อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต - ตอนที่ 21 เสียงปริศนา โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน

รายละเอียด

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย

ผู้แต่ง

YukiCoCo

เรื่องย่อ

++คำอธิบายจากนักเขียน++

สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง

เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง

เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย

สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป

มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ

แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ


 

บทนำของเรื่อง

 

อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น

เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา

อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ

ไปติดตามกันได้นะ

 


ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้

สารบัญ

[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 1 ความผิดพลาดที่เกือบตาย,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 2 ช็อปปิ้งก่อนเปิดเรียน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 3 การพบหน้าที่โคตรอึดอัดใจ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 4 อดีตของสก็อต,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 5 เพื่อนคนแรกของกันและกัน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 6 เวลาคัดสรร,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 7 เล่นมาก็เล่นกลับ ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 8 บ้านใหม่ เพื่อนร่วมห้องใหม่ ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 9 ก่อเรื่องวันแรก,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 10 เกือบตกเสียแล้ว,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 11 เหตุร้ายยังไม่หมดไป,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 12 น่าเวทนาจริง ๆ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 13 ห้องอาหาร,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 14 เพื่อนหรือบอดี้การ์ด,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 15 ส่งข่าวเล็กน้อย,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 16 ฝึกการบิน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 17 การแข่งขัน,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 18 เจ้าของ,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 19 หักคะแนนอย่างไม่เป็นธรรม,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 20 ไม่อยากแย่งตำแหน่งกับหมา,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 21 เสียงปริศนา,[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิต-ตอนที่ 22 ความขัดแย้ง

เนื้อหา

ตอนที่ 21 เสียงปริศนา

ตอนที่ 21 เสียงปริศนา

ทุกคนต่างได้ยินแบบนั้นก็ตื่นเต้นอย่างสนใจ เวลาเรียนกับอาจารย์เนวิลล์เป็นชั่วโมงเรียนที่ทุกคนชอบมาก ๆ ได้เล่นอะไรสนุก ๆ ในแบบที่ตอนแรกที่ทุกคนนั้นคิดว่ามันจะน่าเบื่อแต่การสอนของอาจารย์เนวิลล์จัดว่าสนุกกว่าวิชาไหน ๆ เขาพยายามให้การเรียนมีอะไรแปลกใหม่ไม่ซับซ้อนเกินไปจนเด็ก ๆ ไม่จำ เขากำลังจัดบางอย่างบนโต๊ะมีกระถางต้นไม้ และกระถางเล็ก ๆ วางอยู่ตรงกลาง อบิเกลมองก็รู้สึกว่ามันเหมือนตึกและผู้คน พอเสร็จทุกอย่างอาจารย์ก็เตรียมตัวจะพูดขึ้น

 

“เอาล่ะมาเริ่มกันเลย”

ทุกคนต่างมองอย่างตั้งใจ อบิเกลก็มองอย่างตั้งใจว่าวันนี้จะมีปริศนาอะไรมาให้ตอบกันหรือทายกัน

“มีชายหนุ่มคนหนึ่ง” เนวิลล์กล่าวพร้อมกับขยับไม้กายสิทธิ์ให้กระถางสีน้ำเงินอยู่ตรงกลาง “กำลังเดินอยู่ในหมู่บ้านหนึ่ง แต่ดวงตาของเขาบริเวณตาขาวกลายเป็นสีแดงอย่างระคายเคืองมาก ๆ จนเขาขยี้มันตลอด พวกเธอเดินผ่านไปเจอเขาทันที พวกเธอจะใช้สมุนไพรชนิดไหนในการรักษาเอ่ย~”

ทุกคนฟังปริศนาของอาจารย์ก็ได้แต่มองกันอย่างสงสัยว่าจะใช้สมุนไพรแบบไหนในการรักษาเกี่ยวกับดวงตากัน เด็กบางคนที่ไม่รู้กำลังจะเปิดหนังสือดู แต่อาจารย์เนวิลล์ก็ห้ามเสียก่อน

“อ๊ะ ๆ อ๊า ไม่เปิดหนังสือนะเด็ก ๆ เรียนกับอาจารย์มาสองอาทิตย์แล้วนะ”

“โธ่...อาจารย์หนูยังจำไม่ได้”

“งั้นก็ตอบไม่ได้ ก็รอนะ”

“โธ่...”

 

เหล่าเด็กที่จะแอบอ่านสักหน่อยก็โดนห้ามกัน อบิเกลได้แต่ยิ้มหัวเราะที่ทุกคนยังไม่มีคำตอบ แต่เธอมีตัวเลือกอยู่ในใจประมาณสามสี่ตัวแล้ว ระหว่างที่เธอยิ้มอย่างชอบใจนั้นสายตาของเธอก็หันไปมองอาจารย์เนวิลล์ที่เขากำลังมองเธอแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากของเขาเหมือนบอกเธอว่าช่วยเก็บเงียบเกี่ยวกับคำตอบนี้ เพราะปกติอบิเกลเป็นหนึ่งในคนที่มีความรู้เรื่องสมุนไพร อบิเกลเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากของเธอแล้วฉีกยิ้มจนเห็นฟังให้อีกฝ่าย อาจารย์เนวิลล์ก็ได้แต่ยิ้มชอบใจนั้นทำให้ลูกสาวที่กำลังครุ่นคิดคำตอบก็เห็นพ่อของเธอกับอบิเกลกำลังส่งซิกให้กันและกันจนเธอสงสัยแล้วหันไปถามอบิเกลทันที

 

“เดียวสิ!! สองคนนี้ส่งซิกอะไรกันนะ?”

“ไม่มีอะไรหรอก พ่อเธอแค่บอกให้ฉันห้ามตอบคำถามนะ”

“ทำไมล่ะ?”

“พ่อเธอคงอยากให้คนอื่นตอบนะ เพราะปกติฉันตอบอยู่คนเดียวนี่น่า~”

“เอ๋? เดี๋ยวนะ...อย่าบอกนะว่าอบิเกลได้คำตอบแล้ว?”

“ก็ใช่ล่ะนะ~”

“บอกหน่อยสิ”

“ไม่ เธอต้องศึกษาด้วยตัวเอง”

“โธ่ อบิเกลอ่ะ!!” ลูน่าขยับมือไปมาอย่างไม่ยอม

ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกันนั้น มีเด็กชายคนหนึ่งยกมือขึ้นจนทุกคนต่างพากันมอง อบิเกลหันไปมองเด็กชายคนนั้นที่มีผมสีบลอนด์ ดวงตาสีฟ้า เหมือนเจ้าชายตามหนังสือนิทานของเด็ก เด็กชายคนนั้นอยู่บ้านเรเวนคลอเขายกมือเพื่อที่จะตอบคำถาม อาจารย์เนวิลล์เห็นก็ยกยิ้มขึ้น

“เชิญคุณแจ็กสัน”

“ใช้ดวงตากบดองได้ไหมครับ? มันมีฤทธิ์รักษาได้นะครับ”

“ดวงตากบดองเนี่ยนะ?” นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดพร้อมกับทำหน้าขยะแขยงออกมา

“น่าเกลียดอ่ะ...”

“กบก็น่าเกลียดล่ะ...ใช้ดวงตากบรักษาตาคนได้ด้วยเหรอ?”

พวกนักเรียนซุบซิบกันด้วยความไม่ชอบ อาจารย์เนวิลล์ได้ยินก็เข้าใจดีสำหรับตอนนี้เด็กหลายคนอาจจะไม่ชอบมัน แต่ในเวลาคับขันจริง ๆ ทุกคนจะต้องหาอะไรอย่างดวงตากบมารักษาคนแน่ ๆ อาจารย์เนวิลล์ตบมือสองสามครั้งให้ทุกคนเงียบ

“ได้ แจ็กสัน มันเป็นวัตถุดิบการทำยาเช่นกัน สามารถไปผสมส่วนผสมอื่น ทำเป็นยาลดระคายเคืองได้ เก่งมาก แจ็กสัน ทุกคนตบมือให้แจ็กสันหน่อย”

อาจารย์เนวิลล์ตบมือทุกคนต่างพาตบมือให้แก่อีกฝ่าย พวกเพื่อน ๆ บ้านเรเวนคลอต่างชมอีกฝ่ายที่ตอบได้ ก่อนที่อาจารย์จะหันมามองทุกคน

"เอาล่ะ ใครจะตอบต่อ ยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถใช้ได้นะ"

 

อาจารย์เนวิลล์มองทุกคนที่ยังครุ่นคิดก่อนที่สายตาของเขาจะหันไปมองลูกสาวที่กำลังคิดอยู่ ทำให้เขาสงสัยว่าลูกสาวนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ทางด้านลูน่านั้นเธออยู่กับพ่อตลอดมากกว่าพี่ชาย เธอเลยเรียนรู้จากพ่อมาเยอะ แต่ตอนนี้เธอดันมีคำตอบที่มันไม่ได้เกี่ยวกับสมุนไพรเลย นั้นทำให้เธอกลัวหน่อย ๆ ว่าถ้าตอบไปพ่อจะผิดหวังในตัวเธอไหม อบิเกลที่มองรอบ ๆ สายตาของเธอเห็นอาจารย์กำลังมองมาทางพวกเธอนั้นทำให้เธอหันไปมองข้าง ๆ ก็รู้ว่าทิศของสายตาคือลูกสาวอย่างลูน่า อบิเกลก็เอ่ยถามอีกฝ่ายดู

 

“ได้คำตอบยังนะ?”

“อ๊ะ...ได้แล้วนะ...”

“ได้แล้ว? แล้วทำไมไม่ตอบออกไปนะ”

“ฉัน....ฉันกลัวว่าจะตอบผิดอ่ะ...กลัวพ่อจะ...ผิดหวังนะสิ...”

อบิเกลฟังคำพูดอีกฝ่ายก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ แต่เธอเข้าใจเด็กแบบอีกฝ่ายครั้งแรกเป็นอะไรที่น่ากลัว ผิดแล้วมันจะจำไปตลอดจนไม่กล้าทำอะไรแบบนี้อีก อบิเกลยกมือแตะไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ แล้วตบสองสามครั้ง

“ลองตอบดู ลูน่า การตอบคำถามไม่มีถูกหรือผิดเสมอไป ขอแค่เรามั่นใจในตัวเองแล้วตอบมันออกไป”

“แล้วถ้าผิดล่ะ...”

“ก็แค่ผิด พ่อเธอคงไม่ผิดหวังอะไรเล็กน้อยแบบนี้แน่ ๆ”

“งั้นเหรอ...อืม...” ลูน่าก้มหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นช้า ๆ

เนวิลล์เห็นลูกสาวยกมือขึ้นเขาก็ยิ้มอย่างชอบใจ “ตอบมาได้เลย ลูน่า”

“ค่ะ...เอ่อ...หนูจะใช้เปลือกไข่อ็อกไบต์ในการรักษาค่ะ”

ลูน่าตอบคำถามนั้นออกไป ทุกคนในที่นั้นต่างเงียบกริบไป อบิเกลที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้แต่ยิ้ม ๆ ถึงคำตอบนั้นจะถูกก็ตามที แต่มันไม่ใช่สมุนไพร เธอหันไปมองอาจารย์เนวิลล์ว่าจะรับมือยังไงกับสถานการณ์ที่ลูกสาวเขาตอบแบบนี้ แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากบ้านกริฟฟินดอร์แล้วเสียงนั้นเป็นเสียงของอีฟที่รังแกลูน่าครั้งก่อน

“ยัยนั้นบ้าป่ะ...อาจารย์บอกให้เลือกสมุนไพร แต่ยัยนั้นเลือกตอบอย่างอื่นเนี่ยนะ?”

“ฉันเป็นพ่อนางคงจะอับอายน่าดู”

“จริงด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

อบิเกลได้ยินคำพูดดูถูกและเยาะเย้ยของพวกกริฟฟินดอร์นั้นยิ่งทำให้เธอต้องพูดบางอย่างออกมา

“ที่ลูน่าตอบมันก็ใช้ได้เหมือนกันนั้นล่ะ ยังดีกว่าพวกมีแต่ปากรังแกลูน่าแล้วยังยืนหน้าปากมากไปวัน ๆ หรอกนะ!!”

“ว่าไงนะ เมอร์รัล!!”

“อบิเกล!! อย่าทะเลาะกับพวกนั้นเพราะฉันเลยนะ!!” ลูน่าหันไปห้ามอบิเกลทันที

“ไม่ให้อบิเกลจัดการ ให้ฉันจัดการก็ได้นะ” สกอร์เปียสเสนอตัวจะช่วยทันที

“นายเป็นผู้ชายห้ามยุ่ง!!” อบิเกลหันไปสกอร์เปียสที่อยากช่วย

สกอร์เปียสได้ยินแบบนั้นก็แอ๊บทำมือยกไว้ข้างแก้มแล้วยกนิ้วนางขึ้นเล็กน้อยก่อนจะแอ๊บเสียงพูดหน่อย ๆ “เขาก็ผู้หญิงได้นะ~ ให้เขาไปตบกับพวกนางก็ได้นะ~”

พวกอบิเกลเห็นท่าทางของสกอร์เปียสถึงกับหลุดขำออกมาทันที เด็กชายที่นิ่งเงียบ ๆ อย่างสกอร์เปียสนั้นมาเล็กมุกแอ๊บสาวให้พวกเธอดู ทำเอาทั้งหกคนถึงกับขำออกมา อาจารย์เนวิลล์ที่อยู่ตรงนั้นก็แอบขำหน่อย ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

“เอาล่ะ ๆ พอดีกว่านะ อืม...เปลือกไข่อ็อกไบต์งั้นเหรอ? ก็น่าสนใจนะ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเมื่อเราไม่มีสมุนไพรติดตัวใช่ไหม? ลูน่า”

ลูน่าได้ยินเสียงพ่อพูดแบบนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาเริ่มจะร้อนผ่าวแต่ก็อดกลั้นไว้ “อ๊ะ...ค่ะ...มันสามารถสกัดเป็นส่วนผสมได้จะมีฤทธิ์เย็นและช่วยลดอาการระคายเคืองและตาแดงได้ดีมากค่ะ”

“เห็นไหม~ เด็ก ๆ บางอย่างเราไม่ต้องตอบตรงประเด็นก็ได้ เราสามารถนอกกรอบได้เสมอ เก่งมาก ลูน่า” อาจารย์เนวิลล์กล่าวแล้วตบมือให้

 

ทุกคนเห็นแบบนั้นก็ตบมือให้ลูน่าที่เห็นทุกคนตบมือให้ก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เธอหันไปหาพ่อที่ชมเธอ เขาก็ยกนิ้วให้อย่างบอกว่าเธอเก่งมา อบิเกลมองลูน่าที่ร่าเริงขึ้น เธอมีพ่อคอยซัพพอร์ตแบบนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะ ถ้าเมื่อกี้พ่อเธอตอบอะไรที่ทำร้ายจิตใจลูกสาวละก็เธอคงเล่นงานพ่ออีกฝ่ายแน่ ๆ แต่ก็แอบอิจฉาที่อีกฝ่ายมีพ่อที่น่ารักแบบนี้ ทำให้คิดเลยว่าพ่อที่เธอไม่เคยรู้จักจะมีนิสัยคล้าย ๆ แบบนี้ไหม

 

‘แอ็บบี้...’

 

เสียงแผ่วเบาของผู้ชายดังขึ้นเหมือนกระซิบจากข้างหู อบิเกลหันขวับไปมองข้างหลังว่าใครเรียกเธอจากข้างหลัง แต่ข้างหลังมีเพียงกระถางต้นไม้เท่านั้น นั้นทำให้อบิเกลงุนงงว่าเจ้าของเสียงที่เอ่ยเรียกเธอนั้นคือใคร แต่เสียงนั้นมันคล้าย ๆ อาสก็อต แต่ทุ่มกว่า อบิเกลขมวดคิ้วอย่างสงสัยหลังจากคืนแรกที่เธอฝันถึงเสียงของผู้หญิงที่ไม่รู้จัก แล้วตอนนั้นก็จำไม่ได้ แต่พอนึกมันก็จำได้แต่ก็ลืมไปตลอด นั้นทำให้เธอสงสัยว่าตัวเองมีความผิดปกติหรือเปล่า ระหว่างที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น สกอร์เปียสก็หันมามองอบิเกลกำลังเหม่อมองข้างหลังอยู่ เขาสงสัยว่าข้างหลังมีอะไรนอกจากกระถางต้นไม้

 

“มองอะไรเหรอ?”

“เปล่า...แค่รู้สึก...เหมือนมีคนเรียก...”

“หือ? ใครจะเรียกเธอจากตรงนี้...ข้างนอกเหรอ? แต่กระจกปิดอยู่นะ...”

“ไม่รู้สิ...ฉันอาจจะหูแว่วไป...” อบิเกลหันกลับมาสนใจข้างหน้าต่อ

“งั้นเหรอ?”

 

สกอร์เปียสยังคงมองอีกฝ่ายที่ยังมีสีหน้าสงสัยว่าข้างหลังนั้นมีใครแอบซ่อนไหม แต่เรือนกระจกมันขุ่นมองเห็นสิ่งที่ผ่านไปหรือหลบได้จึงไม่น่าจะมีคนซ่อนได้แน่ ๆ อบิเกลจ้องมองอยู่สักพักก่อนจะหันกลับมาฟังอาจารย์สอนต่อ แต่ในความคิดของเธอก็สงสัยอยู่ว่าเสียงของใครที่เรียกเธอ แล้วเสียงนั้นชวนให้คิดถึง แต่เธอจำไม่ได้ว่าเสียงนั้นคือเสียงของใคร ส่ายหน้าตัวเองเบา ๆ เธอหยุดคิดถึงสิ่งที่เอ่ยเรียกเธอ แต่ก็ยังสงสัยว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร

 

แสงแดดกำลังอ่อนลงตกมายามตามช่องว่างคล้ายหน้าต่างตามปราสาท กลางวันทุกคนต่างพาไปทานอาหารและเตรียมตัวพักผ่อนช่วงเวลาอันสั้น อบิเกลปลีกตัวออกมาจากวงอาหารหลังทานเสร็จ ขาที่กำลังก้าวไปตามทางกำลังตรงดิ่งไปยังสถานที่ตั้งเป้าไว้จนกระทั่งเดินมาถึงเสาหินทั้งสามเสาที่ตั้งตระหง่าน อบิเกลจ้องมองเสาก่อนจะหันไปมองกระท่อมที่อยู่ตรงหน้าเธอยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นแต่แล้วก็มีเสียงเหมือนอะไรเตะหิน อบิเกลหันไปมองข้างหลังที่ไร้วี่แววผู้คน เธอหยีตามองก่อนจะเตรียมทำท่ากำลังวิ่งลงข้างล่าง ก่อนที่จะใช้ไม้กวาดลอยตัวไปอีกทาง เงาปริศนาที่แอบตามอบิเกลมาก็โผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อน แต่ก็ไม่เห็นอีกฝ่าย ก่อนที่อบิเกลนั้นจะมายืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับเอ่ยพูดออกมา

 

“นายแอบตามฉันเหรอ? สกอร์เปียส!?”

“อ๊ากกกกก!!!” สกอร์เปียสกรีดร้องอย่างตกใจสุดขีดก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายที่อยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ “นี่...มาตอนไหน...ฉันยังเห็นเธอ...เดินอยู่ตรงนั้นอยู่เลยนะ...”

สกอร์เปียสชี้ไปตรงทางเดินถ้าอีกฝ่ายเดินกลับมาเขาต้องได้ยินเสียงมั้ง ก่อนที่อบิเกลจะหยิบไม้กวาดของเธอขึ้นมา สกอร์เปียสเห็นก็ทำหน้าเซ็งเลย

“นี่เธอเล่นขี่ไม้กวาดเลยเหรอ?”

“ทำไงได้ ฉันสงสัยว่าใครตามมา ดีนะที่ฉันเห็นผมบลอนด์ไม่งั้นนะ ฉันชกนายไปแล้ว นึกว่าเป็นเจ้าบ้าวีสลีย์ตามมา”

“โธ่...”

อบิเกลเริ่มเดินลงไปตามบันไดที่ลงไปยังข้างล่างต่อ สกอร์เปียสเห็นแบบนั้นก็รีบตาม

“แล้วนี่เธอมาหาอาจารย์แฮกริดทำไม?”

“ไม่รู้สิ...คิดว่าอยากจะมาหาอาจารย์ เพราะรู้สึกว่าอาจารย์เป็นคนหนึ่งที่ทำให้ฉันสบายใจกว่าอาจารย์ประจำบ้านเราเสียอีก”

“จริง...ทำไมเราไม่อยู่บ้านกริฟฟินดอร์เนอะ~”

“อย่ายึดติดกับบ้านเลยสกอร์เปียสมันขึ้นกับตัวเราซะมากกว่าว่าเราจะเป็นคนดำเนินชีวิตไปทางไหนกัน”

“จริง...ฉันอยากให้ชีวิตตัวเองไปทางที่ดีไม่เลวร้าย ไม่เป็นคนเลวเหมือนที่คนอื่นตราหน้าฉัน”

“ดี...ทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ก็พอ”

ทั้งสองคนเดินตามทางเรื่อย ๆ ก็เห็นชายร่างใหญ่กำลังเดินออกมาจากบ้านของตนเองพร้อมกับเท้าเอวด้วยสีหน้าอันสงสัยบางอย่างก่อนที่เขานั้นจะเอ่ยถามขึ้นมา

“เมื่อกี้เสียงใครโวยวายกัน?”

“เสียงสกอร์เปียสค่ะ อาจารย์แฮกริดเขาเกิดแต๋วแตกนะคะ”

“บ้า!! อาจารย์เมื่อกี้อบิเกลเกิดย่องมาข้างหลังผม ถ้าเป็นอาจารย์จะตกใจไหมครับ?”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แฮกริดหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะมองเด็กน้อยทั้งสอง “แล้ววันนี้มีอะไรล่ะ? หรือว่าโดนใครแกล้งมาอีกล่ะ?”

“ปกตินี้ค่ะ แล้วนี่อาจารย์กำลังจะไปไหนเหรอคะ?”

“ไม่มีอะไรมาก แค่มาต้อนรับพวกเธอนี้ล่ะ เอาล่ะ เข้าข้างในกัน ฉันมีใบชาที่พึ่งทำเสร็จพอดี”

“ขอบคุณค่ะ~”

“ขอบคุณครับ”

ทั้งสองคนตามเข้าไปข้างในพร้อมกัน อาจารย์แฮกริดกำลังวางถ้วยชาให้จนเกือบตก สกอร์เปียสก็ช่วยจัดให้เป็นระเบียบก่อนที่เขาจะเทชาลงถ้วยชาแต่ละคน อบิเกลเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างคนไร้ความคิด เมื่อเธอกำลังนึกถึงบางอย่างจนเหม่อลอย

“อบิเกล”

“ค่ะ...” อบิเกลได้ยินเสียงเรียกเธอก็หันไปมอง “วันนี้หนูเป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่าค่ะ...แค่...หนูกำลังเหมือนเจออะไรที่แปลก ๆ มาช่วงนี้...แล้วมันยิ่งรุนแรง...”

“เจออะไรงั้นเหรอ?”

“เสียง...ใครสักคน...เรียกหนู...ทั้งตอนหลับ...แต่ตอนนี้...กำลังเรียนหนังสืออยู่...หนูไม่รู้ใครเรียก...แต่เสียงนั้น...มันคุ้นเคย...และรู้สึกโหยหา...”

อบิเกลอธิบายเธออยากนึกถึงเสียงนั้นอีก แต่มันก็หายไปเหลือแค่ว่าเคยมีคนเรียกชื่อ แต่น้ำเสียงนั้นกับจำไม่ได้เลย

“หนูป่วยเหรอ?”

“อืม...ไม่น่าหรอกนะ...หรือว่าเรียนเยอะเกินไปกับผสมกับโดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียว...ทุกทีเธอจะออกไปทำภารกิจใช่ไหม? อาจารย์แนะนำทำอะไรที่เธอคุ้นเคยน่าจะดีกว่านะ อบิเกล”

“ทำสิ่งที่คุ้นเคย...”

“หมายถึงสิ่งที่หนูชอบนะ~”

อบิเกลได้ยินแบบนั้นดวงตาก็เบิกกว้างทันทีที่เธอนึกออกแล้วว่าจะทำอะไรก่อนจะลุกขึ้นก่อนจะเตรียมวิ่ง เธอเดินไปหาอาจารย์แฮกริดแล้วหอมแก้มเขาเป็นการขอบคุณก่อนจะวิ่งออกไป

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ!!”

แฮกริดมองเด็กน้อยที่เข้ามาหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะออกไป “อืม...ไม่เป็นไร...”

“อบิเกล!! รอด้วย!!” สกอร์เปียสกินขนมสองสามชิ้นแล้วยกถ้วยชาดื่ม “ขอบคุณสำหรับขนมและชาครับ”

 

ทั้งสองวิ่งออกมาจากกระท่อมของอาจารย์แฮกริดประจวบเหมาะกับเจอกับพวกเอวากำลังจะไปเรียนวิชาต่อไปพอดี อบิเกลก็พาทุกคนไปยังห้องเรียน แต่เธอแอบแฝงบางอย่างที่อาจารย์แฮกริดสอนว่าให้เธอทำให้อะไรที่เธอชอบนั้นเลยทำให้เธอคิดถึงงานอดิเรกของเธอการวิจัยคาถาและการปรุงยานั้นเอง สกอร์เปียสเห็นท่าทางอีกฝ่ายที่ดูต่างจากปกติเหมือนคนที่อยากจะระบายบางอย่างออกมาตลอด ทำให้คิดเลยว่าหลังจากนี้เขาต้องระวังบางอย่างแล้ว

 

ชั่วโมงการเรียนวิชาคาถาเวทมนตร์เป็นอะไรที่ทุกคนอยากเรียนรู้เพื่อเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน วันนี้อาจารย์ฟิลิอัสกำลังสอนนักเรียนเกี่ยวกับการคาถาเพิ่มน้ำหนักให้วัตถุหนักขึ้น ทุกคนกำลังขยับไม้ตามคำพูดของอาจารย์ให้ร่ายคาถาตามทุกคนทำกันอย่างคล่องกันแล้ว อาจารย์เลยให้ทุกคนลองฝึกกับหุ่นที่มี อาจารย์สะบัดไม้กายสิทธิ์ไม่กี่ครั้งห้องเรียนก็เปลี่ยนเป็นห้องปฏิบัติที่กว้างขึ้นและเหมาะแก่การเรียนภาคปฏิบัติ ทุกคนแบ่งกลุ่มกันไปลองเล่นกับหุ่น

 

“ใครเริ่มก่อนดี?”

“อบิเกลเริ่มก่อนไหม?”

อบิเกลหันไปมองทุกคนทันที “พวกเธอเริ่มก่อนเลย”

“อ้าวเหรอ...”

พวกเอวาก็หันไปถามกันว่าใครจะเริ่มก่อน สกอร์เปียสหันจ้องมองเพื่อนสาวของเขาว่ากำลังจะทำอะไรเห็นอีกฝ่ายกำลังมองออกไปทางอื่น ระหว่างนั้นทุกคนเริ่มฝึกในกลุ่มของตัวเอง อาจารย์ฟิลิอัสก็เริ่มเดินดู

“เก่งมาก ๆ ทุกคน” อาจารย์ฟิลิอัสกล่าว “ลองนึกถึงน้ำหนักที่ตัวเองอยากได้ทำไงก็ได้ให้หุ่นหยุดนิ่งจนขยับไม่ได้นะเด็ก ๆ”

“ครับ/ค่ะ!”

ระหว่างที่ทุกคนกำลังฝึกฝนกันอย่างสนุกอบิเกลมองรอบตัวของเธออย่างครุ่นคิด ก่อนที่เธอหันไปทางหนึ่งแล้วยกยิ้มก่อนจะเดินออกจากเพื่อน ๆ สกอร์เปียสที่กำลังจะต่อแถวฝึกกับสาว ๆ เขาก็เห็นว่าอบิเกลไปอีกทาง

“อบิเกล...” สกอร์เปียสเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเบา ๆ

พวกเด็กสาวต่างหันมองอีกฝ่าย แล้วหันไปตามทางสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองอบิเกลที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้า

“เธอจะไปไหนนะ?”

“ไปฝึกคนเดียวเหรอ?”

“ไม่น่านะ...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

 

ทุกคนหยุดฝึกแล้วมองไปที่อบิเกลที่เดินไปที่อีกทางจนมาถึงหุ่นตัวหนึ่งที่ว่างอยู่ เธอจ้องมองที่หุ่นก่อนจะยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นตั้งท่าเตรียมตัว เธอหลับตาลงนึกถึงคาถาที่เธอตั้งใจจะใช้เธอนึกถึงหอกขนาดใหญ่โปร่งใสหลายสิบอันเตรียมตัวหันไปทางหุ่นฝึก ดวงตาสีเขียวมรกตเปิดกว้างพร้อมกับแกว่งไม้กายสิทธิ์ตามจังหวะที่เธอคิด

“ฟรัคตัส แลนเซีย!!”

 

ทุกอย่างเงียบสงัดทำเอาอบิเกลจ้องมองอย่างเขิน ๆ แต่ครั้งแรกเป็นแบบนี้ทุกคนจนเธอนั้นแกว่งไม้ไปมาแก้เขิน รู้สึกครั้งแรกยังไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ต้องไปปรับปรุงกลไกของคาถาก่อน ระหว่างที่อบิเกลสนใจจดบันทึกอยู่นั้น สกอร์ก็สงสัยว่าเธอทำอะไรแต่สิ่งที่ทำไม่ใช่ร่ายคาถาเพิ่มน้ำหนักแน่ ๆ ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นบางอย่างเหนือหัวอีกฝ่ายเขาก็ตาลุกวาวทันใดก่อนจะรีบวิ่งตรงไปหาอีกฝ่าย

 

“อบิเกล!! ข้างบน!!”

 

คำเตือนของสกอร์เปียสทำให้ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นทุกสายตาหันไปเห็นหอกโปร่งใสอยู่เหนือหัวของอบิเกล ปลายหอกมันคว่ำลงบนหัวของเธอ แต่มันเริ่มตกลงเมื่ออบิเกลเงยหน้า สกอร์เปียสวิ่งจนมาถึงตัวอีกฝ่ายแล้วดันอีกฝ่ายจนหลบการโจมตีของคาถา หอกโปร่งใสก็ตกลงมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างรีบหนีไปทางหนึ่งกันอย่างรวดเร็ว อบิเกลเห็นแบบนั้นก็ไม่คิดว่าคาถาที่คิดนั้นจะพุ่งมาจากเหนือหัวซะงั้น แต่ความเร็วของการโจมตีทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่เกิดเป็นประกายไฟ เธอเห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นแล้วอุ้มสกอร์เปียสไว้ที่บ่าแล้วเข้ามายืนตรงหน้าทุกคนแล้วร่ายคาถากางบาเรียปกคลุมรอบข้างอย่างรวดเร็ว ประกายไฟแปลงเปลี่ยนเป็นกลายเป็นสิ่งที่อันตรายกว่านั้นอย่างรวดเร็ว

 

ตู้ม!!!!

 

ควันฝุ่นกระจายไปทั่วทั้งห้องนั้น พื้นที่ตอนแรกจะเป็นแค่รอยดำ ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่กระจัดกระจายวงกว้างเพียงเล็กน้อย อบิเกลที่ยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าที่สงบลงก่อนจะหันไปมองเหล่าเพื่อนและอาจารย์ที่หลบมุมห้องกัน อาจารย์ฟิลิอัสมองมาทางอบิเกลด้วยสายตาตกตะลึงก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ก่อนจะตะโกนเสียงดังออกมา

“เมอร์รัลลลลลลลลลลล!!!”

“อืม...”

 

อบิเกลปิดหูทันใดเมื่ออาจารย์ฟิลิอัสตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยอารมณ์โกรธ เสียงการระเบิดสะเทือนไปทั้งปราสาทฮอกวอตส์จนเหล่าคณาจารย์แต่ละคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่พ้นเรื่องนี้ไปถึงหูของศาสตราจารย์ใหญ่ แล้วเธอก็โดนเรียกเข้าห้องศาสตราจารย์ใหญ่ ใบหน้าของอบิเกลเกิดรอยนิดหน่อยก่อนที่หลบการโจมตีครั้งแรก ศาสตราจารย์มักกอนนากัลมองเด็กน้อยตรงหน้า เธอฟังจากคำให้การของอาจารย์ฟิลิอัสว่าเด็กน้อยตรงหน้าเริ่มแยกตัวออกแล้วกำลังร่ายคาถาที่เขาไม่เคยได้ยิน นั้นทำให้สงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร ก่อนที่เธอจะเอ่ยถาม

 

“หนูรู้ใช่ไหมว่ามาที่นี่เพราะ...?”

“รู้ค่ะ...”

“อาจารย์ฟิลิอัสบอกว่าเธอกำลังร่ายคาถาที่ไม่ได้ยิน...ถ้าจากคำพูดของอาของเธอ...” มักกอนนากัลหยิบเอกสารตัวหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะเปิดอ่านเป็นเนื้อหาที่สก็อตส่งมาให้เกี่ยวกับประวัติของอบิเกลทุกอย่าง “ว่าเธอชอบการวิจัยมาก ๆ เช่นปรุงยา และ คาถาและเป็นสิ่งที่เธอถนัด แต่ช่วงนี้เธอกำลังวิจัยสร้างคาถาที่ไม่มีอยู่ตั้งแต่ต้น...”

“ค่ะ...”

“ฉันชอบเด็กใฝ่รู้นะ...แต่ถึงขั้นเกือบระเบิดชั้นเรียกอันนี้ก็...”

“ขอประทานโทษอย่างสูงค่ะ...ครั้งหน้าหนูจะไม่ทำอะไรที่เกิดปัญหาในห้องเรียนอีกค่ะ...” อบิเกลกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิด

มักกอนนากัลมองเด็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ “เฮ้อ...เรื่องนี้ฉันต้องแจ้งสก็อตกับสิ่งที่เธอทำ...”

“ค่ะ...”

“แล้วก็ฉันมีเรื่องจะเตือนเธอ”

“ค่ะ?”

“คุณวีสลีย์ออกจากห้องพยาบาลแล้ว...”

“ห๊า?”

ความกังวลของอบิเกลดังก้องขึ้นในใจ ถ้าฮิวโก้ออกมาจากห้องพยาบาลแล้ว เรื่องที่เธอทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บอาจจะกำลังถูกส่งไปทางผู้ใหญ่ของฝั่งนั้นแล้วก็ได้

 

จบตอนที่ 21 โปรดติดตามตอนที่ 22 ต่อไป