามทางเดิน แพนซี่ก็เข้ามาจับมือเธอ
“อบิเกลไม่ต้องคิดมากหรอกนะ...พวกเราเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง ถึงจะมีข่าวลือหรือข่าวจากผู้ใหญ่ว่าเธอกับคุณเมอร์รัลทำอะไร ถ้าพวกเราไม่เห็นอะไรกับตา เราก็จะไม่เชื่อ สองวันมานี่อบิเกลเปลี่ยนความคิดของหลายคนว่าเธอนั้นเป็นลูกหลานของชายที่ฆ่าครอบครัวตนเอง ยอมเสี่ยงตายปกป้องทุกคนในฮอกวอตส์ เธอเป็นคนดีเราไม่คิดว่าเธอเป็นคนเลวแน่ ๆ”
อบิเกลฟังคำพูดของอีกฝ่ายก็ทำให้เธอตระหนักถึงสิ่งที่อาสก็อตเคยกล่าว เมื่อไหร่ที่เราทำความดี เราจะได้สิ่งตอบแทนกลับมา แต่ส่งตอบแทนมาได้หลายรูปแบบ แต่เธอไม่เคยเห็นอาสก็อตได้สักครั้ง เธออยากให้ความดีของอาสก็อตแสดงผลมั้ง เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย
“ขอบคุณนะ แพนซี่”
พวกเธอเดินกันจนผ่านประตูหอพักจนมาถึงห้องโถงใหญ่พวกเธอก็เตรียมตัวแยกย้ายกันกลับหอพักหญิงกัน
“เอาล่ะ เรากลับห้องพวกเรากันดีกว่า”
แพนซี่กล่าวก่อนที่ทุกคนจะเตรียมตัวเดินไปที่หอพักฝั่งหญิง สกอร์เปียสก็จับชายเสื้อของอบิเกลทันที นั้นทำให้อบิเกลที่กำลังจะเดินนั้นต้องหยุดชะงัก เธอหันไปมองอีกฝ่ายมีใบหน้าเศร้าหมอง
“เป็นอะไรนะ? ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้น?”
“พอจะแยกกันแล้ว ฉันรู้สึก...เหงาชอบกล...” สกอร์เปียสคอตกอย่างรู้สึกเศร้า “ฉันอยากเกิดเป็นผู้หญิงเหมือนอบิเกลจะได้อยู่ข้างอบิเกล”
อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตาโต เธอมองอีกฝ่ายเหมือนลูกหมาน้อยไม่ได้อยู่ข้างเจ้าของ ทำเอาเธอยิ้มขึ้นมาก่อนจะจับมืออีกฝ่าย
“อย่าพูดแบบนั้นเลยนะ นายนะเป็นตัวนายดีที่สุดแล้ว สกอร์เปียส”
“จริงเหรอ?”
“อืม ฉันชอบที่นายเป็นนายตอนนี้นะ”
สกอร์เปียสได้ยินแบบนั้นก็เกาแก้มอย่างเขิน ๆ ก่อนที่อบิเกลจะกล่าวลาและบอกเจอกันพรุ่งนี้ สกอร์เปียสได้แต่ยิ้มเขากำลังต้องเผชิญกับสิ่งที่เขาไม่รู้ว่าจะเจออะไร เขากำลังจะเดินหันหลังกลับไปที่ห้อง เขากำลังผ่านคนกลุ่มหนึ่งก็มีขาหนึ่งยื่นออกมาจากกลุ่มแล้วทำให้สกอร์เปียสล้มลงกับพื้นทันที
“อ๊าก!!”
คนกลุ่มนั้นหัวเราะออกมาอย่างขบขันที่อีกฝ่ายล้ม อบิเกลที่กำลังเดินก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องเธอก็ย้อนกลับมาดู สาว ๆ เห็นอบิเกลรีบเดินกลับไปที่ห้องโถงก็เห็นสกอร์เปียสล้มอยู่กับพื้น
“สกอร์เปียส!!” อบิเกลรีบเข้ามาพยุงตัวอีกฝ่าย “ไม่เป็นไรนะ?”
สกอร์เปียสเงยหน้าหันมามองก็เห็นอีกฝ่ายเข้ามาช่วย “ไม่เป็นไร...แค่ล้มนะ...”
“หึ ๆ ผู้ชายประสาอะไรล้มต้องมีผู้หญิงเข้ามาช่วย น่าอายสุด ๆ”
เสียงของชายคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวออกมา อบิเกลเงยหน้ามองผู้ชายผิวสีเอ่ยพูดออกมานั้นทำให้เธอไม่ชอบใจก่อนที่เธอจะคิดวิเคราะห์บางอย่างก่อนจะหันไปหาสกอร์เปียส
“มีคนสกัดขานายใช่ไหม?”
สกอร์เปียสได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ทำหน้านิ่งไม่ตอบอะไร อบิเกลเห็นแบบนั้นก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเจออะไร อีกฝ่ายคงเจอเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก นั้นทำให้เธอไม่ชอบใจสุด ๆ ก่อนจะลุกขึ้น
“สนุกมากหรือไง!? ที่ทำร้ายคนที่เขาไม่สู้นะ!!”
“อะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เจ้านั้นเดินสะดุดเองนี่น่า~ ฮ่า ๆ”
อบิเกลได้ยินแบบนั้นทำให้เธอรู้สึกโกรธมาก ๆ “แค่สะดุดเองงั้นเหรอ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่นะ!!”
“ทำไมเธอเข้าข้างเจ้าเด็กนี้ที่มีพ่อเป็นผู้เสกความตายหรือไง!?”
“อดีต!! นั้นคืออดีตของพ่อเขา ตอนนี้มันตัวเขา!! พวกนายมันก็ไม่ต่างจากคนชั่วที่เล่นงานคนดี ๆ”
“เธอว่าไงนะ!?”
“ก็ตามที่พูด ถ้าพวกนายกล้ามาแกล้งเพื่อนฉันอีก ฉันขอพูดเลยว่าหลังจากนี้ชีวิตนายมีแต่สะดุด นายทำให้ใครสะดุดนายก็จะสะดุดเหมือนคนคนนั้น!!”
“นี่เธอแช่งฉันเหรอ!?”
“ไม่รู้สินะ คิดไง?” อบิเกลยกยิ้มออกมา
เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงนั้นกับรู้สึกไม่พอใจเขากำลังจะเดินตรงมาทางอบิเกลที่จ้องมองเขาด้วยสายตาไม่เกรงกลัว แต่สกอร์เปียสรีบมาขวางทางข้างหน้า เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายโดนคนตรงหน้าเล่นงาน แต่ทว่าก็มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในห้องโถงก็เห็นสถานการณ์แปลก ๆ ก็ตะโกนเสียงดังทันที
“นายกำลังทำอะไรนะ!! ปีเตอร์!!”
เสียงคุ้นเคยดังขึ้นทำให้อบิเกลเงยหน้าขึ้นไปหาต้นเสียงก็เห็นรุ่นพี่คามิวกำลังเดินมาด้วยสีหน้าไม่พอใจกับสิ่งที่เห็น
“รุ่นพี่คามิว”
เด็กหนุ่มที่ชื่อปีเตอร์ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ที่มาเจอพรีเฟ็คโผล่มาเวลานี้ด้วย คามิวมองชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเธอก่อนจะมองเด็กสองคนนี้ช่วงนี้มีแต่เรื่องนี่แค่ผ่านมาสองวัน แล้วหลังจากนี้จะเป็นไงกันแน่
“พวกเธออีกแล้วเหรอ?”
อบิเกลกับสกอร์เปียสได้แต่ยิ้มแหะ ๆ ก่อนที่คามิวจะเท้าเอวมองกลุ่มพวกรุ่นน้องปีห้าที่เธอรู้จักดี
“พวกนายปี 5 กำลังจะทำอะไรน้องปี 1 กัน!?”
“เปล่าเลย ก็แค่...กำลังรับน้องใหม่” หญิงสาวคนหนึ่งพูด
“ใช่ ๆ แต่น้อง ๆ เขาแค่ระแวงเท่านั้น”
“รุ่นพี่คามิวจะมาใส่ร้ายเราอะไรอีกเหรอครับ?”
คามิวได้ยินคำกล่าวอ้างก็ทำให้เธอไม่ชอบใจ ก่อนที่อบิเกลจะพูดขึ้น
“ไม่ใช่เลยค่ะ!! พวกนั้นสกัดเท้าของสกอร์เปียสจนเขาล้ม หนูเลยเข้ามาช่วย หนูไม่พอใจเลยต่อว่าเขาไป เขาเลยลุกขึ้นมาจะทำอะไรก็ไม่รู้ค่ะ!!”
“หือ?”คามิวหันไปมองพวกปีห้าที่กำลังโดนเด็กฟ้องก็พยายามปฏิเสธทันที
“รุ่นพี่อย่าไปฟังเด็กนั้นนะ!!”
“จริงด้วย!! ปีเตอร์ไม่ได้ทำอะไรนะ!!”
“ใช่ ๆ”
“รุ่นพี่คามิวอย่าไปฟังเด็กนั้นนะ!!”
กลุ่มปีห้าต่างพากันปฏิเสธก่อนที่คามิวไม่พูดทำเพลงแต่อย่างใด เธอยกมือขึ้นที่มีไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาพร้อมกับร่ายคาถาหนึ่งออกมามันก็มีภาพโปร่งแสงของกลุ่มตรงหน้ากับสกอร์เปียสกำลังเดินกลับหอพักก็โดนหนึ่งในนั้นสกัดขาและหัวเราะเยาะเขา คามิวจ้องก่อนจะเงยหน้ามองพวกปีห้า
“จะอธิบายยังไง?”
พวกปีห้าได้แต่อ้ำอึ้งก่อนจะเดินออกไปกัน คามิวไม่รั้งเอาไว้ เพราะจะมีแต่ปัญหาแน่ ๆ จนคามิวหันมามองทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ
“รู้สึกว่าฉันไปไหนจะเจอพวกเธอสองคนมีแต่โดนคนหาเรื่องนะ”
“พวกเราไม่ได้อยากให้เกิดนี่ค่ะ!” อบิเกลกล่าว
“จ้า แล้วมัลฟอย ตอนนี้เธออยู่ห้องไหนนะ?”
“ตอนนี้ผมอยู่ห้องเดียวกับรุ่นพี่ที่เป็นพรีเฟ็คนะครับ พอดีแต่ละห้องของปีหนึ่งเต็มไปหมดแล้ว”
“เต็มเหรอ?”
คามิวฟังอย่างงุนงงว่าห้องพักมีเต็มได้ไง โดยที่พวกเธอกะไว้ว่าพวกปีหนึ่งที่จะเข้ามาเรียนนั้นจะมีสมาชิกเข้ามาเยอะเพียงใดแต่อีกฝ่ายบอกว่าห้องเต็มโคตรน่าแปลกใจ แต่เรื่องนี้เธอก็รู้อยู่แล้วหลังจากพวกหนุ่ม ๆ พรีเฟ็คบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้นฝั่งหอชาย แต่ไม่นึกว่าเกี่ยวกับเด็กปีหนึ่งที่ว่าจะเป็นเด็กชายตรงหน้าเธอ
“เอ่อ...มัลฟอย...ขอโทษด้วยนะ ที่ต้องให้เธออยู่กับพี่ ๆ เขาไปก่อนนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ...พวกพี่ ๆ เขาดีกับผมมากเลยครับ...”
คามิวได้ยินแบบนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกละอายใจกับคนของบ้านเธอจริง ๆ ก่อนที่จะมองทั้งสองคน “เอาล่ะ พวกเธอก็ไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ พรุ่งนี้มีเรียนอีกนะ”
“ครับ/ค่ะ!”
อบิเกลมองสกอร์เปียสที่ยังไม่ได้ไปไหน แต่เธอต้องให้อีกฝ่ายกลับไปพักผ่อนเพื่อพรุ่งนี้จะได้เจอกัน สกอร์เปียสพยักหน้าก่อนจะเดินจากไปฝั่งหอพักชาย เธอจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง ถ้าไม่มีกฎของหอพักเธอคงข้ามไปดูอีกฝ่ายกลับห้องอย่างปลอดภัย อบิเกลจ้องมองจนอีกฝ่ายหายไปยังไม่ไปไหนจนคามิวที่อยู่ข้าง ๆ เห็นก็แอบยิ้มหน่อย ๆ ก่อนจะแซวเด็กน้อยเสียหน่อย
“เลิกทำหน้ากังวลเหมือนแม่กำลังส่งลูกเข้าโรงเรียนวันแรกสิ อบิเกล”
“เอ๋!? หนูไม่ใช่แม่เขานะคะ!!” อบิเกลโดยพูดแบบนั้นก็แอบอาย ๆ ที่ตัวเองแสดงสีหน้าอะไรออกมา
“ไม่ต้องห่วงเดียวฉันให้พวกคนอื่น ๆ ช่วยดูแลสกอร์เปียสให้ ฉันว่าปีแรกเขาคงยังไม่มีเพื่อนเท่าไหร่ แต่สักปีสองปีเดียวเขาก็ได้เพื่อนเยอะแล้วล่ะนะ”
“เหรอคะ...?”
อบิเกลมองอีกฝ่าย แต่เธอก็ห่วงกลัวอีกฝ่ายจะมีเพื่อนยาก เพราะสิ่งที่ผู้ปกครองเคยทำ มันส่งผลถึงลูก ๆ ของเขาจะเจอกับความโหดร้ายของโลกแค่ไหน
“เอา ๆ พวกคุณลองบัตท่อมรอเธอแล้วนะ อบิเกล”
“เอ๋?”อบิเกลหันไปมองข้างหลังก็เห็นสาว ๆ รอเธอ “กำลังรอเหรอ?”
“ใช่สิ! เราไม่ยอมให้อบิเกลโดนเล่นแน่ ๆ”
“เมื่อกี้กำลังจะหยิบไม้ขึ้นมาร่ายคาถาที่อาจารย์ฟลิตวิกสอนมาใช้กับพวกรุ่นพี่พวกนั้นเลยนี่!!”
“ไฟแรงกันจังนะ แต่อย่าไปยุ่งกับพวกปีเตอร์ดีกว่า พวกนั้นมันพวกเดียวกับแม็กนัสนะ”
“ผู้ชายคนนั้นนะเหรอ?” อบิเกลนึกถึงชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่มาวุ่นวายตอนเข้าหอครั้งแรกของเธอขึ้นมาทันที
“ใช่ เจ้าบ้านั้นล่ะ หมอนั้นคุมพวกเด็กเกเรทั้งในบ้านเราและบ้านข้าง ๆ ได้เลยล่ะนะ”
“บ้านอื่นมีพวกเกเรด้วยเหรอ?”
“ใช่ เธอต้องระวังนะ อบิเกล เธอนี่ศัตรูเยอะกว่าที่ฉันคิดอีกนะ”
อบิเกลได้ยินแบบนั้นไม่อยากคิดเลยว่าตัวเองจะมีศัตรูอีกกี่คนภายในโรงเรียนนี้ แค่ข้างนอกก็มีแต่พวกผู้ใหญ่ ตอนนี้เธอกำลังมีรุ่นเดียวกันกับรุ่นพี่กำลังเป็นศัตรูกับเธอ พวกอบิเกลเดินกลับมาที่ห้องพัก ทุกคนต่างล้มลงนอนบนเตียงของใครของมัน พวกแพนซี่เตรียมที่จะไปอาบน้ำกัน ลูน่าก็จะไปด้วยจนเอวาหันมาถามอบิเกลที่ยังนอนอยู่
“อบิเกลไปอาบน้ำกัน”
“พวกเธอไปก่อนเลย...เดียวฉันไปเองได้”
“ไม่ได้นะ...พวกเราต้องไปด้วยกันสิ...”
“ไม่เป็นไร...เวลาพักแบบนี้คงไม่มีใครมาวุ่นวายกับฉันตอนอยู่ในห้องตัวเองหรอก พวกเธอไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
“แต่ว่า...”
“เอวา...” ลูน่าเอ่ยเรียกอีกฝ่าย
เอวาหันไปหาอีกฝ่ายที่เรียกเธอ ลูน่าส่ายหน้าแล้วเรียกเธอให้ไปด้วย เหมือนเธอรู้ว่าปล่อยอบิเกลพักไปสักเดี๋ยว แล้วพวกเธอค่อยกลับมาพาเธอไปอีกรอบก็ได้ ถ้ายังไม่ดื้อดึงอาจจะทำให้อบิเกลรำคาญ เอวามองลูน่าที่เหมือนกำลังสื่ออะไรกับเธอนั้นทำให้เธอถอนหายใจเบา ๆ
“งั้นอยู่นี่น่า เดียวพวกเราจะรีบกลับมา”
“จ้า...ไม่ต้องรีบกันนะ”
พวกสาว ๆ ต่างมองกันก่อนจะเตรียมชุดของตนเองแล้วเตรียมเดินออกไปห้องอาบน้ำกันโดยปล่อยให้อบิเกลอยู่ภายในห้องคนเดียวพอไม่มีคนอยู่ในห้อง อบิเกลก็ลุกขึ้นมานั่งถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจกับวันนี้ที่เป็นวันที่เธอรู้สึกหนักใจที่สุด เธอหยิบของต่าง ๆ ของตัวเองออกมาจนกระทั่งเธอหยิบหนังสือออกมาเธอจำได้ว่ามันคืออะไรก่อนจะเปิดไปหน้าหนึ่งก็เห็นหญิงสาวผมสีแดงอยู่ภายใน เธอหันหลังเมื่อหนังสือปิดแต่พอหนังสือเปิดออกเธอก็หันมามองเด็กน้อยที่เธอเจอกี่ครั้งก็ยิ้มให้
“อบิเกล เป็นไงมั้งจ้า~ ทุกอย่างเรียบร้อยไหม? พวกสก็อตจัดการทุกอย่างจบไหม?”
“ไม่แน่ใจนะคะ...หนูแยกกับคุณอามาแล้วนะ...” อบิเกลตอบด้วยสีหน้านิ่ง ๆ
จิเนฟราเห็นสีหน้าของเด็กน้อยก็เกิดความกังวลขึ้นมา “เป็นอะไรนะ อบิเกล หนูเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ...หนูแค่...รู้สึกเหนื่อยนะคะ...”
“เหนื่อย? หนูอบิเกลไม่เคยเหนื่อย...ใครทำหรือ? ให้ฉันไปจัดการให้ไหม?”
“คุณจะทำอะไรได้?”
“งั้นลองเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น...”
อบิเกลจ้องมองอีกฝ่ายพอได้มองอีกฝ่ายเธอรู้สึกอบอุ่นเหมือนอีกฝ่ายเป็นคนน่าไว้ใจที่สุดเท่าที่เธอเคยรู้จักใครมา เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังตั้งแต่ไปซื้อของจนมาถึงวันที่สองที่อยู่ที่นี่นั้น ทำให้จิเนฟราได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจจนเธอต้องเก็บสีหน้าไว้ แต่ก็ทำสีหน้าอ่อนโยนออกมาอีกครั้ง อบิเกลเห็นสีหน้าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปก่อนจะเป็นปกติทำให้สงสัยเลยว่าทำไมอีกฝ่ายโกรธงั้นเหรอ
“เมื่อกี้...สีหน้าคุณ...ดูโกรธหน่อย ๆ คุณโกรธที่พวกเขารังแกหนูเหรอคะ?”
“ใครจะโกรธล่ะ!!...หนูเป็น...สิ่งสำคัญของฉัน...ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่...ฉันก็อยากอยู่ข้าง ๆ หนูแล้วบอกว่าไม่เป็นไร...แต่เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นถ้าฉันยังอยู่ข้าง ๆ หนู”
จิเนฟราอย่างออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ตนเองนั้นไม่สามารถอยู่ข้าง ๆ ได้ เพราะเธอเป็นเพียงความทรงจำในภาพวาดเท่านั้น นั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดภายในใจของเธอมาก ๆ
“คิก ๆ จะช่วยจัดการพวกเขาให้เหรอคะ?” อบิเกลเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเหมือนฝืนยิ้มออกมา
“จ๊ะ…ฉันจะทำ!!”
น้ำเสียงอีกฝ่ายที่ดูมีความมุ่งมั่นทำให้อบิเกลรู้สึกแปลก ๆ ข้างในหน้าอก เธอไม่ใช่ครอบครัวเธอ แต่ทุกคำพูดนั้นช่างอบอุ่นจนเธอมีน้ำตาไหลออกมา เธอรีบเช็ดมันเหมือนอีกฝ่ายเห็นว่าเธอนั้นร้องไห้ออกมา
“แอ็บบี้!!”
“ขอบคุณนะคะ...คุณจิเนฟรา...ที่เราไม่ได้รู้จักกันแท้ ๆ แต่คุณกลับทำเหมือนเราเป็นครอบครัวเดียวกันแบบนี้”
จิเนฟราได้ยินแต่ยิ้มเธอจ้องมองใบหน้าอันน่ารักของเด็กน้อยทำให้อยากวาดฝันให้ตัวเองเข้าไปกอดอีกฝ่ายและปลอบโยน เธออยากเป็นกำลังใจให้เด็กน้อยมาก ๆ แต่คำพูดของอีกฝ่ายก็ทำให้อบิเกลร่างเริงขึ้นใบหน้าอันเหนื่อยล้าหายไปทันที เวลาผ่านไปได้ไม่นานนักพวกลูน่าก็กลับมาจากไปห้องน้ำ อบิเกลก็เตรียมตัวเก็บของทุกอย่างเพื่อจะอาบน้ำต่อ เจนน่าเห็นก็จะอาสาพาอีกฝ่ายไป แต่ว่าพวกฟาร่าพูดเสียงก่อน
“อบิเกลเราพาไปห้องน้ำนะ!”
“อ๊ะ...แต่ว่า...” อบิเกลจะปฏิเสธก็โดนสองสาวมาเกี๊ยวแขนทันที
“ไม่!! ตอนนี้ที่ห้องน้ำมีนักเรียนเยอะมาก!! พวกเราจะพาเธอไปเอง!!”
“ใช่ ๆ”
แพนซี่กับฟาร่ารีบพาอบิเกลออกไปทันที ทำเอาเจ้าตัวไปไม่เป็นเลยที่มีเพื่อนที่บริการตัวเธอดีเกินไปสุด ๆ จนเธอต้องหาทางทำให้คนรอบข้างไม่ทำร้ายเธอจนเพื่อน ๆ อุ้มชูเธอขนาดนี้
‘เจอแบบนี้อยากกลับบ้านไปใช้ชีวิตปกติจริง ๆ อาสก็อตช่วยหลานด้วย~’ อบิเกลแอบร้องไห้ในใจ
จบตอนที่ 14 โปรดติดตามตอนที่ 15 ต่อไป