ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย,yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
น้ำค้างมองพระจันทร์ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
คนบางคนมีค่าไว้พียงแค่มอง
เราไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ
ดั่งกระต่ายที่หมายพระจันทร์
คนบางคนมีค่าสูงส่ง
แต่ตีคุณค่าของตนเองไว้ต่ำต้อย
ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์งดงามดั่งน้ำค้าง
คนบางคนซื๋อตรงต่อใจตนเอง
ดั่งพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง
และความอบอุ่นเท่าเทียมกัน
โลกแห่งความฝันมักสวยงามเสมอ...
ผ่านกิจกรรมรับน้องมา ชีวิตของผมปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้แล้ว การสอบกลางภาคมาถึงในช่วงกลางเดือนสิงหาคม พวกเพื่อนๆ ของผมดูเคร่งเครียดกับการเตรียมตัวสอบ สำหรับผมแล้วนอกจากเคร่งเครียดเรื่องเรียนแล้ว ผมยังกังวลเรื่องความรักของผมที่มีต่อพี่ตง ที่ยังไม่มีความคืบหน้าเลย ผ่านพ้นคืนเฟรชชี่ไนท์มา ผมก็ไม่ได้พบกับพี่ตงเลย ในโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝันของมันสวนทางกัน อย่างที่ผมบอกไปในโลกของความจริงความสัมพันธ์ของผมกับพี่ตงไม่ถึงไหนเป็นได้เพียงแค่พี่สาขากับน้องสาขา ส่วนในโลกแห่งความฝันผมกับพี่เขารักกันอย่างสุดซึ้ง เป็นความรักที่ใครๆ อิจฉา
ความคิดคำนึงถึงพี่ตงแสดงออกมาที่สีหน้าของผม เจฟสังเกตเห็นแล้วพูดคุยกับผมเรื่องนี้อย่างจริงจังในเย็นวันหนึ่งที่มีฝนตกโปรยปราย ผมยืนมองทิวทัศน์ที่ชุ่มฉ่ำด้วยสายฝนตรงหลังระเบียงห้องเจฟ เขาชงช็อคโกแลตร้อนให้ผมดื่ม
“เอาไปดื่มซะ หน้าตาจะได้ดีขึ้น”
“นี่หลอกด่าเราทางอ้อมใช่ไหม?” ผมรับแก้วช็อคโกแลตร้อนจากมือของเจฟ “คนอย่างเรามันไม่มีดีอะไรเลยสักอย่างเลย”
“เป็นไรมากป่ะ เราล้อเล่นเฉยๆ ทำเป็นดราม่าไปได้ พอจะเล่าได้ไหม?”
“เจฟรู้เรื่องนี้แล้วเหยียบไว้เลยนะ เราชอบพี่ตง” ผมบอกความจริงที่ไม่มีใครรู้มาก่อน สีหน้าของเจฟเมื่อรับรู้แล้วเปลี่ยนไป เขาหุบยิ้มแล้วจ้องมองผมพร้อมที่จะตั้งใจฟังเรื่องราวทั้งหมด “เราชอบพี่ตงมาตั้งแต่ช่วงรับน้องแล้วล่ะ แต่ทว่า พี่ตงไม่เคยรู้เลยว่าเรารู้สึกยังไง”
“พูดไม่ออกเลย แบงค์จะให้เราช่วยอะไรล่ะ จะให้เราไปบอกพี่ตงให้เหรอ? ไม่ดีมั้ง ถ้าแบงค์ชอบผู้หญิงพอทำเนา เรารู้สึกแปลกๆ แฮะหากจะให้ไปบอกแทน” เจฟเป็นผู้ชายแท้ๆ จะให้ส่งสาสน์บอกรักผู้ชายมันคงจะไม่เข้าท่าจริงๆ ด้วย
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ถ้าเราจะบอกรักใครสักคนหนึ่งเราก็คงจะบอกรักด้วยตนเอง อาจจะไม่ใช่คำพูดแต่เป็นการแสดงออก”
“สรุปแล้ว แค่แบงค์อยากจะระบายให้เราฟัง ระบายความอัดอั้นที่อยู่ภายในใจ เพราะแบงค์มีวิถีของแบงค์เอง” เจฟสรุปการสนทนาทั้งหมด
“ใช่แล้ว ขอบใจนะที่รับฟัง สำหรับผู้ชายแล้ว เรื่องของชายรักชาย คนบางคนรับไม่ได้”
“ขึ้นชื่อว่าความรักแล้วมันก็สวยงามหมดแหละ ไม่จะรักใคร เพศไหน ที่ไหน อะไร ยังไง เราเองก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจคับแคบ แบงค์ยังเคยรับฟังเรื่องเรากับฝ้าย เราจะรับฟังเรื่องแบงค์กับพี่ตงจะเป็นไรไป แต่ตอนนี้มีเรื่องให้สนใจมากกว่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบงค์เตรียมกับการสอบมิดเทอมยัง?”
“ได้ชอร์ทโน้ตจากติ๊กมา เราเริ่มอ่านบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เราไม่ค่อยเข้าใจ” ผมตอบ
“ไปอ่านหนังสือกับเราที่ลานตึกเกือกม้าไหม?” เจฟชวน
ตกค่ำวันนั้น หลังจากมีความสุขกับการรับประทานอาหารมื้อเย็นแล้ว เจฟและผมตระเตรียมหนังสือตำราเอกสารต่างๆ รวมไปถึงของกินกันหิว โต๊ะตรงลานตึกเกือกม้าแทบทุกโต๊ะ มีคนมาอ่านหนังสือเตรียมสอบกันพอควร
“โชคดีนะที่ยังมีโต๊ะ หากมาช้ากว่านี้คงจะไม่มีเหลือแล้ว” ผมพูดพลางวางสิ่งของลงบนโต๊ะ จากนั้นเราสองคนเริ่มอ่านหนังสือโดยหันหน้าเข้าหากันอย่างใจจดใจจ่อ วิชาแรกที่ผมอ่าน คือ Mangement Science อันเป็นวิชาของพื้นฐาน อาจารย์รุ่งได้บอกแนวข้อสอบไว้วว่าเป็นข้อสอบปรนัย 80 ข้อ หมายความว่า กาข้อสอบถูก 4 ข้อเท่ากับ 1 คะแนน
“เจฟช่วยอธิบายเรื่องคุณสมบัติที่ดีของนักจัดการเป็นอย่างไรบ้าง พอดีว่าเอกสารส่วนนี้ของเราหายไป” ผมขอความช่วยเหลือจากเจฟ
เจฟลุกมานั่งข้างผมแต่ด้วยความเลินเล่อไม่ระมัดระวังของเขา เจฟสะดุดกับขอบที่นั่งไม้เซถลามาชนผม ปากของเขาชนเข้ากับพวงแก้มข้างซ้ายของผมอย่างจัง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมกับเขาสบตากันนิ่งค้างอยู่เช่นนั้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง
“นี่เราสองคนจะอยู่กันแบบนี้อีกนานแค่ไหน?” ผมบ่นเพื่อเรียกสติของตนเองและตัวเขาให้กลับมา
“อันนี้ใช่ไหม คุณสมบัติของนักจัดการที่ดี” เจฟหยิบเอกสารที่มีหัวข้อคุณสมบัติของนักจัดการที่ดี แล้วเริ่มอธิบายให้ผมฟัง “นักจัดการหรือผู้จัดการนั้นต้องมีคุณสมบัติ 5 ข้อ [1] คือ ข้อที่ 1. มีความรู้มีความเข้าใจในศาสตร์แห่งการบริหารจัดการ เปรียบไปเหมือนทหารต้องเรียนรู้ตำราพิชัยสงคราม รบไปจะได้ไม่ไปตาย 2. มีภาวะผู้นำ นักจัดการค้องมีภาพลักษณ์ให้ผู้คนทั้งภายในและภายนอกองค์กรเชื่อถือ เชื่อฟัง...”
เจฟอธิบายไปเรื่อยๆ มือของเขาอยู่ไม่สุข เลื้อยมาโอบบ่าผมเอาไว้ ผมมองสบตากับเจฟอีกรอบ ครานี้นานอยู่พอควร
“ฟังต่อเถอะ ข้อที่ 3 มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ผู้จัดการต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเร้าที่มากระทบทั้งดีและไม่ดี ต้องมีความอดทนจัดการกับความขุ่นมัวทางอารมณ์ได้ 4. มีความคิดสร้างสรรค์ ผู้จัดการต้องมีความคิด ความอ่าน คิดค้นวิธีการต่างๆ ในการจัดการบริหารองค์กรให้มีความอยู่รอด ท่ามกลางการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และข้อสุดท้าย ข้อที่ 5 มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ผู้จัดการต้องทำงานร่วมกับคนหมู่มาก ต้องมีการปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ต้องอาศัยหลักการแห่งความมีมนุษยสัมพันธ์ในการขับเคลื่อน ในการทำงาน เข้าใจยัง?”
“อืมเข้าใจแล้ว ช่วยกลับไปนั่งที่เดิมด้วยนะ เบียดๆ กันมันร้อน” ผมตัดบทแล้วไล่เจฟให้กลับนั่งที่เดิม จนถึง 4 ทุ่มเศษ เราสองคนเลิกอ่านหนังสือ กลับหอพักแยกย้ายกันไปพักผ่อนห้องใครห้องมัน
การสอบกลางภาคมาถึงและผ่านพ้นไป บรรยากาศการสอบในบางวิชาก็เคร่งเครียดเสียจนผมไม่กล้าหายใจออกมาดังๆ อาจารย์บางท่านเมื่อยามสอนในห้องเรียนช่างเป็นมิตรจำนรรจาแต่เมื่ออยู่ในห้องสอบดุและเหี้ยมยิ่งกว่ายุงอีก (เพราะยุงร้ายยิ่งกว่าเสือ) นักศึกษาอย่างเราๆ ก็ใช่ย่อยพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อการทุจริต ผมได้ทำข้อสอบและทำข้อสอบได้ปะปนคละเคล้ากันไปกล่าวคือ วิชาคณิตศาสตร์ถือว่าได้ทำเพราะผมไม่ดินเส้นกับวิชา ความรู้ทางคณิตสาสตร์ของอ่อนมากๆ ชะรอยว่าชาติก่อนๆ ผมไปฆ่านักคณิตศาสตร์เข้าจึงต้องมารับกรรมในชาตินี้เต็มๆ ส่วนวิชาที่ทำได้นั้นคือวิชามาร์เก็ตติ้ง เพราะผ่านการติวเข้มจากพี่บาสผู้เป็นพี่เทคของป้าชุจนเข้าใจเนื้อหาและสวรรค์เข้าข้าง ข้อสอบออกแนวเดียวกันกับปีที่ผ่านมา
งานวิชาการประจำมหาวิทยาลัยมาถึง การจัดงานก็ไม่ต่างงานวันกิจกรรมของโรงเรียนในสมัยมัธยมศึกษาที่ผมเรียนจบมา เพียงแต่พอเป็นระดับมหาวิทยาลัยอะไรๆ ก็เลยพิเศษมากขึ้นกว่าทั้งสาระวิชาการ และความบันเทิงสนุกสนาน ทุกชั้นปี ทุกสาขาและทุกชมรมได้ออกร้านค้าหนึ่งร้าน งานวิชาการมี 3 วัน ปีหนึ่งสาขาวจก. ออกร้านขายผ้าเช็ดหน้าบาติกที่ผ่านการเขียนลายเสร็จพร้อมระบายสีตามจินตนาการของลูกค้า ส่วนตัวผมเองมีกิจกรรมให้ทำในช่วงงานวิชาการคือเป็นเจ้าหน้าที่จัดการอบรมสัมมนาร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามคำชักชวนจากป้าชุ ในการประชุมเตรียมงานที่ตึกอธิการบดี พี่บาสผู้เป็นหัวหน้าทีมรายงานแผนการทำงานโดยที่ทุกๆ คนตั้งใจฟัง ยกเว้นแมนที่พูดคุยในเรื่องไร้สาระจีบหนิงอิงโดยไม่ได้ดูกาลเทศะ พลอยทำให้คนอื่นๆ เสียสมาธิในการฟังพี่บาสอธิบาย
“หนิงอิง ไอที่ว่ามากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนเขาเรียกว่าอะไรเหรอ?” แมนถามหนิงอิง ทุกๆ คนแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน รังสีอำมหิตแผ่ซ่านไปที่แมนแต่เขายังไม่รู้ตัวอีก
“ศพ!” คำเดียวสั้นๆ จากอาจารย์เกมที่ร่วมสังเกตการณ์และชี้แนะการทำงาน ได้สะท้อนความอดทนที่มาถึงจุดสิ้นสุด สร้างความสะใจจนทุกๆ คนหัวเราะร่อโห่ร้องปรบมือด้วยความสะใจ หลังจากนั้นแมนนั่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรอีก คำว่าศพจะหลอกหลอนแมนไปอีกนานเท่านาน นับจากนั้นมาแมนมีฉายาว่าศพ โดนเพื่อนๆ ล้อเป็นประจำ