อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต - ตอนที่ 2 ช็อปปิ้งก่อนเปิดเรียน โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน

รายละเอียด

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย

ผู้แต่ง

YukiCoCo

เรื่องย่อ

++คำอธิบายจากนักเขียน++

สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง

เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง

เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย

สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป

มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ

แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ


 

บทนำของเรื่อง

 

อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น

เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา

อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ

ไปติดตามกันได้นะ

 


ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้

สารบัญ

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 1 ความผิดพลาดที่เกือบตาย,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 2 ช็อปปิ้งก่อนเปิดเรียน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 3 การพบหน้าที่โคตรอึดอัดใจ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 4 อดีตของสก็อต,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 5 เพื่อนคนแรกของกันและกัน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 6 เวลาคัดสรร,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 7 เล่นมาก็เล่นกลับ ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 8 บ้านใหม่ เพื่อนร่วมห้องใหม่ ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 9 ก่อเรื่องวันแรก,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 10 เกือบตกเสียแล้ว,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 11 เหตุร้ายยังไม่หมดไป,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 12 น่าเวทนาจริง ๆ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 13 ห้องอาหาร,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 14 เพื่อนหรือบอดี้การ์ด,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 15 ส่งข่าวเล็กน้อย,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 16 ฝึกการบิน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 17 การแข่งขัน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 18 เจ้าของ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 19 หักคะแนนอย่างไม่เป็นธรรม,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 20 ไม่อยากแย่งตำแหน่งกับหมา

เนื้อหา

ตอนที่ 2 ช็อปปิ้งก่อนเปิดเรียน

ตอนที่ 2 ช็อปปิ้งก่อนเปิดเรียน

ตกดึกภายในห้องนั่งเล่นในบ้านสองชั้นขนาดเล็กของครอบครัวเมอร์รัล สก็อตกำลังนั่งคิดบางอย่างด้วยสีหน้าอันเต็มไปด้วยความตึงเครียดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าที่กำลังจะมาถึง แต่เขานั้นไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เขาไม่อยากให้เจ้าตัวน้อยของเขาต้องไปใช้ชีวิตในสถานที่ที่ห่างไกลสายตาของเขา เขาอยากให้หลานสาวได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่เขาก็ก็ไม่สามารถปิดกั้นความจริงจากหลานสาวไม่ได้ไปตลอด มันช่างเป็นเรื่องอันละเอียดมาก ๆ เขานั่งพิงกับโซฟาตัวโปรดพร้อมกับสายตาลงต่ำที่มองไปที่จดหมายฉบับหนึ่งที่อยู่ในมือของเขา มันถูกแนบมาพร้อมกับจดหมายของหลานสาว เขาค่อย ๆ เปิดมันพร้อมกับอ่านเนื้อหาข้างในที่เขียนไว้ว่า

 

‘ถึงสก็อต

ฉันอาจารย์ใหญ่ มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล ขอโทษที่ฉันส่งจดหมายแฝงมากับจดหมายของหลานสาวของเธอ ตอนนี้มันต้องระวังอะไรหลาย ๆ เรื่อง เธอน่าจะรู้ดีกว่าใคร เพราะตลอดหลายปีเธอคงลำบากมามาก ฉันที่พึ่งรับรู้ก็สงสารที่เธอต้องแบกกรับอะไรมั้งจากที่พอตเตอร์ส่งจดหมายให้ฉันเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนแรกฉันก็ตกใจที่มีจดหมายของเขาส่งมาให้ฉัน แต่พอฉันได้อ่านฉันก็ตกใจกับสิ่งที่เขาวางแผนและให้เธอแบกรับอะไร ดีที่เธอรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ถึงเวลาที่ฉันจะช่วยเธอมั้งถึงเวลาแล้วที่หลานของเธอต้องเข้าเรียนที่นี่ ไม่ต้องห่วงว่าเด็กคนนี้จะไม่มีใครอยู่เคียงข้างในฐานะศาสตราจารย์ใหญ่ ฉันจะช่วยดูแลเด็กคนนี้เท่าที่จำเป็นในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรฉันจะรีบติดต่อเธอ ขอให้เธอเชื่อใจฉัน สก็อต ตอบกลับด้วยนะ 

มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล’ 

 

จบบรรทัดสุดท้ายนั้นเขามองชื่อของคนที่อีกฝ่ายเขียน เขาไม่คิดว่าคนคนนั้นจะพูดอย่างที่เคยพูดกับเขาถึงตัวช่วยในอนาคตที่จะมาหาเขา เขารอมานานจนรู้สึกหมดหวังและพึ่งตัวเองมาตลอดจนกระทั่งตอนนี้ แต่ก็มีบางอย่างที่เขาคิดอีกเขาควรจะตอบอีกฝ่ายไหมเขายังไม่อยากให้หลานไปสถานที่แห่งนั้น แต่การปิดกั้นก็มีความเสี่ยงหลายอย่างตั้งแต่การศึกษาจนถึงใบอนุญาตการทำงานของหลานสาวที่ขึ้นกับการเข้าเรียนในครั้งนี้เช่นกัน ก่อนที่เขาจะอ่านจดหมายของอาจารย์มักกอนนากัลก็มีจดหมายจากกระทรวงส่งมาให้หลานของเขาเข้าเรียนไม่งั้นสิทธิ์การทำงานจะถูกยกเลิก ทำเอาเขาเคืองสุด ๆ หลานเขาพยายามแทบตายที่จะผ่านการสอบโดยไม่ต้องเรียน แต่ว่าพวกนี้เล่นไม้นี้กับเขาอย่าหวังว่าเขาจะไม่เอาคืน สก็อตขย่ำกระดาษในมือก่อนจะนั่งผิงโซฟาไหลตัวลงกับโซฟาอย่างช้า ๆ

 

‘ตอนไหนมันจะจบนะ...’ สก็อตคิด

 

เขาทั้งเครียดและรู้สึกโล่งใจที่มีคนจะปกป้องหลานสาวของเขาต่อจากเขาแต่มันก็ยังมีความกังวลว่าหลานสาวของเขานั้นจะปลอดภัยจริงแค่ไหน เพราะนอกสายตาของพวกอาจารย์อาจจะมีพวกบ้าบอทำร้ายหลานของเขาก็เป็นได้ แต่จากนิสัยของอบิเกลเขารู้เลยว่าหลานสาวนั้นจะทำอะไร ทำเอาสก็อตถอยหายใจเบา ๆ เขาไม่อยากให้หลานเจอสถานการณ์อันไม่สู้ดี เขาอุตส่าห์พยายามมาตลอดหลายปีที่จะปกป้องและดูแลเด็กตัวน้อยของเขา เขาไม่อยากให้ทุกอย่างที่เขาทำมานั้นไร้ค่าเพื่อการตัดสินใจเพียงแค่เสี้ยววิเท่านั้น  ระหว่างที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เดลล่ากำลังเดินตรงมาจากชั้นสองหลังจากพาเด็กน้อยนอนหลับถึงจะอายุสิบกว่าขวบ แต่เธอก็ชอบร้องเพลงให้เด็กน้อยฟังจนหลับไป พอมาถึงชั้นหนึ่งเธอเห็นว่ายังมีแสงสว่างออกมาจากห้องนั่งเล่น เธอเลยลองเดินไปดูก็เห็นชายหนุ่มกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาพร้อมกับถอนหายใจอย่างคนกำลังเคร่งเครียด เธอเดินตรงไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับนั่งที่ขอบโซฟาแล้วโอบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ 

 

“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ” 

“เดลล่า?” สก็อตเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่มาอยู่ข้าง ๆ เขา

เดลล่ามองอีกฝ่ายที่ดูมีสีหน้าไม่สู้ดีสุด ๆ “นั่งเครียดไปก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ” 

“ไม่ให้เครียดได้ไง! เด็กคนนั้นกำลัง...กำลังจะเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายในไม่ช้า...ความเกลียดชัง...สายตาทุกอย่าง...ที่มองมา...เพราะฉัน!! ฉันยังไม่อยากให้เธอไปเรียนที่นั่น...” 

“สก็อต...” เดลล่ายกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าอีกฝ่ายให้เงยหน้ามองเธอ"มันไม่ใช่เพราะนาย..."

ใบหน้าของเขาทุกข์ใจเป็นอย่างมาก “แต่ว่า...” 

“สก็อต นายทำตามคำขอของคนคนนั้น จงอย่าติดต่อใคร อย่าเอาใครมาเสี่ยง นายอุทิศให้เด็กน้อยที่ไม่ใช่เลือดเนื้อของเธอ แต่เป็นแค่หลานสาวของพี่บุญธรรมของนาย” 

“…” สก็อตนึกถึงพี่ชายบุญธรรมขึ้นมาทันที

“ไม่ต้องห่วง แอ็บบี้เป็นเด็กที่เข้มแข็งถึงเธอเจออะไรก็ตามที เธอก็ต้องผ่านมันไปได้ สก็อต” 

“ถ้าไม่ล่ะ...” 

เดลล่าส่ายหัว “ไม่...ไม่มีคำว่าไม่ได้ เราต้องเชื่อเด็กคนนั้นเหมือนที่พี่แฮร์รี่เชื่อมั่นในนายมาตลอด” 

สก็อตเงยหน้าขึ้น เขานั้นรู้สึกเจ็บปวดใจสุด ๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเสียไปเขาไม่อยากเสียหลานไปอีกคน 

“ฉันเจ็บ...ถ้าเสียเธอไป...แต่ฉันจะเชื่อในเด็กคนนั้น...ว่าเธอต้องผ่านมันไปได้” 

“ดี! แล้วนายอ่านจดหมายที่ใครส่งมาให้นะ?”

“อาจารย์มักกอนนากัลนะ...”

“เอ๋? ทำไมอาจารย์ถึงส่งจดหมายให้เธอกัน?” เดลล่าขอเสียมารยาทหยิบจดหมายจากมืออีกฝ่ายขึ้นมาอ่านก็ต้องตกใจกับเนื้อหานี้ “นี่มัน...!?”

“ใช่...อาจารย์บอกว่าเขาส่งจดหมายมาให้เมื่อหลานเดือนก่อน...แปลว่าอาจารย์ก็รับรู้เรื่องทุกอย่างแล้วเช่นกัน...ถึงส่งจดหมายเชิญเข้าเรียนมาให้อบิเกล...”

“แปลว่าอาจารย์จะช่วยดูแลแอบบี้ให้สินะ เราก็มีพรรคพวกตามแผนของเขา...?”

“ใช่...แต่...จดหมายถูกส่งมาก่อนกำหนด...อาจารย์บอกว่าต้องระวังตัวมากขึ้นเป็นสองเท่า...”

เดลล่าได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าอาจารย์ตัวเองต้องระวังตัว เธอรู้สึกไม่ดีชอบกล

 “ถ้าบอกแบบนั้นแปลว่าต้องมีอะไร...เธอจะทำยังไง? สก็อต...”

“ไม่รู้สิ...แต่ที่ฉันรู้ว่าตัวเองจะทำอะไร...ฉันต้องไปตรวจสอบก่อน...” 

สก็อตจ้องมองจดหมายในมือก่อนจะนึกถึงข่าวคราวที่เขากำลังรออยู่ ก่อนจะเงยหน้าถามอีกฝ่าย 

“แล้ว...มีข่าวเกี่ยวกับหมอนั้นไหม?” 

“ก็เหมือนเดิมนั้นล่ะ พวกผู้เสกความตายกำลังหาสิ่งบางอย่างอยู่...

“หึ ก็แน่ล่ะ...คงกำลังหาสิ่งที่จะช่วยเจ้านายของพวกมัน!!“ สก็อตหันไปมองเตาไฟที่มีไฟกำลังลุกโชนอยู่ ”สิ่งที่จะช่วยทำให้ เดลฟัส ริดเดิ้ล ทายาทของจ้าวแห่งศาสตร์มืด ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง!! หลังจากโดนเล่นงานไปเมื่อหลายปีก่อน!!” 

 

หลายเดือนต่อมา

ณ หน้าร้านตัวบรรจงและหยดหมึก สองอาหลานกำลังยืนรอเดลล่าที่อยู่ภายในร้านกำลังเลือกหนังสือสำหรับเข้าเรียนปีแรกในฮอกวอตส์ของอบิเกล เดลล่ากำลังมีความสุขกับการเลือกของให้เด็กน้อยเหมือนเธอเป็นแม่คนที่กำลังเลือกของให้ลูกสาวไม่มีผิด อบิเกลมองอีกฝ่ายที่อยู่ในร้านกำลังเลือกของอย่างมีความสุขนั้น เธอหันกลับมามองท้องถนนทางเดินในตรอกไดแอกอนที่มีผู้คนมากมายกำลังเดินไปเดินมาและเธอเห็นเหล่าเด็ก ๆ กำลังจูงมือกับพ่อแม่เพื่อมาซื้อของกัน จนเธอจินตนาการว่าถ้าตรงนั้นเป็นเธอกับพ่อแม่จะมีความสุขแค่ไหนกัน แต่ใบหน้าของพวกท่านเธอยังจำไม่ได้เลยจะนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

 

“ทำไม...หนูถึง...ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่เลยนะ...”

สก็อตนิ่งไปชั่วขณะที่ได้ยินคำพูดของหลานสาวที่กำลังพูดด้วยน้ำเสียงอันเศร้าสร้อยเกี่ยวกับตัวเองที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่ วันนี้สก็อตใส่เสื้อผ้าทที่มีฮู้ดสวมเอาไว้ตั้งแต่ต้นเขายิ่งดึงฮู้ดไม่ให้หลานเห็นใบหน้าอันอมทุกข์ของเขา ก่อนจะหันไปยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหัวหลานสาวเบา ๆ

“เอ๊ะ...?” อบิเกลเงยหน้ามองอาชายของเธอที่อยู่ข้าง ๆ

“ถึงหลานไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่ ก็ไม่ได้แปลว่าพ่อแม่หลานไม่ได้ไม่รักหลานนะ” 

“อาพูดอะไรกันคะ? พูดอย่างกับว่าหนูเศร้าเลยนะ!” 

“แล้วหลานไม่เศร้าหรือไง?” 

“ไม่รู้สิคะ...หนู...แค่...รู้สึกแย่...ที่ตัวเองจำอะไรไม่ได้...” 

สก็อตได้ยินหลานพูดแบบนั้นก็คิดเปลี่ยนเรื่องทันที “จริงสิ หลานบอกว่าฝันเห็นใครบางคนในฝัน? แล้วยังฝันอีกไหม?” 

อบิเกลเงยหน้าแล้วนึกถึงความฝันนั้นขึ้นมา “ตั้งแต่วันเกิดหนูวันนั้นก็ไม่เคยเห็นเลยค่ะ...แต่เด็กผู้หญิงคนนั้น...น้ำเสียงพูดคล้ายหนูมากจนน่าตกใจ...จนคิดว่าเป็นหนูแต่...มันไม่ใช่...”

อบิเกลนึกถึงฝันในตอนนั้น เธอเห็นเด็กผู้หญิงอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ไม่สามารถเห็นใบหน้าของเธอได้นอกจากดวงตาที่สีคล้ายของเธอมาก ๆ 

“แต่ว่า...ร่างกายเธอมีแผลเป็นเต็มตัวไปหมด ใบหน้าของเธอ...หนูเห็นไม่ชัด ยกเว้นดวงตาของเธอดวงตาสีเขียวมรกตเหมือนหนู...หรือว่าหนูมีแฝดเหรอคะ?” 

“ไม่มีทาง ๆ เธอเป็นแค่...เด็กน้อยที่มีชีวิตอยู่กับอาเท่านั้น แอ็บบี้”

“เหรอคะ? แล้วหนูฝันแบบนั้นได้ไงกันนะ?” 

อบิเกลก็ยังสงสัยว่าถ้าเธอไม่มีแฝดแล้วทำไมเธอถึงฝันถึงใครที่คล้ายกับตัวเธอขนาดนั้น นอกจากบาดแผนที่ดูน่ากลัวพวกนั้นทำให้เธอคิดเลยว่าอีกฝ่ายนั้นเจ็บปวดแค่ไหนจนกระทั่งอาพูดแซะว่าเธอนั้นดูหนังมากไป

“หลานดูพวกหนังฝาแฝดมากไปหรือเปล่า?” 

“ไม่รู้สินะคะ...” 

“แต่ว่าอาจจะเป็นฝันบอกเหตุก็ได้นะ” 

“อืออออ...ใช่เหรอคะ?” 

“สำหรับพ่อมดแม่มดนั้น ใครที่ฝันเห็นบางอย่าง อาจจะเป็นลางบอกเหตุก็ได้ เหมือนพวกแม่มดพยากรณ์ล่ะนะ” 

“อืม...แบบนี้เอง...” 

อบิเกลยิ่งครุ่นคิดว่ามันจะเป็นฝันบอกเหตุจริงไหม แต่พอนึกย้อนกลับไปมันรู้สึกเศร้าเมื่อเห็นรอยข้างแก้มที่เหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้และพูดบางอย่างกับเธอ

 

‘ช่วยด้วย…’ 

 

น้ำเสียงนั้นทำให้อบิเกลยิ่งรู้สึกเศร้ามากกว่าเดิม ตอนนั้นภาพมันตัดไปกลางทางแล้วเธอก็ตื่นขึ้นมาจากฝันนั้น ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งอยากรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร เธอถึงรู้สึกเหมือนผูกพันธ์ยิ่งกว่าอะไร แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้ฝันอีกแล้วจนเธออยากหาคำตอบสิ่งที่เธอฝัน ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นเดลล่าก็เดินออกมาจากร้านเพื่อหาสองอาหลานที่อยู่หน้าร้านด้วยสีหน้าอันสดใสในรอบหลายปีสักครั้งที่จะเห็นใบหน้าของเดลล่ากำลังมีความสุขขนาดนี้

 

“เสร็จแล้วจ๊ะ! เท่านี้ อบิเกลก็มีหนังสือพอสำหรับตอนไปเรียนแล้วล่ะนะ” 

“พอเหรอคะ?” อบิเกมองหนังสือมากมายที่อีกฝ่ายซื้อดูมันเยอะกว่าที่เธอคิดเสียอีก

เดลล่ามองเด็กน้อยก่อนจะทำสีหน้าเจื่อน ๆ “คือ...ฉันซื้อให้หนูอย่างละสองเล่ม...กันหายนะจ๊ะ” 

“อะไรกันค่ะ! แบบนี้จะไม่เปลืองเงินเหรอคะ?” 

“ไม่เปลือง เพราะเงินนี้เป็นกองทุนของหลานนะ” สก็อตกล่าวออกมา เขาไม่ยอมให้หลานสาวเขาต้องขาดหนังสือเรียนเด็ดขาด

“กองทุน? แล้วทำไมอาไม่เอากองทุนหนูมาซื้ออาหารทานมั้งคะ?” อบิเกลขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“หือ?” เดลล่าได้ยินก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย “แอ็บบี้หมายความว่าไงจ๊ะ” 

“ช่วงที่เราออกเที่ยวไปรอบโลกนั้น อาเขาอดมื้อกินมื้อ ส่วนใหญ่ให้หนูทานคนเดียวจนเขาเคยล้มป่วยไปครั้งหนึ่งไงค่ะ หนูถึงเรียกพวกเดลล่ามาช่วยนะ” 

“อ๋อ! ที่ตอนนั้นนายบอกว่าล้มป่วย เพราะไม่ได้นอน งั้นก็ไม่ใช่นะสิ!” 

เดลล่าหันไปมองชายหนุ่มพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่พอใจที่เธอมารู้ความจริงที่หลังถึงมันจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตามที สก็อตเห็นท่าทางอีกฝ่ายเขาก็ลุกลี้ลุกลนทันที

 “เดียว ๆ เดลล่า...ตอนนั้นแอ็บบี้สำคัญสุดนี่น่า” 

“อย่าเอาหลานมาอ้าง! สก็อต นายก็สำคัญถ้าไม่มีนาย หลานจะอยู่จนถึงทุกวันนี้เหรอ?” 

“จริงด้วยค่ะ!” แอ็บบี้กอดอกมองอาของเธออย่างเคืองๆ

“อย่ามองกันแบบนี้สิ...” เขาจ้องมองทั้งสองที่มองเขาเหมือนอยากจะเขมือบเขาสุด เขาก้มหน้าลงอย่างหงอยๆ “นั้นมันเงินที่อาเก็บนี่น่า...”

“แต่นายต้องดูแลตัวเองมั้ง! ไม่งั้นฉันจะบุกบ้านนายแล้วไปค้างอยู่จนดูว่านายใช้ชีวิตยังไง สก็อต” เดลล่ายื่นมือไปจับใบหน้าอีกฝ่ายเข้าหาตน

สก็อตถึงกับตะลึงที่อีกฝ่ายดึงตัวเขาเข้าจนใบหน้าของทั้งสองใกล้จนเกือบจะชิดจนคนเป็นหลานเห็นก็สะดุ้งเล็กน้อย

“ได้ ๆ ฉันจะดูแลตัวเองมาก ๆ ช่วยถอยไปก่อนเถอะ!!”

“ดี!” 

 

เดลล่าปล่อยมือออกจากคางอีกฝ่าย แต่ข้างในอกของเธอกับเต้นอย่างรุนแรงจนเธอรู้สึกใบหน้านั้นแดงไปหมดที่เธอดึงตัวอีกฝ่ายเข้าหาจนใบหน้านั้นใกล้เกือบจะชิดเข้าหากัน ทั้งสองที่ออกห่างกันเล็กน้อยโดยไม่รู้เลยว่าสายตาดวงน้อย ๆ กำลังจับจ้องอยู่ออย่างเงียบ ๆ เธอกำลังคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะจูบกันแต่ก็เสียท่าอีกแล้ว อบิเกลอยากให้ดอกไม้ดวงน้อย ๆ ของทั้งสองผลิบานมากกว่านี้ แต่ทั้งสองคนช่างไม่มีเซนต์ด้านความรักกันเลย อุตส่าห์ตลอดหลายเดือนเธอให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแค่สองคนตั้งหลายครั้งแต่ไม่มีวี่แววทั้งสองคนจะคืบหน้าในด้านนั้นเลยสักนิดจนทั้งสองคนหันมามองอบิเกลที่กำลังมองพวกเขาอยู่

 

“ไปไหนต่อดีล่ะ แอ็บบี้” 

ทั้งสองต่างพูดพร้อมกันจนอบิเกลชักอยากให้ทั้งสองคนเป็นคู่กันจริง ๆ ก่อนที่เธอจะเท้าคางขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดว่าจะไปไหนต่อดี จนสายตาของเธอหันไปเห็นร้านที่อยู่ห่างไม่ไกลมากอย่างร้านเสื้อผ้า

“ร้านนั้น!” 

ทั้งสองคนต่างหันไปมองก็เห็นร้านที่เด็กน้อยตรงการจะไป เดลล่าก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะยิ้มให้เด็กน้อย

“โอเค งั้นแอ็บบี้เดินไปก่อนเลยนะจ๊ะ เดียวฉันขอคุยกับอาหนูหน่อยนะ” 

“คุย?” สก็อตขมวดคิ้วอย่างสงสัย “แต่ว่าถ้าเราไม่ตามไป-”

เดลล่าเอามือปิดปากอีกฝ่ายทันที “ไปเถอะ เดียวพวกเราตามไปนะ” 

“ค่ะ...” 

อบิเกลมองท่าทางของทั้งสองก็ไม่กล้าถามว่าจะคุยอะไร เธอก็เดินตรงไปยังร้านที่จะไปทันที เดลล่ามองเด็กน้อยเดินไปก็หันมาหาชายหนุ่มเพื่อจะคุยบางอย่างแต่พากันเดินไปอีกทาง

 

อบิเกลเดินตรงมาถึงร้านที่ตั้งใจจะมา เธอก็เงยหน้ามองร้านตรงหน้าที่มีป้ายร้านเขียนว่า ร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้น เมื่อเห็นร้านนี้ทำให้เธอนึกถึงร้านในต่างประเทศที่ไปมาหลายที่มันช่างมหัศจรรย์กันทุกที่ เธอเดินเข้าไปข้างในก็เห็นเสื้อผ้าหลากหลายแบบจนไปถึงกระทั่งชุดสำหรับนักแข็งควิดดิช ชุดพ่อมดแม่มดทั่วไป หรือไม่กระทั่งชุดที่เธอต้องซื้อชุดของนักเรียนฮอกวอตส์ สำหรับเธอนั้นที่นี่เหมือนสวรรค์สำหรับหญิงสาวที่ชอบเสื้อผ้าจริง ๆ

 

“มีแต่เสื้อผ้าแจ่ม ๆ เยอะจริง ๆ” 

“แย่แล้วสิ!” 

 

เสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยน้ำเสียงอันสะอึกสะอื้นแถวที่อบิเกลยืนอยู่ เธอมองซ้ายมองขวาตามหาต้นเสียงก็เห็นอะไรแวบ ๆ กำลังก้มหน้าบางอย่างใต้ตู้เสื้อผ้า อบิเกลมองก็เห็นว่าเป็นเด็กหญิงร่างอวบที่มีผมสั้นประบ่าสีน้ำตาลตัวเล็กกำลังก้มมองหาบางอย่างลุกลี้ลุกลนอย่างวิตกกังวล ท่าทางอีกฝ่ายทำให้อบิเกลสงสัยว่ากำลังหาอะไรจนเธอนั้นลองเดินตรงไปหาเด็กหญิงก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่าย

 

“คือว่า...กำลังหาอะไรอยู่เหรอ?” 

“เอ๋?” เด็กหญิงเงยหน้ามองคนที่เข้ามาทักเธอ

อบิเกลได้เห็นใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเด่นชัด แถมยุ้ยๆ น่าหยิกของอีกฝ่ายทำให้อบิเกลรู้สึกอยากยื่นมือไปบีบจริง ๆ แต่เธอต้องสะบัดความคิดนั้นออกก่อน แล้วถามอีกฝ่ายอีกครั้ง

“เอ่อ...หาอะไรเหรอ?” 

“อ๊ะ...คือว่า...” เด็กหญิงเริ่มมีใบหน้าแดงขึ้นพร้อมกับน้ำตาออกมาเล็กน้อย "ฮือ...เข็มกลัดอันสำคัญของฉันนะ มันตกเข้าไปใต้นี้ ฮือ...แต่ไม่มีใครสนใจมาช่วยฉันเลยนะ"

“อ๊ะ...” อบิเกลเห็นท่าทางอีกฝ่ายแล้วก็สงสารจริง ๆ ที่คนรอบข้างดูไม่มีคนสนใจเลยสักนิด ก่อนที่เธอจะนั่งย่อข้าง ๆ อีกฝ่าย “แล้วพ่อแม่เธอล่ะ?” 

“คุณแม่ไปดูหนังสือให้นะ...ส่วนคุณพ่อไม่ได้มาด้วยนะ...” 

“โอเค...งั้นฉันช่วยเอง” 

“เธอจะช่วยยังไง?” 

 

คำถามนั้นทำให้อบิเกลยิ้มออกมาก่อนจะหันไปดึงกระเป๋าสะพายข้างมาอยู่ข้างหน้าแล้วเธอก็หยิบถุงบางอย่างที่มีลวดลายอันแปลกประหลาดออกมา เธอยื่นหน้าเข้าหาถุงนั้นแล้วกระซิบบางอย่างออกมาจนกระทั่งมีบางอย่างที่เธอเรียกออกมานั้นก็คือ นิฟเฟลอร์ ที่มีสีดำทั้งตัวยกเว้นแถวข้างล่างปากจนถึงท้องทั้งหมดจะเป็นสีขาวเหมือนกับทาสีไม่หมด เด็กหญิงคนข้าง ๆ เห็นก็ตะลึงที่ได้เห็นสัตว์วิเศษตรงหน้าครั้งแรกโดยปกติจะเห็นแค่ในหนังสือสัตว์วิเศษเท่านั้น

------------------------------------------------------------------------------------

นิฟเฟลอร์เป็นสัตว์เลี้ยงพื้นเมืองอังกฤษ ตัวมีขนปุกปุย สีดำ จมูกและปากยาว อาศัยอยู่ตามโพรง และชื่นชอบของทุกอย่างที่เป็นประกายระยิบระยับ ก็อบลินมักเลี้ยงนิฟเฟลอน์ไว้ขุดหาสมบัติพื้นดิน แม้จะมีนิสัยอ่อนโยและน่ารักไม่น้อย แต่นิฟเฟลอร์ก็อาจจะเป็นตัวอันตรายที่ทำลายทรัพย์สินได้และควรเลี้ยงเอาไว้นอกบ้าน นิฟเฟลอร์ทำรังอยู่ใต้ดินซึ่งอาจจะลึกถึงยี่สิบฟุตและออกลูกครอกละหกถึงแปดตัว

ภาพ AI นิฟเฟลอร์จากเว็บBing

------------------------------------------------------------------------------------

“นั้นมัน...นิฟเฟลอร์!” 

“ใช่!” อบิเกลตอบอีกฝ่ายก่อนจะหันไปหานิฟเฟลอร์ของเธอ ”เดมัวส์! มุดข้างใต้ไปหยิบเข็มกลัดเงาวับให้หน่อยสิ”

 

นิฟเฟลอร์หันหาอบิเกลแล้วพยักหน้าตามคำสั่งของเจ้าของ ก่อนมันจะกระโดดออกจากฝ่ามือเจ้าของแล้วมุดเข้าไปข้างใต้ตู้ที่แคบมาก ๆ จนมือยังยัดเข้าไม่ได้ ทั้งสองคนต่างมองอย่างรอคอยว่าเจ้าตัวน้อยจะออกมาพร้อมเข็มกลัดของอีกฝ่าย ไม่นานนั้นเจ้านิฟเฟลอร์ตัวน้อยก็ออกมาพร้อมกับของแวววาว นิฟเฟลอร์ค่อย ๆ เดินมาวางเข็มกลัดตรงหน้าของทั้งสองคน มันมีรูปวงกลมมีดอกลิลลี่อยู่กลางลวดลายของดอกไม้ช่างรู้สึกประณีตมากเหมือนค่อย ๆ บรรจงเน้นกลีบดอกไม้ทีละกลีบ อบิเกลก็หันไปหาเด็กหญิงคนข้าง ๆ

 

“อันนี้หรือเปล่า?” 

“ใช่!” 

เด็กหญิงเห็นเข็มกลัดของตนก็ดีใจ อบิเกลยื่นมือไปหยิบเข็มกลัดแลกกับของตอบแทนเจ้าตัวน้อยของเธอด้วยเหรียญทองที่เจ้าพวกตัวเล็กชอบไปหามาได้ เจ้านิฟเฟลอร์ตัวน้อยก็ดีใจสุดขีดที่ได้ของตอบแทน

“เก่งมาก เดมัวส์ กลับเข้าถุงเร็ว!” 

“ปี้!”

เสียงเจ้าเดมัวส์ดังขึ้นก่อนจะทำตามคำสั่งรีบปีนตัวอีกฝ่ายแล้วยัดตัวเองเข้าถุงผ้าอย่างรวดเร็วพอเจ้าตัวเล็กเข้าไป อบิเกลก็เงยหน้าขึ้นมาหาอีกฝ่ายพร้อมกับยื่นเข็มกลัดให้ 

“อ๊ะ! ของเธอ”

เด็กหญิงรับเข็มกลัดจากอีกฝ่ายแต่เธอยังอ่ำอึ้งอยู่ก่อนจะได้สติเอ่ยขึ้นมา “สุดยอด! เธอเป็นผู้ฝึกสัตว์วิเศษเหรอ?” 

“อ๋อ...ไม่เชิงนะ...ฉันแค่...เรียนรู้จากอาของฉันนะ” 

“อาของเธอ?” 

“อืม อาของฉัน สก็อต เมอร์รัลนะ!” 

“!!” เด็กหญิงถึงกับตาโตขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่ออาอีกฝ่าย

 

อบิเกลได้เห็นใบหน้าและท่าทางอีกฝ่ายก็พอเข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายคงเหมือนคนอื่นแน่ ๆ ที่พอเธอเอ่ยชื่ออาของเธอออกมาแล้วทุกคนก็จะทำท่าทางตกใจ ไม่ชอบใจ รังเกียจ เกลียดชัง ดูถูก แต่เธอก็ได้รู้แล้วหลังจากสืบทุกอย่างก็ได้รู้เพียงแค่ว่าสิ่งที่อาโดนทั้งหมดเพราะชายคนหนึ่งที่ดังที่สุดบนโลกเวทมนตร์ แต่เธอไม่รู้ว่าอาเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ก็มีอีกสิ่งที่เธอยังไม่รู้เกี่ยวกับมรดกที่ต้องสืบหาที่หลังอีกว่ามรดกที่อามีนั้นของใคร ระหว่างที่เธอครุ่นคิดนั้นเธอก็มองเด็กหญิงตรงหน้าก่อนจะคิดว่าตัวเธอควรออกจากตรงนี้ดีกว่า

 

“เอ่อ...ฉันว่า...ฉันไปดีกว่า...ถ้าเธอ...ไม่ชอบฉันนะ...” 

“เดี๋ยว!” เด็กสาวพูดขึ้น เธอหาบางอย่างอยู่จนหยิบบางอย่างออกมา “เธอนะ! เธอคืออบิเกล เมอร์รัลใช่ไหม?” 

“ชะ...ใช่...ทำไมเหรอ?” อบิเกลมองอีกฝ่ายกลัวว่าอีกฝ่ายนั้นจะจดจำเธอแล้วใส่ร้ายอะไรเธอไหม

เด็กสาวยื่นบางอย่างให้เธอในทันที “ฉันขอลายเซ็นได้ไหม!?” 

“เอ๊ะ!?” 

อบิเกลตกตะลึงที่อีกฝ่ายเอ่ยขอลายเซ็นของเธอ ก่อนที่สายตาของเธอจะสนใจสิ่งที่อีกฝ่ายยื่นมานั้นก็คือนิตยสารเกี่ยวกับหน่วยสัตว์วิเศษที่เคยตีพิมพ์เมื่อสองสามปีก่อน แล้วในปกนั้นมีทุกคนตัวหลักในหน่วยสัตว์วิเศษรวมไปถึงเธอก็ด้วย

“นี่มัน...!!” 

“ฉันชอบบทสัมภาษณ์ของเธอมาก ๆ เลยล่ะ! เธอกล่าวออกมาได้ดีมาก ๆ ที่ว่าชีวิตของเรานั้นไม่สามารถให้ใครมากำหนดชะตาตัวเองได้ ต้องตัวเราต่างหากที่เป็นคนกำหนดมันเองนะ!!” 

“อ๊ะ...จำได้ด้วยเหรอ?” 

 

อบิเกลเกาแก้มอย่างเขิน ๆ ที่อีกฝ่ายอ่านบทสัมภาษณ์นั้นด้วย เธอพึ่งจำได้ว่าตอนนั้นเป็นบทสัมภาษณ์ที่ทำให้เธอเดือดหน่อย ๆ ที่นักข่าวพูดใส่อาของเธอที่เอาเด็กแบบเธอมาทำงานตอนนั้นเธอฟังก็กำหมัดแน่นที่อีกฝ่ายกำลังใส่ร้ายอาของเธอจนเธอนั้นตอบกลับด้วยคำพูดอันรุนแรงและกล่าวถึงสิ่งที่เธอดิ้นรนด้วยตัวเองว่าทำไมเธอถึงมาทำงานนี้ได้ ก็เพราะเธอสู้เพื่อที่จะมาอยู่ตรงนี้มาอยู่เคียงข้างอาของเธอ แต่ในบทสัมภาษณ์ของเธอก็ถูกลงไม่หมดอยู่ดี

 

“อืม ๆ” เด็กหญิงพยักหน้าในทันที "งั้นขอลายเซ็นได้ไหม?”

“อ๊า...ได้สิ...” อบิเกลไม่ขัดข้องที่จะมอบลายเซ็นให้อีกฝ่าย เธอรับนิตยสารมาแล้วเซ็นลายเซ็นของเธอ “อ๊ะ...นี่” 

“อ๊ะ!! ขอบใจนะ!” 

“คือว่า...เธอไม่เกลียดฉันเหรอ?” 

“เกลียดเธอทำไมนะ?” 

“ที่ฉันเป็น...หลานของอาสก็อตนะ…” 

“ฉันไม่รู้ต้องเกลียดเธอทำไมนะ? ฉันก็สงสัยเหมือนกัน เพราะพ่อฉันก็ไม่ชอบอาเธอนะ...แต่ฉันไม่รู้ว่าอาเธอทำอะไร แล้วมันเป็นจริงไหมนะ? เพราะอาเธอก็ใช้ชีวิตปกติมาตลอด หลังจากที่เขาหายตัวไปจากวงการพ่อมดแม่มดตั้ง 2 ปี” 

“2 ปี? หายจากวงการ?” อบิเกลยกคิ้วอย่างสงสัยว่าสองปีที่อีกฝ่ายหมายถึงคือตอนไหนกัน “2 ปีนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่เหรอ?”

“อ๋อ...ก็...เอ่อ...ตั้งแต่ปี2010ถึง2011 นะ ที่ฉันจำที่พ่อเคยบอกนะ...”

อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็ต้องตกใจนั้นเป็นปีที่เธอได้เจอกับอาสก็อตก่อนที่พวกเขาจะหนีจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งโดยการเรร่อนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกเลยล่ะ

“ใช่ เธอไม่รู้ใช่ไหม?” เด็กหญิงมองซ้ายมองขวาก่อนจะกระซิบกับอีกฝ่าย "ว่าเขาเคยดังมากเมื่อก่อนนะ จนกระทั่ง...เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น เขาก็หายไปจากวงการเลย ฉันเคยถามพวกผู้ใหญ่แต่ไม่มีใครตอบให้ได้นะ"

“งั้นเหรอ...?” อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็คิดเลยว่าเหตุการณ์อะไร

“อืม ฉันลืมแนะนำตัวนะ ฉัน ลูน่า ลองบัตท่อม ยินดีที่ได้รู้จักนะ อบิเกล” ลูน่ายื่นมือไปทักอีกฝ่ายในทันที

“เช่นกัน เอ่อ...” อบิเกลยื่นมือเข้าไปจับมืออีกฝ่าย แต่เธอไม่รู้ว่าจะเรียกอีกฝ่ายยังไงดี

“เรียกลูน่าก็ได้นะ” 

“อืม ขอบใจนะ ลูน่า” 

“ลูน่า!” หญิงสาวคนหนึ่งเดินมาหาลูน่าในทันที

“แม่ค่ะ!” 

“ขอโทษนะจ๊ะ คนเยอะมากเลยล่ะ ลูกได้ชุดแล้วหรือยังจ๊ะ?” 

“ได้แล้วค่ะ หนูกำลังจะออกไปพอดี” ลูน่าหันไปเอาถุงของตนเอง "แต่จู่ ๆ เข็มกลัดที่คุณพ่อให้มันตกนะคะ หนูเลยเสียเวลามาก ๆ จนกระทั่งอบิเกลมาช่วยหนูเก็บให้นะคะ"

“อบิเกลเหรอจ๊ฦ” ผู้เป็นแม่หันไปมองเด็กน้อยที่ลูกสาวแนะนำตัว

อบิเกลยิ้มให้เล็กน้อย เธอทำท่าจับกระโปรงแต่เธอใส่กางเกงมาแล้วย่อตัวเล็กน้อยก่อนจะกล่าวคำพูดออกมา 

“สวัสดีค่ะ คุณนายลองบัตท่อม หนูอบิเกลค่ะ”

“ตายล่ะ มารยาทดีจริง ๆ ขอบคุณนะจ๊ะที่ช่วยลูกสาวน้านะ” 

“เรื่องแค่นี้เองค่ะ” 

“หนูก็มาหาชุดสำหรับไปเรียนที่ฮอกวอตส์เหรอจ๊ะ?”

“ใช่ค่ะ” 

“ตายล่ะ งั้นน้าก็ขอฝากลูน่าด้วยนะ แกเป็นเด็กซุ่มซ่ามนะ น้าล่ะห่วงมาก ๆ ถ้าได้อยู่บ้านเดียวกันก็น่าจะดีนะ” 

“แม่ค่ะ!” ลูน่าอายที่แม่พูดแบบนั้นกับเพื่อนใหม่ของเธอ

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ถึงจะคนละบ้านหนูก็จะช่วยเหลือเองค่ะ”

“อบิเกล!” ลูน่ายิ้มอย่างดีใจที่อีกฝ่ายช่างเป็นคนดีสุดๆ

“ขอบคุณจ๊ะ น้าล่ะดีใจที่ลูน่าได้เพื่อนใหม่กับเขามั้ง งั้นน้าขอตัวก่อนนะจ๊ะ ต้องให้ลูน่าดูของอีกนะ” คุณนายลองบัตท่อมจูงมือลูกสาวกำลังออกจากร้าน

“ค่ะ โชคดีนะคะ” 

“บาย ๆ นะ อบิเกล” ลูน่าโบกมืออีกฝ่าย

อบิเกลก็โบกตอบอีกฝ่ายกำลังเดินออกจากร้านไป สก็อตกับเดลล่าก็เดินเข้ามาพวกเขาผ่านสองแม่ลูกที่เดินออกไป สก็อตหันไปมองก็จำได้ว่าสองแม่ลูกเป็นคนของครอบครัวลองบัตท่อม เขาเอาฮู้ดดึงคลุมหัวมากกว่าเดิมก่อนจะมองหาอบิเกลที่ยืนโบกมือให้พวกเขาพอดี อบิเกลเดินออกมาจากตรงนั้น

“มาสักทีนะคะ” 

“ขอโทษที เสียเวลาเล็กน้อยนะ” สก็อตพูดจบก็ถามบางอย่างด้วยความสงสัย “เมื่อกี้เหมือนอาเห็นหลานคุยกับใครหรือเปล่า? มีเด็กมาแกล้งหลานเหรอ?” 

“เปล่าค่ะ หนูพึ่งช่วยคนอื่นนะคะ เธอทำของตกใต้ตู้เสื้อผ้า หนูเลยให้เดมัวส์ช่วยเก็บนะ” 

“เดมัวส์? พวกนิฟเฟลอร์เหรอ?” 

“ค่ะ~” 

“ออกมาตัวเดียวใช่ไหม?” 

“ค่ะ!” 

สก็อตหยีตามองหลานสาวพร้อมกับมองรอบๆ เขาไม่เชื่อว่านิฟเฟลอร์ออกมาตัวเดียว พอมอง ๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือของเสียหาย

“โอเค...อาห่วงอย่างเดียวว่านิฟเฟลอร์ตัวอื่น จะออกมาพร้อมกับเดมัวส์ แต่ดีที่เจ้าตัวนี้เชื่อฟังหลานมากกว่าตัวอื่น” 

“ทำไงได้ล่ะค่ะ พวกมันชอบออกมาหาของสะสมเพิ่มในคลังของมันนี่นา” อบิเกลแก้ตัวให้พวกนิฟเฟลอร์ “แล้วเมื่อกี้อาทั้งสองไปคุยอะไรกันมาค่ะ?”

"เอ่อ...คุยเรื่องสำคัญสำหรับหลานอยู่นะ”

“หือ?” 

คำพูดของอาสก็อตทำให้อบิเกลสงสัยว่าทั้งสองไปคุยเรื่องสำคัญอะไรก่อนที่พวกเขาจะเลือกเสื้อผ้าให้อบิเกลไปหกถึงเจ็ดชุดก็พาอบิเกลไปยังร้าน ๆ หนึ่งทันที เมื่อเดินมาถึงร้านที่ว่าอบิเกลถึงกับมองอย่างสงสัยว่าทำไมต้องมาร้านไม้กายสิทธิ์อีกโดยที่เธอก็มีไม้กายสิทธิ์ติดตัวอยู่แล้วเธอหันไปมองทั้งสอง

“นี่มัน...ร้านไม้กายสิทธิ์ไม่ใช่เหรอ? เรามากันทำไม?” 

“เห็น ๆ อยู่ แอ็บบี้! เราพาหลานมาเลือกไม้กายสิทธิ์ไงล่ะ” 

“ทำไมค่ะ? หนูก็มีอันปัจจุบันอยู่แล้วนะ” 

“มันก็จริงนะ แอ็บบี้ แต่หนูคิดหน่อยนะว่าไม้กายสิทธิ์ของหนูมันคล้ายกับอะไร?” เดลล่าเข้ามาใกล้เด็กน้อยพร้อมกับลูบหัวเธอเบา ๆ 

“เฮ้อ...เหมือนเครื่องรางยมทูตชิ้นหนึ่ง ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ แต่ไม้นั้นโดนพ่อมดที่โด่งดังอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ หักทิ้งไปแล้วนะคะ ไม้หนูก็แค่อาจจะถูกทำมาคล้ายๆ กันก็ได้นี่น่า” 

ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันอย่างเข้าใจ เพราะพวกเขาก็รู้ว่าใครเป็นคนหักสิ่งนั้น แต่พออบิเกลพูดชื่อแฮร์รี่ พอตเตอร์สีหน้าของสก็อตเปลี่ยนไปชั่วขณะ แล้วกลับมาเป็นปกติ แต่อบิเกลเห็นขณะหนึ่งที่ใบหน้าของอาเศร้าไปชั่วขณะก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ จนเธอสงสัยว่าทำไมอาต้องทำหน้าแบบนั้น

“มันก็จริงนะจ๊ะ แอ็บบี้ คุณพอตเตอร์หักไม้นั้นก็จริง แต่...เพื่อความแน่ใจที่ทุกคนจะไม่มองหนูแปลกนะ” 

“แค่มีไม้คล้าย ๆ กันจะมีคนมองหนูแปลกขนาดนั้นเลยเหรอ?” 

“มันแค่...คนเรานั้นมีความคิดของตนเองและเด็กบางคนก็โดนพ่อแม่ปลูกฝังว่าควรเกลียดอะไร...”

“เฮ้อ...หนูเข้าใจแล้วค่ะ จะยอมซื้ออีกอันก็ได้” 

“ดีจ๊ะ งั้นไปกัน!” เดลล่าจับมือเด็กน้อยแล้วพาเข้าไปข้างในร้านไม้กายสิทธิ์

 

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองร้านตรงหน้าที่กำลังจะเข้าไปข้างใน นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอมายังร้านนี้ เธอจำได้ดีว่าครั้งนั้นเกิดอะไรขึ้นมั้ง ตั้งแต่โอลิแวนเดอร์ไม่ยอมให้เธอเลือกไม้เพียงเพราะเธอยังเด็กจนตอนนั้นเธอต้องหยิบใบอนุญาตของออกมาพร้อมกับเจตจำนงของเธอที่ต้องการไม้ไปทำอะไร เขาได้ยินคำพูดอันมุ่งมั่นของเด็กน้อยจึงยอมให้เด็กเลือกไม้ แต่ก็มีอีกอย่างที่ทำให้เขาวิตกกังวลไม้ที่เลือกเธอดันเป็นไม้ที่มีความคล้ายคลึงกับไม้ในตำนานอย่างไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์หนึ่งในเครื่องรางยมทูต เธอจับไม้ครั้งแรกมันยอมรับเธออย่างน่าแปลกประหลาด แต่โอลิแวนเดอร์ก็เปลี่ยนไม้ไม่ให้เธอใช้อันนี้ แต่พอเธอจะเปลี่ยนไม้ทุกอันแตกหมด ทำให้โอลิแวนเดอร์ยอมให้เธอกลับไปพร้อมกับไม้กายสิทธิ์ชิ้นนั้น ตอนนั้นเธอโคตรสงสารเขาเลยที่ทำไม้หักไปหลายอัน

 

‘ขอโทษนะคะ คุณโอลิแวนเดอร์’ อบิเกลคิด

 

พวกเขากำลังเตรียมที่จะเข้าไปในร้านเพื่อเลือกไม้อันใหม่ แต่อบิเกลคิดอย่างเดียวว่าขอให้เจ้าไม้ตัวดีอย่าทำไม้กายสิทธิ์ของคุณโอลิแวนเดอร์พังอีกก็พอ เมื่อพวกเขากำลังเปิดประตูเข้าไปก็ทำให้เดลล่าชะงักเมื่อเห็นครอบครัวหนึ่งอยู่ตรงหน้า สก็อตจ้องมองอีกฝ่ายที่จู่ ๆ หยุดนิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นก็รีบเดินมาข้างหน้าพร้อมกับจับตัวหลานมาอยู่ข้างหลังของเขา อบิเกลโดนดึงให้หลบก็ทำให้เธอตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่างที่โอลิแวนเดอร์กำลังตรวจสอบไม้ให้ลูกค้าอยู่ เขาก็เห็นกลุ่มคนที่นัดเขาเอาไว้พอดี

 

“มาแล้วสินะ! เมอร์รัล! ฉันกำลังรอเลย!!” 

“หือ? เมอร์รัล?” 

น้ำเสียงของหญิงสาวที่ดูแข็งกระด้างขึ้นมาเมื่อได้ยินนามสกุลที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินในวันธรรมดาของเธอจนเธอนั้นหันไปมองอย่างช้า ๆ ก่อนจะเห็นบุคคลที่เธอไม่อยากเจอในเวลาแบบนี้จริง ๆ

“ไม่นึกว่าจะเจอนายที่นี่! เมอร์รัล!” 

สก็อตจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าอันนิ่งเฉย แต่ข้างในของเขากับรู้สึกประหม่าและเครียดเล็กน้อย “เช่นกันครับ คุณเฮอร์ไมโอนี่ ไม่สิ...ท่านรัฐมนตรี!” 

 

จบตอนที่ 2 โปรดติดตามตอนที่ 3 ต่อไป