อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิตอบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
++คำอธิบายจากนักเขียน++
สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง
เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง
เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย
สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป
มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ
แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ
บทนำของเรื่อง
อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา
อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ
ไปติดตามกันได้นะ
ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้
ตอนที่ 13 ห้องอาหาร
แยกทางกับอาจารย์ลองบัตท่อมตรงไปหาเพื่อน ๆ ทุกคนต่างกอดเธออย่างเป็นห่วงที่ตัวเธอเสี่ยงตายยิ่งกว่าอะไร ตอนเห็นเหตุการณ์ที่สัตว์วิเศษแถวยอดสูงของฮอกวอตส์ทุกคนต่างกลัวมาก ๆ แต่มีแค่อบิเกลที่อยู่บนหลังมัน ยิ่งสกอร์เปียสจ้องมองเธออย่างไม่ชอบใจที่เธอเสี่ยงตายแบบนั้น อบิเกลก็ได้แต่ฉีกยิ้มก่อนจะควงแขนอีกฝ่ายเดินออกจากตรงนั้นกันไปที่โรงอาหารเตรียมจะทานมื้อเที่ยง กลุ่มของพวกเธอเปิดประตูเข้าไปคงจะเห็นเหล่านักเรียนน้อยคนที่จะมาทานอาหารก่อนเวลา แต่ว่าพอเปิดประตูเข้าไปทุกสายตาทุกโต๊ะที่นั่งกันหันมามองกลุ่มพวกเธอที่เข้ามา แต่ทุกสายตากับจับจ้องมาทางอบิเกลคนเดียวนั้นทำเอาเธอประหม่าหน่อย ๆ
“พวกเขา...มองฉันเหรอ?”
“จะเหลือเหรอ?”
“เธอสร้างวีรกรรมซะขนาดนั้น...”
เด็กหญิงทั้งหลายต่างพากันพยักหน้า อบิเกลรู้สึกเขินอายหน่อย ๆ เธอเดินเข้าไปโดยไม่สนใจสายตาพวกนั้นที่กำลังมองเธอ แต่พอพวกเธอทั้งเจ็ดคนนั่งลงที่โต๊ะบ้านสลิธีรินแล้วนั้นก็มีผู้คนกรูกันเข้ามาหาเธอเพื่อพูดคุย
“นี่!! ตอนนั้นเธอสุดยอดเลยนะ! ตอนที่ตกลงมาแล้วจับไม้กวาดได้นะ!!”
“เธอรู้ได้ไงว่าไม้กวาดจะมารับเธอนะ!”
“ข้างบนนั้นสูงมากเธอกลัวหรือเปล่านะ!!”
“ฉันขอลายเซ็นเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ไหม!?”
“อ๊ะ...คือว่า...” อบิเกลรู้สึกลำบากใจที่คนยิ่งคำถามใส่เธอแบบนั้น
แต่ก็แอบรู้สึกดีใจที่ทุกคนไม่ทำตัวรังเกียจเธอถึงจะมีแค่ส่วนน้อยที่เกลียดเธอ แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่สนใจเธอ ระหว่างที่อบิเกลกำลังเป็นที่สนใจอยู่นั้นก็มีสายตาหนึ่งที่มองตั้งแต่อีกฝ่ายเข้ามาด้วยสายตาอาฆาต ฮิวโก้กำหมัดแน่นเขาไม่นึกว่าเหตุการณ์นั้นจะทำให้อีกฝ่ายเป็นที่สนใจของหลาย ๆ คน ยิ่งทำให้เขาเกลียดอีกฝ่ายที่เป็นสายเลือดเดียวกับสก็อต เมอร์รัล เพราะชายคนนั้นทำให้อาพอตเตอร์ของเขาต้องตายร่วมถึงครอบครัวของอาด้วย
“ยัยบ้านั้น!! ยังกล้ายิ้มอย่างดีใจโดยที่...พ่อของมัน...ทำกับครอบครัวฉัน!!”
“ฮิวโก้ นายไม่รู้อะไรอย่าพูดอะไรโดยไม่มีหลักฐานสิ!” มอลลี่เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของญาติตนเองเอ่ยออกมา
“ฉันไม่สน!! พ่อแม่ฉันบอกแล้วนี่!! เพราะมัน!! เพราะมันทำให้ครอบครัวเราต้องเสียคนดี ๆ อย่างอาแฮร์รี่ไป!!”
ฮิวโก้ยกมือข้างที่กำหมัดแน่นแล้วทุบลงกับโต๊ะอย่างรุนแรงจนเพื่อนบางคนตกใจกับการทุบโต๊ะของอีกฝ่ายที่ไม่พอใจในตัวเด็กหญิงบ้านสลิธีริน มอลลี่เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ
“เลิกทำท่าอารมณ์เสียสักที!! นายไปหาเรื่องเขาก่อนเป็นถึงเป็นแบบนี้ไง!! จนบ้านเราโดนหักคะแนนหลายรอบแล้วนะ!! เดียวไม่มีคะแนนเก็บกันพอดี!!”
“ฉันไม่สน!!” สิ้นเสียงของฮิวโก้นั้นก็มีบางอย่างอยู่เหนือหัวก่อนจะฟาดลงศีรษะอย่างรวดเร็วและแรงจนฮิวโก้ร้องออกมา “โอ๊ย!!”
เสียงร้องของฮิวโก้เป็นที่สนใจของบางคนบริเวณใกล้ ๆ ว่าอีกฝ่ายร้องทำไมก่อนจะเห็นว่ามีชายผมแดงอยู่ข้างหลังอีกฝ่ายพร้อมกับหนังสือในมือที่นำมาฟาดหัวของฮิวโก้โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะหัวแตกไหม แต่ท่าทางและหน้าตาอีกฝ่ายดูไม่พอใจอย่างมาก
“เลิกบ้าสักที!! พึ่งเข้ามาไม่ถึงอาทิตย์กับสร้างเรื่องแบบนี้ อารอนก็รู้เรื่องแล้ว อยากให้แม่นายมาฮอกวอตส์มาเขียนใบลาออกให้นายไหม!!”
“พี่มายุ่งอะไรด้วย!! พี่น่าจะรู้นะว่าเรากับยัยนั้นยังมีเรื่องที่ต้อง...”
“หุบปาก!!”
“ฉันไม่หุบ!!”
“นายกล้าต่อปากกับฉันเหรอ!?”
“แล้วจะทำไม!!”
“พอสักทีเถอะ!!”
เสียงของหญิงอีกคนดังขึ้นจนทุกสายตาหันไปมองและเด่นสะดุดตากับกลุ่มคนที่มีผมสีแดง แต่ที่เด่นกว่านั้นคือหญิงสาวที่ออกคำสั่งให้ทั้งสองคนหยุด เธอมีผิวกายขาวเนียน เรือนผมสีเงินยวง และดวงตาสีน้ำเงินที่คล้ายกับแม่ของเธอที่กำลังจ้องมองชายหนุ่มทั้งสองคน
“พี่เฟร็ด ฮิวโก้ มันรบกวนคนอื่นนะ!!”
“แต่ว่า...พี่โดมินิค...” ฮิวโก้กำลังจะอ้าปากเถียงขึ้นมา
หญิงสาวที่ชื่อโดมินิคก็ใช้สายตาจิกใส่อีกฝ่ายอย่างกดดันจนทำให้ฮิวโก้หยุดนิ่งจนเขาหันหน้าหนีไปทางอื่น อบิเกลกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นั้นรู้สึกประทับใจยิ่งที่หญิงสาวใช้เพียงสายตาก็จัดการอีกฝ่ายได้ แต่เธอพึ่งสังเกตว่าหญิงสาวผมสีเงินนั้นใส่ชุดที่มีสีต่างจากคนในครอบครัว ชุดที่ใส่ดันเป็นโทนสีน้ำเงินที่บ่งบอกว่าตัวเธออยู่บ้านเรเวนคลอ ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความลึกลับบนตัวอีกฝ่าย ทำเอาอบิเกลมองอีกฝ่ายแล้วคิดได้อย่างสวย
‘พี่สาวคนนี้ช่าง...เท่สุด ๆ’ อบิเกลคิดดวงตาของเธอเป็นประกายอย่างเด่นชัด
แต่แล้วความรู้สึกของเธอก็บอกว่ามีสายตาพิฆาตจ้องมาทางอบิเกล เธอหันไปมองก็เห็นสายตาที่ไม่ปกปิดแต่อย่างใดของชายที่ทะเลาะกับฮิวโก้เมื่อกี้เลย เธอจ้องมองเขาตอบเธอจำได้ว่าเขาชื่อเฟร็ดเป็นลูกชายของลูกชายคนที่ห้าของบ้านวีสลีย์ รู้สึกพ่ออีกฝ่ายมีชื่อจอร์จเคยมีพี่ชายฝาแฝดที่ชื่อว่าเฟร็ดมาก่อน แต่พี่ชายของพ่ออีกฝ่ายเสียชีวิตในสงครามฮอกวอตส์เมื่อหลายปีก่อน พ่อเขาคงตั้งชื่อลูกเพื่อเป็นเกียรติแก่พี่ชายนั้นล่ะ แต่สายตาที่จ้องทำเอาเธอรู้สึกไม่ชอบพอ ๆ กับญาติผู้น้องของอีกฝ่ายจริง ๆ
‘ครอบครัวนี้อยากจะมีเรื่องกับฉันทุกคนเลยใช่ไหมเนี่ย?’ อบิเกลคิด
“ฉันรู้ว่านายคิดยังไง แต่นี่คือโรงเรียน!! แล้วก็ฉันเห็นเหตุการณ์และรับรู้เรื่องก่อนหน้าอยู่แล้วว่านายทำอะไร แต่สิ่งที่นายกำลังกระทำมันส่งผลเสียถึงครอบครัวทุกคน ฮิวโก้!!”
โดมินิคเอ่ยกับญาติผู้น้องด้วยท่าทางเข้มงวดเป็นอย่างมาก เธอนั้นไม่พอใจกับญาติผู้น้องที่เข้ามาในโรงเรียนยังก่อเรื่องอีก ช่างต่างจากตอนที่อยู่กับพวกเขาถึงเด็กชายจะเกเรแต่ไม่เคยก่อเรื่องอะไรหนักหน้าแต่นี่เล่นทำให้พวกเธอถึงขั้นโดนเรียกเข้าห้องอาจารย์ใหญ่ยกเซต เพียงตักเตือนพวกเธอให้ดูและอีกฝ่ายและพฤติกรรมอันรุนแรงนั้นทำให้พวกเขาไม่คิดเลยว่าญาติผู้น้องจะทำอะไรรุนแรงแบบนี้จริง ๆ
“พวกเราโดนอาจารย์ใหญ่เรียกตัว รู้บ้างไหม?”
“อ๊ะ!!” ฮิวโก้ตาตื่นอย่างตกใจกับสิ่งที่ตนทำกลายเป็นพี่ ๆ โดนด้วย
“เพราะนายแทน ๆ ทำเอาพวกเราโดนห่างเลขไปด้วยนะ!!” หญิงสาวผมแดงอีกคนเอ่ยพูดขึ้นมา
“ถ้านายยังทำตัวแบบนี้อีกจนคะแนนบ้านกริฟฟินดอร์ตกอีก พวกเราจะไม่นับนายเป็นญาติอีกแน่ ๆ ฮิวโก้!!”
“พี่ ๆ ผม....”
ฮิวโก้ฟังสิ่งที่พวกพี่ ๆ พูดออกมาทำให้เขารู้สึกกดดัน เขาไม่ได้ตั้งใจให้พี่ ๆ โดนไปด้วย เขากำลังพยายามทำเพื่อครอบครัว เพื่อแก้แค้นให้อาแฮร์รี่ของพวกเขา ฮิวโก้หันไปมองต้นเหตุของเรื่องที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ อบิเกลให้สายตานั้นก็ได้แต่มองบนอย่างน่าเหนื่อยใจว่าหลังจากนี้คงมีเรื่องอีกเยอะ หญิงสาวผมเงินมองญาติผู้น้องก่อนจะพูดเตือนอีกครั้งให้อีกฝ่ายตั้งสติให้ได้
“ทำตัวดี ๆ ฮิวโก้ ไม่งั้นพวกเราตัดขาดจากบ้านนายแน่ ๆ”โดมินิคกล่าวก่อนที่เธอจะกลับไปนั่งโต๊ะบ้านของเธอเอง
“ฟังสิ่งที่พวกพี่พูดแล้วเอาไปวิเคราะห์ละกัน นายฉลาด ฮิวโก้ อย่าใช้แต่อารมณ์!!”เฟร็ดตบบ่าญาติผู้น้องเบา ๆ ก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะของชั้นปีตนเอง
ละครเล็ก ๆ จบลงทุกคนต่างหันไปสนใจเรื่องของตนเองต่อ บางคนแอบหัวเราะเยาะต่อครอบครัววีสลีย์ที่มีตัวตลกโผล่เข้ามาในครอบครัวบางคนไม่ชอบใจก็ทำสีหน้าข่มขู่พวกนินทา อบิเกลจ้องมองก็เห็นสายตาหนึ่งจ้องมาทางนี้ดวงตาของน้ำเงินจ้องมองเธอ อบิเกลเห็นพี่สาวที่จ้องมองมาทางเธอ ใบหน้าเธอนิ่งเฉยก่อนจะหันไปจ้องมองหนังสือที่อยู่บนโต๊ะของเธอ สายตานั้นทำให้อบิเกลรู้สึกกระอักกระอ่วนชอบกลเหมือนอีกฝ่ายเห็นอะไรภายในลึก ๆ จากตัวเธอ เธอส่ายหัวเบา ๆ ตอนนี้เธอต้องสนใจเรื่องของเธอเองมากกว่า เธอหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาจดบางอย่าง สกอร์เปียสที่อยู่ข้าง ๆ ก็แอบสนใจ
“ทำอะไรนะ?”
“กำลังจดบันทึกสิ่งที่เจอนะ”
“เธอทำแบบนี้ทุกครั้งที่เจอสัตว์วิเศษเหรอ?”
“ใช่...ไม่รู้ทำไม...คงติดจากพ่อเขา...ว่ามีอะไรต้องจด ฉันเลยต้องจดให้หมด” อบิเกลเอ่ยก็จดไปเรื่อย ๆ ก่อนที่สกอร์เปียสจะปิดสมุด
“สกอร์เปียส!!!” อบิเกลเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายที่ปิดสมุดบันทึกของเธอ
“อย่าเอาแต่สนใจเรื่องคนอื่นสิ ตอนนี้ต้องหาอะไรรองท้อง!!” สกอร์เปียสตักอาหารใส่จานให้อีกฝ่ายทันที "ทานเยอะ ๆ เธอหมดแรงกับเจ้าสัตว์วิเศษนั้นไปเยอะเลยนี่น่า”
อบิเกลจ้องมองอีกฝ่ายที่ทำตัวเหมือนพ่อเธอ “หึ...ขอบใจ...แต่ฉันตักเองได้นะ”
“ไม่เอา~ ฉันอยากตักอาหารให้เธอ”
อบิเกลเม้มริมฝีปากจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังทำสิ่งที่เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีคนทำให้ก่อนที่พวกเพื่อน ๆ จะตักอาหารใส่จานของเธอ
“ทุกคน!!”
“เห็นสกอร์เปียสตัก เราก็อยากตักให้!!”
“ไส้กรอกอันนี้อร่อยนะ!!” เอวาตักไส้กรอกวางในจานอบิเกล
“ต้องมันบดด้วยสิ น้ำเกรวีอร่อยมากเลย!!” ลูน่าตักมันบดและน้ำเกรวีให้
“อย่าลืมขนมหวานตกท้ายนะ!!” เจนน่ายื่นจานขนมวางตรงหน้าอบิเกล
“พายก็น่าสนใจนะ”
“แต่ฉันว่าต้องพุดดิ้งนะ!!”
สองพี่น้องโทมัสก็เถียงกันก่อนจะตักอบิเกลเห็นภาพตรงหน้าก็ทำให้รู้สึกตื้นตันใจมาก ๆ เธอรู้สึกดีใจที่มีเพื่อน ๆ ค่อยอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะมีภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวอีก
‘ลูกมีเพื่อนใหม่แล้วนะ’
เสียงคล้ายอาสก็อตดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาอบิเกลเจ็บหัวของเธออีกครั้ง พวกสกอร์เปียสเห็นท่าทางอีกฝ่ายที่ดูเหมือนเจ็บก็เอ่ยถามทันที
“เธอเป็นอะไรนะ?”
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หรือว่าตอนต่อสู้มีปัญหากระทบกระเทือนขึ้นมา!!”
“ไม่มีอะไรนะ...แต่...มีบางอย่างแวบเข้ามา...แต่ตอนนี้หายไปแล้วนะ...”
“อบิเกล...เธอเป็นอะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร ๆ ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกนะ”
อบิเกลปฏิเสธว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่มันยิ่งมีอะไรที่ผิดปกติมากขึ้น เธอมีความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามาแต่มันก็หายไป เธอสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหรือว่ามันคือสัญญาณที่บอกว่าความทรงจำตอนเด็กกำลังจะกลับมา แต่ผ่านมาหลายปีทำไมพึ่งรื้อฟื้นตอนนี้ แต่เธอก็หวังให้ความทรงจำกลับมาจะได้จับใบหน้าของแม่กับพ่อได้ เธออยากตามหาพวกท่านแล้วถามว่าทำไมถึงทิ้งเธอ เธอไม่เชื่อว่าพวกเขาอาจจะตายไปแล้ว เพราะรู้สึกว่าพวกเขาอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอ
ตกบ่ายวิชาแรกของชั้นเรียนจากวิชาสัตว์วิเศษกลายเป็นวิชาคาถาไปเรียบร้อยจนกว่าเรื่องจะจบลงวิชาสัตว์วิเศษจึงเรียนแต่ภาคทฤษฎีไปก่อน อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็เสียใจที่ไม่ได้เห็นสัตว์วิเศษตัวเป็น ๆ ช่วงนี้ เมื่อเข้าภายในห้องก็พบกับอาจารย์ตัวเล็กนั้นทำให้อบิเกลจำได้ว่าอาสก็อตบอกว่ามีก็อบลินตัวเล็กมาสอนพวกเขาเรื่องเวทมนตร์ ช่างเป็นอะไรที่มีความหลากหลายจริง ๆ แต่เขาก็มีก็คนเหน็บแนบอาจารย์คนนี้เสียแล้ว อบิเกลส่ายหัวเบา ๆ ก่อนที่ตัวอาจารย์จะปีนเก้าอี้ขึ้นมายืนอยู่เหนือทุกคน
“สวัสดีทุกคน ฉันชื่อ ฟิลิอัส ฟลิตวิกเป็นอาจารย์สอนเวทมนตร์คาถาให้พวกเธอเหล่าปีหนึ่งทั้งหลาย!!”
“ตัวเล็กแบบนี้จะสอนเราได้เหรอว่ะ?” เสียงเด็กชายคนหนึ่งซุบซิบกับเพื่อน
“คงเดี้ยงก่อนนั้นล่ะ!”
เด็กกลุ่มนั้นหัวเราะคิกคักก่อนที่อาจารย์ฟิลิอัสจะขยับไม้กายสิทธิ์ปิดปากพวกเขาทันที
“อึ้ก!!”
“อืมมม!!” เด็กชายอีกคนพยายามจะจับปากเพื่อดึงบางอย่างออก แต่ก็ไม่ได้ผล
“ฉันลืมเตือนไปว่าอย่าพูดระหว่างที่ฉันกำลังพูด แล้วอีกอย่างฉันสอนจนกระทั่งมารุ่นพ่อแม่พวกเธอกันแล้วนะ เด็ก ๆ”
อาจารย์กล่าวจบก็ยกเลิกคาถานั้นทันที พวกเด็ก ๆ ไม่ชอบใจที่โดยอาจารย์แกล้ง ฟิลิอัสก็เตรียมตัวจะสอนทันที
“วันนี้วันแรก!! ขอให้ทำความรู้จักกับคาถา แอ๊กคิโอ! หรือเรียกง่าย ๆ คาถาเรียกของ ทุกคนเปิดหนังสือแล้วยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา!!”
ทุกคนได้ยินก็ทำตามที่อีกฝ่ายกล่าว อบิเกลเปิดหนังสือมาหน้าที่กล่าวบอกว่าแต่ละคาถาต้องขยับมือยังไง แต่เธอจ้องมองด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ เพราะเป็นพื้นฐานที่เธอรู้หมดแล้ว ก่อนจะมองการสอนของอาจารย์ ฟิลิอัสขยับมือที่ถือไม้กายสิทธิ์พร้อมกับเรียกหนังสือที่อยู่ห่างจากตัว เขาให้เด็ก ๆ ลองทำตามทุกคนต่างพยายามทำบางคนก็ทำได้ในครั้งเดียว บ้างก็ต้องขยับมือหลาย ๆ ครั้ง อบิเกลนั่งห้าวด้วยความรู้สึกเบื่อ ๆ จนอาจารย์ฟิลิอัสเห็นก็เอ่ยพูดกับเธอ
“การสอนของฉันน่าเบื่อแล้วเหรอ!? คุณเมอร์รัล!!”
“อ๊ะ!! ขอโทษค่ะ อาจารย์ฟลิตวิก หนูแค่...”
“ฉันเข้าใจ เธอเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว ยังต้องเข้ามาเรียนอีกมันก็ลำบากล่ะนะ เอางี้มาแสดงให้เพื่อน ๆ ให้เธอเห็นดีกว่าคาถาพื้น ๆ ที่เราจะเรียกมีอะไรมั้งนะ!”
“เอาจริงเหรอคะ?” อบิเกลเอ่ยถามอย่างสงสัย ถ้าเธอแสดงหมดแบบนี้เธอคงไม่ต้องเรียนวิชานี้แล้วล่ะ
“เอาแค่พื้น ๆ ก็พอนะ”
“ได้ค่ะ” อบิเกลลุกขึ้นมาที่กลางห้อง เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา
ทุกคนหยุดจากการร่ายคาถาก็มองไปที่อบิเกล ฮิวโก้เห็นแบบนั้นก็รู้สึกอิจฉาตัวเขา ใช้คาถาเรียกของได้ในครั้งแรก แต่ไม่เป็นที่สนใจของอาจารย์ฟิลิอัสเหมือนตอนของแม่เขาเลย อบิเกลหยิบแกว่งไม้ไปตามอากาศพร้อมกับเอ่ยคาถาออกมา สิ่งของปลายอย่างพุ่งตรงมาเธอพร้อมกับแกว่งไม้อีกครั้งแล้วร่ายคาถาหยุด แล้วเปลี่ยนเป็นให้มันหมุนไปรอบ ๆ ตัวเธอ ทุกคนเป็นก็ตกตะลึงกับการผสมผสานของเวทมนตร์ของอีกฝ่าย อาจารย์ฟิลิอัสเห็นก็ยังตกตะลึงที่เด็กปีหนึ่งของเขามีอัจฉริยะอยู่ด้วย เขายกมือขึ้นมาตบมือให้อีกฝ่ายทันที
“ทุกคนตบมือให้แก่คุณเมอร์รัลที่แสดงการร่ายคาถาให้เราเห็นกันหน่อย!!”
ทุกคนตบมืออย่างตกตะลึง บางคนตบอย่างไม่เต็มใจ บางคนไม่ตบมือให้เช่นฮิวโก้ที่จ้องมองอย่างไม่พอใจที่อีกฝ่ายโชว์ออฟให้ทุกคนเห็นว่าตัวเธอเก่งแค่ไหนจนญาติของเขาเอ่ยชม
“สุดยอด...เธอเก่งแบบนี้ทำไมยังต้องมาเรียนอีก...” มอลลี่ตะลึงกับสิ่งที่เห็นเมื่อกี้ช่างต่างจากพวกเธอที่เป็นมือใหม่
“เล่นตลกสิไม่ว่า!!”
“ฮิวโก้!! เลิกอคติกับเมอร์รัลสักที!!”
“ฉันจะไม่เลิก!! จนกว่าพ่อยัยนั้นจะพูดออกมาว่าเขาฆ่าครอบครัวพอตเตอร์!!”
ฮิวโก้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจด้วยน้ำเสียงกระซิบ เขาหันไปมองอย่างอาฆาตไม่มีวันที่เขาจะไม่ล้มเลิก เขาต้องเห็นครอบครัวและพ่อแม่เสียใจทุกวันตายของครอบครัวพอตเตอร์ มันยิ่งเจ็บปวดที่เขาเสียคนที่เขาสติและรักเหมือนกัน เขาจะให้ครอบครัวอีกฝ่ายชดใช้ อบิเกลที่ก้มขอบคุณทุกคนก็เดินกลับไปที่นั่งแต่สายตาบางอย่างทำให้เธอรู้สึกได้แต่เธอจะไม่หันไปสนใจก่อนจะกลับมานั่งที แล้วพักการเรียนการสอนต่อ เพราะถ้าเธอสนใจอีกฝ่ายมากไปมันก็น่ารำคาญจริง ๆ
‘หันมาสนใจการเรียนการสอนดีกว่า...’ อบิเกลคิด
จบตอนที่ 13 โปรดติดตามตอนที่ 14 ต่อไป