ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย,yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
น้ำค้างมองพระจันทร์ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
คนบางคนมีค่าไว้พียงแค่มอง
เราไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ
ดั่งกระต่ายที่หมายพระจันทร์
คนบางคนมีค่าสูงส่ง
แต่ตีคุณค่าของตนเองไว้ต่ำต้อย
ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์งดงามดั่งน้ำค้าง
คนบางคนซื๋อตรงต่อใจตนเอง
ดั่งพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง
และความอบอุ่นเท่าเทียมกัน
“เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” ผมพยายามโทรศัพท์หาเจฟอยู่หลายหนแต่เขาปิดเครื่อง ผมแปลกใจที่เจฟไม่โทรศัพท์มารายงานตัวตามที่บอกไว้ก่อนกลับ ระยะทางจากบ้านเสม็ดเรียงไปซอยการุณราษฎร์ 27 ไม่ได้ไกลถึงขนาดใช้เวลาในการเดินทางเป็นชั่วโมงๆ
มีประกาศด่วนจากโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ต้องการเลือดกรุ๊ปโอโดยด่วนที่สุด เนื่องจากนายนันทพงศ์ พรหมมาศประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องใช้เลือดหลายยูนิต ผู้ใดต้องการบริจาคเลือดติดต่อได้ที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
ผมอ่านข้อความในหน้าฟีดข่าวบนเพจเฟสบุ๊คโดยไม่แทบเชื่อสายตาตนเอง ผมรู้สึกตัวชา หากผู้ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เจฟ ผมคงจะแชร์ข้อความนี้ไปแบบผ่านๆ น้ำตาผมเริ่มไหลพรั่งพรูออกมา เป็นช่วงจังหวะพอดี พี่นุกลับมา ผมรีบออกจากห้องมาหาพี่นุ
“พี่นุ...” ผมเรียกอย่างละล่ำลัก “พาผมไปโรงพยาบาลที”
“เกิดอะไรขึ้นแบงค์ มีสติหน่อย” พี่นุพยายามตบหน้าผมเบาๆ เพื่อเรียกสติ
“เจฟเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องการเลือดจำนวนมาก ผมอ่านเจอในเฟสบุ๊ค”
“ขึ้นรถไป เดี๋ยวพี่พาไปเอง” พี่นุสั่งอย่างรีบเร่ง
ตลอดทางผมร้องไห้เป็นระยะๆ จนพี่นุต้องคอยปลอบ มันน่าแปลกใจ เส้นทางจากซอยเวม็ดเรียงไปโรงพยาบาลสุราษฎร์ช่างไกลยิ่งนัก ผ่านกี่แยกๆ ก็ติดไฟแดงหรือไม่ก็รถติด ผมได้ข่าวว่าเทศบาลจะตัดถนนเส้นใหม่จากแถวโรงพยาบาล ลากผ่านย่านในลึกทะลุซอยศรีสวัสด์ ย่อนระยะการเดินทางได้เยอะเลยทีเดียว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ พี่นุบึ่งรถมาถึงโรงพยาบาล ผมรีบลงจากรถ วิ่งตรงไปห้องฉุกเฉิน โดยไม่รีรอว่าพี่นุจะหาที่จอดรถได้หรือไม่
“ขอโทษนะครับ ผู้ป่วยชื่อนันทพงศ์ พรหมมาศอยู่ที่ไหนครับ” ผมปรี่เข้าไปถามกับพยาบาลที่ตรงโต๊ะหน้าห้องฉุกเฉิน
“น้องเป็นอะไรกับคนเจ็บล่ะคะ”
“เป็น... เป็น... เป็นเพื่อนครับ ผมมาดูอาการเขาและบริจาคเลือดด้วยครับ” ผมลังเลที่จะตอบความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างผมกับเจฟ
“น้องสามารถติดต่อญาติอย่างพ่อแม่หรือบุคคลในครอบครัวของเขาได้ไหมคะ เราจำเป้นต้องใช้ลายเซ็นจากญาติเพื่อทำการผ่าตัดน่ะค่ะ”
“ผมไม่มีหรอกครับ รู้เพียงแต่ว่าบ้านเขาอยู่ซอยการุณราษฎร์ 27 คุณพยาบาลครับ ผมจะเข้าไปดูเขาได้ไหมครับ” ผมถามด้วยความรู้สึกเป็นห่วง
“คงไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้ผู้ป่วยกำลังได้รับการรักษาเบื้องต้นอยู่จากทีมแพทย์และพยาบาล ผู้ป่วยยังคงสลบอยู่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทางเราจะช่วยเหลือคนเจ็บสุดความสามารถค่ะ น้องนั่งรออยู่แถวนี้ก่อน เมื่อเครื่องมือเจาะเลือดพร้อมเมื่อไหร่ น้องสามารถให้เลือดได้เลยค่ะ” คุรพยาบาลปฏิเสคำขอของผมพร้อมยกเหตุผลมาอธิบาย
“เป็นไงบ้าง” พี่นุมานั่งข้างๆ ผมไต่ถามอาการของเจฟ
“สลบไป ยังไม่ฟื้น ห้ามเข้าไปดู”
“ถึงมือหมอแล้วคงจะหาย” คำปลอบใจจากพี่นุไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นมาเลย ความกังวลของผมไม่ได้จางหาย
“ผมกลัว กลัวว่าเจฟจะทิ้งผมไป ทิ้งชีวิตของตนเองไปจากโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน ก่อนหน้านั้น วันนี้ทั้งวันเราสองคนมีความสุขด้วยกันอยู่เลย” ผมเริ่มหลั่งน้ำตาอีกหน
“ไม่เอาน่ะแบงค์ อย่าร้อง แบงค์ต้องเข้มแข็ง เป็นกำลังใตจให้เจฟฟื้นขึ้นมา ยามที่เราทุกข์ทนต้องสร้างความหวังเพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจ” พี่นุปลอบและให้กำลังใจ ผมเช็ดน้ำตาตัวเอง ทำใจให้สงบรอคอยเวลาที่จะได้รับการเรียกไปให้เลือด
“น้องคะ ตามพี่มาค่ะ ตอนนี้น้องเข้าไปให้เลือดได้แล้ว” พยาบาลเรียกผมไปให้เลือดแล้ว ผมเดินตามเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ภายในห้องนั้นสับสนและวุ่นวาย เตียงทุกเตียงมีคนไข้นอนรอรับการรักษาอยู่ บางคนมีญาติคอยดูแลอย่างใกล้ชิดข้างๆ เตียง บางคนนอนครอบหน้ากากอ็อกซิเจนอยู่ เตียงคนไข้บางเตียงกั้นม่านเอาไว้เพิ่อป้องกันภาพน่าหวาดเสียวเพราะผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บเป็นแผลเหวอะหวะ
“น้องนอนบนเตียงนั้นนะคะ” พยาบาลสั่งให้ผมขึ้นไปนอนบนเตียง จากนั้นพยาบาลท่านอื่นลำเลียงรถเข็นอุปกรณ์ให้เลือดจำพวกเข็ม สายยาง ถุงเลือด
“หงายมือขึ้นค่ะ” พยาบาลสั่ง หล่อนตีแขนผมเบาๆ หลายๆ ครั้งเพื่อหาเส้นเลือดได้ง่ายขึ้น คนอ้วนจะมีปัญหานี้เสมอเพราะชั้นเนื้อ ชั้นไขมันบดบังเส้นเลือดจนมองเห็นเลือนราง เมื่อเส้นเลือดที่แขนของผมชัดเจนขึ้น พยาบาลใช้เข็มเจาะผิวหนังต่อสายยาง ผมเบือนหน้าไม่หันมองเข็มขนาดเขื่อง มันหวาดเสียวพิกลๆ เข็มทิ่ทแทงเข้าสู่เนื้อหนังมันเจ็บแปลบแต่ก็หาสู้ความเจ็บปวดที่เจฟได้รับไม่
“กำลูกบอลนี้ไว้นะคะ บีบแล้วคลาย บีบแล้วคลาย” พยาบาลนำลูกบอลมาวางไว้บนฝ่ามือข้างที่เจาะสายยาง พร้อมทั้งอธิบายวิธีการที่ทำให้เลือดไหลออกจากร่างกายสู่ถุง หล่อนเดินออกไปทำงานอย่างอื่น ให้ผมนอนสงบๆ บีบคลายลูกบอลนั้น
เจฟเจ็บหนัก เราเป็นห่วงและทุกข์ใจมาก เจฟเจ็บกายเราทุกข์ใจ เจฟต้องสู้นะ เจฟต้องหาย เราจะเข้มแข็ง จะคอยดูแลเจฟไม่หนีไปไหน เหมือนอย่างที่เจฟดูแลเรามาตลอด เลือดของเรากลั่นออกมาจากความรักและความห่วงใย ขอฝากไว้ในกายเจฟ แม้ว่าจะน้อยนิด แต่ขอให้ช่วยเหลือเยียวยาเจฟให้หาย ความดีงามทั้งหมดทั้งมวลในชีวิตของเรา ขอมอบให้เจฟ…
“เต็มถุงแล้วค่ะ อย่าเพิ่งลุกพรวพราดนะคะ เพรอาจจะหน้ามืดได้” พยาบาลถอดสายยางออกมาแขนผม จากนั้นผมค่อยๆ ฝืนลุกขึ้นนั่งบนเตียง รับน้ำหวานมาดื่มเพื่อป้องกันการหน้ามืดเป็นลม ผมดื่มหมดรวดเดียว พยาบาลมอบวิตามินบำรุงเลือดเม็ดสีแดงและเข็มกาชาด ผมไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านี้เลย สิ่งที่ผมต้องการคือให้เจฟหายเจ็บปวดเหมือนปลิดทิ้ง ถ้าผมเป็นหมอคงได้ใช้ความสามารถรักษาเขาได้อย่างเต็มที่
“เพื่อนน้องอยู่ในห้องนั้นนะคะ น้องดูได้แค่นอกห้องเท่านั้นนะคะ” พยาบาลบอกกับผมแล้วเดินจากไป ผมลุกลงจากเตียงไปยืนอยู่ห้องกระจก ผมเห็นร่างชายผู้หนึ่งนอนสลบไสลบนเตียงคนไข้ มีสายอุปกรณ์การแพทย์เชื่อมร่างกายระดยงรยางค์ จมูกของเจฟครอบเครื่องช่วยหายใจไว้ ช่างน่าอนาถใจยิ่งนัก เวลาก่อนหน้าเจฟยังเป็นปกติดีทุกอย่าง แต่มาบัดนี้เขาดูบอบช้ำมาก ผมเจ็บปวดใจที่ได้เห้นคนที่ผมรักเป็นเช่นนี้
“ฉันเป็นแม่ของคนเจ็บชื่อนันทพงศ์ พรหมมาศค่ะ เขาอยู่ไหนคะ” ผู้หญิงวัยกลางคนนางหนึ่งกำลังรัวคำถามใส่พยาบาล ผมได้ยินพอดีในขณะที่เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ คนเจ็บได้รับการรักษาเบื้องต้นแล้ว คุรแม่ต้องเซ็นเอกสารยินยอมการผ่าตัด” พยาบาลหน้าห้องฉุกเฉินได้อธิบายความเป็นไปของเจฟในตอนนี้ก่อนจะเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แม่ของเจฟชายตามามองผมแว้บหนึ่ง ผมสะดุ้งโหยงเพราะสายตาคู่นั้นมันสะท้อนถึงความโกรธแค้นชิงชังเอาไว้
ไม่นานนักหลังจากแม่ของเจฟเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เจฟถูกเวรเปลเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน โดยมีแม่ของเขาเดินตามมาติดๆ ปลายทางเป็นห้องผ่าตัด ผมรีบวิ่งตามไป เจฟเข้าไปในห้องผ่าตัดโดยไม่รู้สึกตัว แต่ทุกๆ คนไม่สามารถก้าวล่วงเข้าสู่ห้องผ่าตัดอันเป็นพื้นที่หวงห้ามสำหรับคนปกติทั่วไปได้ จึงได้ยืนรอ นั่งรออยู่บริเวณหน้าห้องผ่าตัด
“สวัสดีครับคุณแม่” ผมยกมือไหว้
“เธอคือแบงค์สินะ” น้ำเสียงของแม่เจฟห้วนกระด้าง “กลับไปซะเถอะ แล้วก็อย่ามาที่นี่อีกเลย ลูกชายฉันต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ก็เพราะเธอ”
“แต่ผมอยากจะอยู่จนแน่ใจว่าเจฟปลอดภัยดีแล้วครับ ขอให้ผมอยู่ต่อเถอะครับ” ผมวิงวอนต่อแม่เจฟให้ตนเองได้อยู่ดูใจเจฟต่อไป
“กลับไป” แม่เจฟขึ้นเสียงด้วยความโกรธ “เธอรู้ตัวไหมว่าเธอเหมือนเชื้อโรคร้าย เธอใช้เสน่ห์มารยาอะไรทำให้เจฟหลงใหลถึงขนาดนั้น เจฟยอมตัดขาดกับครอบครัวเพื่อให้ได้อยู่กับเธอ ช่างเป็นเรื่องเลวร้ายเหลือเกิน”
ผมรู้สึกหน้าชาที่โดนแม่เจฟดุด่าไล่ให้พ้นไปจากห้องผ่าตัดและชีวิตของลูกชายหล่อน ผมทำอะไรไม่ถูกเลย
“กลับบ้านเถอะแบงค์ อยู่นี่แบงค์ก้ไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้นมาหรอก อยู่ไปก็เหมือนเทน้ำมันราดบนกองไฟ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย” พี่นุลากตัวผมออกจากจุดศูนย์กลางแห่งความเกลียดชัง พี่นุขับรถมาถึงบ้านอาบน้ำเข้านอนทันทีเพราะพรุ่งนี้มีงานราชการรออยู่ ปล่อยผมอยู่กับความมืดมน ความรักของคนเพศเดียวกันช่างมืดมนหมองมัวไม่ต่างจากยามราตรี ยากนักที่จะมีใครยอมรับได้โดยเร็วพลัน ผมเริ่มเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังเหตุผลของการขอย้ายมาอยู่ เจฟยืนกรานเลือกผมและยอมแตกหักกับครอบครัว ในสายตาของแม่เจฟผมคือคนเลวร้ายผู้พรากลูกชายสุดแสนน่ารักไป ผมนี่มันโง่เสียจริงๆ รอยยิ้ม ความสุขที่เจฟมีให้ผม ซ่อนเร้นความขัดแย้ง ความร้าวฉานของครอบครัวที่แสนสุขไว้