ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย,yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
น้ำค้างมองพระจันทร์ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
คนบางคนมีค่าไว้พียงแค่มอง
เราไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ
ดั่งกระต่ายที่หมายพระจันทร์
คนบางคนมีค่าสูงส่ง
แต่ตีคุณค่าของตนเองไว้ต่ำต้อย
ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์งดงามดั่งน้ำค้าง
คนบางคนซื๋อตรงต่อใจตนเอง
ดั่งพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง
และความอบอุ่นเท่าเทียมกัน
“ก้มหน้า... ก้มหน้าลงเดี๋ยวนี้” เสียงขู่ตะคอกยังคงดังต่อเนื่อง ผมตกใจจนตัวสั่นราวกับหมูที่มาถึงโรงเชือดเพียงแค่เห็นประตูทางเข้าก็ตกใจกลัวจนอุจจาระหดตดหายแล้ว
“แต่ละคนเข้ามาอยู่นี่ เอาแต่หนุกกับหรอยลูกเดียว ไม่สาไหรเลย เห็นรุ่นพี่ก็ไม่ไหว้ เห็นอาจารย์ก็ไม่ไหว้ ที่แรงหว่านั้นคือเห็นพระรูปพระบิดาก็ไม่แสดงเคารพเจริญแล้ว” พวกปีหนึ่งโดนตำหนิด้วยสำเนียงภาษาท้องถิ่น ทำให้ผมนึกย้อนถึงตนเอง มันก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ผมคงจะต้องปรับปรุงตนเอง เสียงว๊ากโหวกเหวกดังลั่นห้องประชุมอย่างต่อเนื่อง พอผมนั่งก้มหน้านานเลือดเริ่มไปเลี้ยงสมองไม่ทันผลลัพธ์คือผมเวียนศีรษะ หน้ามืด
“แบงค์ไหวมั้ย?” พี่หมอแฟนหนุ่มของพี่กระดิ่งเข้ามาถาม อันที่จริงแล้วพี่แกชื่อต้า แต่เพื่อนๆ แกลงความเห็นกันว่าแก่หน้าตากระเดียดไปทางพิมพ์นิยมของนักศึกษาแพทย์จึงเรียกว่าหมอมาตลอด พอหลังจากที่ได้คุยกันแล้ว แกตั้งใจจะเรียนหมอนั่นแหละแต่คะแนนไม่ถึง เลยได้เรียนที่นี่แทน “ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องทน อาการเราดูไม่ดีเลย”
“ครับพี่” ผมลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซและลอบมองไปรอบๆ เพื่อนๆ นั่งก้มหน้าอยู่ในอาการสงบ แสงไฟสีสัมสลัวๆ สร้างบรรยากาศให้น่ากลัว ผมเดินออกไปข้างนอกห้องประชุมโดยมีพี่หมอแฟนพี่กระดิ่งคอยประครอง บรรยากาศข้างนอกกับข้างในนั่นแตกต่างกันอย่างลิบลับ แสงไฟสว่างทั่วทุกบริเวณ พวกรุ่นพี่นั่งจับกลุ่มคุยกัน หน่วยพยาบาลตั้งขึ้นอย่างเรียบง่ายบนเสื่อ พี่กระดิ่งเอาก้อนสำลีชุบแอมโมเนียมาให้ผมดม กลิ่นของมันทำให้ผมรู้สึกหายจากอาการป่วยได้ชะงัด ผมนั่งสงบๆ ฟังรุ่นพี่เขาสนทนาปราศรัยกัน เรื่องราวที่พูดคุยกันก็เป็นเรื่องในมหาวิทยาลัย ความหฤโหดของการรับน้องที่พวกพี่ๆ เจอกันมา การเรียนความยากง่ายของแต่ละรายวิชา ใครไม่ถูกกับใคร ใครรักชอบกับใครอะไรทำนองนี้ ผมเริ่มสนิทสนมกับรุ่นพี่เพื่อนๆ พี่กรพดิ่งและพี่หมอซึ่งมีพี่อาย พี่ชี้ค พี่สปัน และพี่ตง ผ่านไปสักพักมีเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากวิ่งเล็ดลอดออกมาจากห้องประชุม
“เอาแล้วเว้ย! วันแรกมันก็เล่นซะแล้ว” พี่ตงสบถ ผมไม่เข้าใจความหมายที่พี่เขาพูด หลังจากนั้นก็มีพี่ไซโคคนหนึ่งเปิดประตูเดินออกมาข้างนอก
“พยาบาลๆ อู้งานจัง ไปเอาน้องออกมาเร็ว” นั่นแปลว่าข้างในมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างเกิดขึ้น เพื่อนๆ ผมคนใดคนหนึ่งไม่สบายขึ้นมา พวกพี่ที่ทำหน้าที่พยาบาลจำนวน 2 คนลุกขึ้นตามพี่ไซโคเข้าสู่ห้องประชุม สักครู่พี่ๆ หามเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งออกมา พอผมได้เห็นหน้าเธอก็ตกใจเพราะผู้หญิงคนนี้คือ ขวัญเพื่อนในสาขาวจก. มาจากโรงเรียนเดียวกันกับผม อาการของเธอน่าเป็นห่วงเพราะเธอปกปิดเรื่องการป่วยเป็นโรคหอบไว้ เมื่อประสบพบเจอกับสิ่งที่น่าตื่นตระหนกตกใจอาการของโรคเลยกำเริบขึ้น พวกเพื่อนๆ ที่ไม่สบายออกตามกันมา เวลาผ่านไปได้หนึ่งชั่วโมงกลุ่มพี่ไซโคออกมาพักผ่อนให้พี่ๆ กรมเจ้าท่าเข้าไปปลอบโยนเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างใน และผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงกลับมาอีกรอบและเป็นรอบสุดท้ายของวันนี้ พรุ่งที่เก่าเวลาเดิมจึงเริ่มต้นขึ้นใหม่ พวกเพื่อนๆ ชาย-หญิงตั้งแถวเดินกลับหอพักบนเนินเขา ส่วนผมและเพื่อนๆ ที่ป่วยได้รับสิทธิพิเศษมีรุ่นพี่ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งถึงหอพัก สารถีที่ควบรถจักรยานยนต์ไปส่งผมคือพี่ตงหนุ่มตี๋เมืองตรัง บ้านอยู่บางรัก ผมแอบคิดอยู่ในใจว่าเขาน่ารักดี ผมนั่งซ้อนท้ายรถพี่เขามาจนถึงหน้าประตูเข้าหอพัก ผมไม่ลืมที่จะไหว้ขอบคุณ
“ไม่ต้องไหว้หรอก พี่ไปก่อนล่ะ”
“ขับรถดีๆ นะพี่” ผมยืนส่งพี่ตงและถือโอกาสรอเพื่อนๆ ที่กำลังเดินมา บรรยากาศรอบๆ ตัวผมมีแต่ความเงียบ มองไปทางหออื่นๆ มีแสงไฟแต่ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ
“มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง มาพร้อมเป็นเพื่อน” แว่วเสียงเพื่อนๆ ที่กำลังเดินอยู่ใกล้จะมาถึงแล้ว เสียงท่องบ่นนั้นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนผมเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดหยุดอยู่บริเวณหลังหอ 3 ส่วนพวกผู้หญิงกลับเข้าหอพักของตนเอง พวกพี่ไซโคที่คุมแถวมายังไม่ปล่อยกลุ่มเพื่อนผู้ชายมีการพูดอะไรบางอย่างเล็กน้อย
เจฟยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหลังระเบียงห้อง 5401 ผมและเพื่อนๆ อย่างแม็ค วิทย์ และเอกำลังดูรายการโทรทัศน์ ผมคอยชำเลืองมองเจฟอยู่เรื่อยๆ จนเมื่อเขาคุยโทรศัพท์เสร็จ ผมชงช็อคโกแลตร้อน 2 แก้วเพื่อตนเองและเจฟ
“ทำอะไรอยู่เจฟ” เขายืนมองทิวทัศน์ในยามราตรีนิ่งๆ ผมส่งเสียงให้เขารู้ตัว “อากาศภูเขาเย็น ประเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
“ก็ดูวิวไปเรื่อยๆ” เจฟพูดปดไม่เก่งเอาเสียเลย คำพูดกับสีหน้าของเขาสวนทางกัน
“ดื่มสักหน่อย” ผมยื่นแก้วช็อคโกแลตให้ “เจฟรู้ไหม เจฟโกหกไม่เนียน”
“เรามีปัญหากับแฟน” เจฟจิบช็อคโกแลตร้อนแล้วเกริ่นเรื่องที่ทำให้เขาไม่สบายใจ “เราติดต่อกับฝ้ายไม่ได้เลย เพื่อนที่หาดใหญ่บอกว่าฝ้ายกับคบหากับเพื่อนผู้ชายในคณะนิติ”
“เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจฟมีแฟนแล้ว” ผมรู้สึกใจแป้วยังไงก้ไม่ทราบเมื่อเขาเอ่ยถึงเรื่องแฟน
“เราพยายามติดต่อฝ้ายแต่ฝ้ายก็ไม่ยอมรับสายเรา พอคุยกันได้ไม่กี่คำก็ตัดบทอ้างว่ามีกิจกรรม เรียนหนัก สารพัดสารพันเพื่อเลี่ยงไม่พูดกับเรา ถ้าต้องเลิกกันจริงก็น่าเสียดายวันเวลาที่รู้จักกัน” เจฟจิบช็อคโกแลตร้อน สายตาของเขาทอดมองทิวทัศน์ ไกลลิบๆ เห็นแสงไฟเรืองรองของถนนสุราษฏร์-นาสาร รถราวิ่งสาดแสงไฟเป็นสาย
“อย่างน้อยความรักก็เคยทำให้เจฟมีความสุขไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ เราอยากรู้ว่าเราผิดอะไร ฝ้ายถึงได้นอกใจเรา”
“เจฟไม่ได้ผิดอะไร เราไม่รู้หรอกนะว่าฝ้ายเป็นยังไง ถ้าฝ้ายเปลี่ยนไปเจฟก็ต้องทำใจ ชีวิตต้องเดินต่อไป” ผมสามารถให้คำปรึกษาได้เท่านี้เพราะผมไม่ได้รู้จักฝ้ายคลุกคลีอยู่กับเจฟเลยเหมือนฟังความข้างเดียว
“แบงค์พูดยังกะคนเคยมีความรัก เอ... หรือว่าตอนนี้กำลังมีอยู่ พอจะเล่าได้ไหมเราอยากรู้” กลายเป็นว่าจากที่พูดเรื่องความรักของเจฟพลิกมาเป็นความรักของผมแทน
“เราไม่บอก ยังไงก็ไม่บอก” ผมเดินหนีเจฟเพราะไม่อยากจะเล่าเรื่องความรักของผม เขาจะรู้ว่าผมไม่ใช่บุรุษผู้ปรารถนาอิตถีเพศ เจฟจะเปลี่ยนไปไหม
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” เจฟซักถาม ดวงตาของเขาแววเป็นประกาย จากการซักถามธรรมดาเริ่มกลายเป็นการซักฟอกไปเสียแล้ว “ตอนนี้ยังรักกันหรือเลิกกันแล้ว”
“เราไม่บอก เราจะกลับห้องไปนอนแล้ว” ผมเดินเข้ามาในห้องวางแก้วที่เคยมีช็อคโกแลตร้อนข้างโทรทัศน์แล้วเดินออกจากห้อง มีเจฟเดินตามมาติดๆ
“แม็ค มึงคิดเหมือนกูหรือเปล่า?” วิทย์มองผมและเจฟก่อนที่จะเอ่ยถามแม็ค
“กูก็คิดเหมือนมึง” แม็คตอบ สายตาเขาเลี่ยงที่จะไม่มองผมและเจฟเหมือนอย่างวิทย์ เขาเลือกที่จะดูโทรทัศน์มากกว่า “พอเหอะ ดูทีวีดีกว่า”
“แบงค์ขี้โกง! เราอุตส่าห์เล่าเรื่องฝ้ายให้แบงค์ฟัง ถ้าแบงค์ไม่บอกเราตายตาไม่หลับนะ” เจฟยังเซ้าซี้ไม่หยุด ผมไขกุญแจห้อง ต้องชะงักกับภาพของมดโซ้ยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรงโต๊ะอ่านหนังสือ ผมเห็นภาพนี้ทุกคืนจนต้องเรียกว่าเป็นกิจวัตรประจำของมด
“เจฟจะนอนตายตาไม่หลับก็เรื่องของเจฟ เอาเป็นว่าขอบใจนะที่มาส่ง ราตรีสวัสดิ์” ผมตัดบทอำลาเจฟแล้วปิดประตูห้อง พูดคุยกับมดเล็กน้อย เขียนไดอะรี่เล็กน้อยแล้วก็หลับไป
คืนนี้ผมฝันประหลาดไป ผมฝันว่าพี่ตงขับรถจักรยานยนต์คันเดิมมารับผมไปสถานที่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนี้เป็นภูเขาแต่มันไม่เหมือนเขาท่าเพชร ทิวทัศน์บนภูเขางดงาม ไอหมอกเย็นละเลียดร่างกายผมเพียงแค่เอื้อมมือถึง พี่ตงสวมมกอดผมไออุ่นจากร่างของพี่เขาละลายไอเย็นของหมอกให้หายไป
“พี่รักแบงค์” พี่ตงกระซิบเบาๆ ตรงหูของผม ประโยคสั้นๆ แต่มีความหมายเหลือล้น
“เรารักกันได้จริงๆ เหรอครับ?” ผมรู้สึกไม่แน่ใจอะไรเลยสักอย่าง ผมผ่านความรักที่ผิดหวังมาแล้ว ถ้าหากความรักของผมสมหวัง ผมและพี่ตงจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคร้อยแปดพันเก้าเพราะโลกใบนี้ไม่ได้มีแต่ผมและพี่เขาอยู่กันเพียงสองคน
“รักกันได้สิ ถ้าเป็นเรื่องหน้าตาก็ไม่เป็นปัญหา ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ยังมาไม่ถึงเราสองคนค่อยๆ คิดค่อยๆ แก้กันไป เราสองคนจะเดินไปด้วยกัน” พี่ตงตอบความจริงใจ