ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย,yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
น้ำค้างมองพระจันทร์ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
คนบางคนมีค่าไว้พียงแค่มอง
เราไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ
ดั่งกระต่ายที่หมายพระจันทร์
คนบางคนมีค่าสูงส่ง
แต่ตีคุณค่าของตนเองไว้ต่ำต้อย
ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์งดงามดั่งน้ำค้าง
คนบางคนซื๋อตรงต่อใจตนเอง
ดั่งพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง
และความอบอุ่นเท่าเทียมกัน
โอมจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป ชีวิตทุกชีวิตในมหาวิทยาลัยต้องเดินหน้าต่อไป การประชุมเชียร์นัดสุดท้ายผ่านไปอย่างแสบสรรเพราะเพื่อนๆ และผมลืมในสิ่งที่พี่ไซโคสั่งกันมา ผมมีคนป่วยเป็นเพื่อนเพียบเลยเพราะเป็นครั้งสุดท้าย พวกปีหนึ่งจึงถูกว้ากเป็นชุดใหญ่ จนการว้ากจบลงถึงเวลาเฉลยพี่ไซโค พวกพี่ๆ ที่พวกเราคิดเป็นยักษ์เป็นมารถอดหน้ากากพี่ไซโคออกเปลี่ยนเสื้อสีดำเป็นสีขาวแนะนำตัวเป็นรายๆ เมื่อรุ่นพี่เหล่านี้สลัดคราบพี่ไซโคหมด พวกเขาก็ดูเหมือนคนธรรมดาไม่ด่าใคร ไม่แหกปากตะคอกใส่ใครๆ
โค้งสุดท้ายของกิจกรรมรับน้องมาถึง ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานเฟรชชี่ไนท์ที่จะจัดในวันที่ 11 กรกฎาคม พวกเราสาขาวจก. โดนกดดันหนักจากรุ่นพี่โดยเฉพาะจากพี่แป๊ะ เนื่องด้วยปีที่แล้วจัดการแสดงไว้ได้ดีจนได้รับคำชมเชย เจฟและทุกๆ คนระดมความคิด จนได้การแสดงหนึ่งชุด ในชุดการแสดงนี้ประกอบด้วยการเดินแฟชั่นโชว์ในธีมปล่อยผีให้เป็นอิสระ เป็นการจับเพื่อนๆ ในสาขาแต่งตัวเป็นผีประเภทมาเดินบนเวทีเสมือนเดินแฟชั่นโชว์บนแคทวอล์ค ผมก็มีส่วนร่วมแสดงในการแสดงส่วนนี้โดยเป็นแดร็กคูล่าที่ไม่พิศมัยเลือดสาวๆ แต่โปรดเลือดของชายหนุ่มตามที่เจฟสั่งมา (พอผมเปิดตัวเอง มันก็เล่นงานผมซะ) การแสดงลำดับที่สองเป็นการเต้นรีวิวประกอบเพลงตุ๊กตาบาร์บี้ แสดงโดยกลุ่มสาวสวย เช่น บี จิ้มลิ้ม เป็นต้น พวกผู้ชายฉกรรจ์ของสาขาไม่ยอมน้อยหน้าแสดงลำดับที่สามโดยการเต้นรีวิวประกอบเพลงรด. แดนซ์ของวงพาราด็อกซ์นำทีมการแสดงด้วยก้ามปู เอ็ม ชาย เป็นต้น และสุดท้ายเอมี่แสดงลิปซิงค์เพลงสุดท้าย การแสดงชุดนี้มีนัยมีอยู่ 2 ประการคือ ประการแรก สาขาวิทยาการจัดการของเราสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ ยอมรับเพศสภาพที่ต่างกันไม่แบ่งแยกรวมกันเป็นหนึ่ง ประการที่สอง เอมี่ประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าเอมี่คือคุณนายของประธานสาขา พอกำหนดการแสดงแล้ว พวกเราก็ซ้อมกันอย่างหนัก ไม่ให้หลุดคิว ไม่ให้พลาด
วันที่ 11 กรกฎาคมมาถึง เช้าถึงเที่ยงมีกิจกรรมทำบุญหอพักเลี้ยงพระเพลเพื่อเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจให้พวกเราชาวหอทั้งหมด รวมไปถึงเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับโอม เจ้าที่เจ้าทางสัมภเวสีที่อยู่ในอาณาบริเวณมหาวิทยาลัย สถานที่จัดทำพิธีอยู่ที่หอวิจัย พอบ่ายพวกปีหนึ่งก็ซุ่มแต่งตัวบ้าง เตรียมความพร้อมในการแสดงบ้างอะไรบ้าง ธีมงานเฟรชชี่ไนท์เป็นธีมแฟนซีไนท์ ผมและเพื่อนๆ มาถึงหอประชุม เห็นความจัดเต็มชุดแฟนซีของแต่ละคนทำให้ชุดแดร็กคูล่าของผมดูธรรมดาลงไปทีเดียว ช่างเถอะนะ แม้ว่าจะไม่ได้รางวัลชุดแฟนซียอมเยี่ยมไปครองแต่ผมก็มีบัตรเข้างานไปนั่งกินโต๊ะจีนเลิศรสก็แล้วกัน ภายในหอประชุมที่กว้างขวางดูแคบลงไปถนัดตาเหมือนอย่างวันไหว้ครูที่ผ่านมา พี่แอนและพี่เอ๋รับหน้าที่พิธีกรเหมือนเคย
“ก่อนที่จะไปชมการแสดงจากน้องๆ สาขาต่างๆ มีการมอบรางวัลที่ได้จากผลการโหวตทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง เริ่มจากรางวัลอะไรดีคะพี่เอ๋” พี่แอนกล่าวชงไปยังพี่เอ๋
“รางวัลนี้เลยค่ะพี่แอน รางวัลเทพีสันติภาพซึ่งเป็นรางวัลที่ไม่ได้เปิดโหวตนะคะแต่เป็นรางวัลที่ทางกรรมการคัดเลือกโดยใช้หลักเกณฑ์ความเหมือนจากรุ่นสู่รุ่น รางวัลนี้คือรางวัลเทพีเสรีภาพ ผู้ที่ได้รับรางวัลคือ... “เสียงดนตรีในจังหวะฮึกเหิมดังคั่นการประกาศรางวัล “น้องว่านสาขาวจก. ค่ะ”
ภาพในจอผ้าใบฉายรูปเทพีเสรีภาพที่ตัดต่อใบหน้าของว่านแทนที่ “โอกาสนี้ ขอเชิญพี่ชมพู่ สาขาวิทยาการจัดการชั้นปี 2 มอบรางวัลด้วยค่ะ” พี่แอนประกาศ พี่ชมพู่ขึ้นเวทีมอบรางวัลเป็นถ้วยรางพร้อมรองเท้าแตะขนาดใหญ่ที่สุดให้แก่ว่าน
“แบงค์ช่วยบอกเพื่อนๆ ด้วยนะว่าเตรียมแสตนด์บายหลังเวที” เจฟสั่งมา ผมกระจายคำสั่งเสร็จพักความสำเริงสำราญในการรับประทานอาหารออกจากห้องประชุมไปยังทางเดินข้างๆ แล้วเข้าสู่หลังเวที ทีมงานแสดงพร้อมแล้วที่จะแสดงตามที่ซักซ้อมมาทั้งหมด
“ค่ะ การมอบรางวัลก็เสร็จสิ้นลง นับจากนี้ไปทางน้องๆ สาขาวิชาวิทยาการจัดการชั้นปีที่ 1 มีการแสดงสวยๆ มาให้ทุกๆ คนชม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญชมได้เลยค่ะ” พี่แอนกล่าวเปิดการแสดง ปอนด์ทำหน้าที่เปิดเพลงเริ่มทำงาน การแสดงเริ่มต้นด้วยการพาเหรดผีๆ จนจบด้วยพวกผู้ชายที่แสดงในส่วนรด. แดนซ์แบกร่างเอมี่ตรงกลางเวทีเข้าสู่หลังเวทีเพื่อไปทิ้ง ผู้ชมที่อยู่ดูมีความสุข สำหรับผมและเพื่อนๆ โล่งอกและหายเหนื่อยแล้ว การแสดงของสาขาอื่นๆ ผ่านพ้นไป ตบท้ายด้วยการแสดงดนตรีจากชมรมดนตรี ตามหมายกำหนดการเดิมแล้วจะมีกิจกรรมประกวดและเดือนมหาวิทยาลัย ทางองค์การบริหารนักศึกษามีมติให้งดกิจกรรมส่วนนี้ ให้มอบรางวัลแก่โอมและจี๊ด พวกๆ เพื่อนสาขาการจัดการสิ่งแวดล้อมขึ้นเวทีอีกรอบ เจนเป็นตัวแทนกล่าวคำไว้อาลัยแก่โอมผู้จากไป
“อยากให้โอมรับรู้ ความเจ็บปวดที่โอมได้รับ พวกเราก็เจ็บปวดเช่นเดียวกัน ไปดีนะเพื่อนเอ๋ย ลืมความเจ็บปวดนั้น ไปสู่โลกใบใหม่ แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เห็นตัวตนของโอมแล้ว แต่โอมยังมีตัวตนอยู่ในใจของทุกๆ คน”
เพื่อนคนนี้ไม่เคยตายไปจากใจพวกเรา ผมและคนอื่นๆ ช่วยกันร้องเพลงคลอไป การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การสูญเสียทำให้เรารู้ว่ามีอะไรเหลืออยู่บ้าง อย่างการสูญเสียโอมและจี๊ดทำให้พวกเรารู้ว่ามิตรภาพและความผูกพันมันสร้างขึ้นมาไม่ง่ายดายหากเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ย่อมหยั่งรากลึกลงไปในหัวจิตหัวใจ
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับกิจกรรมเฟรชชี่ไนท์อันสนุกสนานทั้งหมดทั้งมวล ทุกคนเริ่มระแคะระคายถึงความไม่ปกติคือ การที่พวกรุ่นพี่แอบหนีกลับกันหมดจนไม่เหลือ ไฟในหอประชุมทยอยดับลงจนมืดตื้อ พออยู่ในความมืดนี่มันบรรยากาศเดียวกันกับประชุมเชียร์ ดั่งคำกล่าวที่ว่า นึกถึงโจโฉ โจโฉก็มา พี่ไซโคใส่เสื้อดำกลับมาอีกแล้ว พวกเขากลับมาพร้อมกับการว้ากดุด่าเอ็ดตะโรเช่นเดิม เมื่อพวกพี่เขาว้ากจนพอใจแล้ว สั่งให้พวกเราทั้งหมดเดินแถวไปสู่ตึกเกือกม้า ตลอดทางถนนไร้ซึ่งแสงไฟ พวกปีหนึ่งเดินคลำทางตามคำสั่งพี่ไซโค จนถึงตึกเกือกม้า ห้องโถงเหนือโรงอาหารมีแสงเรื่อเรืองจากเทียนไข พี่ไซโคสั่งให้พวกปีหนึ่งทั้งหมดยืนแถวคอยในสนามหญ้าหน้าตึก ข้างบนที่แสงเทียนนั้นมีเสียงร้องเพลงประสานเสียงแว่วๆ มา
โอ้เจ้าน้องเอ๋ย พี่นี้ขอชื่นเชยจะมิเลยแรมไกล
รักเจ้าดั่งดวงใจมิคลายหน่ายหนา (ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา)
พี่จะรับขวัญเจ้าเข้ามาเป็นขวัญจิต
จะรักดั่งชีวิตใจคิดกรุณา (ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลาลา)
ขอจงหายโศก พ้นภัยหายโรคให้มีโชคนะน้องยา (ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา)
จะเอาด้ายยาว ขาวบริสุทธิ์ (ลา ลา ลา ลา ลา ลา)
พัน มัดผูกไว้ที่ข้อมือของเจ้า (ลา ลา ลา ลา ลา ลา)
เหมือนดั่งใจพี่ผูกพันเจ้าไว้ ไม่หน่ายหนี เอ่ยเออ เออ เอ๋ย ใจผูกพัน...
พวกพี่ไซโคสั่งให้พวกปีหนึ่งทยอยขึ้นสู่ชั้นบน ข้างบนนั้นมีทั้งคณาจารย์และรุ่นพี่นั่งล้อมรอบกระทงบายศรีปากชามอยู่ แต่ละคนมีมีเทียนไขส่องสว่างและสายสิญจน์ วางไว้ตรงหน้า นี่คือพิธีบายศรีสู่ขวัญนั่นเอง
“พิธีกรรมบายศรีสู่ขวัญนี้เป็นพิธีกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาแต่อย่างใด หากเป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นจากความรักและความปรารถนาดีจากคณาจารย์และรุ่นพี่” เสียงนุ่มๆ ของรุ่นพี่ผู้หญิงบอกกล่าวถึงพิธีการนี้ ผมและเพิ่อนๆ ถูกจัดให้นั่งบนเสื่อเป็นแถวๆ ทุกอย่างพร้อมแล้ว เพื่อนๆ ที่อยู่แถวหน้าเดินเข่าไปให้อาจารย์ผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือและรับคำอวยพร ผมควาญหาพี่เบลล์เจอจึงให้เธอผูกสายสิญจน์ให้
“แบงค์จำวันที่พี่กับเธอพบกันครั้งแรกได้ไหม นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นแห่งความทรงจำ แกเป็นน้องที่ดีและจะเป็นตลอดไป” นี่คือคำอวยพรจากใจพี่เบลล์ หากแสงไฟจากตรงนี้สว่างมากพอ คงจะเห็นดวงตาที่รื้นเต็มด้วยน้ำตา ผมให้รุ่นพี่คนอื่นๆ ผูกสายสิญจน์แต่ไม่พบกับพี่ตงซักที จนกิจกรรมเลิกผมมาเจอกับพี่ตงที่ข้างล่าง แม้จะไม่เหลือสายสิญจน์แล้ว ผมยังคะยั้นคะยอให้พี่เขาพูดอวยพรให้ผม
“ขอให้แบงค์มีความสุข” คำอวยพรสั้นๆ ที่จากปากพี่เขาทำให้ผมรู้สึกมีความสุขจริงๆ ผมจะโลภมากไปไหมหากเปลี่ยนคำว่ามีความสุขให้เป็นคำว่ารัก...
กลับมาถึงห้องพัก ผมหลับเป็นตายและฝันไปว่า...
ผมรีบเดินสาวเท้ากลับหอพักหลังจากการเรียนในวันนี้จบลง ในเส้นทางเดิมๆ ที่น่าเบื่อหน่าย เหตุให้ต้องรีบไม่ใข่เพราะต้องผ่านตึกร้างแต่เมฆฝนครึ้มมาพร้อมที่จะเทลงมาให้ผมเปียกปอนได้ตลอดเวลา และแล้วฝนร้องไห้อำลาฟากฟ้า ผมเปลี่ยนจากการรีบเดินเป็นการวิ่งขึ้นเนินเขา ผมไปแวะหยุดหลบฝนที่ศาลาจานบิน ยืนมองฟ้ามองสายฝนว่าเมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกเสียที ไม่นานนักผมเห็นพี่ตงขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจแหวกทะยานสายฝนขึ้นมาเนินเขา ผมแอบลุ้นว่าและเดาว่าเขาจะแวะหรือผ่านเลยไป อำนาจแห่งการจ้องมองคงจะแผ่รังสีไปถึงพี่เขา พี่ตงแหงนหน้าขึ้นมามองบนศาลาจานบิน พี่เขาเห็นผมจึงหยุดแวะที่ศาลาจานบิน
“มาหลบฝนหรือครับพี่ตง?” ผมถามทันทีที่เขาวิ่งขึ้นมาชั้นบน
“อืม”
“แล้วจะไปไหนครับ?”
“ไปธุระกับเบลล์ แต่ว่าไม่ใช่ธุระอะไรสำคัญนักหรอก” พี่ตงตอบ เขาล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ดูสิเปียกหมดเลย น่าเบื่อจัง”
“หมายถึงอะไรครับที่น่าเบื่อ สภาพอากาศ บุหรี่ที่เปียกน้ำ หรือว่าผม”
“บุหรี่ที่เปียกอ่ะดิ” พี่มองสายฝนพรำด้วยสายตาเหงาๆ เศร้า สายตาคู่นั้นเขามองหาใครอยู่หรือเปล่า พี่ตงคิดจะมีใคร คิดจะใครบ้างหรือเปล่า และคนนั้นที่พี่ตงอยากจะมีเป็นผมได้ไหมครับ มองมาที่ผมสิพี่ ผมมีอะไรจะบอก มีอะไรจะถาม พี่จะให้คำตอบได้ไหม
“ที่พี่บอกว่ามาธุระกับเบลล์ ความจริงแล้วพี่จะมาปรึกษากับมันว่าจะทำอย่างไรกับความรักของพี่ ตัวพี่เองไม่เคยรักผู้ชายมาก่อน” พี่ตงบอก
“ผมก็รักพี่ตงนะ รักตั้งแต่แรกเห็นตรงซุ้มร้านค้าชมรมอาสาฯ แล้ว แต่คนอย่างผม หน้าตาแบบนี้ หุ่นแบบนี้ พี่จะรักผมจริงหรือครับ”
พี่ตงเอาฝ่ามือข้างขวาของตนทาบหน้าอกตรงหัวใจของเขา แล้วใช้มือข้างเดียวกันมาทาบหัวใจของผม “พี่ใช้ใจรักแบงค์ เรื่องอื่นๆ ไม่สำคัญเลยสักนิดเดียว ฝนหยุดตกแล้ว พี่ไปส่งเราที่หอนะ”
พี่ตงขี่รถจักรยานยนต์มาส่งผม ไอฝนทำให้ทั้งผมและพี่เขารู้สึกหนาว แต่พี่ตงคงจะหนาวกว่าเพราะเขาสวมเสื้อโปโลสีม่วงดอกศรีตรังปักตรามหาวิทยาลัยตรงหน้าอกซ้ายในตอนนี้เปียกชื้นไปหมดแล้วเพียงแค่ ส่วนผมไม่ค่อยเปียกเพราะสวมเสื้อ 2 ขั้นคือ เสื้อนักศึกษาชั้นนอกกับเสื้อกล้ามชั้นใน
“พี่หนาว แบงค์กอดพี่หน่อยสิ”
“จะดีเหรอพี่? ผมอายนะ”
“เราสองคนเป็นแฟนกันแล้ว จะไปอายอะไรอีกล่ะ” พี่ตงพูด มือข้างซ้ายของเขาจับแขนของมาโอบกอดหน้าท้องที่แบนราบของเขา ผมเอาหัวซบแผ่นหลังของเขา พี่ตงนำพาผมมาถึงหอพัก
“พี่ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไหม? พี่กลัวว่าถ้าใส่เสื้อผ้าที่เปียกเดี๋ยวหวัดกินเข้าให้”
“ได้สิครับพี่ จอดรถให้ดีก่อน” ผมอนุญาตให้พี่เขาขึ้นมาที่ห้องพักของผมได้ บรรยากาศในหอชายหมายเลข 5 เงียบเหงาเช่นเดิม ผมไขกุญแจห้อง 5413 ด้วยความรีบเร่ง มดยังไม่กลับมาจากตึกเรียน
“เข้ามาสิครับพี่ เลือกเสื้อผ้าได้ตามใจชอบเลย ผ้าขนหนูผืนที่ยังไม่ได้ใช้ทีก็มีนะครับ พี่หยิบเอามาเช็ดตัวได้เลย จะดื่มอะไรร้อนๆ ไหมครับ มีกาแฟ ช็อคโกแลตร้อน” ผมเปิดประตูตู้เสื้อผ้าของผมเพื่อให้พี่ตงเลือกแล้วไปเสียบปลั๊กกาน้ำร้อน
“กางเกงยีนส์พี่เริ่มแห้งแล้วล่ะ คงจะเปลี่ยนแต่เสื้อ พี่ขอกาแฟก็แล้วกัน” พี่ตงบอกพลางถอดเสื้อออกแล้วเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนู ผมขวยเขินแสร้งทำเป็นจดจ่ออยู่กับกาแฟที่ผมชงให้พี่เขา แต่ผมลอบมองพี่ตงเช็ดตัวอยู่ “รู้นะว่าแบงค์แอบมองพี่อยู่ มองไปเลยน้อง จะให้พี่แก้ผ้าให้น้องดูก็ยังไหวอยู่”
“ทะลึ่งแล้ว” ผมเขินอาย เอาความใส่ใจไปลงที่กาแฟ ผมชงกาแฟอย่างบรรจงบรรจุความรักและความเอาใจใส่ลงในกาแฟแก้วนี้
พี่ตงเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยแล้ว เขารับกาแฟไปดื่มอย่างละเมียด เราสองคนพูดคุยกันสักพัก เมื่อกาแฟหมด พี่ตงก็ลากลับไปบ้านเช่า
“พี่คงต้องกลับแล้วล่ะ ความจริงอยากอยู่กับแบงค์มากกว่า อย่าลืมนะแบงค์ว่าเราสองคนรักกัน” พี่ตงโผมาหอมแก้มของผม
พลั่วะ!
อ้าว! มันคือความฝัน ผมละเมอตกเตียงแล้วตกใจตื่น ความรู้สึกเจ็บตามมาทีหลัง ผมมองนาฬิกาปลุกบนโต๊ะ ต๊กใจตื่นมาตี 4 แหมเสียดายจัง เฮ้อ…. เสียดายจัง จากนั้นผมพยายามหลับต่อเผื่อว่าจะฝันไปต่อจากความเดิม แต่นอนไม่หลับ พอจะเคลิ้มหลับ เสียงกรนของมดที่ดังราวกับรถหวอ 18 คันเปิดหวอพร้อมกัน ทำให้ผมต้องตื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมนึกถึงเรื่องในฝันให้ชื่นฉ่ำหัวใจ ทำไมหนอ? ผมรู้สึกอุ่นตรงแก้มข้างซ้ายราวกับว่าโดนจูบจริง ผมมองรูปถ่ายพี่ตงที่โต๊ะอ่านหนังสือแล้วส่งยิ้มให้
“พี่รู้ไหมครับ แม้มันจะเป็นแค่ความฝัน แต่ผมก็มีความสุขมากมาย จนผมคิดว่าจะมีความสุขไหนเสมอเหมือน ดวงตาคู่นั้นของพี่ทำให้ผมอบอุ่นหัวใจ ผมเพ้อไปกับรอยยิ้มของพี่ พี่ตงครับผมรักพี่นะครับ ผมสัญญานะว่าผมจะฝันถึงพี่ทุกคืนครับ”