ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,รั้วโรงเรียน,ไทย,yaoi,แอบรักรุ่นพี่,นักศึกษา,ภาคใต้,รักเพื่อน,อกหัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
น้ำค้างมองพระจันทร์ได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ เพราะเราไม่มีอะไรดีเลย
คนบางคนมีค่าไว้พียงแค่มอง
เราไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ
ดั่งกระต่ายที่หมายพระจันทร์
คนบางคนมีค่าสูงส่ง
แต่ตีคุณค่าของตนเองไว้ต่ำต้อย
ทั้งๆ ที่บริสุทธิ์งดงามดั่งน้ำค้าง
คนบางคนซื๋อตรงต่อใจตนเอง
ดั่งพระอาทิตย์ที่มอบแสงสว่าง
และความอบอุ่นเท่าเทียมกัน
เด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดนักศึกษาเสื้อเชิ้ตแขนสั้นติดกระดุมเสื้อดึงคอ ผูกเนกไทค์สีน้ำเงินเข้มปักเข็มตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัย กางเกงสแลคสีดำ รองเท้าคัทชูสีดำขัดเงามันเลื่อม กำลังเดินขึ้นเขาเพราะตรงเชิงเขามีหอพักตั้งอยู่ จู่ๆ ฝนตกลงมา
“แย่จัง” เขาบ่นแล้วรีบวิ่งขึ้นเขา
ปี๊นๆ
เสียงแตรรถจักรยานยนต์ดังไล่หลังมา ทำให้เขาหยุดดู ใครกันหนอ เห็นหน้าไม่ชัดเลยใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ
“ไปกับเรา” เสียงหนุ่มแวนซ์ปริศนาใส่เสื้อโปโลปักตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยสีม่วงจอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ข้างทางแล้วคว้ามือเขาวิ่งนำพาไปสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นศาลาสองชั้น ชั้นล่างมีห้องเล็กๆ ปิดตายไว้
“นี่มันอะไรกัน” เด็กหนุ่มรู้สึกงุนงงไปหมดแล้ว
ชายหนุ่มที่นำพาเขามาที่แห่งนี้ถอดหมวกันน็อคออก ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามก่อน ถามว่าหน้าตาดีไหมก็ตอบว่าพาไปวัดตอนสายๆ ควงได้ไม่อายพระเณรหรอกหนา หน้าตาบ่งบอกว่ามีเชื้อจีนแต่ผิวพรรณไม่ขาวจั๊วะ แต่ก็ไม่ได้ดำคล้ำ หน้าตาพิมพ์นี้เรียกว่าหน้าหยก ยังกับดาราฮ่องกง
“กูรักมึงนะแบงค์” หนุ่มหน้าหยกไม่แค่สารภาพรักกับเด็กหนุ่มชื่อแบงค์คนนี้ ยังมาบรรจงเอาปากมาประกบปากของเขาด้วย ทำเอาแบงค์ตกใจ
“แบงค์... แบงค์โว้ย!” เสียงเรียกจากนอกห้องนอนปลุกให้เขาตื่น
“ฮะพี่นุ” แบงค์ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเปิดประตู เขาเห็นว่าพี่นุแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาเลยหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว
“เมื่อคืนคงจะไม่ได้นอนล่ะซี จึงนอนลืม” นุพูดแล้วส่ายศีรษะแต่อมยิ้มต่อความเป้นไปของน้องชายคนสุดท้อง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา... พี่นุขับรถพาแบงค์มารายงานตัวและสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังในภาคใต้ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าที่หลังเขาท่าเพชรมีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ อาจเป็นเพราะที่นี่เป็นเพียงแค่วิทยาเขตเล็กๆ ความสนใจของนักเรียนไปจับจ้องที่วิทยาเขตหาดใหญ่เสียมากกว่า วิทยาเขตสุราษำรานีแห่งนี้มักจะถูกมองข้ามไปจนมีคนมากมายตั้งคำถามว่า มีด้วยหรือ?
“อยู่ไหนนะ เลี้ยวเข้าซอยมาแล้ว เขาบอกว่าอยู่ในซอยนี้” พี่นุบ่น เขาชะลอความเร็วรถลงและสอดส่ายสายตา มหาวิทยาลัยอยู่ตรงไหนในซอยนี้ จนผ่านมาถึงสามแยกแห่งหนึ่ง เบื้องซ้ายเป็นถนนคอนกรีตอย่างดี 4 เลนมีเกาะกลางถนนคั่นอยู่ และที่สำคัญมีป้ายมหาวิทยาลัยเป็นไม้ขนาดเล็กๆ พี่นุคงไม่เห็นเลยขับรถผ่านไป
“เลยแล้วพี่นุ” แบงค์รีบบอก พี่นุรีบเบรกรถแล้วถอยหลังเลี้ยวเข้าสู่ทางเข้ามหาวิทยาลัย
ยินดีต้อนรับศรีตรังช่อใหม่
เมื่อเข้าพ้นประตูมหาวิทยาลัยมีป้ายแสดงความยินดี แบงค์อมยิ้มเล็กๆ เป็นความภาคภูมิใจเล็กๆ น้อยของเขา ป้ายต่อมาเป็นป้ายบอกสถานที่รายงานตัวและสอบสัมภาษณ์ พี่นุเลี้ยวไปทางตามที่ป้ายบอก รถแล่นมาถึงอาคารหลังใหญ่โตรูปทรงตัวยูหลังคาฟ้าเข้มอมน้ำเงินเป็นสถานที่รายงานตัวและสอบสัมภาษณ์ พี่นุจอดรถริมถนนหน้าอาคาร ส่วนแบงค์ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นใบสมัคร เอกสารการตรวจร่างกาย ใบรายงานตัว อื่นๆ จิปาถะแล้วเดินเข้าไปติดต่อรายงานตัว ตรวจสอบรายชื่อให้แน่นอนแล้วส่งเอกสารทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารทั้งหมด หล่อนได้เรียกรุ่นพี่นักศึกษาชายคนหนึ่งนำพาว่าที่นักศึกษาไปส่งไว้ในห้องรอสัมภาษณ์ ก่อนจะไปถึงห้อง มีรุ่นพี่ผู้หญิงผิวขาวร่างอวบคนหนึ่งคอยต้อนรับว่าที่นักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัย
“ยินดีต้อนรับจ้า พี่ชื่อพี่ลิตเติ้ลเรียนอยู่วจก.” เจ้าหล่อนทักทายผมอย่างเป็นมิตร ประดุจเจ้าของบ้านที่ทักทายสมาชิกใหม่ของบ้าน หล่อนผูกสร้อยข้อมือถักมีจี้ประดับเป็นลูกเต๋าสลับสีสลักตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยตรงข้อมือข้างขวาของผม แล้วอะไรคือวจก. แบงค์ยังไม่เข้าใจเลย
“ขอบคุณครับ ผมชื่อแบงค์ครับ” แบงค์แนะนำแล้วเดินไปถึงห้องรอสัมภาษณ์ ในห้องนั้นมีรุ่นพี่ผู้ชาย 2 คนกำลังพูดคุยกับเด็กใหม่ทั้งหลาย
“ชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัย น้องๆ ต้องปรับตนเอง จากบ้านไกลพ่อไกลแม่มา น้องๆ ต้องเอาใจใส่กับการเรียนควบคู่ไปกับกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ที่นี่ค่อนข้างสงบเงียบและเป็นธรรมชาติ ค่าครองชีพค่อนข้างถูกเมื่อเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ วจก. เรียนไม่ยากเลยเพียงแค่น้องๆ สู้กับมัน มีรุ่นพี่ทำเกรดเฉลี่ยได้ถึง 4.00 มาแล้ว” ผมนั่งลงฟังพี่เขาพูด ผมเข้าใจแล้วว่าคำว่า วจก. นั้นเป็นชื่อย่อของสาขาวิชาวิทยาการจัดการ เพื่อนนักเรียนจากโรงเรียนอื่นๆ นั่งรอคอยสัมภาษณ์ไปตามคิว
“น้องพงษ์ชิษณุเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ค่ะ” รุ่นพี่ผู้หญิงเปิดประตูห้องเข้ามาเรียก แบงค์ลุกขึ้นเก็บของเดินตามหล่อนไปแล้วนั่งคอยที่เก้าอี้หน้าห้องสัมภาษณ์
“ไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่มีใครตกสัมภาษณ์” รุ่นพี่เหมือนจะจับความรู้สึกของแบงค์ได้ เขาประหม่ากับการสัมภาษณ์มากๆ จนอาจแสดงอาการให้เธอเห็น นั่งได้สักพัก เพื่อนที่สัมภาษณ์ก่อนหน้าแบงค์ออกมาจากห้อง
“ก่อนน้องจะเข้าไปในห้อง น้องเคาะประตูขออนุญาตก่อนนะจ๊ะ” รุ่นพี่ให้คำแนะนำ
แบงค์เคาะประตูห้องแล้วเปิดประตู เดินเข้าไปยังโต๊ะสัมภาษณ์ อาจารย์ที่สัมภาษณ์เขาเป็นผู้หญิงท่านหนึ่งและผู้ชายท่านหนึ่ง อาจารย์ผู้หญิงตัดผมสั้นใส่แว่นสายตาทรงแฟชั่น อาจารย์ผู้ชายยังดูหนุ่มแน่นใส่แว่นเช่นกัน แต่การแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีทึมๆ เพิ่มอายุไปหลายปีดีดัก ท่านทั้งสองกำลังอ่านเอกสารของผมที่ได้รับการส่งมา
“สวัสดีครับ” แบงค์พนมมือไหว้
“นั่งลงสิ” อาจารย์ผู้หญิงเอ่ยให้ผมนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับท่านทั้งสอง
“ขอบคุณครับ”
“ลองแนะนำตนเองให้อาจารย์รู้จักหน่อยสิ” อาจารย์ผู้ชายเริ่มต้นการสัมภาษณ์ด้วยการให้ผมแนะนำตนเอง
“ผมชื่อพงษ์ชิษณุ นามสกุลสุริยะกุลครับ จบจากโรงเรียนสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานีครับ” ผมแนะนำตนพร้อมกับรอยยิ้ม
“มาไกลจังนะ” อาจารย์ผู้หญิงพูดประชด “แล้วรู้จักที่นี่ได้อย่างไร?”
เอาแล้ว แบงค์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพราะคิดว่าจะตอบอย่างไรดี เขาไม่ได้มีข้อมูลของมหาวิทยาลัย วิทยาเขตแห่งนี้เลยสักนิดเดียว เขาตั้งใจเลือกคณะนิติศาสตร์เป็นอันดับแรกชะรอยว่าคะแนนมันไม่ถึง อันดับการเลือกเลยลดหลั่นมาตกที่นี่ คงจะต้องตอบความจริงแล้วล่ะ “ไม่ทราบครับ ความจริงแล้วผมตั้งใจเลือกคณะนิติศาสตร์ที่หาดใหญ่ แต่ตกอันดับมาที่นี่แทน”
รอยยิ้มที่มุมปากของอาจารย์ทั้งสองหลังจากผมตอบคำถาม ทำให้ผมรู้สึกว่าผมตอบผิดแน่นอน “คิดว่าจะอยู่ที่นี่ได้ไหม?” อาจารย์ผู้ชายตั้งคำถามขึ้นมา
“ได้ครับ ผมคิดว่าอยู่ได้ การที่ผมยืนยันสิทธิ์ของตนเท่ากับว่าผมยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่แล้วครับ” ผมยิ้มสู้ มันไม่ได้เสียหายอะไรนี่ที่ศึกษาด้านบริหารธุรกิจ ทิ้งการเรียนด้านกฎหมายตามที่คาดหวังเอาไว้ เพราะการศึกษาทั้งสองด้านไม่ได้กระทบต่อความฝันของผม”
“แล้วความฝันของแบงค์คืออะไรคะ” อาจารย์ผู้หญิงเป็นผู้ถาม
“ผมอยากจะเป็นนักเขียนครับ” แบงค์ตอบ
“อืม ก็ดีนะ มีความฝันที่ชัดเจน ขอให้แบงค์ได้เรียนรู้จากที่นี่เพื่อใช้ความรู้ในการทำความฝันให้เป็นความจริงนะคะ” อาจารย์ผู้หญิงพูด จากนั้นอาจารย์ทั้งสองสัมภาษณ์แบงค์ในเรื่องอื่นๆ ต่อไปนิดหน่อยแล้วการสัมภาษณ์ก็จบลง
แบงค์ได้กลายเป็นช่อศรีตรังช่อใหม่อยากเต็มภาคภูมิแล้ว นี่ก้าวแรกของเขา เพราะชีวิตคือการเรียนรู้ จงทำตัวเป็นคนน้ำไม่เต็มแก้วนะแบงค์
จบบท