ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย,yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
น้ำค้างมองพระจันทร์ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
คนบางคนมีค่าไว้พียงแค่มอง
เราไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ
ดั่งกระต่ายที่หมายพระจันทร์
คนบางคนมีค่าสูงส่ง
แต่ตีคุณค่าของตนเองไว้ต่ำต้อย
ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์งดงามดั่งน้ำค้าง
คนบางคนซื๋อตรงต่อใจตนเอง
ดั่งพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง
และความอบอุ่นเท่าเทียมกัน
พวกเรากลับมาถึงในเย็นวันเสาร์ สุดสัปดาห์นี้ไม่มีกิจกรรมอะไร ผมเลยกลับบ้านเพราะมีอะไรหลายอย่างให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเอาผ้าไปซักที่บ้าน ไปรับแว่นสายตาที่สั่งตัดเอาไว้ และที่สำคัญคือ ไปซื้อของขวัญวันเกิดให้เจฟที่ตลาดสดชั้น 2 เดินดูสินค้ากิฟต์ช็อป การเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้เจฟเป็นโจทย์ยากเหมือนกัน ผมถูกใจกับตุ๊กตาหมีสีฟ้าขนาดน่ากอดที่อยู่ในกรงไม้ หลังจากต่อรองราคากับแม่ค้าจนเป็นที่น่าพอใจแล้วซื้อมันมา
ผมให้พี่นุมาส่งที่หอพักมหาวิทยาลัยเกือบๆ 7 โมงเช้าเท่าที่ผมทั่วบริเวณหอทุกหอเงียบเชียบกว่าครั้งอื่นๆ ทั้งๆ ที่มันควรจะมีความเคลื่อนไหวบ้างเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ วันเริ่มต้นการเรียนในสัปดาห์ ผมเข้าห้อง 5413 ก็พบความผิดปกติคือ มดไม่อยู่แต่บนโต๊ะของเขามีถ้วยกระเบื้องบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ยังรับประทานไม่หมดทิ้งไว้จนอืดและบูด ผมพลาดอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า ถ้ามีกิจกรรมวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ผมก็คงจะเห็นตามทางที่ผ่านมา ความสงสัยนี้ผมจะต้องหาคำตอบให้ได้ ผมจึงนึกถึงเจฟเลยไปหาเขาที่ห้อง 5401 ผมเคาะประตูเรียกคนในห้องได้สักพักแต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้นเลยคาดว่าไม่มีใครอยู่ห้องจึงจะกลับห้องของตนเองเพื่อแต่งชุดนักศึกษา เจฟเปิดประตูออกมาดูอย่างงัวเงีย
“แบงค์เหรอ? เข้ามาก่อนสิ” เขาเอ่ยปากชวน ผมเข้ามาในห้อง พบว่าวิทย์และแม็คกำลังนอนหลับอยู่ “ไปตัดแว่นใหม่มาจำแทบไม่ได้เชียว”
“ก็คนมันมีปัญหาเรื่องสายตานิ ทำไมนอนกันขี้เซาจัง” ผมบ่นแล้วไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงเจฟ
“เมื่อคืนเกิดเรื่องใหญ่ โอมสิ่งแวดล้อมตายแล้วนะ” เจฟบอกกับผมแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงเดี่ยวของเขา “พวกเรารอฟังข่าวจนตีสอง มดรูมเมทของแบงค์ไปโรงพยาบาลยังไม่กลับมา”
“เหตุการณ์เป็นยังไงเล่าให้ฟังหน่อย” ผมตกใจเมื่อได้ยินว่ามีเพื่อนเสียชีวิต แม้ไม่ได้อยู่สาขาเดียวกันแต่โอมก็เพื่อนคนหนึ่ง เจฟเล่าให้ฟังว่า พวกสิ่งแวดล้อมและสาขาอื่นๆ กลับมาจากสวนโมกข์ โอมและจี๊ดขี่รถจักรยานยนต์ไปห้างกับเพื่อนอีกคู่หนึ่ง ขาไปไม่เกิดอะไร พอขากลับรถจักยานยนต์ของโอมถูกรถกระบะเสยท้ายลากมาจากสะพานข้ามคลองมะขามเตี้ยไปถึงป้ายบอกทางมหาวิทยาลัย ส่วนจี๊ดได้รับบาดเจ็บสาหัส
“มิน่าล่ะ เราถึงได้ฝันว่า เราเดินขึ้นหอมาถึงชั้นสาม เดินสวนกับผู้ชายไม่มีหัว แต่เราไม่ได้ตกใจกลัวนะ ไม่นึกเลยว่าความฝันนั้นจะเป็นลางบอกเหตุ” เรื่องของโอมกลายเป็นที่น่าสนใจสำหรับผมแทน วันนี้ผมจะมีโอกาสให้ของขวัญวันเกิดแก่เจฟหรือเปล่าหนอ
บรรยากาศที่ตึกเกือกม้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าโศก บอร์ดข่าวสารมีรูปภาพของโอมและคำไว้อาลัย รูปภาพของโอมเป็นรูปที่ถ่ายในวันรับน้องใหญ่ แม้ว่าเนื้อตัวเลอะเทอะแต่ภายใต้ดินโคลนที่ปกปิดอยู่นั้นคือผู้ชายที่หน้าตาผิวพรรณดีคนหนึ่ง น่าเวทนานะ จากบ้านมาไกลมาตายอยู่ต่างถิ่นแบบนี้
การเรียนในวิชา Management Scince เสียเวลาไปกับการเทศนาจากอาจารย์รุ่งไปนานสองนาน อาจารย์ท่านสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดและให้ข้อคิดเตือนสติถึงเรื่องการใช้รถใช้ถนน เมาไม่ขับ สวมหมวกกันน็อค กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการรับน้องบางอย่าง เช่น การประชุมเชียร์ถูกยกเลิกไป
“เย็นนี้ไปกินข้าวกันไหม?” เจฟถามผมขณะนั่งจดบรรยายจากอาจารย์รุ่ง
“เอามื้อเที่ยงให้รอดก่อนดีไหม?” ผมตอบโดยที่ไม่ปรายตามองเขาเลย เพราะกำลังจดสรุปบรรยายลงในเอกสารการเรียนที่อาจารย์ให้มา “วันนี้ต้องอยู่หาหนังสือให้ติ๊กและตุ่มเอาไปทำรายงานในวิชานี้ อาจจะอยู่ถึงห้องสมุดปิดเลย”
“จะให้อยู่เป็นเพื่อนด้วยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก เอาอย่างนี้นะ เจฟอยู่หอเฉยๆ มีอะไรให้ทำก็ทำไป ถึงเวลาตอน 6 โมงเย็นถ้าหิวก็ไม่ต้องคอยเรา” ผมรู้ดีว่าเจฟพยายามหาเรื่องทวงของขวัญวันเกิดจากผม ผมจึงแกล้งเฉไฉถ่วงไปเรื่อยๆ เจฟทำหน้าเจื่อนๆ เขาคงรู้สึกผิดหวังที่ไม่มีใครใส่ใจกับวันเกิดของเขา
ผ่านการเรียนในช่วงบ่าย ผมขลุกตัวอยู่ในหอบรรณสารสนเทศค้นคว้าหาข้อมูลสำหรับใช้ทำรายงานและรวมไปถึงหาหนังสืออ่านเล่น จนหอสมุดปิดในยามเย็น ผมจำใจเดินกลับหอตรงทางหลังหอสมุด การเดินเพียงลำพังบนเส้นทางนี้มันน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกระไรเพราะยามโพล้เพล้อากาศขมุกขมัว ถนนฟากซ้ายเป็นป่ายางพาราดำทะมึน ฟากขวาเป็นตึกร้างยังสร้างไม่เสร็จที่มีวัชพืชเลื้อยแผ่ปกคลุมและมีสายสิญจ์ล้อมรอบและผนวกกับการเสียชีวิตของเพื่อนโอมยังคุกรุ่นอยู่เลยไม่มีใครอยู่ข้างนอกหอพักเตร็ดเตร่ตามลำพัง ผมเดินกอดหนังสือจ้ำอ้าวอย่างเร็วแต่ไม่ถึงกับวิ่งมองไปข้างหน้าไม่วอกแวกมองซ้ายหรือขวา จนมาถึงถนนขึ้นเขาท่าเพชร ผมเห็นเจฟยืนดักคอยผมอยู่ ผมดีใจมากๆ แต่ก็ทำเป็นวางฟอร์มพูดประชดประชันว่า
“ไม่มารับตอนเราถึงประตูหอเลยนี่”
“มารับแล้วยังจะพูดมากอีก เรารู้นะว่าแบงค์กลัวผี คนเราเน้อ อุตส่าห์เป็นห่วง มีน้ำใจมารับ แค่พูดว่าขอบใจแล้วโดดขึ้นรถจะเป็นไรไป” เจฟขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์บิดกุญแจรถสตาร์ทเครื่องยนต์
“ขอบใจ” ผมพูดไปแกนๆ แล้วเดินไปวางหนังสือที่ตะกร้ารถ จากนั้นผมก็ขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ เจฟห้อรถไปทางออกมหาวิทยาลัย
“หิวมั้ย?” เจฟถามผม
“หิวจะตายอยู่แล้ว หิวจนแทบจะควักไขมันที่อยู่รอบเอวมากินแทนข้าวแล้ว” ผมตอบ เจฟหัวเราะเล็กน้อยกับคำตอบของผม เจฟขับมาถึงประตูเข้าออกมหาวิทยาลัยแล้วจอดรถไว้ตรงข้างถนนริมบาทวิถีตรงหน้าศาลพระภูมิเพราะเจฟคร้านจะแลกบัตรเข้าบัตรออก เราสองคนเดินเดินออกไปที่ร้านหอส้ม เจฟรับกระดาษมาจดรายการอาหาร
“เราเอาสปาเก็ตตี้ไก่สับ” ผมสั่งกับเจฟ เขาจดรายการอาหารแล้วไปเอาแก้วน้ำสองใบตักน้ำแข็งและเดินไปหาที่นั่ง ในวันนี้แถวหน้ามหาวิทยาลัยดูครึกครื้นกว่าปกติ พอเจฟส่งรายการอาหารให้น้าติ๋มเสร็จ เขาก็มาสมทบ
“เออนี่รู้ไหมแบงค์ ชุดนักศึกษาที่เขาใส่ให้โอมไม่ใช่ของโอมนะแต่เป็นของพี่นพ ประมาณว่าชุดนักศึกษาของโอมทั้งหมดส่งซักก็เลยไม่ทันเอาไปใส่ให้ และตอนนี้ห้องของโอม เอมี่ และพี่นพก็ปิดตาย พี่นพกลับไปอยู่บ้าน เวลามาเรียนก็ให้พ่อมาส่ง ส่วนเอมี่ก็ไปเป็นผีสิงที่ห้องบอยการยาง” เจฟอัพเดทความคืบหน้าให้ผมรับรู้ คำว่า ผีสิง เป็นศัพท์แสงของชาวหอ หมายความถึงการที่แต่ละห้องในหอพักมีสมาชิกเกินมาจากรายชื่อเนื่องด้วยนานวันเข้าบางคนอาจจะพบกับเพื่อนที่ถูกใจและคิดว่าการพักผ่อนอยู่กับเพื่อนที่รู้สึกสบายใจเป็นพลังสำคัญที่ทำให้การใช้ชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้มีความสุข
“เป็นเรานะ เราก็ไม่อยู่ห้องนั้นหรอก มันคงหลอนๆ พิกลๆ เนอะ” ผมพูดพลางจิบน้ำเย็นดับกระหาย
“แย่จังนะ เพื่อนมาตายในวันเกิด เลยไม่มีใครสนใจเรา ของขวัญสักชิ้นก็ไม่มี” เจฟบ่นน้อยใจอีกแล้ว
“บ่นอะไรหนักหนา เราจัดงานวันเกิดให้เจฟก็แล้วกัน” ผมบอกกับเจฟ เขามีท่าทีดีใจแสดงออกอย่างชัดเจนจากรอยยิ้ม
“ก็ดีนะ ไปกันสองคนไม่เอิกเริก แล้วจะจัดกันที่ไหนดี” เจฟครุ่นคิดถึงสถานที่จัดงานวันเกิดของตนเอง
“ห้องเจฟก็ไม่เหมาะ ทั้งวิทย์ แม็ค เออยู่กันเต็มไปหมด ใต้หอก็ไม่เป็นส่วนตัว นึกออกแล้ว ศาลาจานบินเป็นไง” ผมเสนอสถานที่ แม้ศาลาจานบินเป็นสถานที่ใกล้กันกับหอพักแต่ไม่เห็นมีใครไปสุงสิงวุ่นวายเท่าใดนัก เลยเป็นสถานที่ที่เหมาะสมต่อการจัดงานวันเกิด
“ก็ดีนะ กินข้าวเสร็จเลือกซื้อขนม น้ำอัดลมไปกินกันที่นั่น นั่งพูดคุยกันจนน้ำค้างตกแล้วค่อยกลับ ส่วนเรื่องเวลา ถ้าเราไปจัดงานกันหลังจากกินข้าวเสร็จคงจะไม่ไหว อาบน้ำอาบท่าเสร็จพักผ่อนส่วนตัวจนเวลา 3 ทุ่มมาเจอกันที่ศาลาจานบิน” เจฟเลือกเวลาที่คิดว่าเหมาะสมมากที่สุด
“ได้เลย” ผมรับคำ จากนั้นเรารับประทานอาหารมื้อเย็นจนหมด กลับหอแยกย้ายสู่ห้องพักของตนเอง