อบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,รั้วโรงเรียน,ตะวันตก,อื่นๆ,แฟนฟิค,แฟนฟิคแฮร์รี่พอตเตอร์,เวทมนตร์,ฮอกวอตส์,รุ่นลูก,คาถา,แฮร์รี่พอตเตอร์,เด็กหญิงผู้รอดชีวิต,YukiCoCo,แฟนตาซีน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction Harry Potter รุ่นลูก] เด็กหญิงผู้รอดชีวิตอบิเกล เด็กที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอต้องตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ กับอาของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งที่กับมาบ้านแล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่เธอไม่คาดคิด จดหมายนี่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอที่เธอไม่รู้จักอีกมากมาย
++คำอธิบายจากนักเขียน++
สวัสดีทุกคนนะคะ ขอต้อนรับสู่อีกเรื่องที่เป็นแนวนิยายฟิครุ่นลูกอีกเรื่อง
เรื่องนี้ทุกคนก็น่าจะรู้จักก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เขียน เจ.เค.โรว์ลิง
เนื้อเรื่องนิยายครั้งนี้ก็เหมือนเคยไรท์อยากสนองฮีทของตัวเองเลย
สร้างเรื่องนี้ขึ้นแต่งรุ่นลูกของแฮร์รี่ขึ้น อันนี้จะแตกแขนงจากละครเวทีอย่างเรื่องเด็กต้องสาป
มาอีกทีเหมือนโลกคู่ขนามอีกโลกหนึ่ง เนื้อเรื่องอาจจะมีปวดตับมั้งหรือเปล่านะ
แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ขอประทานอภัยกับเนื้อเรื่องที่ทางไรท์ต้องการนะคะ
บทนำของเรื่อง
อบิเกล เด็กสาวที่มีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เธอนั้นได้เดินทางไปกับอาของเธอโดยไม่รู้ว่าต้องออกเดินทางเพราะไร จนพวกเขาตั้งหลักได้แล้วก็กลับมายังลอนดอนอีกครั้งและใช้ชีวติจนเวลาผ่านไปนานจนอบิเกลได้อายุ 11 ปี พวกเขากลับมาจากทำงานแล้วกลับมาบ้าน แต่แล้วอบิเกลต้องดีใจที่เธได้ จดหมายจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ แต่เธอไม่รู้ว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู้โรงเรียนแห่งนั้น
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเทพปกรณัมกรีกในนิยายแฟนฟิคของเรา
อย่างเรื่อง สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ นะคะ
ไปติดตามกันได้นะ
ปล. เรื่องนี้เป็นนิยายฟรี ไม่อาจะคาดเดาในวันที่จะลงได้
ตอนที่ 18 เจ้าของ
สีหน้าอันโกรธเคืองของกลุ่มสี่สหายครอบครัววีสลีย์บ่งบอกเลยว่ามีใครบางคนกำลังใส่ร้ายเธอ แต่เธอไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้พวกนี้ตรงดิ่งมาหาเธอ ก่อนที่เธอจะหาตัวต้นต่อของเรื่องนี้แต่ทว่ากับไม่เจออีกฝ่าย แปลว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ออกจากห้องพยาบาลแน่ ๆ การชนกับกองถังไม้ใหญ่พวกนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะไม่สามารถออกจากห้องพยาบาลได้ในวันเดียวแน่ ๆ เธอกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่นั้น ทุกสายตาก็ยังจับจ้องมองเธอด้วยสายตาขุ่นเคืองอย่างมาก เธอได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยพูดบางอย่าง
“ถ้าไม่มีอะไรจะพูดกัน หนูขอตัวนะ” อบิเกลกำลังจะเดินผ่านพวกเขา
เฟร็ดเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเดินไปเขาก็พูดขึ้นมาทันที“ฉันได้ยินว่าในคาบขี่ไม้กวาด เธอทำร้ายฮิวโก้!!”
อบิเกลถึงกับหยุดชะงักเธอคิดอยู่แล้วว่าเจ้าฮิวโก้น่าจะยัดอะไรใส่หัวพวกนี้แน่ ๆ ก่อนที่เธอจะหันไปมอง
“พวกเราเห็นสภาพหมอนั้นแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส!! เธอ!! กล้าทำร้ายเขาถึงขนาดนี้เลยเหรอ!?”
“ใช่ ต่อหน้าอาจารย์ยังไม่เว้น!! สมแล้วที่เป็นสายเลือดของชายคนนั้น!!”
“หึ เชื้อไม่ทิ้งแถว!!”
อบิเกลทำหน้าเบื่อหน่ายกับสิ่งตรงหน้าเป็นที่สุด คำพูดแต่ละคำที่พ่นกันออกมาคล้ายกับสถานการณ์ตอนที่เธอทำงานกับอาสก็อตครั้งแรกที่แต่ผู้คนด่าทอแล้วก็พ่นคำอันเลวร้ายใส่ โดยที่เธอตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่พอเธอโตขึ้นถึงเข้าใจว่าคำพูดพวกนั้นคืออะไรจนตอนนี้เธออยากหาอะไรมาอุดหูอย่างสิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ลมายัดหูตัวเอง แต่ถึงเธอทำเป็นหูทวนลมพวกนี้ก็คงไม่เลิกราจริง ๆ แน่ ๆ แล้วยิ่งเธอเงียบไม่พูดก็ยิ่งเหมือนยอมรับว่าตัวเองผิด แต่พูดออกไปก็เหมือนแก้ตัวมากกว่ามีแต่ผิดกับผิดไม่มีอะไรทำให้เธอถูกเลยจริง ๆ อบิเกลหันไปกอดอกมองทั้งสี่คนก่อนจะเอ่ยปากแต่ก็มีคนหนึ่งเอ่ยพูดก่อนเธอเสียนั้น
“พวกพี่มีปัญหาอะไรกับเพื่อนพวกหนูเหรอ?”เอวากอดอกมองอย่างไม่ชอบใจกับพวกพี่ ๆ ต้องหน้าที่ตัวเองรู้จัก
“เอวา...”อบิเกลมองอีกฝ่ายที่เข้ามาแซง
“เอวาออกไปเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ”วิกตัวร์เอ่ยกับเด็กหญิงตรงหน้าที่เข้ามายุ่ง
“ไม่เกี่ยวได้ไง!!”ลูน่ารีบเข้ามาหลังจากได้ยินคำพูดของรุ่นพี่ เธอก็เข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ เอวาพร้อมกับกอดอกมองด้วยสีหน้าบึ้งตึง“อบิเกลเป็นเพื่อนเรา แล้วพี่กำลังรุมเด็กปี 1 กันเนี่ยนะ?”
“อ๊ะ!!”เฟร็ดได้ยินแบบนั้นก็มองด้วยความรู้สึกไม่พอใจ แต่เขามาด้วยเหตุผลที่เขาเป็นฝ่ายถูก “พวกเธอ!! ฮิวโก้บาดเจ็บสาหัสเลยนะ!! พวกเธอจะไปเข้าข้างยัยนี้เนี่ยนะ!?”
“พวกเราไม่รู้หรอกนะคะว่าฮิวโก้ฟ้องอะไรพวกพี่ ๆ” ฟาร่ากล่าว
“แต่พวกหนูว่าพวกพี่ ๆ ลองใช้สติแล้วฟังมากกว่าน้องตัวเองดีกว่านะคะ ก่อนที่จะหน้าแตกหมอไม่รับเย็บนะคะ” แพนซี่พูดเข้าเสริมอีกคน
“สุภาษิตมักเกิ้ลเหรอ?”
“ใช่~”
“ฉันชอบนะ~”
อบิเกลมองทุกคนที่กำลังปกป้องเธอจากพวกวีสลีย์ สกอร์เปียสก็เดินมาอยู่ข้าง ๆ แล้วจับมือเธอเป็นการบอกว่าพวกเขาจะอยู่ข้าง ๆ เธอ ทำให้อบิเกลรู้สึกดีใจจริงตื้นตันไปหมด ระหว่างที่สองแฝดโทมัสกำลังอวยคำพูดของกันและกันอยู่นั้น หนึ่งในสี่บ้านวีสลีย์ก็รู้สึกเดือดกับสถานการณ์ตรงหน้าที่เขารู้สึกว่าเด็กหญิงตรงหน้ากำลังมีอิทธิพลต่อคนรอบข้างที่พวกเขารู้จักจนชักจูงให้เข้าข้างได้ง่าย ๆ โดยที่พวกเขาก็เห็นสภาพญาติผู้น้องของเขาถึงกับต้องเข้าเฝือก พวกเขาเล่นกับอีกฝ่ายไม่เคยถึงขั้นต้องเข้าเฝือกเลยด้วยซ้ำ
“พวกเธอเข้าข้างยัยนั้นโดยเห็นสภาพฮิวโก้ยัง!? หมอนั้นถึงขั้นต้องเข้าเฝือกเลยนะ!!”
“แล้ว!?”
“สภาพหมอนั้นเป็นไงเราไม่สน!! หมอนั้นทำตัวเอง ไม่มีใครส่งเสริมสักหน่อย!!”
“จริงด้วย อารมณ์ก็ขึ้นเอง วีรกรรมแต่ละอย่างก็สร้างเอง ตลอด 1 อาทิตย์ยังไม่ครบเดือนด้วยซ้ำ!!”
“ทำอบิเกลต้องโดนหักคะแนนด้วย เจ้าตัวยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเขานั้นก็โดนหักคะแนนด้วยกับการกระทำครั้งนี้!?”
“ว่าไงนะ!!”หลุยส์ได้ยินคำพูดของเด็ก ๆ เขาก็หันไปมองอบิเกลที่อยู่ด้านหลังแล้วชี้หน้ามาทางเธอ“แก!! ยัยหลอกลวง!! แกทำอะไรให้เด็กพวกนี้เข้าข้างเธอกัน!!”
“พูดอะไรนะคะ?” อบิเกลเอียงคอ “ฉันไม่ได้นิยมใช้คาถาควบคุมคนอื่นหรอกนะ!!”
“ว่าไงนะ!!”
“พอได้แล้ว!!”
ทุกคนต่างหันไปมองเจ้าของเสียงที่เอ่ยขึ้นมา โดมินิคกำลังเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ที่ทุกคนหยุดพูดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ เพราะคงอยากฟังสิ่งที่กลุ่มตรงหน้ากำลังหาเรื่องเด็กปีหนึ่งว่าจะทำอะไรต่อ โดมินิคเห็นว่าครอบครัวของเธอกำลังหาเรื่องเด็กยิ่งน่าเหนื่อยใจที่มาวุ่นวายกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองกัน
“โดมินิค เธอมาก็ดีเลย ยัยเด็กนี้!!”
“ฉันบอกให้พอไง...”
“ทำไมกัน!? นี่เธอยังไม่รู้เหรอว่า ฮิวโก้เป็นไงนะ!?”
“จริงด้วย!!”
“ฉันรู้ว่าฮิวโก้เป็นไงมั้งตอนนี้ แต่นั่นเป็นเพราะตัวเขาไม่ใช่เพราะใคร!!”
“เธอหมายความว่าไง!?”
“จะให้ฉันเล่าเหรอ? เหตุการณ์ที่เล่าปี 6 หลายคนได้เห็นเนี่ยนะ?”
“เธอหมายความว่าไง?”
“เฮ้อ...ในคาบแปลงร่างของปี 6 มีเสียงเฮฮาเกิดขึ้นจากสนามลานกว้าง ทุกคนต่างให้ความสนใจและโผล่หน้าออกมาดูที่หน้าต่าง พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่บางบ้านจะแข่งขันกัน แล้วเราก็ได้เห็นว่าสลิธีรินกับกริฟฟินดอร์ 2 คนกำลังแข่งกัน!!”
“ที่เธอเล่ามานั้น?”ร็อกแซนน์เอ่ยถามขึ้น
“ก็จากเหตุการณ์ที่เห็นไง เด็กคนนี้แข่งกับฮิวโก้จนกระทั่งเด็กคนนี้นำ แล้วฮิวโก้นั้นเหมือนสติหลุดจนเริ่มใช้ลูกไม้ชนคู่ต่อสู้ให้หล่นจากไม้กวาด แต่เด็กคนนี้ก็พยายามไม่ให้ตัวเองหล่น แล้วเร่งไม้กวาดไปข้างหน้าจนกระทั่งฮิวโก้ไม่มองทางข้างหน้าจนต้องเลี้ยวตัวเขาเลยต้องไปชนกับกองถังไม้ข้างหน้า”
“ไม่จริง เธอต้องโดนเด็กคนนั้นหลอกแน่ ๆ”
“ใช่!!”
“ไม่มีทาง!!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นเป็นเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ที่กำลังตักอาหารเข้าปากของตนเองก่อนจะลุกขึ้นยื่นบนที่นั่ง
“โดมินิคพูดเป็นความจริง พวกเราปี 6 หลายคนได้เห็นการแข่งที่สุดจะหาที่ไหนได้ เด็กที่เร็วที่สุดเกินกว่าบ้านไหนจะมีเด็กที่ขี่ไม้กวาดได้เก่งแบบนี้!!”
“จริง!! พวกเราบ้านฮัฟเฟิลพัฟเห็นยังอยากให้เด็กคนนั้นมาอยู่บ้านเราเลย!!”
“ใช่!! พวกเราดูการแข่งนั้นจนหยุดหายใจไปชั่วขณะ พวกรุ่นพี่จะบอกว่าโดมินิคโกหก ก็หมายถึงพวกเราเหล่าปี 6 กำลังโกหกว่าเด็กบ้านสลิธีรินคนหนึ่งแข่งขันโดยทำร้ายน้องของคุณที่ไม่หาเรื่องก่อนก็ไม่ได้นะคะ!!”
“ใช่ ๆ”
พวกบ้านสลิธีรินต่างตกใจที่แต่ละบ้านกำลังช่วยเด็กบ้านตัวเองที่ไม่ค่อยมีคนชอบนัก นั้นทำให้พวกวีสลีย์ต่างตกตะลึงที่พวกบ้านต่าง ๆ กำลังเข้าข้างเด็กหญิงที่พวกเขากำลังหาเรื่อง ก่อนที่มอลลี่จะเดินมาจากด้านข้างพวกอบิเกล
“เห็นไหมล่ะ? หนูบอกแล้วว่าฮิวโก้กำลังโกหกพวกพี่นะ”มอลลี่กำลังเตือนสติพวกพี่ ๆ ตอนนี้เธอโคตรอายที่พวกพี่ ๆ กำลังหาเรื่องเด็กปีหนึ่ง“เห็นไหม? พยานมีเป็น 10 เลย!!”
“แล้วเธอไม่บอกให้เร็วกว่านี่ล่ะ!?”หลุยส์ถลึงตาใส่ญาติผู้น้อง
“หนูบอกจนปากจะฉีกแล้วค่ะ!! แต่พวกพี่ไม่ฟังอะไรเลย!!”
พวกวีสลีย์ได้ยินแบบนั้นใบหน้าของพวกเขาก็แดงก่ำจนอายไปหมด ก่อนที่พวกนั้นจะหนีกันออกจากที่นั่นไปอย่างไม่กลับมา ทำเอาหลายคนต่างหัวเราะให้กับทั้งสี่คนนั้น โดมินิคได้แต่ส่ายหัวกับญาติทั้งสี่คนของเธอ ยิ่งพี่สาวกับน้องชายเธอก็ดันมาร่วมวงด้วยทำให้อายยิ่งกว่าเดิม อบิเกลมองอีกฝ่ายว่าทำไมอีกฝ่ายถึงออกมาเป็นพยานเรื่องนี้กับเธอกัน ทำให้โดมินิคที่กำลังอยากหาที่มุดดินหนีนั้นก็มองมาทางเธอ
“มีอะไรเหรอ?”
“ทำไมถึงช่วยล่ะ? นั้นญาติคุณนะ?”
“ฉันไม่ได้ช่วยเธอ ฉันช่วยพวกนั้นต่างหาก ฉันไม่อยากเห็นญาติตัวเองเป็นหมาหัวเน่าเข้าใจอะไรผิด แต่ก็ไม่ทัน...” โดมินิคหันไปมองทางที่พวกนั้นเดินออกไป"พวกเขายังอคติกับเธอและอาของเธอ แค่อะไรเข้าหูเรื่องของเธอพวกนั้นก็อารมณ์เสียแล้ว..."
“หนูไม่เคยไปทำอะไรนะ”
“ก็จริง...แต่คนเราไม่ฟังอะไรง่าย ๆ หรอกนะ”
“ก็จริงค่ะ...”
อบิเกลฟังคนพูดอีกฝ่ายก็นึกคำพูดของอาสก็อตขึ้นมาได้เลยว่าคนเรานั้นไม่ฟังคำพูดอะไรเราแน่ ๆ ถ้าเขาฟังด้านแย่ของเรามาแล้ว เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาก่อนจะอีกฝ่ายมาอยู่ข้างหน้าเธอ
“เราสองคนพึ่งพูดกันตรง ๆ ฉัน โดมินิค วีสลีย์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
อบิเกลจ้องมองอีกฝ่ายที่ยื่นมือมาหาเธอก่อนที่เธอจะยื่นมือไปจับ“อบิเกล เมอร์รัลค่ะ”
“อบิเกล...ชื่อยังเหมือนแบบนี้...ชายคนนั้นคิดอะไรกัน?”
“หือ?”อบิเกลฟังอีกฝ่ายพูดแบบนั้นก็สงสัยว่าอีกฝ่ายพูดหมายถึงอะไร“หมายความว่าไงเหรอคะ?”
“เธอรู้เรื่องครอบครัวพอตเตอร์มากแค่ไหน?”
“ครอบครัวนั้น...”อบิเกลงุนงงว่าอีกฝ่ายพูดถึงครอบครัวพอตเตอร์ทำไม"หนูรู้ว่าคุณพอตเตอร์แต่งงานกับคุณวีสลีย์และก็มีลูก 3 คนกับ…อีกคนในท้องก็เท่านั้น..."
“แต่ไม่รู้สินะว่าเขามีลูกชื่ออะไรมั้งนะ?”
“ค่ะ...”
อบิเกลขมวดคิ้วสงสัยว่าอีกฝ่ายถามถึงชื่อลูกของคุณพอตเตอร์ทำไม ยิ่งชื่อครอบครัวพอตเตอร์ยังไม่ค่อยออกมาให้ภายนอกรับรู้ว่าชื่ออะไร นอกจากเครือญาติมากกว่า พวกเอวาได้ยินรุ่นพี่สาวถามอบิเกลแบบนั้นก็ทำให้พวกเธอไม่ชอบใจเท่าไหร่ ก่อนจะเอ่ยพูดกับอีกฝ่ายออกมา
“พี่โดมินิค กำลังสื่ออะไรคะ!?”
“จริงด้วย อบิเกลเป็นคนภายนอกไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าครอบครัวพอตเตอร์เขาชื่ออะไร!?’
“ใช่ ๆ”
“อบิเกล พอตเตอร์!!”
เสียงรอบข้างต่างเงียบกริบไปอย่างรวดเร็วทุกคนต่างหันไปทางโดมินิคที่เอ่ยชื่อหนึ่งในครอบครัวพอตเตอร์ออกมา ทำให้อบิเกลจ้องมองอย่างตกตะลึงที่เธอได้ยินชื่อที่คล้ายชื่อตัวเองออกมา
“ชื่อนั้น...”
“ชื่อนี้...เป็นชื่อของลูกสาวคนโตของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ญาติผู้น้องของฉัน”
สิ้นคำพูดนั้นร่างกายของอบิเกลรู้สึกชาไปหมด ทำไมชื่อของคนที่ตายไปแล้วกับเหมือนเธอ เธอไม่เคยเห็นอบิเกล พอตเตอร์มาก่อน เธอไม่รู้จักอีกฝ่าย แต่คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาข้างในใจของเธอ ทำไมชื่อของเธอถึงคล้ายกับอบิเกล พอตเตอร์ แล้วอาสก็อตที่เกี่ยวข้องกับตระกูลถึงเลี้ยงเธอที่ชื่อคล้ายหลานสาวของเขาได้นั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกมือไม้ชาไปหมดก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งเอ่ยเรียกเธอ
“คุณเมอร์รัล!!”
อบิเกลเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วมองตรงไปที่ประตูทางเข้าห้องโถงอาหาร เธอเห็นอาจารย์แอนเดรียกำลังจ้องมองมาทางนี้ เธอได้สติกลับมาก็ขานตอบ
“ค่ะ อาจารย์ฮูช...”
“ตามอาจารย์มา”อาจารย์แอนเดรียกล่าว
เหล่านักเรียนคนอื่นเริ่มซุบซิบกันว่าอาจารย์เรียกอีกฝ่ายอาจจะเรื่องที่เกิดขึ้นกับวีสลีย์ก็เป็นได้ อบิเกลรู้สึกไม่ดีกว่าเรื่องครั้งนี้อาจจะเป็นปัญหาสำหรับเธอในอนาคตก็ได้ แต่ไม่ตามไปคงมีปัญหาก่อนที่ทุกคนจะมองเธอ สกอร์เปียสเอ่ยพูดกับเธอ
“เธอคงไม่โดนอะไรนะ?”
“ฉันไม่แน่ใจ...เดียวมานะ...”
“คงไม่โดนอะไรหรอก...แต่ก็ระวังด้วยละกัน”โดมินิคกล่าวก่อนจะเดินผ่านเด็ก ๆ ไปที่โต๊ะบ้านของเธอ
อบิเกลฟังอีกฝ่ายแต่เธอยังรู้สึกแปลก ๆ กับเรื่องที่ได้ยินเมื่อกี้ก่อนที่เธอนั้นจะเดินออกจากตรงนั้นตามอาจารย์แอนเดรียไปตามทาง ตามเส้นทางตามราตรีมันทั้งมืดและมีแสงสว่างจากคบเพลิงตามกำแพง อบิเกลจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างสงสัยว่ากำลังจะเดินไปไหนจนมาถึงทางยาวที่ข้างหน้ามีรูปปั้นกริฟฟินอยู่ตรงไหน มันตัวใหญ่มาก ๆ อาจารย์แอนเดรียกล่าวคำพูดบางอย่าง นกกริฟฟินที่หุบปีกอยู่นั้นก็กางปีกขึ้นแล้วหมุนจนเผยบันไดออกมา
อบิเกลจ้องมองอย่างตกตะลึงก่อนที่อาจารย์จะพาเธอเดินขึ้นบันไดเกลียวหมุนตรงหน้าไปตามทางเรื่อย ๆ จนมาถึงชั้นที่พวกเขาต้องการ อาจารย์เดินนำจนมาถึงหน้าประตูบานหนึ่ง เธอเปิดออกให้เด็กหญิงเดินนำเข้าไปก่อน อบิเกลจ้องมองก่อนจะเดินเข้าไปภายในประตูที่มีความแตกต่างจากทางที่มา ข้างในมีรูปภาพของบุคคลมากมายอยู่บนกำแพง บางคนกำลังหลับบางคนกำลังนั่งอ่านหนังสือ แล้วภายในมีโต๊ะตั้งอยู่แต่ไม่มีใครอยู่ภายในห้องนี้ ก่อนที่อาจารย์แอนเดรียจะปิดประตูไม่เข้ามา ทำเอาอบิเกลหันไปมองก็งุนงงว่าอาจารย์พาเธอมาห้องนี้ทำไมหรือว่าเธอโดนขังให้มาอยู่ห้องนี้ เธอมองรอบห้องเรื่อย ๆ จนเธอนั้นเงยหน้าไปเห็นบางอย่างที่อยู่บนชั้นหนังสือ เธอค่อย ๆ เดินไปหาอีกฝ่ายที่กำลังขยับมองเธอ
“ดูเหมือนว่าเธอจะโดนเชิญมาห้องครูใหญ่ เพราะบางเรื่องนะสาวน้อย”
“ห้องครูใหญ่...”
อบิเกลได้ยินก็ยิ่งตาลุกวาวว่าตัวเองมาอยู่ห้องนี้โดยไม่มีใครอยู่จะหาว่าบุกรุกไหม แต่อาจารย์แอนเดรียคงไม่แกล้งเธอหรอก ก่อนที่เธอจะคิดบางอย่างเธอเงยหน้าหาหมวกคัดสรรอีกครั้ง
“จริงสิที่คุณพูด...คุณ...คุณหมวกคัดสรร ตอนคัดเลือกบ้านคุณบอกว่าหนูเหมือนพ่อ คุณรู้จักพ่อหนูเหรอ?”
“รู้จักดีเลยล่ะ”
“งั้นบอกหน่อยว่าเขาเป็นใคร? แล้วคุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ไหนหรือว่าเขาตายที่ไหน?”
“เธอจำเรื่องของพ่อไม่ได้เลยหรือ?”
“ไม่...ตั้งแต่จำความได้...เรื่องวัยเด็กมากมาย...ก่อน 3 ขวบ หายไปหมด...หนูแค่อยากรู้...ว่าเขาเป็นใคร...”
“อือ...”หมวกคัดสรรจ้องมองเธออย่างครุ่นคิดก็มีเสียงบางอย่างขยับ
อบิเกลได้ยินบางอย่างเธอก็หันขวับไปมองด้วยสีหน้าตกใจก็เห็นศาสตราจารย์ใหญ่มักกอนนากัลกำลังขยับหน้ากระดาษก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอ
“อ้าว คุณมาแล้วหรือคุณเมอร์รัล”
“ศาสตราจารย์มักกอนนากัล...”
"เมื่อกี้หนูกำลังคุยกับใครเหรอ?"
“ก็...คุยกับหมวกคัดสรรที่อยู่ตรงนั้น!!”อบิเกลหันไปจะชี้หมวกคัดสรร แต่ทว่ามันหายไปแล้ว “เมื่อกี้...มันยังอยู่...”
“หือ? หมวกคัดสรรเราเอาเก็บไว้ให้ห้องเก็บถ้วยรางวัลนะ มันคงไม่มาโผล่ให้ห้องนี้หรอกนะ”
“แต่ว่า...”อบิเกลตะลึงว่าเมื่อกี้เธอคุยกับอะไรแน่
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเดินมานั่งที่โต๊ะของตนเองก่อนจะมองเด็กน้อย“เธอรู้ไหมว่าฉันเรียกเธอมาทำไม?”
“คง...ต่อว่าที่หนูทำตัวไม่สมเป็นเคยทำงานกับแรงกดดันมากมาย...กับแค่เด็กยังอารมณ์ขึ้น...”อบิเกลตอบด้วยสีหน้างุนงงว่าเมื่อกี้หมวกคัดสรรยังอยู่เมื่อกี้ แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว
“อันนั้นขึ้นกับตัวเธอ...ว่าจะรับมือยังไง แต่สิ่งนี้...” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลยกบางอย่างขึ้นมาวางบนโต๊ะ
อบิเกลจ้องมองสิ่งที่อีกฝ่ายวางลงบนโต๊ะก็ต้องตาลุกวาวกับสิ่งที่เห็น“ลูกโกลเด้นสนิช...?”
“ถูกต้อง...อาจารย์แอนเดรียเอามาจากเธอ แล้วบอกว่ามันตัดหน้าเธอตอนเรียนขี่ไม้กวาด”
“ค่ะ...”
“แต่มันไม่ใช่ของโรงเรียน”
“ว่าไงนะคะ!?”อบิเกลเงยหน้ามองอย่างตกใจ
“แต่เคยเป็น...”
“เคยเป็น...?”อบิเกลขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลลุกขึ้นก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง แล้วหันกลับมามองเด็กน้อย “ศาสตราจารย์ใหญ่คนก่อน...ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์...นำมันให้ชายคนหนึ่งไปเมื่อหลายปี”
“งั้นมันก็เป็นของที่มีเจ้าของ...จะส่งมันคืนสินะคะ”
อบิเกลหันตามอีกฝ่ายแล้วมองอีกฝ่ายที่กำลังยืนมองเธอ แต่พอผ่านพ้นสายตาเจ้าลูกโกลเด้นสนิชก็กระพือปีกแล้วบินมาหาอบิเกลแล้วบินรอบเธอ นั้นทำให้เธอรำคาญมันมาบินรอบตัวเธอ
“คงไม่ได้แล้วล่ะ...”
“ทำไมล่ะคะ? มันมีเจ้าของนะ?”
“เพราะเจ้าของมันคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์...”
“ห๊า!?”
วันนี้ทั้งอบิเกลได้ยินแต่คนนามสกุลพอตเตอร์จนเอียนไปหมดแล้วจริง ๆ จนเริ่มสงสัยว่าเธอนั้นมีบาปมากถึงต้องมาเกี่ยวข้องกับคนตระกูลนี้เลยหรือไง เธอรีบกระโดดจับลูกโกลเด้นสนิชแล้ววางลงบนโต๊ะทันที
“งั้นเชิญเอามันไปคืนให้ครอบครัววีสลีย์เลยค่ะ!! พวกนั้นคงดีใจที่ได้สิ่งของบ้านพอตเตอร์กลับไปหาตัวเองกัน!!”
ศาสตราจารย์ใหญ่เห็นท่าทางของเด็กน้อยก็แบบขันหน่อย ๆ ก่อนที่เจ้าลูกโกลเด้นสนิชพยายามจะบิน อบิเกลก็ใช้มือกุมไม่ให้มันบินเด็ดขาด ก่อนที่เธอจะเดินกลับมาอยู่ตรงหน้าเด็กน้อย
“คงจะยากนะ เธอน่าจะเห็นว่าเจ้าสิ่งนั้นเอาแต่หาเธอ...”
“แต่หนูไม่ใช่เจ้าของนะคะ”
“ถึงไม่ใช่...แต่มันเลือกเธอแล้ว...”
“ห๊า!?”
ตามทางเดินข้างหน้าในตัวปราสาท อบิเกลกำลังเดินไปตามทางด้วยความรู้สึกปวดหัวไปหมด เธอเจอแต่เรื่องให้ปวดหัวตั้งแต่เช้า วันวันหนึ่งเธอเจอแบบนี้คงมีแต่พวกหัวทั้งวันแน่ ๆ แล้วเธอต้องมาระหว่างอีกว่าเจ้าหัวแดงทั้งหลายจะเอาเรื่องไปบอกครอบครัวตัวเองไหม ถ้าเอาไปบอกจริง ๆ อาสก็อตของเธอคงต้องมีปัญหากับเจ้าหัวแดงที่เป็นหัวหน้ามือปราบมารแน่ ๆ ทำเอาสงสัยเลยว่าคนแบบนั้นเป็นหัวหน้าได้ไง
“ชักห่วงอาสก็อตแทนตัวเองจริง ๆ”
จบตอนที่ 18 โปรดติดตามตอนที่ 19 ต่อไป