ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย

น้ำค้างมองพระจันทร์ - 6 สายใยรักสายใยม่วงแดง (ปัจฉิมบท) โดย กัลปังหา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย,yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

น้ำค้างมองพระจันทร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก

รายละเอียด

 น้ำค้างมองพระจันทร์ โดย กัลปังหา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย

ผู้แต่ง

กัลปังหา

เรื่องย่อ

คนบางคนมีค่าไว้พียงแค่มอง

เราไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ

ดั่งกระต่ายที่หมายพระจันทร์

คนบางคนมีค่าสูงส่ง

แต่ตีคุณค่าของตนเองไว้ต่ำต้อย

ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์งดงามดั่งน้ำค้าง

คนบางคนซื๋อตรงต่อใจตนเอง

ดั่งพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง

และความอบอุ่นเท่าเทียมกัน

สารบัญ

น้ำค้างมองพระจันทร์-บทนำ ผู้ชายในฝัน, น้ำค้างมองพระจันทร์-1 แรกพบ, น้ำค้างมองพระจันทร์-2 สายใยรักสายใยม่วงแดง (ปฐมบท), น้ำค้างมองพระจันทร์-3 ฤทธาน้ำล้างรองเท้า, น้ำค้างมองพระจันทร์-4 รับน้องหฤโหด?, น้ำค้างมองพระจันทร์-5 สายใยรักสายใยม่วงแดง (มัชฌิมบท), น้ำค้างมองพระจันทร์-6 สายใยรักสายใยม่วงแดง (ปัจฉิมบท), น้ำค้างมองพระจันทร์-7 เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป, น้ำค้างมองพระจันทร์-8 รักในสายฝน, น้ำค้างมองพระจันทร์-9 เฟรชชี่ไนท์, น้ำค้างมองพระจันทร์-10 ใจบางบาง, น้ำค้างมองพระจันทร์-11 ข่าวร้าย, น้ำค้างมองพระจันทร์-12 ขอจองในใจ, น้ำค้างมองพระจันทร์-13 ไม่แน่ใจ, น้ำค้างมองพระจันทร์-14 เพื่อนสนิท, น้ำค้างมองพระจันทร์-15 Sport Night, น้ำค้างมองพระจันทร์-16 Happy Birthday, น้ำค้างมองพระจันทร์-17 ไดอะรี่สีแดง, น้ำค้างมองพระจันทร์-18 ทิ้ง, น้ำค้างมองพระจันทร์-19 ความลับในใจ, น้ำค้างมองพระจันทร์-20 กรุงชิงทิ้งรัก, น้ำค้างมองพระจันทร์-21 ช้ำรักพักเกาะสมุย, น้ำค้างมองพระจันทร์-22 นิยายรักขาดตอน, น้ำค้างมองพระจันทร์-23 เลิกกัน, น้ำค้างมองพระจันทร์-24 คลับซ่าสะพายเป้, น้ำค้างมองพระจันทร์-25 วิมานดิน, น้ำค้างมองพระจันทร์-26 สารภาพ, น้ำค้างมองพระจันทร์-27 จะมาไหม?, น้ำค้างมองพระจันทร์-28 หาดทราย สายลม สองเรา, น้ำค้างมองพระจันทร์-29 คู่ชีวิต, น้ำค้างมองพระจันทร์-จบ Leaving On a Jet Plane.

เนื้อหา

6 สายใยรักสายใยม่วงแดง (ปัจฉิมบท)

ปัง ปัง ปัง!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมตื่นจากความฝันอย่างัวเงีย เสียงเคาะประตูยังดังต่อเนื่อง ผมกระโดดจากเตียงเดินซวนเซไปเปิดประตู คนที่มาปลุกผมทำเอาผมต้องตกตะลึงแน่นิ่ง

“เหมือนฝัน...” ผมอุทานเมื่อคนนั้นคือพี่ตง ชะรอยว่าความฝันของผมจะเป็นจริงซะแล้ว

“ไปล้างหน้าแปรงฟันซะ พี่แป็กสั่งมาเด็กวจก. ต้องไปวิ่งออกกำลังกายไปรวมตัวกันหลังหอ 3 “พี่ตงออกคำสั่ง ตอนนี้ผมหายงัวเงียแล้ว

“ครับพี่” ผมรับคำแล้วเดินไปหยิบแปรงสีฟันยาสีฟันในตู้เสื้อผ้าไปห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ หากไม่ใช่พี่ตงมาปลุก ผมคงจะไม่มีอารมณ์ร่วมขนาดนี้ ขณะที่ผมกำลังแปรงฟันอย่างอารมณ์ดีนั้น เจฟเข้ามายืนที่อ่างล้างหน้าข้างๆ ผม

“อรุณสวัสดิ์” เจฟทักทายผมด้วยน้ำเสียงยานคางเพราะความงัวเงีย เขาบีบยาสีฟันลงแปรงทว่ายาสีฟันร่วงหล่นลงอ่างไป

“หวัดดี ดูสินั่น ตื่นได้แล้วเจฟ เราบีบยาสีฟันให้นะ” ผมคว้าแปรงสีฟันจากมือของเจฟแล้วบีบยาสีฟันของผมขนาดเท่าเมล็ดถั่วลงบนแปรงสีฟันของเขา “เอานี่ คงไม่ต้องให้เราแปรงให้นะ”

“แฮะ... แฮะ... แฮะ... ขอบใจ” เจฟรับแปรงสีฟันจากผมมาแปรงฟัน ผมแปรงฟันตนเองจนเสร็จ

“ไปล่ะนะ เจอกันข้างล่าง” ผมกลับมาที่ห้องหาชุดที่เหมาะแก่การออกกำลังกายเปลี่ยนผ้าแล้วลงไปยังจุดนัดหมาย บริเวณถนนหลังหอ 3 คลาคล่ำไปทั้งรุ่นพี่และเพื่อนๆ สาขาวจก. ผมสังเกตสีหน้าของแต่ละคนแล้วดูเหมือนยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ สายตาของผมควานหาพี่ตง พี่เขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้หลังหอ 3 ผมเลยเดินเข้าไปหา

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่” ผมไหว้ทักทาย

“วันนี้เจอกันแล้วจะทักทายอะไรกันหนักหนา”

“ก็ทักทายอย่างเป็นทางการครับ” ผมตอบ มองสายตาผมให้ออกสิพี่ตงแล้วจะรู้ว่าผมคิดกับพี่เกินเลยมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องแล้ว

“ทักทายไอตงเป็นคนเดียวหรือไงยะ ฉันยืนหัวโด่อยู่ข้างมันทำเป็นไม่เห็น” พี่กระดิ่งพูดประชดให้ผมหันมาสนใจเธอบ้าง

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่กระดิ่ง พี่หมอ ผมสบายดี เมื่อคืนนอนหลับฝันดี แล้วพี่ล่ะฝันดีเหมือนกับผมไหมครับ?” ผมทักทายพี่กระดิ่งแต่สายของผมมองพี่ตงเสมือนว่าสิ่งที่ผมพูดไปเป็นการพูดกับพี่เขา

“ฉันสบายดี หมอก็สบายดี ยิ่งไอตงแล้วยิ่งสบายดีเข้าไปใหญ่”

“เออนี่แบงค์ พี่สงสัยว่าทำไมตอนที่พี่ไปปลุกแบงค์ แกพูดว่าเหมือนฝัน ยังไงอะไรหรือ?” พี่ตงถาม

“ผมฝันว่า...” ทั้งพี่ตง พี่กระดิ่ง พี่หมอ ขยับมตัวใกล้ผม “อุ๊ย! ไม่เอาดีกว่าเขิน”

“เฮ้อ! “พี่ทั้งสามถอนหายใจพร้อมกัน “เล่าหน่อยดิ อยากรู้” พี่กระดิ่งยังไม่ละความพยายามให้รู้ความฝันของผมให้ได้

“ผมฝันว่า... อย่าดีกว่าผมเขิน”

“วุ้ย! กระดิ่ง หมอ ไปเถอะ เรารำคาญแล้ว ทำให้เสียวแล้วจากไป” พี่ตงตัดพ้อ

“ผมฝันว่างูรัด” ผมต้องพูดปด ขืนถ้าบอกว่าผมฝันว่าพี่ตงมาบอกรัก หวยออกมาจะดีหรือร้ายก็ไม่แน่ใจ

“ก็เท่านี้แหละ ว่าแต่แกคิดมากไปหรือเปล่า เขาท่าเพชรงูชุกชุมจะตาย แกอาจจะเห็นงูข้างทางเลยเก็บเอาไปฝัน” พี่ตงเชื่อผมและวิพากษ์วิจารณ์ “แต่ถ้ามึงมีแฟน กูไม่ยอมนะ”

“ทำไมล่ะครับ? ”

“ก็กูยังไม่มีแฟน มึงจะมีแฟนแซงหน้าพี่ได้ไงกันล่ะ” ดุจเสียงจากสวรรค์ ในเมื่อพี่ตงยังไร้คู่ ยังเป็นโสดอยู่ เราสองคนมารักกันดีไหม

“แบงค์เป็นไรเปล่า ไม่สบายตรงไหน เห็นยืนบิดตัวเป็นเลขแปดซะขนาดนั้น” พี่ตงถามเรียกสติผมกลับมา “อย่าบอกนะว่าขี้จะแตก”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ดีใจ ไม่เอาไม่พูดแล้ว ไปเตรียมตัววิ่งดีกว่า” ผมปลีกตัวจากกลุ่มพี่ตงมาอยู่กับเจฟและเพื่อนๆ

“ไปคุยอะไรกับพวกพี่ๆ” เจฟถาม

“ก็ไม่มีอะไร คุยสัพเพเหระ พี่กระดิ่งก็พี่เทคเรา พี่ตงก็พี่เลิฝเรา เจอหน้ากันก็ต้องทักทายตามประสาเป็นธรรมดา” ผมออกตัวแรงเลยนะ พี่เบลล์เป็นพี่เทคที่คอยดูแลเรา พี่ตงเป็นพี่เลิฝนี่เป็นการทึกทักเอาเอง และการที่เลื่อนสถานะภาพพี่ตงจากรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสาขาเดียวกันเป็นพี่เลิฝนั้นเท่ากับประกาศเป็นนัยๆ ว่าผมพร้อมที่จะพัมนาความสัมพันธ์กับพี่ตงให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

“แล้วเราล่ะ เราเป็นอะไรกับแบงค์” เจฟถามด้วยน้ำเสิยงอ้อประหนึ่งว่าเขารู้สึกน้อยใจผมอยู่

“เอานะเจฟ” ผมกอดคอเขา “เจฟก็เป็นเพื่อนเลิฝไง”

คำพูดของผมทำให้เจฟยิ้มดีใจ สัมพันธภาพของเราสองคนมาถึงจุดนี้จนได้ ผมไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายที่สนิทเท่าเจฟมาก่อน มันรู้สึกแปลกๆ ที่เกย์หนึ่งคนจะสามารถเป็นเพื่อนกับผู้ชายแท้ๆ ได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ

“วิทย์มึงเห็นเหมือนกูใช่ไหม?” แม็คที่ยืนอยู่ใกล้ผมและเจฟเอ่ยถามกับวิทย์ พวกเขามองเห็นอะไรบางอย่าง

“กูก็เห็นเหมือนมึงนั่นแหละ” วิทย์กับแม็คมองหน้ากันประเดี๋ยวหนึ่งแล้วเบือนหน้าหนีไปคนละทาง สิ่งที่สองคนนั้นเห็นมันคืออะไรกันหนอ

กิจกรรมออกกำลังกายเริ่มต้นด้วยการวิ่งมาจากเนินเขาท่าเพชรไปตามถนนสลับกับการเดินจนถึงสนามหน้าลานตึกเกือกม้า พี่ผู้หญิงสามคนคือ พี่ชมพู่ พี่สปัน และพี่อายนำเต้นแอโรบิกจนได้เวลาพอควร พี่แป๊ะสั่งเลิกแล้วให้พวกเรากลับหอเพื่อที่จะได้อาบน้ำอาบท่าแล้วเข้าเรียน

“โอ๊ย! “ผมร้องเสียงหลงและทรุดลงกับพื้นถนนเพราะเกิดเป็นตะคริวขึ้นมากะทันหัน พี่ตงที่กำลังเดินอยู่ห่างๆ ปรี่เข้ามาดูผมทันที

“เป็นอะไรมากไหม?” พี่ตงพระเอกของผม แม้ผมทุกข์ยากแค่ไหนก็ยังยื่นมือเข้ามาช่วย

“ผมเป็นตะคริวครับพี่”

“เดินไหวมั้ย? พี่จะพาเราไปนั่งตรงม้าหินนั่น” พี่ตงพยายามพยุงผมไปนั่งตรงม้าหินอ่อนระหว่างสนามเทนนิสกับสนามตระกร้อ ทว่าน้ำหนักตัวที่มากของผมเป็นอุปสรรคที่หนักหนาสำหรับชายร่างเล็กอย่างพี่ตง

“ให้ผมช่วยนะครับพี่” เจฟยื่นมือเข้ามาช่วยเป็นอีกแรง นำพาผมไปนั่งพัก อากาศภูเขาที่เย็นๆ เรื่อยๆ ไล่ความร้อนจากดวงตะวันได้

“ขอบใจมากนะเจฟ พี่ดูแลแบงค์ต่อได้ หมอขี่มอเตอร์ไซค์เราลงมาจอดที่นี่ เดี๋ยวเราขี่รถเครื่องขึ้นไปส่งแบงค์เอง” พี่ตงยื่นกุญแจรถให้พี่หมอ เวลานี้เหลือเพียงแต่เราสองคน พี่ตงนวดเท้าผมอย่างไม่รังเกียจ ความอุ่นจากมือของพี่เขาถ่ายทอดสู่เท้าของผม ความเจ็บปวดค่อยๆ ทุเลาลง “เราดื่มน้ำน้อยใช่ไหมแบงค์ กลับไปก็ดื่มให้มากๆ ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่จึงทำให้เป็นตะคริวได้ง่าย ระวังด้วยล่ะ”

“ขอบคุณนะครับ พี่ช่างดีกับผมจริงๆ” ผมแน่ใจว่าผมรักพี่ตงแล้ว ความรักมันเกิดแล้ว ประตูใจของเปิดรับพี่ตงแล้วอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น ผมมองพี่เขาที่กำลังนวดเท้าผมอยู่นานสองนาน โลกใบนี้ ที่แห่งนี้มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้น ผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แต่ก็ทำไม่ได้เพราะพี่ขี่รถจักรยานยนต์ของพี่ตงลงมาจากเนินเขาท่าเพชร พี่หมอจอดรถไว้ริมถนนแล้วเดินเอากุญแจรถมาคืน พี่เบลล์ขี่รถจักรยานยนต์สีแดงของแกลงจากเนินเขาตามมาติดๆ เพื่อมารับพี่หมอไปส่งที่บ้านเช่าข้างนอกมหาวิทยาลัย พี่ตงรับหน้าที่สารถีนำพาผมกลับสู่หอพัก พอรถเลี้ยวสู่ทางขึ้นหอผมเห็นเจฟมายืนรอรับผม

“ผมขอรับช่วงดูแลแบงค์ต่อเองครับ” เจฟบอกกับพี่ตงเมื่อพี่เขาจอดรถจักรยานยนต์สนิทแล้ว หน้าของเขาบ่งบอกถึงความกังวล

“อาการของแบงค์ดีขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” พี่ตงบอกกับเจฟเพื่อคลายความกังวล

“เราหายดีแล้ว” ผมบอกขณะก้าวลงจากรถจักรยานยนต์ “ขอบคุณนะครับพี่ ผมอยากจะอาบน้ำจนแย่อยู่แล้ว”

“งั้น! พี่ไปก่อนนะ” พี่ตงหันหัวรถจักรยานยนต์กลับ ผมไม่ลืมที่จะไหว้ลา

“ขับรถดีๆ นะครับ” ผมยืนส่งพี่ตงจนลับตา เจฟแจ้งข่าวร้ายว่าน้ำที่หอหยุดไหล คราวนี้ก็ต้องหาที่อาบน้ำกันเสียวุ่นวาย เจฟพาผมไปอาบน้ำที่อาคารโรงแรมเพราะที่นั่นมีอาจารย์บางท่านพักอยู่ คงไม่มีใครเล่นตลกปล่อยให้อาจารย์ตัวเหม็นไปสอนไปทำงานกัน และมันก็เป็นไปอย่างที่คิด อาคารโรงแรมน้ำไหล เจฟและผมได้อาบน้ำกันอย่างสบายใจและเราสองคนไม่ได้เข้าเรียนวิชา Principle of Marketing ในวันแรกสาย วิชาอาจารย์เกมเป็นผู้สอน บรรยากาศในการเรียนสนุกสนานเฮฮาไม่เคร่งเครียด ผมมีความสุขใจกับการเรียน พอตกเย็นก็ร่วมกิจกรรมประชุมเชียร์ ผมยังใช้สิทธิพิเศาของคนป่วยมานั่งเล่นพูดคุยกับพวกรุ่นพี่ข้างนอกห้องประชุม และแน่นอนว่าผมได้พบกับพี่ตง

“พี่กระดิ่ง พี่กับพี่หมอรักกันได้ยังไง?” ผมอยากรู้เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการบอกรักพี่ตง

“โอ๊ย! ไอพี่หมอของแกเนี่ย เห็นหน้าตาซื่อบื้ออย่างนี้ ร้ายไม่เบาเลย” พี่เบลล์แย้มพราย “เหตุการณ์ตอนนั้นมันปลายปี 1 แล้ว พี่หมอแอบปีนขึ้นหอ 3 ในวันวาเลนไทน์พร้อมทั้งหอบช่อกุหลาบแดงพร้อมคำสารภาพรัก มันห่ามไหมล่ะแบงค์ รู้อยู่ว่ากฎเขาห้ามผู้ชายขึ้นหอหญิงมันก็ยังกล้า นี่แหละคือจุดเริ่มต้นความรักของฉัน แล้วแกถามทำไม?”

งานงอกแล้ว พี่เบลล์แลกหมัดกับผมซะแล้ว ผมจะตอบว่าอะไรดี รู้ไปทำวิจัยหรือไม่ใช่หรอก “ผมถามไว้ประดับความรู้ครับ”

“ไม่จริงมั้ง? ฉันมองออกนะว่าแกกำลังมีความรัก” พีเบลล์กำลังจะล้วงความจริงจากผม เป็นเวลาเดียวกับที่พี่ตงล้มตัวลงนอนเล่นบนเสื่อ

“ไม่ใช่หรอกพี่ ผมแค่อยากรู้เฉยๆ จริงๆ นะ ไม่พูดแล้วเหนื่อย นอนดีกว่า” ผมเอาศีรษะชนกับพี่ตง พี่เบลล์แสยะยิ้มอย่างมีเลศนัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

... ... ...

การเรียนในสัปดาห์แรกผ่านไป สัปดาห์ต่อมาผมและเพื่อนในสาขาวจก. ที่นับถือศาสนาพุทธเก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นไปปฏิบัติธรรม ณ วัดสวนโมกขพลารามเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ส่วนเพื่อนๆ ที่นับถือศาสนาอิสลามและคริสต์ก็แยกไปทำกิจกรรมตามศาสนาของตน ผมกับเจฟนั่งรถบัสคู่กัน ตลอดทางเขาชวนผมพูดคุยจนความคิดที่ว่าผมขึ้นรถแล้วจะงีบหลับมีอันเป็นหมันไป

“ก็ดีเหมือนกันนะ เข้าวัดในช่วงใกล้วันเกิด” เจฟบอก “เราไม่คาดหวังของขวัญจากแบงค์นะ ถ้าได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”

“แล้วไม่บอกว่าวันไหน จะตรัสรู้เองได้ไหม?” แปลว่าเขาอยากได้ของขวัญจากผม ผมจึงแกล้งพูดประชดไป

“ก็วันจันทร์ที่จะถึงแล้ว” เจฟตอบกลับมา

“เจฟเกิดวันที่ 21 มิถุนาเหรอ?” ผมไล่นิ้วนับวันแล้วถามย้ำ

“ถูกต้องแล้ว เพื่อนๆ แต่ละคนแล้งน้ำใจกับเราจะตาย ทำดีแทบตายไม่ค่อยจะเห็นคุณค่า” เจฟประชดประชันโดยไม่ระบุชื่อว่าคนที่เขาทำดีคือใคร แต่ผมรู้อยู่เต็มอกว่าคนที่เขาหมายถึงคือ ผม ผมเลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เป็นพระอิฐพระปูน จนต่างคนต่างงีบหลับไป

คณะปฏิบัติธรรมสาขาวิชาวิทยาการจัดการมาถึงสวนโมกขพลาราม ที่แห่งนี้ยังคงสงบร่มรื่นเหมือนเดิม เพียงแค่ก้าวพ้นประตูมาเหมือนเป็นโลกอีกโลกหนึ่ง เจ้าหน้าที่อุบาสกและอุบาสิกานุ่งห่มชุดขาวนำพาผู้ชายและผู้หญิงแยกกันไปที่พักคนละหลังเป็นสัดเป็นส่วน ภายในโรงนอนยกพื้นไม้สูงแบ่งเป็นสองฟากมีทางเดินตรงกลาง ที่นอนของแต่ละคนนั้นรียบง่ายมีเพียงแค่เสื่อไร้ซึ่งหมอนใบ ผมอนุมานได้ว่าเรือนนอนของพวกผู้หญิงสภาพไม่ต่างกันนักพอจับจองที่นอนได้แล้ว ท่านอุบาสกนำพาพวกเราชาวคณะปฏิบัติไปสมทบกับพวกผู้หญิงแล้วนำพาไปสู่อาคารมหานาวา เส้นทางที่ผ่านนั้นร่มรื่นด้วยแมกไม้ ผ่านกุฏิหลวงพ่อพุทธทาส ลานหินโค้งที่ใช้ทำกิจกรรมทำวัตรเช้า ผ่านโรงมหรสพทางวิญญาณซึ่งเหนือทางเข้าโรงมหรสพมีรูปภาพโมเสกคนแจกดวงตาธรรม มีเพียงไม่กี่คนที่เห็นคุณค่าของดวงตาแห่งธรรมและรับมันมาใส่ไม่หนีหายไป พวกเราเดินเลยมาหน่อยพบกับอาคารทรงเรือสีขาวขนาดใหญ่นี่คือจุดหมายของคณะปฏิบัติธรรม ภายในอาคารมหานาวาเป็นพื้นที่โล่งมีอาสน์สงฆ์ยกไว้ให้พระสงฆ์ทำวัตรปฏิบัติ ตรงพื้นล่างมีอาสนะสี่เหลี่ยมปูเอาไว้เรียงรายเป็นแถว ท่านอุบาสกและท่านอุบาสิกาอนุญาตให้พวกเราคณะปฏิบัติธรรมทั้งหมดนั่งอย่างสงบบนอาสนะ

“ธรรมะสวัสดีค่ะนักศึกษา ขอต้อนรับสู่สวนโมกขพลารามอย่างเป็นทางการ อีกสักครู่พระอาจารย์ท่านจะมาเปิดพิธีการปฏิบัติธรรมพร้อมทั้งให้ศีล 8 คุณพี่เลี้ยงช่วยแจกหนังสือสวดมนต์เล่มสีเหลืองให้แก่คณะปฏิบัติธรรมด้วยนะคะ” ท่านอุบาสิกากล่าวทักทายและนำเข้าสู่การปฏิบัติธรรม

หนังสือสวดมนต์ขนาดเท่าสมุดธรรมดามาอยู่ในมือของเป็นเวลาเดียวกันที่ท่านพระอาจารย์มาถึงและนำคณะปฏิบัติธรรมสวดมนต์ไหว้พระ ท่านอุบาสกนำอาราธนาศีล 8 พระอาจารย์สมาทานศีล 8

“วัดสวนโมกข์มีวิถีปฏิบัติอย่างง่ายแต่เคร่งครัด ดังคำกล่าวของท่านพุทธทาสที่กล่าวว่า หลักการที่ถืออยู่ในสวนโมกข์ ว่าไม่ยินดีต้อนรับคนที่ล้างจานข้าวไม่เป็น จากจุดนี้เองก็นำไปจดนำไปจำไปใช้ได้ง่าย เช่น กินข้าวจานแมว คือ ไม่พิถีพิถันเรื่องอาหารการกิน อาบน้ำในคู คือ ไม่ยุ่งยากในเรื่องการชำระล้าร่างกาย เป็นอยู่อย่างทาส คือ ไม่ปริปากบ่นเมื่อพบกับความยากลำบาก เป็นอยู่อย่างตายแล้ว คือ ไม่ทุกข์ ปล่อยจิตให้ว่าง” เมื่อพระอาจารย์กล่าวเปิดพิธีจบพิธีการเปิดปฏิบัติธรรมก็เสร็จ ท่านพระอาจารย์บรรยายธรรมต่อตามกำหนดการ ผมต้องยอมรับอย่างกระดากอายว่าไม่ได้ตั้งใจฟังบรรยายธรรมเท่าใดนัก จนกระทั่งพระอาจารย์สั่งให้คณะปฏิบัติธรรมจับคู่ชาย-ชาย หญิง-หญิงจับคู่จ้องตากัน 10 นาทีคนที่ผมจับคู่นั้นเจ้าเก่าหน้าเดิมคือ เจฟ ทุกอย่างเงียบลงประสาทสัมผัสทางตาของผมถูกรวบไปที่ใบหน้าของเขา คุณพระช่วย! ความรู้สึกของผมบอกว่าเจฟกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างที่มันพิเศษมากกว่าเพื่อน ผมต้องไตร่ตรองแล้วว่าอะไรยังไงกัน ผมมโนไปเองหรือเปล่า ผมรักพี่ตงนะแต่จะเก็บเจฟเอาไว้ด้วยมันไม่ถูกต้องนะ เจฟเป็นเพื่อนที่ดี ดีจนเกินกว่าจะเสียมิตรภาพเพราะคำว่ารัก

ผ่านกิจกรรมจ้องตาที่ผมตั้งชื่อว่า จ้องตาล้วงความลับในใจ พระอาจารย์อนุญาตให้คณะปฏิบัติธรรมไปอาบน้ำอาบท่า พักผ่อนตามอัธยาศัยจนถึงเวลา 5 โมงเย็น คณะปฏิบัติธรรมกลับมารวมตัวกันยังอาคารมหานาวาเพื่อทำวัตรเย็น ชมวีดีทัศน์ธรรมะ

ช่วงสุดท้ายก่อนเข้านอน ท่านอุบาสกให้คณะปฏิบัติธรรมแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่มเท่าๆ กันเพื่อแยกกันทำกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ ผมได้อยู่กลุ่มเดียวกันกับเจฟ เมื่อแบ่งกลุ่มเสร็จหัวหน้ากลุ่มแต่ละกลุ่มต้องเลือกกิจกรรมที่ทำมีรำไทแก๊ก แช่น้ำพุร้อน ณ ธรรมาศรมนานาชาติ ขึ้นเขานางเอ ชมโรงปั้นและโรงธรรม เจฟเลือกขึ้นเขานางเอเพราะกิจกรรมแช่น้ำพุร้อนถูกปาดหน้าเค้กไปก่อน กิจกรรมทั้งหมดสำหรับวันนี้จบลง คณะปฏิบัติชายหญิงแยกย้ายเข้าโรงนอน ผมถึงที่นอนกราบกรานเจ้าที่เจ้าทางแล้วล้มลงนอนหนุนผ้าขนหนูต่างหมอนไม่ทันได้คุยอะไรกับเจฟที่นอนข้างๆ ไฟก็ดับพรึบลงตามกฎของวัด ผมหลับตาได้สักพักก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมทั้งวัน

ราตรีผ่านพ้นไป รุ่งอรุณมาถึง จะใช้คำว่ารุ่งอรุณคงไม่ถูกนักเพราะผมและคนอื่นๆ โดนปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตอนตี 3ครึ่ง หลังที่ทำกิจวัตรส่วนตัวเสร็จสิ้นคณะปฏิบัติธรรมไปรวมตัวกัน ณ ลานหินโค้งเพื่อเริ่มกิจกรรมประวันนี้คือ ทำวัตรเช้าและนั่งสามาธิในเวลา 4.00 น. นอกจากจะมีพวกเราคณะปฏิบัติธรรมแล้วยังมีเหล่าพระภิกษุสงฆ์ อุบาสกและอุบาสิการ่วมทำวัตรเช้าด้วย

อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข,

ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์;

ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข,

ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์;

ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง,

มีความปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์;

การรักใครสักคนหนึ่งนั้นเป็นทุกข์จริงหรือ มันเป็นคำถามที่ผมไม่มีคำตอบเพราะการที่ผมรักพี่ตง ผมยังไม่เห็นเลยว่าอะไรคือทุกข์ ผมหวังว่าความรักครั้งนี้ของผมจะไม่ทำให้ผมทุกข์เหมือนที่แล้วมา

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็ได้เวลาออกกำลังขึ้นเขานางเอ เส้นทางขึ้นลำบากอยู่แล้วแต่สำหรับผมคนอ้วนๆ ก็ยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ ตลอดทางก็ได้รับความช่วยเหลือจากทุกๆ คนทั้งช่วยผลัก ช่วยดัน ช่วยดึงจนถึงยอดเขาข้างบนร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ ทิวทัศน์เบื้องหน้าสวยงาม มองภูเขาลูกอื่นๆ กระจัดกระจายไปจรดทะเล เห็นเกาะสมุยในกลางทะเลไกลลิบๆ ผมเห็น 2 สิ่งที่แตกต่างกันสุดขั้วอยู่ร่วมกันในจังหวัดสุราษฎร์ธานีแห่งนี้คือ เกาะสมุยสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมีความเจริญทางวัตถุสูงสุด ความสุขสะดวกสบายจากสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมาอยู่บนเกาะแห่งนั้น และสวน-โมกขพลารามแห่งนี้ ความเรียบง่ายอยู่กับธรรมชาติ แค่ฟังเสียงยอดไม้กระทบกันตามแรงลมก็เป็นสุขใจแล้ว นอกเหนือจากนั้น บนยอดเขานางเอยังมีซากเจดีย์โบราณเชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุอัฐิของคนโบราณตั้งสมัยศรีวิชัยรุ่งเรืองในแถบนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรแน่นอนเลยสักอย่างบนโลกใบนี้ นับประสาอะไรกับคนมีเกิดก็ต้องมีตาย แต่ก่อนจะตายขอได้มีความรักและความสุขใจก็เพียงพอแล้ว