ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย,yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
น้ำค้างมองพระจันทร์ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
คนบางคนมีค่าไว้พียงแค่มอง
เราไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ
ดั่งกระต่ายที่หมายพระจันทร์
คนบางคนมีค่าสูงส่ง
แต่ตีคุณค่าของตนเองไว้ต่ำต้อย
ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์งดงามดั่งน้ำค้าง
คนบางคนซื๋อตรงต่อใจตนเอง
ดั่งพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง
และความอบอุ่นเท่าเทียมกัน
รายการเสียงตามสายช่วงพักเที่ยงของชมรมวาทศิลป์เปิดเพลงเอาใจผมอย่างไรก็ไม่ทราบ ตั้งแต่ผ่านพ้นงานวิชาการผมเก็บตัวเงียบๆ กินยากนอนยากตามสูตรสำเร็จของคนอกหัก พวกเพื่อนๆ ผู้หญิงรู้เรื่องราวดี หากจะอ้าปากถาม ผมตีหน้ามึนตึงเป็นคำตอบว่าผมไม่อยากจะพูดถึงมัน แม้แต่คำตอบในใจก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน
ผลการสอบการกลางภาคทยอยออกมา ผลที่เห็นอยู่คือมีดีและมีร้าย ที่ดีคือวิชาที่ผมคิดว่าทำได้ ที่ร้ายคือวิชาที่ผมได้ทำ ในชั่วโมงเรียนวิชาแมทช์ อาจารย์บอยได้พูดคุยทำข้อตกลงกับผมและเพื่อนๆ อาจารย์แนะนำเชิงบังคับว่าให้ผมและเพื่อนๆ ที่ทำคะแนนสอบกลางภาคไม่ถึงกึ่งหนึ่งถอนวิชานี้เสียแล้วไปลงเรียนใหม่ในภาคเรียนถัดไป เลยกลายเป็นว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียนวิชาแมทช์ในเภาคเรียนนี้ของผม เพื่อนๆ ที่ถอนวิชาเรียนวิชานี้พร้อมกันกับผมมีป้าชุ ติ๊ก แก้วและเพื่อนๆ จำนวนหนึ่งที่ไม่ค่อยสนิทสนมเท่าใด และนี่คือสัญญาณบอกว่าฤดูกาลถอนวิชาเรียนเริ่มต้นขึ้นและจะบังเกิดความวุ่นวายตรงห้องทะเบียนเป็นไปอย่างนี้ 2 สัปดาห์ ด้วยความวุ่นวายนี่เองทำให้ผมต้องวิ่งรอกด้วยสองเท้าจากหอพักบนเขาไปยังตึกอธิการบดีอันเป็นที่ตั้งของห้องพักอาจารย์สาขาวิชาวิทยาการจัดการเพื่อให้อาจารย์เกมเซ็นใบถอนวิชาเรียน ผมมาถึงแล้วนั่งพักตรงม้านั่งหินอ่อนหลังตึกสำนักงานอธิการบดีเพื่อคลายความเหนื่อยหอบจาการเดินทาง ผมตระหนักถึงความยากลำบากของการไม่มีรถราส่วนตัว ผมพักอยู่ตรงนี้ 10 นาทีแล้วไปยื่นใบถอนวิชาเรียนให้อาจารย์เกมเซ็นกำกับในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา เมื่อเสร็จภารกิจนี้ ภารกิจต่อไปคือยื่นใบถอนสู่ห้องทะเบียนที่ตึกเกือกม้าเป็นอันเสร็จสิ้น นี่แหละชีวิตนักศึกษา เรียนได้เรียนไป เรียนไม่ได้ก็ต้องถอน ความวุ่นวายจากภารกิจถอนวิชาคณิตศาสตร์จึงยุติลงเท่านี้
จนเวลาเที่ยงรับประทานมื้อเที่ยงเสร็จกลับหอ ผมยอมโดดเรียนช่วงบ่ายเพื่อพักผ่อน จนมืดค่ำผมรับประทานอาหารเย็นเสร็จก็ขึ้นศาลาจานบินเพื่อกินลมชมทิวทัศน์ ผมอยู่บนนั้นตั้งแต่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าอ่อนจนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเข้ม น้ำเงิน กรมท่าและดำตามลำดับ ผมเห็นเจฟขับรถจักรยานยนต์ผ่านไป เขามองขึ้นมาที่ศาลาจานบินเห็นผมแล้วชะลอรถกลับรถมาจอดเลียบถนน เดินขึ้นมาศาลาจาบิน เขามีผ้าเช็ดผืนหนึ่งติดมือมาด้วย
“กำลังหาตัวอยู่ตัวอยู่พอดี เอานี่ไปซะ เราแอบทำไว้ให้” เจฟส่งผ้าเช็ดหน้าให้ผม เป็นผ้าเช็ดหน้าบาติกลายหมูยิ้มระบายสีส้ม พื้นหลังระบายเป็นสีเขียวอ่อนตัดกับสีส้มของหมู
“ขอบใจนะ” ผมรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาเป็นของตนเองแล้วมองดูดวงดาวที่พร่างพรายบนท้องฟ้าดุจกากเพชรที่หกหล่นลงบนพรมกำมะหยี่สีดำอันเป็นศิลปะที่ควรค่าแก่การชื่นชม
“แบงค์เป็นไงบ้าง?” เจฟชวนผมพูดคุยก่อนที่อะไรๆ จะดูเงียบลง
“สุขภาพกายสบายดี ส่วนสุขภาพใจที่เคยแย่เมื่อหลายวันก่อนก็เริ่มดีขึ้นแล้ว” ผมตอบอย่างไม่ปิดบัง เจฟพยักหน้ารับรู้เพื่อเป็นการบอกว่าเขาทราบเรื่องพี่ตงและพี่วรรณแล้ว
“แล้วจะทำยังไงต่อไป?” เจฟถาม
“ก็ไม่รู้ เราขัดแย้งกับใจเราเอง ใจมันแบ่งเป็นสองฝ่าย ใจหนึ่งตัดใจซะ อย่างไรเสียพี่ตงกับเราไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ส่วนอีกใจหนึ่งก็ยังบอกให้รอเพราะพี่ตงเป็นคนดี” ผมตอบคำถามตามความรู้สึกในใจของผม
“ฟังนะแบงค์ นายน่ะต้องเริ่มคิดได้แล้วล่ะว่า แบงค์รักพี่ตงแล้วมีความสุขหรือมีความทุกข์มากกว่ากัน ในโลกแห่งความฝันแบงค์กับพี่ตงอาจจะเป็นคู่รักที่ดูดดื่ม หากในโลกความเป็นจริงแล้ว พี่ตงรักพี่วรรณ แบงค์เป็นคนอื่นในสายตาของคู่รักคู่นั้น แบงค์จะทำยังไง แย่งพี่เขามาหรือ เราเชื่อมั่นว่าคนอย่างแบงค์คงจะไม่ทำเช่นนั้น จะรอให้คนทั้งคู่เลิกกันเหรอ เมื่อไหร่ล่ะ แล้วถ้าเลิกกันจริง แบงค์คิดว่าพี่ตงจะเลือกแบงค์หรือ พี่เขาเป็นชายแท้นะ การเปลี่ยนชายแท้ๆ ให้มารักแบงค์นั้นยากอยู่นะ เรื่องนี้แบงค์จะเข้าใจดีมากกว่าเรา ในบางเวลาความถูกใจกับความถูกต้องมักจะสวนทางกัน” เจฟร่ายยาวมาเป็นชุดใหญ่ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วทอดสายตามองท้องฟ้าสีดำกว้างใหญ่ ลมหอบใหญ่ปะทะหน้าและร่างผมจนผมหลับตาเบือนหน้าหนี ลมหอบนั้นที่ผ่านไปทิ้งคราบน้ำตาให้ผมเหมือนความรักครั้งนี้
“ร้องไห้หรือ?” เจฟมองมาที่ผมแล้วถาม
“เปล่า” ผมเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตา “ลมหอบใหญ่เมื่อกี้เข้าตา น้ำตาเลยไหล”
“แบงค์นี่เป็นคนประเภทใจบางบางนะ” เจฟเปรยกับผม “ต้องทำใจตนเองให้แข็งมกกว่านี้”
“ทำหน้าตกใจเราร้องไม่เพราะเหรอ?” เมื่อเจฟมองหน้าผมหลังจากร้องเพลงใจบางบางจบลง เห็นทำหน้าตกใจเลยถาม
“เราตกใจเพราะนึกได้ว่าเพลงใจบางบางเป็นเพลงที่พี่ตงชอบ” ผมตอบ
“อ๋อเหรอ” เจฟยิ้มแห้งๆ ให้ผม เขานั่งเงียบๆ ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก ไม่รู้ว่าเพราะหมดเรื่องที่จะคุยหรือว่าไม่กล้าพูดอะไรที่จะกระเทือนไปถึงความทรงจำของผมที่มีพี่ตงเกี่ยวพันอีก
“ดูดาวดีกว่า คืนนี้ดาวเต็มฟ้าเลย ไม่น่าเชื่อเลยว่า หน้าฝนท้องฟ้าจะปลอดโปร่งได้ถึงขนาดนี้” ผมพูดแล้วมองออกไปยังท้องฟ้าสีดำที่มีดาวรายเรียงอยู่เต็มฟ้า
“ที่ดูๆ อยู่น่ะ มีดาวดวงไหนเป็นของแบงค์ล่ะ?” เจฟถาม
“ดาวมันมีคนจับจองเป็นเจ้าของได้ด้วยหรือ แล้วทำไมต้องมีด้วยล่ะ?” ผมถามกลับเจฟไป
“ก็วันไหนที่เราไม่ได้เจอแบงค์ เราจะได้มองไปบนฟ้า พูดคุยกับแบงค์ผ่านดวงดาวได้ไง” เจฟทำสีหน้าเคร่งขรึมหมายความว่าสิ่งที่เขาตอบเป็นความจริงและจริงจัง
“ดาวดวงไหนดีนะ” ผมไล่นิ้วหาดวงดาวสักดวงที่อยู่บนฟ้า “ได้แล้วล่ะ ดาวที่อยู่ใกล้พระจันทร์เสี้ยวที่สุดไง สังเกตง่ายดี”
“ดาวของเรานะ เป็นดาวที่หาง่ายกว่าดาวของแบงค์อีก แม้ท้องฟ้าจะปิดก็ยังหาเจอ” เจฟบอก
“ดวงไหนอ่ะ?”
“ดาวเสา แสงไฟจากเสาโทรทัศน์บนยอดเขาท่าเพชรไง” เจฟเฉลยมา ทำเอาผมเงิบเลยทีเดียว
“คิดได้ไงวะ กำลังจบแบบสวยๆ อยู่แล้วเทียว”
จากนั้นเราสองคนนั่งชื่นชมดาวบนท้องฟ้าและดาวเสาของเจฟอยู่นานสองนาน จนเวลาล่วงมาถึงเที่ยงคืน เราสองคนตัดสินใจกลับสู่หอพักกันโดยเขายังทำหน้าที่สารถีส่งผมกลับสู่หอพักเช่นเดิม