ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย

น้ำค้างมองพระจันทร์ - 1 แรกพบ โดย กัลปังหา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย,yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

น้ำค้างมองพระจันทร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก

รายละเอียด

 น้ำค้างมองพระจันทร์ โดย กัลปังหา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย

ผู้แต่ง

กัลปังหา

เรื่องย่อ

คนบางคนมีค่าไว้พียงแค่มอง

เราไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ

ดั่งกระต่ายที่หมายพระจันทร์

คนบางคนมีค่าสูงส่ง

แต่ตีคุณค่าของตนเองไว้ต่ำต้อย

ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์งดงามดั่งน้ำค้าง

คนบางคนซื๋อตรงต่อใจตนเอง

ดั่งพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง

และความอบอุ่นเท่าเทียมกัน

สารบัญ

น้ำค้างมองพระจันทร์-บทนำ ผู้ชายในฝัน, น้ำค้างมองพระจันทร์-1 แรกพบ, น้ำค้างมองพระจันทร์-2 สายใยรักสายใยม่วงแดง (ปฐมบท), น้ำค้างมองพระจันทร์-3 ฤทธาน้ำล้างรองเท้า, น้ำค้างมองพระจันทร์-4 รับน้องหฤโหด?, น้ำค้างมองพระจันทร์-5 สายใยรักสายใยม่วงแดง (มัชฌิมบท), น้ำค้างมองพระจันทร์-6 สายใยรักสายใยม่วงแดง (ปัจฉิมบท), น้ำค้างมองพระจันทร์-7 เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป, น้ำค้างมองพระจันทร์-8 รักในสายฝน, น้ำค้างมองพระจันทร์-9 เฟรชชี่ไนท์, น้ำค้างมองพระจันทร์-10 ใจบางบาง, น้ำค้างมองพระจันทร์-11 ข่าวร้าย, น้ำค้างมองพระจันทร์-12 ขอจองในใจ, น้ำค้างมองพระจันทร์-13 ไม่แน่ใจ, น้ำค้างมองพระจันทร์-14 เพื่อนสนิท, น้ำค้างมองพระจันทร์-15 Sport Night, น้ำค้างมองพระจันทร์-16 Happy Birthday, น้ำค้างมองพระจันทร์-17 ไดอะรี่สีแดง, น้ำค้างมองพระจันทร์-18 ทิ้ง, น้ำค้างมองพระจันทร์-19 ความลับในใจ, น้ำค้างมองพระจันทร์-20 กรุงชิงทิ้งรัก, น้ำค้างมองพระจันทร์-21 ช้ำรักพักเกาะสมุย, น้ำค้างมองพระจันทร์-22 นิยายรักขาดตอน, น้ำค้างมองพระจันทร์-23 เลิกกัน, น้ำค้างมองพระจันทร์-24 คลับซ่าสะพายเป้, น้ำค้างมองพระจันทร์-25 วิมานดิน, น้ำค้างมองพระจันทร์-26 สารภาพ, น้ำค้างมองพระจันทร์-27 จะมาไหม?, น้ำค้างมองพระจันทร์-28 หาดทราย สายลม สองเรา, น้ำค้างมองพระจันทร์-29 คู่ชีวิต, น้ำค้างมองพระจันทร์-จบ Leaving On a Jet Plane.

เนื้อหา

1 แรกพบ

ปลายเดือนพฤษภาคม...

วันที่ผมย้ายเข้าหอพักภายในมหาวิทยาลัยเป็นวันอาทิตย์ที่อากาศแจ่มใส ผู้ที่มาส่งผมก็พี่ชายเจ้าเก่าหน้าเดิม ขับรถมาส่งตามเคย หอพักของมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ตรงเชิงเขาท่าเพชร ก่อนอื่นผมไปติดต่อรับกุญแจห้องพักที่สำนักงานหอพักตรงหอ 2 เพื่อนๆ นักศึกษาทั้งชายและหญิงที่มีภูมิลำเนาไกลๆ เดินทางมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว บรรยากาศบริเวณหอพักทั้ง 5 หอคึกคักคลาคล่ำด้วยผู้คน ผมเซ็นชื่อแล้วรับกุญแจห้อง ผมได้กุญแจห้องหมายเลข 2310 หอพักชายไม่ต้องเดินไปไกล เพราะหอพัก 2 อันเป็นที่ตั้งของสำนักงานหอพักยังเป็นหอพักชายอีกด้วย

“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม? พี่จะกลับแล้วนะ” พี่นุบอกกับผม หลังจากที่เขาวางตะกร้าใส่เสื้อผ้าของผมลงพื้นในห้อง

“ครับ” ผมเดินลงไปส่งพี่นุตรงลานจอดรถ ผมเห็นว่ามีซุ้มขายขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มของชมรมอาสาพัฒนาตั้งอยู่เลยลองไปประเดิมอุดหนุนสักหน่อย

“เอาอะไรดีจ๊ะ” พี่ผู้หญิงผมซอยสั้นเอ่ยทักผม นอกเหนือจากเธอแล้ว ยังมีเพื่อนๆ ของเธออีก 4 คนเป็นผู้ชาย 1 หญิง 3 คน

“ชาเขียวรสมะนาวหนึ่งกล่องครับ”

“มาใหม่ล่ะซี อยู่สาขาอะไรล่ะ” พี่ผู้หญิงไว้ผมยาวทำสีผมไฮไลท์สีทองทัก

“วจก. ครับ” เป็นคำตอบที่ผมตอบเมื่อมีใครถาม

“ทั้งพี่กระดิ่ง พี่อาย พี่สปัน พี่ตงและพี่ พี่ชื่อพี่ชี้คเรียนวจก. ทั้งหมดแหละ” พี่ชี้คบอก กลายเป็นว่าผมเป็นรุ่นน้องคนแรกที่พวกพี่ๆ รู้จัก ชาเขียวกล่องนั้นผมไม่ต้องเสียเงินอะไรเลย พี่กระดิ่งออกเงินให้พร้อมกับแถมขนมขบเคี้ยวอีกสองห่อ จากนั้นผมยืนพูดคุยกับพวกรุ่นพี่ต่ออีกนานเลยทีเดียว

“จะว่าไปพี่ก็ตั้งใจเลือกมาเรียนที่นี่นะ เพราะพี่เบื่อหาดใหญ่แล้ว บ้านพี่อยู่ในวิทยาเขตหาดใหญ่เลย เกิดและโตมาในนั้นแหละจ้ะ” พี่ชี้คเล่าเรื่องราวของเธอให้ฟัง นับว่าพี่ชี้คสวนกระแสพอควรเลยทีเดียว

ทว่าความสนใจของผมตกไปอยู่ที่พี่ตง ชายเดียวในหมู่ผู้หญิงคนนี้ อาจเป็นเพราะว่าผมชอบผู้ชายลักษณะนี้ ใช่แล้วครับผมเป็นเกย์และรู้ตัวมาเนิ่นนานแล้ว ในอดีตผมอาจจะเป็นเกย์ที่ออกสาว มีจริตกิริยากระเดียดไปทางผู้หญิงยามเมื่ออยู่กับเพื่อนฝูงชะนี แต่เมื่ออยู่กับครอบครัวผมก็ใช้ชีวิตแบบผู้ชายเงียบๆ เรียบร้อยประมาณผ้ายับพับไว้ ผมเข้ามหาวิทยาลัยคิดไว้ว่าจะใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายทั่วไปแต่ไม่ถึงกับลุยได้ทุกสถานการณ์ วกกลับมาเรื่องของพี่ตงดีกว่านะ พี่ตงเป็นผู้ชายร่างสันทัดไม่สูงเด่น แน่นอนว่าเขาเตี้ยกว่าผม ใบหน้าตี๋เพราะเขามีเชื้อจีน สีผิวไม่ขาวนักแต่ไม่ถึงกับคล้ำดำ กล่าวโดยสรุปพี่ตงมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ผมสนใจ นึกออกแล้ว... คนๆ นี้คือผู้ชายในฝัน ผู้ชายที่พาผมไปหลบฝนบนสิ่งก่อสร้างทรงประหลาดที่คนที่ในมหาวิทยาลัยเรียกว่าฝาชีบ้างเอย ศาลาจานบินบ้างเอย แล้วสารภาพรักผมก็คือพี่ตงนี่แหละ ทำไมผมถึงฝันแบบนี้ไปได้นะ

“แบงค์เรียนสายอะไรมาล่ะ?” พี่กระดิ่งถาม

“ฮะพี่ตง ผมเรียนสายศิลป์-คำนวณครับ”

“ใจลอยไปถึงไหนนี่ ฉันถามเธอไม่ใช่อีตง เออโชคดีแล้วล่ะ ในหลักสูตรมีฟิสิกส์ เคมี ชีวะด้วย” พี่กระดิ่งบอก “รู้ไว้แต่เนิ่นๆ น่ะดีแล้ว ไม่ได้ยากอะไรเสียจนน่ากลัว ความรู้ระดับม. ปลายนั่นแหละ”

ผมพูดคุยกับพวกพี่ๆ จนได้เวลาพอควรและดูเหมือนว่าพวกพี่ๆ จะออกไปข้างนอกสักที่ใดที่หนึ่ง ผมตัดบทจบการสนทนาและการทำความรู้จัดด้วยการ...

“เอ่อพี่ๆ ครับ ผมคงต้องขอตัวไปจัดห้องก่อนนะครับ ผมไปล่ะ” ผมอำลาพวกพี่ๆ เพื่อขึ้นห้องไปจัดข้าวของให้เรียบร้อย

รูมเมทของผมจะเป็นใครหนอ เขาจะมีนิสัยอย่างไร เขาจะรับข้อเสียของผมได้ไหม แล้วผมจะรับข้อเสียของเขาได้หรือเปล่า ผมคิดไปพลางจัดของไป เมื่อจัดของเสร็จ ผมไม่รู้จะทำอะไรในห้อง ผมจึงลงไปข้างล่างอีกรอบ ผมเห็นว่าตรงซุ้มร้านค้าชมรมอาสาไม่มีพวกพี่ๆ อยู่กันแล้ว ผมเดินลงเขาไปเรื่อยๆ ชื่นชมกับธรรมชาติ อากาศยามบ่ายที่นี่ไม่ค่อยร้อนเท่าใดนัก มีสายลมพัดมาเรื่อยๆ ผ่านตึกร้างที่ปกคลุมไปด้วยเถาตำลึงและพื้นที่รอบๆ หญ้าคาขึ้นรกเรื้อ มีรถแม็คโครที่จอดทิ้งไว้จนสนิมขึ้นเกรอะกรัง เดินไปอีกนิดถึงตึกเรียนรวมหลังคาสีฟ้าสบายตา เบื้องหลังเป็นเขาท่าเพชรเขียวครึ้มด้วยแมกไม้มีเสาอากาศ 5 เสายืนทแยงเสียดฟ้า ผมผ่านตึกอีกสองตึกตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน แม้ตึกทั้งสองมีรูปทรงต่างกันแต่หลังคาเป็นสีเดียวกันคือโทนสีฟ้าน้ำเงิน ผ่านมาทั้งสี่ตึกผมรู้สึกว่าที่นี่เหมือนเมืองร้างมีมนุษย์อยู่เพียงคนเดียวคือผม ผมมาถึงร้านมินิมาร์ทอย่างหอบเหนื่อยซื้อเครื่องดื่มเกลือแร่มานั่งดื่มพักผ่อนดูรายการโทรทัศน์ที่ทางร้านเปิด

“เด็กใหม่เหรอ” น้าผู้หญิงที่เป็นเจ้าของร้านเอ่ยทักทายผม เธอนั่งที่เคาน์เตอร์เก็บเงิน

“ใช่ครับ” ผมตอบ

“ยินดีต้อนรับเฟรชชี่จ้า” คุณน้ากล่าว “เด็กเก่าเขาจะแวนซ์ตะลอนๆ ไปไหนมาไหนกัน”

“เหรอครับ ว่าแต่ที่นี่มีรับซักรีดผ้าไหมครับ”

“มีจ้า เดือนละ 300 บาท ถ้าตกลงจดเลขห้องลงในสมุดนี้เลย พี่เขาจะไปเก็บผ้าอาทิตย์ละ 2 หนนะ”

“ตกลงครับ” ผมจดชื่อและหมายเลขห้องลงในสมุดแล้วก็เลือกเดินซื้อของเป็นของจำพวกขนมขบเคี้ยวและน้ำผลไม้จ่ายเงินเสร็จก็เดินกลับมาเรื่อยๆ ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อยเดินได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดสูดลมหายใจมองบรรยากาศรอบๆ นาฬิกาข้อมือของผมบอกเวลา 16.00 น. ผมเดินผ่านตึกเรียนรวม เสียงรถมอเตอร์ไซค์ทะยานแหวกอากาศขึ้นเนินเขาไล่หลังผมมา ผมเดินต่อไป รถจักรยานยนต์คันนี้มีผู้ชายรูปร่างผอมๆ ใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินสวมกางเกงยีนส์ขับผ่านไปเหมือนพอเขาเห็นผมก็ชะลอรถเทียบข้างผม

“ไปหอข้างบนใช่ไหม?” ชายผู้นั้นถามผม “ขึ้นมาซ้อนท้ายเลย”

ผมขึ้นนั่งซ้อนท้ายโดยไม่รีรออะไรทั้งสิ้น ระหว่างทางเราสองคนไม่ได้พูดคุยกระไรเลย จนมาถึงที่จอดรถในหอ 3

“ขอบใจนะ” ผมเอ่ยขอบคุณขณะลงจากรถ

“ไม่เป็นไร เราชื่อเจฟ”

“เราชื่อแบงค์” ผมบอกชื่อไป นับว่าเขาเป็นเพื่อนคนแรกของที่นี่เลยทีเดียว

“เราเรียนวจก. แบงค์ล่ะเรียนอะไร?”

“วจก. เหมือนกัน เจฟเป็นคนสุราษฎร์เหรอ?” ผมเห็นป้ายทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ก็เลยถาม

“ใช่แล้ว เราเป็นคนสุราษฎร์ อย่าบอกนะว่าเป็นคนสุราษฎร์เหมือนกัน “ผมแค่พยักหน้าตอบว่าใช่ เขาเผยอยิ้มเผยฟันเรียงไม่เป็นระเบียบ “เราเรียนโรงเรียนเมือง บ้านอยู่แถวสี่แยกการุณ”

“เราเรียนโรงเรียนจังหวัด บ้านเราอยู่ซอยเสม็ดเรียง” ผมบอกกับเขา มันน่าแปลกนะที่เราสองคนอาศัยอยู่หน้าเขาท่าเพชรแต่ไม่เคยได้เห็นไม่เคยได้เจอกัน แต่ก็มารู้จักกันยังที่มหาวิทยาลัยหลังเขาท่าเพชร

“ก็ดีเลย ได้เพื่อนเพิ่มมาอีกคนแล้ว เราอยู่ชั้น 4 ห้อง 2408” เจฟแยกกับผมเมื่อขึ้นบันไดหอมาถึงชั้น 3 เขาขึ้นไปชั้นสี่ เมื่อเขามาในห้องพบว่ารูมเมทของผมได้อยู่ในห้อง เราสองคนได้ทำความรู้จักกัน เขาชื่อมดเรียนสาขาการจัดการสิ่งแวดล้อม เป็นคนสุราษฎร์เหมือนกับผมและเจฟ รูปร่างหน้าตาของมดทำให้ผมนึกถึงน้องทรายคุณแม่ร้อง ขออภัยมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ลองให้เขาใส่วิกแต่งหน้าทาปากรับรองเลยว่าแยกแยะไม่ออกเลยทีเดียว

พอย่ำค่ำ ทุกๆ คนโดนเรียกลงมารวมตัวตรงลานหน้าหอเพื่อทำกิจกรรมสันทนาการ คนอื่นๆ อาจจะไม่เข้าใจว่าเด็กมหาวิทยาลัยอุตส่าห์เอ็นทรานซ์เข้ามา แล้วมาเต้นแร้งเต้นกาทำอะไรพิลึกๆ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้น เพื่อละลายพฤติกรรมหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเพราะแต่ละคนมาจากต่างที่ ต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรมถ้าไม่รู้จักปรับตัวก็จะอยู่ไม่ได้ในที่แห่งนี้ ผมรู้สึกเหนื่อยแต่ก็สนุกสนานไปกับการเต้นและร้องได้รู้จักเพื่อนๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายคน รุ่นพี่ที่เป็นผู้นำสันทนาการคือ พี่แอนสาวผิวสีน้ำผึ้งยิงมุขกระจายราวกับเป็นเจ้าของฟาร์มไข่มุก และพี่เอ๋สาวหมวยที่ลูกคู่รับส่งมุขกับพี่แอน

“เอาล่ะจ้า น้องๆ เพลงต่อไปที่เราจะร้องกันคือเพลงกิ่งก้านใบพี่รู้นะว่าน้องๆ ร้องเพลงนี้ไม่ได้กัน ไม่เป็นไรร้องตามพี่ก่อนนะ เอาว่าตาม... กิ่งก้านใบ...ชะ...ชะ...ใบก้านกิ่ง...ฝนตกลงมาจริง.ๆ ...ฝนตกลงมาจริงๆ ...ชะ...ชะ...กิ่งก้านใบ”

เมื่อพวกเราทั้งหมดพอร้องได้ พวกพี่ๆ ในทีมสันทนาการที่เหลือแสดงท่าประกอบเพลง กลุ่มพี่พวกนี้เรียกว่า กรมเจ้าท่า ซึ่งท่าทีที่พวกเขาแสดงกันช่างน่าขันเหมือนอย่างเพลงอื่นๆ เช่นไก่ย่าง รถตุ๊กตุ๊ก โรตี เป็นต้น เรียกว่าพอเลิกกิจกรรมตรงนี้อาบน้ำเสร็จนอนหลับเพราะความเพลีย