ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย

น้ำค้างมองพระจันทร์ - 2 สายใยรักสายใยม่วงแดง (ปฐมบท) โดย กัลปังหา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย,yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

น้ำค้างมองพระจันทร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก

รายละเอียด

 น้ำค้างมองพระจันทร์ โดย กัลปังหา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย

ผู้แต่ง

กัลปังหา

เรื่องย่อ

คนบางคนมีค่าไว้พียงแค่มอง

เราไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ

ดั่งกระต่ายที่หมายพระจันทร์

คนบางคนมีค่าสูงส่ง

แต่ตีคุณค่าของตนเองไว้ต่ำต้อย

ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์งดงามดั่งน้ำค้าง

คนบางคนซื๋อตรงต่อใจตนเอง

ดั่งพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง

และความอบอุ่นเท่าเทียมกัน

สารบัญ

น้ำค้างมองพระจันทร์-บทนำ ผู้ชายในฝัน, น้ำค้างมองพระจันทร์-1 แรกพบ, น้ำค้างมองพระจันทร์-2 สายใยรักสายใยม่วงแดง (ปฐมบท), น้ำค้างมองพระจันทร์-3 ฤทธาน้ำล้างรองเท้า, น้ำค้างมองพระจันทร์-4 รับน้องหฤโหด?, น้ำค้างมองพระจันทร์-5 สายใยรักสายใยม่วงแดง (มัชฌิมบท), น้ำค้างมองพระจันทร์-6 สายใยรักสายใยม่วงแดง (ปัจฉิมบท), น้ำค้างมองพระจันทร์-7 เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป, น้ำค้างมองพระจันทร์-8 รักในสายฝน, น้ำค้างมองพระจันทร์-9 เฟรชชี่ไนท์, น้ำค้างมองพระจันทร์-10 ใจบางบาง, น้ำค้างมองพระจันทร์-11 ข่าวร้าย, น้ำค้างมองพระจันทร์-12 ขอจองในใจ, น้ำค้างมองพระจันทร์-13 ไม่แน่ใจ, น้ำค้างมองพระจันทร์-14 เพื่อนสนิท, น้ำค้างมองพระจันทร์-15 Sport Night, น้ำค้างมองพระจันทร์-16 Happy Birthday, น้ำค้างมองพระจันทร์-17 ไดอะรี่สีแดง, น้ำค้างมองพระจันทร์-18 ทิ้ง, น้ำค้างมองพระจันทร์-19 ความลับในใจ, น้ำค้างมองพระจันทร์-20 กรุงชิงทิ้งรัก, น้ำค้างมองพระจันทร์-21 ช้ำรักพักเกาะสมุย, น้ำค้างมองพระจันทร์-22 นิยายรักขาดตอน, น้ำค้างมองพระจันทร์-23 เลิกกัน, น้ำค้างมองพระจันทร์-24 คลับซ่าสะพายเป้, น้ำค้างมองพระจันทร์-25 วิมานดิน, น้ำค้างมองพระจันทร์-26 สารภาพ, น้ำค้างมองพระจันทร์-27 จะมาไหม?, น้ำค้างมองพระจันทร์-28 หาดทราย สายลม สองเรา, น้ำค้างมองพระจันทร์-29 คู่ชีวิต, น้ำค้างมองพระจันทร์-จบ Leaving On a Jet Plane.

เนื้อหา

2 สายใยรักสายใยม่วงแดง (ปฐมบท)

วันต่อมา... เป็นวันปฐมนิเทศผมได้ใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศครั้งแรก ผมมีปัญหาเรื่องการผูกเนคไทค์ มดแต่งตัวและออกไปจากห้องนานแล้ว ผมเลยเดินไปขอความช่วยเหลือจากเจฟ ผมเคาะประตูห้อง วิทย์เปิดประตูห้อง ผมเห็นว่าเจฟกำลังแต่งตัวอยู่ เพื่อนร่วมห้องของเขากำลังแต่งตัวเช่นเดียวกัน

“อรุณสวัสดิ์ ขอรบกวนหน่อยดิ คือว่าเราผูกไทไม่เป็น เจฟช่วยผูกให้เราได้ไหม?”

“เอาไทของเราไปผูกก่อน เราทำสำเร็จรูปไว้แล้ว เพียงแค่สวมคอแล้วรูดสายไทค์เส้นที่ติดกับตัวเสื้อลง ปักเข็มตรามหาวิทยาลัยก็เสร็จแล้ว ส่วนไทค์ของแบงค์เราก็เอาไว้ใช้เอง ถือว่าแลกกัน” เจฟจัดการปัญหาเนกไทของผมได้อย่างสวยงาม

ผมแยกกับเจฟมาส่องกระจกที่ห้องน้ำรวมยิ้มให้ตัวเองในกระจกก่อนที่หุบยิ้มลง น่าเสียดายที่พ่อและแม่ไม่มีโอกาสได้เห็นผมใส่ชุดนักศึกษาเพราะท่านทั้งสองลาโลกนี้ไปสู่สวรรค์ตั้งแต่ปีที่แล้ว พอผมนึกถึงเรื่องทีไรก็อดเสียใจไม่ได้ ผมสะกดกลั้นอารมณ์ออกมาจากห้องน้ำ เดินออกมาจากหอลงเขาสู่ตึกเรียนรวมเพียงคนเดียว ผมเดินมาถึงศาลาจานบินเจฟที่ขับรถจักรยานยนต์ลงมาแวะจอดรับ ตลอดทางไม่ได้คุยอะไรกันเพราะหนทางมันใกล้ บรรยากาศที่ลานตึกเรียนรวมคึกคักเหมือนวันที่ผมรายงานและสอบสัมภาษณ์

“แบงค์กินอะไรมาแล้วยัง” เจฟถามขณะจอดรถให้เรียบร้อย

“ยังเลย ไปที่ร้านยายกันดีกว่า เรารู้สึกหิวแล้ว” ผมเดินปรี่ไปที่ซุ้มร้านอาหารว่างแล้วเลือกแซนวิช นมพร่องมันเนย ส่วนเจฟก็เลือกขนมปังไส้สังขยากับนมช็อคโกแล็ต พอกินเสร็จก็นั่งคุยอยู่ที่ม้านั่งกับเจฟ เพื่อนๆ ที่จำเขาได้จากกิจกรรมสันทนาการเมื่อคืนนี้ก็เข้ามาทักทายทั้งชายหญิง และเจฟก็ได้แนะนำผมให้กับเพื่อนๆ คนอื่นได้รู้จัก จนกระทั่งถึงเวลา 8.30 น. เจ้าหน้าที่และพวกรุ่นพี่เรียกเหล่านักศึกษาชั้นปีที่ 1 เข้าสู่ห้อง D 266 หรือชื่อพวกรุ่นพี่เรียกอย่างลำลองว่าห้อง 500 ลงทะเบียนที่โต๊ะหน้าห้องรับเอกสารเข้าห้องที่มีอุณหภูมิเย็นเฉียบ เมื่อจับจองที่นั่งได้แล้ว ผมก็คุยกับพวกเพื่อนๆ นอกเหนือจากเจฟก็มีแก้ว อ้อ ติ๊ก ตุ้ม เอ แมน และชุ

“ทำไมเขาเรียกว่าห้อง 500 ล่ะ ใครรู้บ้าง” ผมถาม

“เขาเรียกตามจำนวนที่นั่ง ที่หาดใหญ่เขาก็เรียกชื่อห้องเรียนที่ตึกฟักทองตามจำนวนที่นั่งเหมือนกัน แล้วที่นี่ตึกเรียนรวมมีชื่อเรียกอีก 2 ชื่อคือตึกเกือกม้ากับตึกตัวยู” เอให้คำตอบผมอย่างชัดเจน

“เฮ้ย! นับยังไงก็ไม่ครบ 500 “ผมไล่นิ้วนับเก้าอี้ในห้อง ยังไงก็ไม่ครบ

“นับที่พื้นกับที่ขี่คอแก้วอยู่แล้วยังแบงค์” เจฟยิงมุขหยอกทั้งผมและแก้ว

“จะบ้าเหรอเจฟ เล่นมุขอะไรก็ไม่รู้น่ากลัวอ่ะ ยิ่งเมื่อตอนตีสี่แก้วตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงพระสวดมนต์ด้วย” แก้วเล่าเหตุการณ์ที่ประสบมา

“จริงเหรอแก้ว เราก็ได้ยิน” ผมนึกย้อนเหตุการณ์เมื่อเช้ามืด ผมตื่นเนื่องจากเสียงกรนของมดไปรบกวนผนวกกับได้นอนเต็มอิ่มแล้ว ได้ยินเสียงพระสวดมนต์แว่วมาแต่ไกล “ไม่มีอะไรหรอกแก้ว เป็นธรรมดาที่พระทำวัตรเช้าช่วงตีสี่ แถวนี้มีวัด มีวัดก็ต้องมีพระ พระก็ต้องสวดมนต์เป็นธรรมดา”

เมื่อได้เวลาอันสมควรก็เริ่มการปฐมนิเทศด้วยพิธีเปิด เปิดวิดีทัศน์แนะนำมหาวิทยาลัยและได้รับหนังสือคู่มือนักศึกษากับหนังสือแนะนำมหาวิทยาลัยที่ใช้ชื่อเฟรชชี่ 2007 ซึ่งจัดทำขึ้นมาจากใจรุ่นพี่ทุกวิทยาเขต เราได้ฟังประสบการณ์ชีวิตในเขตรั้วสีบลูจากศิษย์เก่า รับประทานอาหารกลางวัน ตกบ่ายมีกิจกรรมพบกับอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อนแนะนำการลงทะเบียนเรียนนับเป็นโชคดีที่ผม เจฟและแมนต่างมีอาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวกันคืออาจารย์เกมส์ อาจารย์ได้สอนวิธีการลงทะเบียนเรียน ระดับมหาวิทยาลัยนั้นชื่อวิชาที่เรียนเป็นชื่อภาษาอังกฤษและก็ยาวๆ ทั้งนั้นก็เลยมีชื่อย่ออย่างวิชา Management Scince มีชื่อว่า Manage และ Principle of Marketing มีชื่อย่อว่า Market อาจารย์คุยกับพวกเราและแจกเบอร์โทรศัพท์พอสมควรแก่เวลาก็กลับมารวมตัวกันที่ห้อง 500 อีกครั้ง และแล้วสิ่งที่ผมกลัวอยู่ลึกๆ ภายในใจเริ่มก่อร่างชัดเจนขึ้นนั้นคือเอกสารเซ็นชื่อยินยอมเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง ทุกคนต่างเคยเห็นเคยได้ยินข่าวความรุนแรงของกิจกรรมรับน้องที่จะต้องมีนักศึกษาสังเวยชีวิตกับประเพณีของกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่าปัญญาชน แม้ว่าผมจะวิตกแต่ก็ต้องไหลตามน้ำเซ็นยินยอมเพราะไม่อาจขัดขืนต่อกระแสสังคมของที่นี่ ผมไม่เข้มแข็งพอที่จะต่อต้านและยอมรับการเป็นแกะดำไปได้ การปฐมนิเทศจบลงเมื่อทุกๆ คนส่งใบตอบรับกิจกรรมรับน้อง พวกรุ่นพี่ให้พวกเราทั้งหมดเข้าแถวเรียงต่อกันออกจากห้อง 500 เสียงข้างนอกที่ดังอื้ออึงทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นคอยลุ้นระทึกว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอกห้อง จนเมื่อผมก้าวพ้นจากห้อง 500 สิ่งที่ผมเห็นคือกลุ่มรุ่นพี่ปีสองนำสร้อยข้อมือถักมีจี้เปลือกหอยมาผูกให้กับเหล่านักศึกษาเป้นรายคน เมื่อถึงคิวผมรุ่นพี่ที่นำสร้อยข้อมือมาผูกให้นั้นเป็นผู้หญิง เธอไว้ผมยาวประบ่า สิ่งที่ทำให้ผมจดจำเธอได้น่าจะเป็นสีผิวที่ดำเนียนราวกับดินที่ใช้ทางการเกษตรของเธอ ผมไหว้ทักทาย “สวัสดีครับผมชื่อแบงค์อยู่วจก.”

“พี่ชื่อหวิวนะจ๊ะอยู่สิ่งแวดล้อม ตามหาพี่ให้เจอ” เธอบอกกับผมขณะที่กำลังผูกสายสร้อยข้อมือถักสีส้มจี้เปลือกหอยสีขาวเส้นนี้ “รักษาสร้อยเชลล์ไว้ให้ดีล่ะ อย่าทำหาย ถ้าหอยแตกรีบบอกพี่ล่ะ อย่าถอดจนกว่าเสร็จรับน้องเดี๋ยวจะเกิดเรื่อง” พี่หวีดสั่งกำชับไว้ก่อนแยกจากกัน ตอนนี้ผมได้ทราบว่าสร้อยข้อมือที่พี่หวีดตั้งใจผูกให้กับผมมีชื่อเฉพาะว่าสร้อยเชลล์ ผมปลีกตัวออกมากำลังจะก้าวเดินลงบันไดสู่ลานตึกเกือกม้า เจฟรีบตามลงมาแจ้งข่าวว่าเวลา 19.00 น. มีการประชุมสาขาครั้งแรกตรงลานหอวิจัยคือบริเวณที่ทำกิจกรรมสันทนาการเมื่อคืนที่ผ่านมา นั่นเท่ากับว่ามีเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ เจฟชวนไปรับประทานอาหารเย็น เราสองคนต่างมีความคิดเห็นว่าไปรับประทานอาหารเย็นที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ใต้หอ 2 สรุปได้ว่าเราสองคนเลือกรับประทานอาหารเย็น ณ ร้านครัวเคียงในอาคารโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ เพราะเปิดใหม่นี่แหละทำให้อะไรๆ ล่าช้าไปหมด เราสองคนใช้เวลารับประทานอาหารเกือบชั่วโมง ผมสั่งข้าวหมูทอดส่วนเจฟสั่งข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวซึ่งกว่าจะได้รับประทานก็ครึ่งชั่วโมงหลังจากสั่งอาหาร

“มีเรื่องอะไรกังวลใจเปล่า” เจฟสังเกตสีหน้าผมที่แสดงออกถึงความวิตกกังวลเห็นได้ชัดเจน ขณะที่เราสองเดินกลับหอ

“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เรากลัวเรื่องรับน้อง” ผมไว้วางใจเจฟจึงกล้าพูดเรื่องนี้ “ใจจริงเราไม่ชอบหรอก ไอการที่จะต้องมาทำกิจกรรมอะไรสุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต”

“อย่ากลัวไปเลยแบงค์ อะไรที่เขาสั่งเราทำได้ เราก็ทำ อะไรที่เขาสั่งแล้วเราทำไม่ได้ เราก็ไม่ต้องทำ ไม่มีใครสามารถเอามีดมาจ่อคอเราบังคับให้ทำโน่นนี่นั่นได้หรอก” เจฟกุมมือผมแล้วพูดเพื่อให้คลายวิตก “เราต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเอง เขาเป็นรุ่นพี่ก็ทำหน้าที่รุ่นพี่ เราเป็นรุ่นน้องก็ทำหน้าที่รุ่นน้อง ถ้าเกิดอะไรที่เลวร้ายกับแบงค์ขึ้นมา เรายินดีที่จะรับมันแทน”

“ขอบใจนะ” แม้จะเป็นคำพูดสั้นๆ แต่ผมก็พูดจากใจจริง ผมรู้สึกเบาใจขึ้นเล็กน้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผม ผู้พิทักษ์คนนี้จะคอยปกป้องผม

เวลา 19.00 น. พวกเรานักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาวิทยาการจัดการมารวมตัวประชุมโดยพร้อมเพรียงกันที่ลานหอวิจัย ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นว่าเพื่อนๆ มีจำนวนเท่าไหร่ สาขานี้มีสมาชิกประมาณ 125 คน เกือบเท่าหนึ่งของรุ่นพี่ปีสอง พวกรุ่นพี่ให้ผมและเพื่อนๆ ทั้งหมดแนะนำตนเองว่าชื่ออะไร ชื่อเล่น รหัสนักศึกษา จบจากโรงเรียนอะไร มาจากจังหวัดอะไร

“สวัสดีครับ ผมพงษ์ชิษณุ สุริยะกุล ชื่อเล่นแบงค์ รหัสนักศึกษา 4x98761 จบจากโรงเรียนสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานีครับ” นี่คือประโยคแนะนำตัวของผม เมื่อผมแนะนำเสร็จมีเสียงฮือฮาจากรุ่นพี่ เท่าที่ผมมองเห็นมีรุ่นพี่แอบกระซิกระซาบกัน ผมทำอะไรผิดหรือนี่ ผมเริ่มใจเสีย เลยนั่งลงกับพื้นเหมือนอย่างเดิมและทำตัวเงียบๆ พยายามไม่ใส่ใจอะไร หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จ พี่แป๊ะก็ให้พวกเราเลือกประธานสาขา เป็นการขับเคี่ยวระหว่างเจฟและปิ๊ก ผลสรุปออกมาว่าเจฟชนะอย่างสูสี

“เอาล่ะน้องๆ ต่อไปก็ถึงประเพณีพิเศษ สาขาวจก. ของเราที่ผ่านมาจะต้องผ่านพิธีการนี้ เป็นประเพณีที่พิสูจน์ว่าน้องๆ แต่ละคนรักพี่ๆ และเพื่อนๆ พิธีกรรมจะให้น้องๆ ทุกเข้าร่วมก็คงไม่ไหว จะต้องมีตัวแทนเพื่อนๆ จำนวน 5 คนจะชายหรือหญิงก็ได้” พี่แป็กจะทำอะไรกับพวกผม เพื่อนๆ ทุกคนและผมใจตรงกันไม่มีกล้ายกมืออาสา

“รักกันจริงนะวจก. ปีนี้ แบงค์กับเจฟออกมาเลย บีเตรียมของ” คุณพระช่วย! หวยออกที่ผม ผมและเจฟลุกขึ้นเดินไปยืนข้างๆ พี่แป็ก เจฟยังสงบนิ่งไม่แสดงสีหน้าอะไรแต่ผมนี่สิลุ้นว่าพี่แป๊ะจะให้ทำอะไรยิ่งกว่าตอนที่ลุ้นว่านางงาม 2 คนสุดท้ายใครจะได้มงกุฎนางงามจักรวาลเสียอีก “ที่ต้องเรียกสองคนนี้ออกมาเพราะ เจฟเป็นประสาขาจะต้องเสียสละตนเอง อะไรที่ดีต้องให้เพื่อนๆ ก่อน อะไรที่ร้ายๆ ก็ต้องรับไว้เอง ส่วนแบงค์พี่รหัสเขารีเควสมา แบงค์เอ๋ยแบงค์ แกนี่โชคดีหรือโชคร้ายวะที่เป็นน้องรหัสของมัน เขาฝากบอกมาว่าแกเป็นผู้ชายแกต้องรับแทนฝนมันด้วย”

ผมหันมองพี่วู้ด พี่เขาเดินเลี่ยงไปทางอื่นแต่รอยยิ้มที่มุมปากของพี่เสมือนจะบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่แกจะโดน หรือว่าแกจะปิดปากผมไม่ให้ผมบอกกับใครว่าผมเป็นเด็กปีหนึ่งคนแรกที่รู้จักพี่รหัสของตนเอง เอเพื่อนร่วมสาขาบอกกับผมว่าที่นี่ทุกๆ คนจะมีพี่รหัส โดยปกติแล้วพี่รหัสจะทำตัวลึกลับให้เราสืบหาเอาเอง ผมเห็นพี่อ๊อฟมาตั้งแต่วันแรกเขาหอพัก เขาขายขนมอยู่ซุ้มชมรมอาสาพัฒนา เมื่อผมไปดูเลขรหัสนักศึกษาที่ตึกเกือกม้า พี่อ๊อฟก็ตามไปดูด้วย แกถามกับเพื่อนๆ แกว่ารู้จัก พงษ์ชิษณุไหม ผมบังเอิญได้ยินก็ดันไปบอกกับแกว่าผมนี่แหละพงษ์ชิษณุ แกเดินหนีเลย งานนี้ต้องขอบอกว่าโป๊ะแตกสิ ตั้งแต่นั้นพี่เขาเจอผมก็หลบหน้าผมตลอด

“มีกันสองคนจะสนุกอะไร เป้มึงออกมาเลย ได้ข่าวว่าซ่านิมึง ขิงด้วย ไอนี่มีคดีส่วนตัว ได้ข่าวว่าไปแซวแฟนกู” เอาล่ะซี งานนี้ได้มีเฮ จะได้ดูมวยซะงั้น นี่กลายเป็นการแก้แค้นส่วนตัวพัวพันกับการรับน้องไปเสียแล้ว “อ้าว! บีหยิบโอรีโอมาดิ แล้วบอกไปว่ากินแล้วเป็นไง”

“กินโอรีโอแล้วขี้ดำค่ะ” พี่บีตะโกนเสียงดังพร้อมชูซองขนมคุกกี้ยี่ห้อดังให้เพื่อนๆ ดู

“ลืมวิธีการกินแบบปกติที่บิดชิมครีมแล้วจุ่มนมลืมไปได้เลย เราจะกินกันแบบอมไว้ในปาก 5 วินาทีแล้วคายส่งต่อๆ กันโดยเริ่มต้นที่แบงค์” ผมต้องทำอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้ ผมหยิบคุกกี้หนึ่งชิ้นมาจากมือของบีกลั้นใจนำเข้าปากแล้วอมไว้จนพี่แป็กสั่งให้ผมคายส่งต่อให้เป้ ส่งต่อให้ขิงและเจฟตามลำดับ

“เพื่อไม่ให้มีการเสียเปรียบ เจฟส่งคืนให้แบงค์มันกิน” ตายแล้ว! นึกว่าผมจะรอดพ้น คุกกี้ชิ้นกลับมาอยู่ในมือของผมอีกครั้ง มันชุ่มโชกไปด้วยน้ำลายราวกับเปียกน้ำ มือของผมสั่นระรัวเมื่อจะหย่อนคุกกี้ลงช่องปากคล้ายกับคนที่กำลังจะกินยาเม็ดที่ขมปี๋

“ช้าก่อนแบงค์” ไม่ใช่เพียงแค่ผมที่หยุดการกระทำที่น่าขยะแขยงนั้นแล้วหันไปมองเจฟ แต่สายตาทุกคู่หันไปมองที่เขา “พี่แป็กครับ ผมขอกินโอริโอชิ้นนั้นแทนแบงค์ครับ ในฐานะที่ผมเป็นประธานสาขา มีสิ่งที่ดีต้องสละให้เพื่อนๆ เมื่อสิ่งร้ายๆ ก็ต้องรับไว้แทนเพื่อน” เขาเดินมาหยิบคุกกี้ในมือผมแล้วใส่เข้าปากเคี้ยว เมื่อคุกกี้ชิ้นนั้นลงท้องเหตุการณ์จึงยุติลง ต่อจากนั้นพวกรุ่นพี่กับพวกเราทั้งหลายทำกิจกรรมสันทนาการกัน ก็เป็นเพลงที่ร้องกันเหมือนเมื่อวาน แต่ที่เพิ่มเข้ามาคือการขับร้องเพลงสายใยม่วงแดงซึ่งเป็นเพลงประจำวิทยาเขตแห่งนี้

มหาวิทยาลัย

ชื่อเสียงเกรียงไกรสงขลานครินทร์

ทั่วแคว้นแดนดิน

ต่างได้ยินสีบลูเราชาวมอ.

สุราษฎร์ธานีเมืองคนดีเป็นที่รู้จัก

เรามอบใจภักดิ์รักสถาบันอันสูงค่า

ถิ่นนี้เหมือนมีมนตรา มาเถิดก้าวมา

ร่วมพัฒนาให้ก้าวไกล

มอ. สุราษฎร์ธานี

ร่วมใจน้องพี่เลือดสีม่วงแดง

ศรัทธากล้าแกร่งมุ่งมั่นไปให้ถึงจุดหมาย

ร่วมร้อยเรียงฝัน

สร้างสายสัมพันธ์ไม่คลาย

เราต่างภาคภูมิใจ

สถาบันดีเป็นศรีสังคม...

ความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่เริ่มแทรกซึมลงในจิตใจของผมอย่างช้าๆ และไม่รีบร้อน สายใยรักสีม่วงแดงถักทอกลายเป็นผ้าผืนงามที่เรียกว่าความผูกพัน