“เฟยเฟย แต่จริงๆแล้ว ข้าชอบฤดูใบไม้ร่วงนั่นนะ! เพราะทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น ข้าก็จะได้เห็นและพบเจอเจ้าเสมอ ฤดูใบไม้ร่วงของเราสองคน แท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็นแค่คำสาป แต่มันคือความงดงามแห่งโชคชะตา เพราะถึงแม้กระจกบานที่สิบจะดับสูญไปจากโลกนี้แล้ว แต่ “สุสาส์นราคะ” ที่พันผูกจิตวิญญาณเราทั้งสองคนไว้ด้วยกันนั้นจะยังคงอยู่เป็นปัจจุบันขณะเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นดั่งสัจจะนิจนิรันดร์” เจ้าวั่งซูเอ่ยพร้อมยิ้มอ่อนโยนให้คนรัก

ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn) - 3 สำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา °•.< หุบเขาเก้ากระจก >.•° โดย สุสาส์นราคะ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ผจญภัย,แฟนตาซี,นิยายรักจีนโบราณ,นิยายรัก,นิยายจีนโบราณ,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ผจญภัย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายรักจีนโบราณ,นิยายรัก,นิยายจีนโบราณ,นิยายวาย

รายละเอียด

ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn) โดย สุสาส์นราคะ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“เฟยเฟย แต่จริงๆแล้ว ข้าชอบฤดูใบไม้ร่วงนั่นนะ! เพราะทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น ข้าก็จะได้เห็นและพบเจอเจ้าเสมอ ฤดูใบไม้ร่วงของเราสองคน แท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็นแค่คำสาป แต่มันคือความงดงามแห่งโชคชะตา เพราะถึงแม้กระจกบานที่สิบจะดับสูญไปจากโลกนี้แล้ว แต่ “สุสาส์นราคะ” ที่พันผูกจิตวิญญาณเราทั้งสองคนไว้ด้วยกันนั้นจะยังคงอยู่เป็นปัจจุบันขณะเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นดั่งสัจจะนิจนิรันดร์” เจ้าวั่งซูเอ่ยพร้อมยิ้มอ่อนโยนให้คนรัก

ผู้แต่ง

สุสาส์นราคะ

เรื่องย่อ

นิยายเล่มนี้คือคัมภีร์แห่ง การค้นหาตัวตนผ่านโชคชะตาที่วนซ้ำ ความสนุกและมหัศจรรย์แห่งการเวียนว่ายของดวงจิตในภพภูมิทั้ง 9 และ มหากาพย์แห่งรักชั่วนิจนิรันดร์

“เจ้าวั่งซู และ ฮวาเฟยฟา (วั่งเฟย) สองดวงจิตที่พันผูกกันหลายแสนชาติ ถูกลิขิตให้หวนคืนเพื่อเล่นชะตาที่วนซ้ำ ผ่านการเดินทางทั้ง 9 ภพภูมิ: ภพมนุษย์ ภพอมนุษย์ ภพพืชพันธุ์ ภพฝันแห่งความเงียบงัน ภพเดรัจฉาน ภพจิตภูติ ภพสวรรค์ ภพปรภพ ภพปีศาจ

เพื่อค้นหาคำตอบในการหยุดวังวนแห่งโชคชะตา สู่การเริ่มต้นครั้งใหม่ เพื่อก้าวสู่ความเป็นนิจนิรันดร์”

..สุสาส์นราคะ..

สารบัญ

ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-1 ปฐมบท °•.< ตระกูลเจ้า >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-2 หมู่บ้านชุนเทียน °•.< หมู่บ้านต้องสาป >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-3 สำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา °•.< หุบเขาเก้ากระจก >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-4 ชะตาเราสองดั่งใบไม้ร่วง °•.< ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ 1 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-5 บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จืออู่ตี้ °•.< ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ 2 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-6 กระบี่สุสานมังกร °•.< ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ 3 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-7 ยักษ์ถูหลันเทพธิดาเม่งเซี๊ยะ °•.< ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ 4 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-8 ภพฝันแห่งความเงียบงัน °•.< ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ 5 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-9 โคลงเจี๋ยหยี่ โคลงคืนชีวิต °•.< ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ 6 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-10 สุราดอกซ่างฮัวหลัว °•.< ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ 7>.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-11 กระจกภพพืชพันธุ์ °•.< พืชพันธุ์ รกชัฏ และความลับ 1 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-12 ร่างเทียม °•.< พืชพันธุ์ รกชัฏ และความลับ 2 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-13 ผีเสื้อแห่งความตาย °•.< พืชพันธุ์ รกชัฏ และความลับ 3 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-14 ปรมาจารย์หลานหลี่เซ่อ °•.< พืชพันธุ์ รกชัฏ และความลับ 4 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-16 ต้นไม้บรรพกาลหมู่ซู่ °•.< พืชพันธุ์ รกชัฏ และความลับ 6 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-17 ต้นไม้แห่งชีวิต °•.< พืชพันธุ์ รกชัฏ และความลับ 7 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-18 พระมารดาแห่งจิตวิญญาณ °•.< พืชพันธุ์ รกชัฏ และความลับ 8 >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-19 คฤหาสน์สีดำตระกูลเจ้า °•.< ตำหนักจันทร์มืด (月亮 เย่วเลี่ยว) >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-20 ฮวาเฟยฟา °•.< องค์ชายมังกร >.•°,ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ (The Amid Autumn)-21 ตัวข้าที่แตกสลาย °•.< The Amid Autumn 1 >.•°

เนื้อหา

3 สำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา °•.< หุบเขาเก้ากระจก >.•°

 

สำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา คือสำนักคุ้มภัยที่ตั้งขึ้นเพื่อผดุงความสมดุลระหว่างภพ เป็นปราการหลักปราการเดียวแห่งภพมนุษย์ ที่หลงเหลืออยู่จากการระเบิดที่จัตุรัสเฟิงสุ่ย ที่เหลือเป็นเพียงสำนักเซียนหรือผู้ฝึกตนเล็กๆ

ผู้ก่อตั้งคือกงซุนต้าเฉียน ภพต้นกำเนิดคือมนุษย์ แต่ถือศีลบำเพ็ญเพียรและทำความดีเวียนวนถึงห้าร้อยชาติ ทำให้เค้าบรรลุได้จักราภพภูมิสวรรค์ อายุยืนยาวกว่ามนุษย์ทั่วไป

สำนักนี้รับเกณฑ์ร์เหล่า เทพเซียน มนุษย์ (ต้องมีผสม) อมนุษย์ เข้าฝึกฝนเพื่อปกปักรักษาสมดุลระหว่างภพ ไม่มี มนุษย์ เทพ เซียน ปีศาจ ภูตผีวิญญาณ ใดสามารถละเมิดข้อตกลงในสัญญานี้ได้ จะมีหนทางเดียวคือการเวียนว่ายของดวงจิตเพื่อกลับคืน

แต่สำหรับพวกแอบข้ามภพและเป็นข้อห้ามก็มีมากมาย ดวงจิตที่ต้องการข้ามภพภูมิ คือบำเพ็ญเพียรจนแก่กล้าเปลี่ยนความดำมืดความหม่นเทาของดวงจิตให้ส่องแสงสว่าง หรือในทางตรงข้ามจากสว่างไปสู่ความดำมืด ดวงจิตที่ถูกฝึกขัดเกลาจนพร้อมสำหรับการเกิดใหม่นี้จะส่งสัญญาณและรับรู้สัญญาณถึงดวงจิตในต่างภพที่กำลังอ่อนแรงลงและหมดบุญในภพนั้นๆ เมื่อรับรู้สิ่งที่กำลังหมดอายุและการแตกทำลายดวงจิตในเวลาอันใกล้ ดวงจิตที่ที่สว่างหรือดำมืดนี้จะทิ้งกายเดิมในภพภูมิเดิมและจะไปกำเนิดในภพใหม่พร้อมกลืนกินดวงจิตที่กำลังแตกดับและเข้าแทนร่างและถือกำเนิดใหม่ในภพภูมินั้นสืบไป

และอีกวิธีการละเมิดโดยการข้ามภพไปภพภูมิอื่นเพื่อการแฝงร่าง ขโมยร่าง ขโมยและกลืนกินหรือครอบงำดวงจิตหรือวิญญาณ ล้วนเป็นโทษทัณฑ์ที่หนักหนา

ผู้ฝึกตน มือปราบมาร เหล่าปรมาจารย์ และกงซุนต้าเฉียน จากสำนักคุ้มภัยแห่งนี้ที่ตั้งอยู่บนหุบเขาเก้ากระจก มีหน้าที่เป็นปราการด่านแรกและด่านเดียวในการปกป้องมนุษย์จากศัตรูต่างภพ ภพมนุษย์เป็นภพที่ไร้ซึ่งพลังจักรา ดังนั้นผู้คนถึงให้การนับถือสำนักแห่งนี้มาก 

“แกร๊ง! แกร๊ง! เสียงระฆังสำนักคุ้มภัยถูกตีขี้น

“มีคำสั่งจากเจ้าสำนัก ให้นักเรียนทุกท่านทั้งที่เข้ารายงานตัวใหม่ในวันนี้ และ ศิษย์ในทุกชั้นปีเข้าร่วมการประชุมที่หอประชุม”

เสียงดังเจี้อยแจ้วรอบบริเวณสำนักคุ้มภัย ตัวสำนักฉาบด้วยสีทองอร่าม ตั้งตัวโดดเด่นลอยกินพื้นที่อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล หุบเขาเก้ากระจกคือบริเวณเดียวใน หมู่บ้านชุนเทียนที่ใบไม้และดอกไม้ยังคงออกตามฤดูกาล อาจจะด้วยเพราะมนต์คุ้มภัยที่เหล่าบรรพาจารย์สวดติดตรึงไว้แต่สมัยเหตุระเบิดใหญในอดีต และเป็นหน้าที่สืบมาจนปัจจุบันที่ศิษย์และสมาชิคทุกคนของสำนักต้องสละเวลาเวียนเข้า “หอสวดแดนมนุษย์” เพื่อสวดบทต่อเวลาการคุ้มยันต์ให้หุบเขาเก้ากระจกแห่งนี้

สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างคือกระจกเก้าบาน ที่ถูกตั้งขึ้นเป็นปราการล้อมรอบหุบเขาจินลู่ซี (เก้ากระจก) คนละมุม แต่ละตำแหน่งเพื่อรวบรวมและสะท้อนพลังและรับพลังกันไปมา กระจกคือแหล่งรวบรวมและเพิ่มพูนพลังให้เหล่าผู้ฝึกตน รวมถึงเตือนภัยป้องกันศัตรู การตั้งตัวของสำนักคุ้มภัย สีของตัวสำนัก กระจกทั้งเก้า ล้วนแล้วแต่มีเงื่อนงำพันผูกทุกภพทุกภูมิไว้ร่วมกันอย่างแยกกันไม่ออก ถ้าสำนักคุ้มภัยแห่งนี้โดนทำลาย มนุษย์ อมนุษย์ เทพ มาร ปีศาจ เซียน สิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต ทุกอย่างที่เชื่อมต่อ จะนำมาซึ่งความวุ่นวายและคืนสู่ความสงบยากยิ่ง ยกเว้น กระจกบานที่สิบในตำนาน ที่กล่าวว่าจะสามารถหยุดยั้งความวุ่นวายทุกอย่างได้นั้นจะมีอยู่จริง!

“แกร๊ง!แกร๊ง!” เสียงระฆังดีดังครั้งที่สองเป็นสัญญาณเพื่อเรียกรวมตัวเข้าร่วมพิธี

“ข้าจูจินผิง ปรมาจารย์กระจกสวรรค์ หัวหน้าหอควบคุมฝั่งเหนือเป็นตัวแทนกล่าวต้อนรับเหล่าผู้ฝึกตนทั้งใหม่และเก่าเข้าสู่งานปฐมนิเทศการฝึกภาค1ประจำปี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะพากเพียรฝึกตนให้แกร่งเป็น ผู้ฝึกตน ผู้คุมกฎ มือปราบมาร หรือแม้แต่ปรมาจารย์ ที่ดีได้ในอนาคต”

สำหรับผู้ฝึกตนทุกคน จะเข้ารับการฝึกทดสอบและรับการคัดเลือกเข้าประจำฝ่ายที่สนใจ ในระยะเวลาการฝึกสามเดือน ถ้าไม่ผ่านก็ขอให้เพียรพยายามต่อไปเพื่อรอการคัดเลือกในครั้งต่อๆ ไป” เจียงซีฟ่านปรมาจารย์กระจกปรภพ ผู้นิ่งเงียบและน่าเกรงขามกล่าวต่อ

หลุนจินเหลียง ปรมาจารย์กระจกมนุษย์ กล่าวต่อ “ทุกคนมีสิทธิ์เลือกสาขาวิชาที่ตัวเองต้องการโดยสามารถเข้ารับการฝึกทดสอบ เวทย์ มนต์ พลังจักรา และความสามารถพื้นฐานอื่นๆ ก่อนว่าผ่านและเหมาะสมกับตนไหม”

“การฝึกทุกอย่างล้วนมาจากความรักและความพยายามข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะผ่านพ้นและประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี” ฟ่านตงตง ปรมาจารย์กระจกอมนุษย์กล่าวเสริม

ฉีเทียนหลงปรมาจารย์กระจกภูติ ปรากฎกายออกมาจากด้านหลังพร้อมเริ่มกล่าว “ตั้งแต่อดีตกาลมาทั่วหล้า มากภพภูมิ ต่างฝ่ายต่างอยู่มิข้องเกี่ยว แต่ก็หาเคยไม่ ที่จะสร้างเรื่องเดือดร้อนให้แก่กัน แต่ตั้งแต่เหตุการณ์ระเบิดในอดีตที่ จัตุรัสเฟิงสุ่ย ประตูระหว่างภพถูกทำลาย เกิดรอยแยกระหว่างภพ ความสมดุลผันแปร แต่เพราะ ท่านกงซุนต้าเฉียน และ เหล่าบรรพาจารย์ รวมพลังประสานสะกดความชั่วร้าย และ สร้างสำนักคุ้มภัยแห่งนี้ขึ้นเพื่อธำรงค์ความสมดุล ปกป้องภพภูมิมนุษย์ ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำสอนแห่งบรรพาจารย์จะถูกเคารพและปฏิบัติอย่างแน่นหนักสืบไป

“ก็ใช่หน่ะสิ! ใครจะชั่วช้าได้เท่าเจ้าวั่งซู คนทรยศต่อเผ่าพันธุ์มันตั้งใจระเบิดเพื่อให้ไปีศาจวิญญาณจากปรภพข้ามมาได้” คนซุบซิบ เริ่มโหมดังขึ้น

“คงไม่มีใครกล้าคิดชั่วทำเลวอย่างมันอีก คนอย่างไม่เหมาะสมกับสำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกราที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้”

“เงียบๆ!” เสียงดังกังวานแทรกขึ้น นั่นคือเสียงของ ฟงอี๋หวินปรมาจารย์กระจกภพปีศาจ “สิ่งเลวร้ายแบบในอดีตจะไม่สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้อีกถ้าพวกเรารวมแรงรวมใจสามัคคีฝึกฝนตัวจนแก่กล้าทั้งบู๋บุ๋นจิตใจตั้งใฝ่คุณธรรมละทิ้งความชั่วความหลงลำพองตัวทั้งปวง” 

หลินซีซี ปรมาจารย์หญิงกระจกเดรัจฉานร่างเล็กเสียงอ่อนโยนกล่าวต่อ “สิ่งมีชีวิตทุกสรรพสิ่งมาจากต่างภพล้วนสามารถมีชีวิตของตนได้ในอาณาเขตตัวเอง ปัญหาต่างๆ จะไม่เกิดถ้าไม่มีการก้าวข้ามล้ำเส้น และการควบคุมสอดส่าย ยุติธรรม มีเมตตา ปกปัก รักษาภพมนุษย์ ให้มีสืบไปคือหน้าที่อันทรงเกียรติของพวกเรา ผู้ฝึกตน และ มือปราบมาร สำนักเก้าจักยุตกรา”

“ผู้ฝึกตนที่ละทิ้งหน้าที่อุดมการณ์ตนไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดี ละทิ้งและทรยศต่อหน้าที่ จิตสำนึก และเผ่าพันธุ์ จะถูกสาปแช่งชั่วนิรันดร์ “เสียงรวมพลังอันเข้มแข็งหนักแน่นของ ปรมาจารย์กระจกพืชพันธุ์ หลานหลี่เซ่อ และ ปรมาจารย์กระจกความฝัน หลี่เลี่ยงเฟิ่ง

เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วห้อง เรียก “สกุลเจ้า! มันต้องไม่ตายดีแหลกสลายชั่วนิรันดร์!”

“ต่อให้จิตวิญญาณของมันก็ไม่มีภพให้อยู่ไอพวกทรยศต่อเผ่าพันธุ์ “

“ใช่! ใช่!”

เสียงฮือฮาดังค่อยๆ เบาลง เมื่อการมาถึงของ เจ้าวั่งซู

ผู้คนต่างพากันกระซิบ “ใช่คนนี้รึเปล่า เจ้าวั่งซูรุ่นใหม่จากตระกูลเจ้า”

“ใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ที่ตินี่คงมาจากการจำแลงกายของปีศาจเพื่อล่อลวงคนที่สืบทอดจากเลือดหมาป่าดำทางฝั่งพ่อมัน”

“สกุลชั่วช้า อย่าคิดว่าจะอยู่ได้ มาชูคอได้ทั้งๆ ที่ทำชั่วช้าก็เพราะแค่มีอำนาจถือเคียวเปิดประตูสู่ภพได้ ถุย!”

“นี่ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะได้รับการต้อนรับยิ่งใหญ่กว่าเหล่าบรรพาจารย์ด้านบนนั่นอีก” เจ้าวั่งซูพูดกับตัวเองในใจ พร้อมหยิบพัดสีดำลายหมาป่าทองพู่ยาวประดับดิ้นทองสะบัดกีบแฉกเปิดออกป้องหน้าและก้าวเท้าถอยหลัง เสมือนว่าเดินเข้าผิดห้องหลีกลี้ออกไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังคงมาดหนุ่มรูปงามไม่มีหลุด

“ข้าไม่นึกเลยว่า สิ่งที่ตระกูลข้า” ก่อนหยุดสะอึก สีหน้าเศร้าหมองลง

“จริงๆ แล้วสิ่งที่ท่านปู่ทวดข้าทำไว้ก็นานมากแล้วนะ ส่วนเจ้าวั่งซูรุ่นต่อๆ มา ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเค้าทำอะไรไว้บ้าง แต่ก็คงทำไปเพื่อช่วยเหลือผู้คน แต่กลับถูกกลับขาวเป็นดำต้องโดนประณามชั่วนิรันดร์ เห้อ นี่เป็นบาปกรรมที่ต้องตกทอดมาถึงข้าอยู่แล้วเหมือนเป็นชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกลี้” เจ้าวั่งซูเดินมายืนใต้ต้นไม้ใหญ่กับสายลมที่ปลิวกระทบหน้าด้วยสีหน้าเศร้าใจ

“ข้าจักเปลี่ยนความเชื่อและปัญหามากมายที่เกิดมาแล้วมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร เฟยเฟยบอกข้าที ตอนนี้ข้าเขว้งขว้างเหลือเกิน”

“ฮะ!” ใครกัน ชื่อ ที่ข้าเรียกตะกี้ ทำไมข้าถึงเอ่ยนามที่ข้าไม่รุ้จักนี้ขึ้นมาได้นะ” เจ้าวั่งซู เอ่ยกับตัวนึกฉงนแปลกใจ

แต่ช่างเถอะเรื่องมันนานมากแล้ว มันเป็นเรื่องของท่านปู่ทวด และเจ้าวั่งซูคนอื่นๆ ข้าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ปล่อยมันไปเถอะ” วั่งซูพูดกับตัวพร้อมยิ้มเล็กๆ สายลมที่อ่อนโยนพัดลูบไล้ใบหน้างามหมดจด อบอุ่น เย็นสบาย คล้ายอ้อมกอดโอบรัดตัวเค้า

“สรุปวันนี้ข้าไม่ต้องเข้าพิธีหล่ะสิ หลิ่งกวาง” วั่งซูพูดกับจิ้งจอกดำเก้าหางภูตประจำกาย

“แง๊ว!” จิ้งจอกดำส่งเสียงรับ พร้อมพยักหน้า

“อืมก็ดี!” เพื่อเลี่ยงผู้คน เจ้าวั่งซูตัดสินใจเดินชมรอบๆ บริเวณสำนักคุ้มภัยแห่งนี้แทน

“ใช่วันนี้เราควรเดินสำรวจสถานที่นี้ ว่าจะยิ่งใหญ่ลึกลับตามคำเล่าลือเล่าอ้างไหม และพรุ่งนี้ค่อยมาพบเหล่าบรรพาจารย์อีกทีเพื่อรับหน้าที่อย่างเป็นทาง”

เจ้าวั่งซูคิดและเดินต่อไปทางน้ำตกผ่านเข้าไปในถ้ำรู้ตัวอีกทีก็ยืนอยู่หน้าบ่อน้ำ และนั่นหน้ากระจกภพพืชพันธุ์ เนื่องด้วยกายทิพย์แห่งตระกูลเจ้าที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกกระจกภพ เจ้าวั่งซูเดินผ่านเข้ากระจกภพพืชพันธุ์แรงดูดกระจกดูดร่างผ่านข้ามไปอีกภพ สีเขียวของพันธุ์ไม้และสีแสดแปลกตามากมายของเหล่าดอกไม้สะพรั่งหมู่มวลดอกไม้พืชพันธุ์โอบล้อมป่าม่านน้ำตกมีละอองควันน้ำฝอยๆ ลอยละล่องเต็มบริเวณช่างงดงาม

ในขณะที่เจ้าวั่งซูกำลังเพลิดเพลินกับความงามของพฤกษานานาพันธุ์นั้น พลันเหลือบไปเห็นคนผู้หนึ่งสวมอาภรณ์สีขาวหัวจรดเท้าสว่างจ้ากำลังนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ริมน้ำตก มือถือพู่กันใหญ่และกระดาษกำลังเขียนหรือวาดสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่สิ่งเห็นดูสวยงาม แปลกตา แข็งแรงคล้ายศาตรามากกว่าแค่กระดาษพู่กัน ข้างกายมีมังกรสีขาวใหญ่ตาสีฟ้าเข้มสะท้อนน้ำเป็นประกายดั่งคริสตัลงดงามดั่งไพลินนอนขดข้างกาย

“คนผู้นี้คือใครกัน ทำไมช่างคุ้นเคย เราเคยรู้จักคนผู้นี้หรอ?” เจ้าวั่งซูพูดกับตัวเอง ขณะที่ขาก็พยายามก้าวไปข้างหน้าเพื่อมองให้ชัด แต่ดันเหยียบถูกกิ่งไม้ “กร็อบ!”

ผู้ใดหน่ะ “เสียงนุ่มอ่อนโยนแต่หนักแน่นกล่าวถามขึ้น”

เจ้าวั่งซูทำหน้าเหยเกพร้อมเอ่ย “เอ่อคือข้า ข้า คือ….”

ทันใดนั้น เหล่าพืชพันธุ์รอบกายพากันสลัดใบ ร่วงหล่น เปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นคล้ายเถ้า ปลิดปลิวลงกระทบพื้น

เกิดอะไรขึ้น ประตูแห่งภพเปิดออกหรอ ทั้งสองต่างพากัน ชะงักมองไปรอบ

“เแต่ทำไมข้ารู้สึกคุ้นเคย ยามมองเจ้าในอิริยาบถนี้จัง” เจ้าวั่งซูคิดในใจพูดเสียงดังถามออกไป “ท่านเป็นใครกัน เราเคยพบกันมาก่อนไม๊ ท่านจะอยู่ก้บข้าไปชั่วนิรันดร์ไม๊” เจ้าวั่งซูตาพร่า มองฮวาเฟยฟาที่นั่งลงใต้ต้นไม้ริมน้ำนั่นไกลๆ และ พูดจาแปลกๆ

“ท่านเป็นใครเราเคยพบกันมาก่อนไหม?” เจ้าวั่งซูมองหน้าฮวาเฟยฟาและเอ่ยถามอ่อนโยน ก่อนที่ทุกอย่างจะพล่าเบลอและตัดไป

“ที่นี่ คือสถานที่ที่เราเคยพบพานครั้งวันวาร และเราสองพบกันเพื่อจับมือก้าวสู่นิรันดร์ เฟยฟาที่รักแห่งข้า”